วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2016

พี่น้องที่รัก
                การก่อสร้างศาลาเอนกประสงค์และการปรับปรุงศาลาหลุยส์มารี ได้ดำเนินการมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ตามที่พ่อเคยเรียนพี่น้องว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงสถานที่สำหรับการสวดภาวนาอุทิศให้กับผู้ล่วงลับที่วัดเซนต์หลุยส์ของเรา ได้ให้การบริการในด้านนี้กับพี่น้องคริสตชนต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานแล้ว อีกทั้งการตกแต่งภายในศาลาที่ใช้งานมานานกว่าสามสิบปี ก็เกิดความชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลารวมทั้งมีปลวกเข้ามากัดกินโครงสร้างไม้ภายในเสียหายไปบางส่วน ดังนั้น พ่อจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราสมควรจะปรับปรุงสถานที่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และเมื่อทำแล้วก็อยากทำให้ดีๆ ไปเสียทีเดียวเลย จึงคิดจะติดเครื่องปรับอากาศภายในศาลา และปรับปรุงบริเวณทางเดินเชื่อมต่อระหว่างวัด โรงเรียน กับถนนหนทางภายนอกด้วย ศาลาอเนกประสงค์จะมีประโยชน์มากในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของทางวัดและโรงเรียนของวัด โดยที่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฟ้าฝนจะมาขัดจังหวะ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถรองรับแขกผู้มาร่วมพิธีสวดอุทิศแด่ผู้ล่วงลับได้มากยิ่งขึ้น ในกรณีที่มีการตั้งศพสวดหลายศพพร้อมกัน ดังนั้น จึงใช้งบประมาณการก่อสร้างและการปรับปรุงสถานที่ค่อนข้างสูงถึง 16 ล้านบาท พ่อเองก็ยอมรับว่าวัดของเรายังขาดแคลนปัจจัยและทุนทรัพย์อีกเป็นจำนวนมาก แต่ก็วางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะจัดหาหนทางเพื่อสนับสนุนค้ำจุนเรา อีกทั้งยังหวังในความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องทุกท่านที่จะช่วยจุนเจือเพื่อให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ จะส่งผลประโยชน์มากมายกับผู้คนในภายภาคหน้า
                โครงการนี้คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนเดือนธันวาคมปีนี้ เมื่อการก่อสร้างและปรับปรุงศาลารวมถึงสถานที่บริเวณภายนอกแล้วเสร็จ วัดเซนต์หลุยส์จะมีสถานที่จัดงานพิธีสวดอุทิศให้กับผู้ล่วงลับ ที่มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกเพื่อต้อนรับผู้มาร่วมไว้อาลัยให้กับผู้ล่วงลับ และผู้มาร่วมพิธีสวดอุทิศได้พร้อมสมบูรณ์กว่าเดิม สถานที่โอ่โถง สว่าง แลดูสะอาด สวยงาม มีการกั้นเป็นสัดส่วนสำหรับสถานที่ตั้งศพและสถานที่นั่งของผู้มาร่วมพิธี อีกทั้งการติดเครื่องปรับอากาศจะเอื้ออำนวยให้บรรยากาศการสวดภาวนาดำเนินไปอย่างสงบราบรื่น ชวนศรัทธา ไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนแต่เดิม มีทางลาดขึ้นลงสะดวกสำหรับผู้ใช้เก้าอี้ล้อเลื่อนที่มาร่วมพิธี ในกรณีที่มีผู้มาร่วมพิธีจำนวนมากเกินกว่าที่จะเข้าไปในศาลาได้หมด ก็สามารถจัดเก้าอี้เสริมภายนอกในบริเวณศาลาเอนกประสงค์โดยไม่ต้องกางเต็นท์กันแดดกันฝนเหมือนแต่ก่อน
                ช่วงเวลานี้พ่อกับสภาภิบาลกำลังปรึกษาหารือ หาวิธีการที่เหมาะสม เพื่อที่จะดำเนินการเรี่ยรายบอกบุญ เปิดโอกาสให้ผู้มีจิตศรัทธา รวมถึงหมู่มิตรของครอบครัวของพี่น้องช่วยกันบริจาคในกิจการกุศลครั้งสำคัญของวัดเราในครั้งนี้ด้วย เมื่อทุกอย่างมีแนวทางและรายละเอียดพร้อมแล้วพ่อขออนุญาตใช้เนื้อที่ในสารวัดตรงนี้เพื่อเรียนประชาสัมพันธ์กับพี่น้องในเรื่องนี้ในครั้งต่อๆไปครับ

พ่อสุพจน์
...............................................................................................................


ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : สิบสองกระบุงที่เหลือ

อาทิตย์นี้ สมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า
ฉลองเนื้อและเลือดของพระเยซูเจ้า ที่ได้พลีถวายเป็นยัญบูชาแทนเรามนุษย์

#เนื้อและเลือดนี้ได้กลายเป็นศีลมหาสนิท

ยุคนึงสมัยนึง เราคริสตชนเคยถูกตราหน้า
ว่าเป็นพวกป่าเถื่อน เพราะเป็นพวกกินเลือดกินเนื้อมนุษย์
พวกเขาไม่รู้ พวกเขาไม่เข้าใจ จึงจับเราไปทรมาน
พวกเขาจึงเบียดเบียน ข่มเหง และฆ่า เพราะเราเชื่อในพระคริสต์องค์นี้
พระคริสต์พระเจ้าผู้ทรงสละเนื้อและเลือดของพระองค์
ให้เป็นอาหาร เพื่อหล่อเลี้ยงเรา ให้เรามีชีวิต

เปาโลบอกกับชาวโครินธ์ว่า เขาได้ส่งต่อสิ่งนี้กับคริสตชนแล้ว
คือ ปังและเหล้าองุ่น เนื้อและเลือด พระวรกายและพระโลหิต
ทุกครั้งที่กินปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ คริสตชนได้ประกาศว่า
เพราะความรัก พระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่เราทั้งหลายให้รอดแล้ว

เนื้อและเลือดนี้ จึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเพียงแค่คิดถึงพระองค์
แต่เนื้อและเลือดนี้ เป็นการประกาศธรรมล้ำลึกที่พระองค์ได้ทรงมอบไว้
เนื้อและเลือดนี้ จึงไม่ใช่แค่สิ่งสมมติ อ้างอิง สิ่งคล้ายแทนพระองค์
แต่เนื้อและเลือดนี้ เป็นพระวรกายและพระโลหิตของพระองค์ที่ทรงมอบไว้
เนื้อและเลือดนี้ จึงไม่ใช่แค่ความป่าเถื่อน ถ่อยทารุณ กินเนื้อคน อย่างที่เขาคิด
แต่เนื้อและเลือดนี้ เป็นความรัก รักที่ยิ่งใหญ่ สุดพรรณนาเพื่อเรามนุษย์

เนื้อและเลือดนี้ มีมากมายและเพียงพอ ดังเช่น สิบสองกระบุงที่เหลืออยู่
เป็น สิบสองกระบุงที่เหลืออยู่เพื่อคนทั้งหลายที่ยังไม่ได้ลิ้มรส ให้ได้ลิ้มรสด้วย
สิบสองกระบุงที่เหลืออยู่คือ หน้าที่ที่เรารับสืบต่อจากอัครสาวกทั้งสิบสอง
เพื่อไปเลี้ยงดูคนที่หิวโหย ไปเยี่ยมเยียนคนเจ็บป่วย ไปดูแลคนยากจน ฯลฯ
เพื่อไปให้กำลังใจคนสิ้นหวัง ไปนำทางคนมืดบอด ไปพาเขามาสู่ชีวิตและความจริง ฯลฯ
สิบสองกระบุงที่เหลืออยู่จึงอยู่แบบมีความหมาย จึงอยู่แบบไม่เหลือทิ้ง จึงอยู่เพื่อมนุษย์ทุกคน


