วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฏาคม 2017

พี่น้องที่รัก
            ขอบคุณในการฉลองศาสนนามนักบุญ วันฉลองนักบุญยอห์นบัปติสต์ของพ่อ ยังมีคุณพ่อยอห์นบัปติสต์เกรียงชัยตรีมรรคา คุณพ่อเคยเป็นผู้ช่วยเจ้าวัดเซนต์หลุยส์ในอดีต และปัจจุบันยังคงมาช่วยถวายมิสซาในวันอาทิตย์บ่อยๆ ขอร่วมยินดีตามน้ำ(พระทัย)ด้วยนะครับ และในวันนี้ พระศาสนจักรยังให้เราฉลองนักบุญเปโตรและเปาโล พ่อขอร่วมยินดีกับคุณพ่อเปโตรสมภพ เรืองวุฒิชนะพืช คุณพ่อช่วยงานอภิบาลเสาร์และอาทิตย์และงานสำคัญๆของวัดอย่างสม่ำเสมอ ขอทุกท่านช่วยภาวนาและสนับสนุนงานประจำของพ่อที่วิทยาลัยเซนต์หลุยส์และในโรงพยาบาลด้วย
            เริ่มเตรียมฉลองวัดแล้ว หลายท่านคงเห็นกรรมการสภาภิบาลวัดเริ่มประชาสัมพันธ์งานเดินการกุศลวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม เอาเหงื่อก่อนยกจิตใจฉลองวัดวิหารภายในใจ 27 สิงหาคม เชิญชวนนะครับ มีอะไรช่วยได้บอกเจตนาได้เลยที่โต๊ะกรรมการและส่วนตัวกับพระสงฆ์ท่านใดก็ได้ ขอการสนับสนุนโดยเฉพาะผู้สนับสนุนรายการเดินการกุศล(สปอนเซอร์ตั้งแต่ 30,000-50,000 บาท)เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ส่วนบัตรเดิน มีของอภินันทนาการเสริมให้ด้วย จะมามอบให้ในอีกไม่ช้า และมีส่งท้ายของงานเดินจะมีรางวัลเซอร์ไพรซ์มอบให้ อันนี้ ขออุบบบส์ไว้ก่อนเดี๋ยวลุ้นเองหน้างานในวันนั้น
            การฉลองวัด ในวันอาทิตย์ที่ 27 มิสซาเวลา 10.00 .โดยพระคุณเจ้าพระคาร์ดินัลฟรังซิสเกรียงศักดิ์ เป็นประธาน ก่อนหน้านั้น 9 วัน มิสซาเวลา 17.30 .ทุกวันดังกล่าวจะเป็นมิสซาเตรียมจิตใจตั้งแต่เย็นวันที่ 18-26 สิงหาคม โอกาสฉลองวัดครบ 60 ปี 2500-2560 (1957-2017) ใครมีรูปภาพเก่าน่าสนใจให้คนอื่นดูโปรดติดต่อกับพ่อด่วนหรือมาที่สำนักงานวัดได้ พ่อต้องการทำสำเนาและขยายเพื่อให้คนอื่นดูว่า 60 ปีมีเรื่องราวมากมายชวนคิดให้ฟิตร่างกายและจิตใจเพื่อฉลองวัด 100 ปีต่อไป ใครอยากร่วมฉลองยกมือขึ้น (ขอให้ยกไหวๆ ถ้ายกไม่ไหวก็ตัวใครตัวมัน)
            “60 ปีแห่งความหลัง รวมพลังขอบพระคุณพระเจ้าด้วยความหวังเดียวกันคือความรักของพระอันยิ่งใหญ่

พ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
..................................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
            พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกการพลีชีพเป็นมรณสักขีของนักบุญเปโตรและเปาโล รวมถึงอัครสาวกองค์อื่นๆ ยกเว้นนักบุญยากอบบุตรของเศเบดี (กจ12:1-2) แต่เป็นที่รับรู้ในหมู่คริสตชนว่า ท่านทั้งสองได้พลีชีพเป็นมรณสักขีที่กรุงโรมตามคำสั่งของจักรพรรดิเนโร (ค.ศ. 54-68) เปโตร ถูกตรึงกางเขนเอาหัวลง ในปี ค.ศ. 64 บนเนินวาติกันอันเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปโตรในปัจจุบัน ส่วน เปาโล ในฐานะที่เป็นพลเมืองโรมัน ถูกตัดศีรษะด้วยดาบประมาณปี ค.ศ. 67 บนเนินน้ำพุนอกกรุงโรม ที่กลายมาเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงเมืองในปัจจุบัน
                นักบุญเอากุสตินกล่าวเอาไว้ในบทเทศน์ของท่านว่า อัครสาวกทั้งสองมีวันฉลองวันเดียวกัน เพราะว่าท่านทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่าจะพลีชีพเป็นมรณสักขีคนละวันก็ตามดังนั้น พระศาสนจักรจึงเฉลิมฉลองอัครสาวกทั้งสองในวันเดียวกัน ในฐานะที่เป็น ศิลารากฐานของพระศาสนจักรสากล ซึ่งท่านทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการยืนยันความเชื่อถึงพระคริสตเจ้าสืบต่อมา อีกทั้ง ยังสั่งสอนหลักความจริงของพระคริสตเจ้า และสละชีวิตของตนเป็นพยานยืนยันความจริงนั้น