บาทหลวงบางกอก

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2016

พี่น้องที่รัก
เมื่อวันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พ่อกับสภาภิบาลและผู้ติดตามบางส่วนจำนวน 34 ท่านได้เดินทางไปแสวงบุญที่วัดนักบุญยอแซฟอยุธยา โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม ช่วงนั้นเป็นช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวมากทั้งวันติดต่อกันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ปรากฏว่าเช้าวันเดินทางอากาศเย็นสบาย อุณหภูมิในเช้าวันนั้นเวลา 9 นาฬิกา วัดได้ 28 องศาเซลเซียสถือว่าเป็นวันที่พระโปรดสำหรับเราจริงๆ ในท่ามกลางฤดูร้อน ซึ่งปีนี้ความร้อนอยู่ในระดับทำลายสถิติในรอบหลายสิบปีเลยก็ว่าได้ เราออกเดินทางด้วยรถบัสไปยังวัดนักบุญยอห์นบัปติสตา เจ้าเจ็ด ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อเอง พ่อเจ้าวัดคือคุณพ่อสุรนันท์ กวยมงคล ได้ออกมาต้อนรับเราอย่างเป็นกันเองพร้อมกับเล่าความเป็นมาของวัดเจ้าเจ็ด นำสวดภาวนา จากนั้นคณะของเราได้เข้าไปเยี่ยมเยียนบิดามารดาของพ่อ ซึ่งอยู่ในวัยสูงอายุแล้วที่บ้านของพ่ออยู่ใกล้ๆ กับวัด พ่อได้มีโอกาสต้อนรับทุกท่านด้วยข้าวต้มร้อนๆ เป็นอาหารเช้า จากนั้นเราจึงออกเดินทางไปยังวัดนักบุญยอแซฟอยุธยา คุณพ่อทวีศักดิ์ กิจเจริญ เจ้าอาวาสมาเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ คุณพ่อได้เล่าประวัติการเข้ามาของมิสชันนารีที่เข้ามาเผยแผ่ศาสนา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีมีใจความพอสังเขปว่า คณะบาทหลวงยุคแรกที่เข้ามาเป็นบาทหลวงคณะดอมินิกันชาวโปรตุเกส เข้ามาพร้อมกับชาวโปรตุเกสที่มาติดต่อค้าขายในสมัยอยุธยา ต่อมาได้มีการสร้างวัดขึ้น 3 แห่ง บริเวณหมู่บ้านโปรตุเกส ดูแลโดยนักบวชคณะดอมินิกัน คณะเยสุอิต และคณะฟรังซิสกัน มิชชันนารียุคแรกเน้นที่จะให้การอภิบาลต่อชาวต่างชาติที่นับถือศาสนาคาทอลิกอยู่แล้ว ต่อมาในปี ค.ศ. 1662 คณะมิชชันนารีต่างประเทศแห่งกรุงปารีส ได้เดินทางมาถึงอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยมีเป้าหมายจะเดินทางต่อไปยังประเทศญี่ปุ่นและจีน แต่ในที่สุดก็ปักหลักอยู่ที่อยุธยาเพื่อจะทำการเผยแผ่ศาสนา และได้สร้างวัดขึ้นที่บริเวณวัดนักบุญยอแซฟอยุธยาแห่งนี้ วัดหลังปัจจุบันนับเป็นวัดหลังที่ 4 แล้ว วัดนักบุญยอแซฟอยุธยาแห่งนี้ จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของการทำงานของธรรมทูตที่ยังคงปรากฏเป็นประจักษ์พยานสืบเนื่องมาจากสมัยอยุธยา และความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เป็นวัดที่สังฆมณฑลกรุงเทพ กำหนดให้เป็นวัดแสวงบุญในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม เมื่อเสร็จพิธีมิสซาแล้ว เรารับประทานอาหารเที่ยงที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้ ทุกคนอิ่มบุญและอิ่มท้องกันทั่วหน้า ต้องแสดงความขอบคุณอย่างสูงมายังคุณพ่อทวีศักดิ์มา ณ ที่นี่ด้วย เมื่อทานอาหารเสร็จ คณะของเราเดินทางต่อไปยังโบราณสถานหมู่บ้านโปรตุเกส ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัดนักบุญยอแซฟอยุธยามากนัก ที่นั่นเราได้เยี่ยมเยียนสักการสถานนักบุญเปโตรและเปาโล ที่ได้รับการขุดแต่งบูรณะสักการสถานโดยกรมศิลปากรและการสนับสนุนจากมูลนิธิกุลเบงเกียนประเทศโปรตุเกส ตามประวัติกล่าวว่าชุมชนโปรตุเกสแห่งนี้ในยามที่มีผู้คนอาศัยสูงสุดนับจำนวนคนได้ถึง สองถึงสามพันคนเลยทีเดียวคงเป็นชุมชนชาวตะวันตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงศรีอยุธยา ชาวโปรตุเกสได้อาศัยอยู่ในบริเวณนี้จนถึง พ.ศ. 2310 และทิ้งร้างไปภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยา รวมอายุของชุมชนยาวนาน 217 ปี หลังจากนั้น คณะของเราได้ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามฝั่งแม่น้ำ ทำให้เราทราบว่า บริเวณตรงข้ามฝั่งแม่น้ำนั้น เป็นสถานที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวญี่ปุ่นขนาดใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ประมาณว่ามีคนอาศัยที่นี่ 1,500 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคาทอลิกประมาณ 700 คน เนื่องด้วยชาวคริสต์ในญี่ปุ่นถูกเบียดเบียนเป็นเวลานานในช่วงประมาณปลายศตวรรษที่ 16 ชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์จำต้องลี้ภัยเบียดเบียนออกไปอาศัยอยู่ต่างประเทศ และที่กรุงศรีอยุธยาก็มีชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์มาอาศัยอยู่ที่บริเวณหมู่บ้านญี่ปุ่นแห่งนี้เป็นจำนวนมากด้วย
จากการเดินทางไปแสวงบุญครั้งนี้ คณะของเราได้รับทั้งพระพรโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ และยังได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาแรกเริ่มของการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแหลมทองของเราแห่งนี้ด้วย ทำให้ทุกคนต่างภาคภูมิใจในความพากเพียรพยายามของบรรดามิชชันนารีในยุคสมัยนั้น ที่เห็นว่านี่เป็นมรดกฝ่ายจิตใจที่มีคุณค่าสูงสุดที่พึงได้รับการสืบสานต่อเนื่องไปจนชั่วฟ้าดินสลาย

พ่อสุพจน์
.........................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : UNLIMITED BEING

อาทิตย์นี้ สมโภชพระตรีเอกภาพ พระเจ้าของเรา
พระบิดา และพระบุตร และพระจิต

#พระเจ้าหนึ่งเดียวสามพระบุคคล

ความเชื่อในพระเจ้าเป็นเรื่องยากเกินเข้าใจ
สติปัญญาแบบมนุษย์ เรารู้ได้แบบจำกัด
สิ่งจำกัด(Limited being) ย่อมเข้าใจสิ่งไม่จำกัด(Unlimited Being) อย่างจำกัด
แต่เพราะพระผู้ไม่จำกัด ทรงเปิดเผยพระองค์ให้เราทราบ

ความเชื่อจึงเป็นของประทาน การรู้จักพระเจ้าจึงเป็นพระพร
พระบิดาเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองให้เราได้รู้จักกับพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยถ้อยคำของพระเจ้าทางการประกาศของพระองค์
พระจิตเจ้าทรงทำให้เราเข้าใจในคำประกาศของพระองค์

สิ่งของมีค่าในโลกหลายสิ่ง มีค่าเพราะมันถูกจำกัด
เสื้อผ้าลิมิตเต็ดอิดิเชิ่น กระเป๋าลิมิตเต็ดอิดิเชิ่น
สินค้าลิมิตเต็ดอิดิเชิ่น ข้าวของลิมิตเต็ดอิดิเชิ่น
ความจำกัด ทำให้สิ่งของในโลก เป็นของหายาก
ของหายาก ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น ทำให้มีมูลค่ามากขึ้น

บางที โลก ทัศนคติ อุดมคติแบบโลก ก็สอนเราว่า
ถ้าอยากมีตัวตน อยากมีที่ยืน อยากมีคุณค่า
ให้เราแสวงหาหลายสิ่งที่จำกัด เพื่อจะได้ทะลุความจำกัดที่เรามีและเป็น
การได้เป็นเจ้าของและครอบครองสิ่งจำกัดฝ่ายโลก
ทำให้เรารู้สึกว่า ได้มีตัวตน ได้มีที่ยืน ได้มีคุณค่า

ทั้งทั้งที่หากเราคิด ตริตรอง และพิจารณาอย่างดีแล้ว
เพื่อ Limited being จะเป็น Unlimited Being ได้
แท้จริง ไม่ใช่การได้แสวงหา การได้ครอบครอง การได้เป็นเจ้าของ สิ่งที่จำกัด
แต่เป็นการแสวงหา ปรารถนา ได้สัมผัส และอยู่ในสิ่งที่ไม่จำกัดต่างหาก