                เปโตร เดิมชื่อ ซีโมนเป็นชาวประมงธรรมดาคนหนึ่งในตำบลเบทไซดา  (ลก 5:3; ยน1:44) ไม่ได้มีการศึกษาอะไรมากนัก สิ่งที่ท่านรู้ดีที่สุดคือการจับปลา ต่อมาได้ย้ายมาตั้งหลักแหล่งที่เมืองคาร์เปอร์นาอุม (มก 1:21-29) แต่ยังคงเลี้ยงชีพด้วยการจับปลาเช่นเดิม มีน้องชายชื่อ อันดรูว์ ซึ่งเป็นคนแนะนำให้ท่านติดตามพระเยซูเจ้า (ยน1:42)    เป็นไปได้ว่า ยอห์น แบปติสต์ คือผู้ที่เตรียมจิตใจท่านสำหรับการพบปะครั้งสำคัญกับพระเยซูเจ้า และท่านได้ละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์ทันที
                พระเยซูเจ้าได้ทรงเปลี่ยนชื่อของท่านจาก ซีโมนเป็น เคฟาสหรือ เปโตร ซึ่งแปลว่า ศิลา  (มธ16:17-19) เพื่อทำหน้าที่เป็นศิลาที่พระองค์จะตั้งพระศาสนจักร และเป็นหัวหน้าของอัครสาวก (ยน21:15-17) ท่านเป็นคนหนึ่งในบรรดาพยานที่พบพระคูหาว่างเปล่า (ยน20:6) พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่ท่านด้วยหลังจากทรงกลับคืนพระชนม์แล้ว (ลก 24:34; 1คร15:5) จะเห็นว่า เปโตรแม้จะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนอาชีพแล้ว แต่ยังอ่อนแอ พลาดพลั้ง และท้อถอย (เคยปฏิเสธพระเยซูเจ้า 3 ครั้ง เคยหนีจากกรุงโรมจนได้พบกับพระเยซูเจ้าอีกครั้ง “Quo vadis?: ท่านกำลังจะไปไหน”)
                บทเรียนที่เราได้จากชีวิตของเปโตร สะท้อนธรรมชาติของมนุษย์เราแต่ละคนซึ่งมี 2 ลักษณะ คือ ธรรมชาติที่เป็นพระและที่เป็นคน  1) ธรรมชาติที่เป็นคน คือ ซีโมนชื่อเดิม คนเดิม ที่ขี้คุย กลับกลอก และอ่อนแอ 2) ธรรมชาติที่เป็นพระ คือ เคฟาสหรือ เปโตรที่ร้อนรน กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ธรรมชาติทั้งสองอย่างนี้มีอยู่ในตัวเราอย่างเต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่ทำให้เปโตรสามารถเอาชนะธรรมชาติที่เป็นซีโมนได้ จนกลายเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่คือ การกลับใจ หลังจากปฏิเสธพระเยซูเจ้าเป็นครั้งที่สามต่อหน้าหญิงรับใช้ที่บ้านของคายาฟาส เปโตรรู้สึกสำนึกได้ และออกไปข้างนอกร้องไห้อย่างขมขื่น (ดู มธ26:69-75)
                เปาโล เดิมชื่อ เซาโลเกิดที่เมืองทาร์ซัส ในแคว้นซิลีเซีย อยู่ในตระกูลเบนยามิน เป็นฟาริสีชั้นแนวหน้าในการตามล่าศิษย์ของพระเยซูเจ้า ซึ่งท่านคิดว่าเป็นพวกมิจฉาทิฐิที่ต้องกำจัดให้หมดสิ้นไป แต่เมื่อพระคริสตเจ้าทรงสำแดงพระองค์ให้ท่านเห็น ขณะที่กำลังเดินทางไปจับกุมคริสตชนที่เมืองดามัสกัสมารับโทษ ท่านเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า บรรดาคริสตชนเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในพระกายทิพย์ของพระคริสเจ้า ท่านได้กลับใจรับศีลล้างบาปจากอานาเนีย และกลายมาเป็นธรรมทูตผู้ยิ่งใหญ่ของพระคริสตเจ้า เปาโลได้รับเลือกให้เป็นธรรมทูตพร้อมกับบาร์นาบัส ออกเดินทางไปประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้าอย่างกว้างขวาง เราทราบรายละเอียดพอสมควร เกี่ยวกับการเดินทางแพร่ธรรมทั้งสามครั้งของท่าน จากหนังสือกิจการอัครสาวกตั้งแต่บทที่ 13 เป็นต้นไป ท่านประกาศพระนามของพระคริสตเจ้าทั้งแก่ชาวยิวและคนต่างศาสนา ตั้งกลุ่มคริสตชนขึ้นในเมืองต่างๆ ทำให้ท่านเป็น อัครสาวกของคนต่างศาสนาเป็น เครื่องมือนำพระนามของพระเยซูเจ้าไปประกาศแก่ชนต่างศาสนา (เทียบ กจ9:15) อย่างแท้จริง บทเรียนที่เราได้จากชีวิตของเปาโล จากผู้เบียดเบียนตัวยง พระเยซูเจ้าทรงเรียกและเลือกให้เป็นผู้ประกาศพระนามของพระองค์ และท่านได้กระทำเช่นนั้นตลอดชีวิต ด้วยการพลีชีพเพื่อพระเยซูเจ้าด้วยความกล้าหาญ แง่คิดที่เราได้คือ การเบียดเบียนพระศาสนจักรหรือคริสตชนเท่ากับเป็นการเบียดเบียนพระคริสตเจ้าเองดังนั้น พระเจ้าสามารถเรียกและเลือกใช้ผู้ที่พระองค์ทรงปรารถนาและไม่มีใครที่จะสามารถขัดพระประสงค์ของพระองค์ได้ ให้เราทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอเถิด
                                                                                    คพ.พงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น