บาทหลวงบางกอก

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2016

พี่น้องที่รัก
            วันนี้เป็นวันสมโภชพระจิตเจ้า ซึ่งเป็นวันฉลองใหญ่วันหนึ่งในรอบปีของพระศาสนจักรคาทอลิกเรา เพราะนอกเหนือเราจะเคารพสักการะ พระเจ้าพระบิดา เรายังเคารพสักการะพระเยซูคริสตเจ้า และ เราก็ยังเคารพสักการะองค์พระจิตเจ้าอีกด้วย วันวันนี้จึงเป็นวันสำคัญยิ่ง เนื่องด้วยองค์พระจิตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลที่สาม ในพระตรีเอกภาพ ซึ่งเป็นพระเจ้าสูงสุดที่เราคริสตชนกราบสักการะ
            วันนี้ยังเป็นวันที่เรารำลึกถึงการเริ่มต้นพระศาสนจักรอีกด้วย เมื่อบรรดาอัครสาวกได้รับพระพรขององค์พระจิตเจ้าแล้ว เขาได้ออกไปประกาศข่าวดี มีผู้คนจำนวนมากได้เชื่อในข่าวดีที่บรรดาอัครสาวกประกาศและได้พลิกชีวิตตนเองมาเป็นผู้มีความเชื่อในข่าวดีของพระคริสตเจ้า จากวันนั้นถึงวันนี้พระศาสนจักรคาทอลิกได้รับการสถาปนาและดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่าสองพันปีมาแล้ว
            พระเยซูได้ตรัสสอนบรรดาอัครสาวกว่า พระองค์จำเป็นจะต้องเสด็จไปหาพระบิดา เพราะภารกิจที่พระบิดาได้มอบหมายให้กระทำบัดนี้สำเร็จแล้ว และ พระองค์จะส่งพระจิตลงมาอยู่กับพระศาสนจักร เพื่อสานต่องานของพระองค์ต่อไปในโลกปัจจุบัน พระจิตเจ้าทรงอำนวยพระพรของพระองค์ให้กับแต่ละคน พระพรที่สำคัญของพระจิตเจ้านั้นมี 7 ประการ ซึ่งในวันนี้พ่อได้นำพระพรทั้ง 7 ประการ และความหมายของพระพรแต่ละประการ มาพิมพ์ลงแผ่นไวนิลให้พี่น้องได้ทบทวนคำสอนเกี่ยวข้องกับพระพร 7 ประการขององค์พระจิตเจ้า เพื่อเตือนใจเราให้เห็นว่าพระจิตเจ้าทรงทำงานในพระศาสนจักร และ ยังคงอยู่ในพระศาสนจักรเรื่อยมา ดังคำที่พระเยซูตรัสไว้ว่า "เราจะอยู่กับท่านเสมอไปตราบจนสิ้นพิภพ" ซึ่งมีความหมายว่า พระเยซูยังคงอยู่เคียงข้างเรา ในศีลมหาสนิท และ ในการทำงานขององค์พระจิตเจ้าในโลกยุคปัจจุบันนั่นเอง

พ่อสุพจน์
...........................................................................................
ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : WE ARE ONE IN THE CHURCH

อาทิตย์นี้ พระจิตเจ้าเสด็จลงมา
เราได้ยินข้อรำพึงนี้ ในการสวดสายประคำ
เราได้ฟังข้อความนี้ เมื่อพระเยซูเจ้าสัญญาจะประทานพระจิตเจ้าให้
เราไม่ใช่แค่ได้ยินหรือได้ฟัง แต่พระจิตเจ้าเสด็จมาเหนือเราด้วย

หลังจากพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ ก็เป็นพระจิตเจ้าที่ทรงเสด็จลงมา
และสานต่อพันธกิจแห่งความรอดพ้นของพระเจ้าเพื่อเรามนุษย์ต่อไป

ในห้องประชุมชั้นบน สถานที่ที่พวกศิษย์ได้รับพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า
วันนี้ ห้องนั้น เป็นสถานที่ที่พวกศิษย์ได้รับพระจิตเจ้าด้วย

#พระพรในพระจิตที่ได้รับเสริมเราสร้างเราให้เป็นหนึ่งเดียว

พระพรในพระจิตเจ้าทำให้ความต่าง จะด้วยภาษา เชื้อชาติ ความสามารถ
ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ด้วยพระพรที่เราได้รับจากพระจิตเจ้าองค์เดียวกันนี้เอง
ความต่างที่มีจึงเป็นสีสัน จึงเป็นการเสริมสร้าง เติมเต็ม และแต่งเติม
ไม่ว่ายากดีมีจน สูงต่ำดำขาว เราจึงไม่แตกต่าง เราจึงเป็นหนึ่งเดียว

พระพรในพระจิตเจ้า จึงทำให้เราเข้าใจ ยอมรับ และอยู่ด้วยกันได้อย่างดี
เพราะเรารู้ในความต่างที่มี เข้าใจในเอกลักษณ์และตัวตน ยอมรับในความเป็น
แม้แตกต่าง แต่ฉันเธอ เราจะอยู่กันด้วยความรัก เข้าใจและยอมรับ

พระพรนี้ จึงทำให้ภาพของการจะอยู่กันด้วยความรักและการให้อภัยปรากฏ
พระพรประการแรกสุด หลังจากได้รับพระจิตเจ้า จึงเป็นพระพรของการให้อภัย
ท่านทั้งหลาย อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย” (ยน 20:22)

อยู่ด้วยกัน ต่างกัน ก็มีกระทบกันบ้าง, แตกต่างกัน ก็มีข้อเปรียบเทียบบ้าง
เพราะเราไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในความรักและพระพรที่ได้รับ
เพื่อจะได้ดีคนเดียว เพื่อจะรอดคนเดียว เพื่อจะไปสวรรค์คนเดียว
แต่เพื่อความรอดพ้นนี้จะได้ไปถึงทุกคน ทุกคนที่เป็นลูกของพระ


บาทหลวงบางกอก

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม 2016

พี่น้องที่รัก
                วันนี้เป็นวันฉลองพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ ตามประเพณีการฉลองดั้งเดิม วันฉลองนี้จะมีขึ้นตรงกับวันที่ 40 ภายหลังจากวันฉลองการกลับคืนชีพของพระเยซู  วันฉลองวันนี้ช่วยให้เรามองเห็นอะไรที่สำคัญบ้าง
                ประการแรก เราทราบว่า ภารกิจของพระเยซูบนโลกนี้สำเร็จลงแล้ว
                การลงมาบังเกิดของพระเยซูในโลกนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับโลก เช่นเดียวกับการสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ ทั้งสามเหตุการณ์ถือว่าเป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกเอาไว้ เช่นเดียวกับการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซู ถือว่าเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญยิ่งใหญ่ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของโลกของเรา เพราะพระองค์เสด็จกลับไปหาพระบิดา พระองค์ได้เคยกล่าวเอาไว้แล้วว่าวันเวลานี้จะมาถึง และบัดนี้วันเวลานี้ก็มาถึงแล้ว พระเยซูได้ให้บทสอนที่ล้ำค่ากับเรากล่าวคือ ทุกสิ่งที่พระองค์ได้กระทำบัดนี้สำเร็จสมบูรณ์แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีภารกิจใดๆต้องซ่อมเสริมอีก ไม่ต้องมีเอกสารใดๆรับรองอีก ไม่ต้องกล่าวคำใดๆเพิ่มเติมอีก ทุกสิ่งได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว
                ประการที่สอง เราเฉลิมฉลองพิธีบูชาขอบพระคุณ หรือ พิธีศีลมหาสนิทเพื่อรอการเสด็จกลับมาของพระองค์
                พิธีบูชาขอบพระคุณช่วยเตือนใจเราแต่ละคนให้ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ การกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซู พระคัมภีร์บอกกับเราว่า "ตราบใดที่ท่านรับประทานปังนี้ และ ดื่มถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ จนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอีก" ดังนั้นพิธีบูชาขอบพระคุณจึงเป็นส่วนของการประกาศถึงการเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์เรื่อยไป ในขณะเดียวกันเรายังรอคอยเรื่อยไปสำหรับการเสด็จกลับมาของพระองค์  การเป็นพยานยืนยันถึงการสิ้นพระชนม์และการเสด็จกลับคืนชีพของพระเยซูของเรานั้นก็เป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์อีกด้วย
                ประการที่สาม เราต้อนรับการมาประทับอยู่ขององค์พระจิตเจ้า
                ภายหลังการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูไม่นานนัก เกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณขนานใหญ่ในหมู่คริสตชน บรรดาสานุศิษย์ของพระเยซูที่ขลาดกลัว กลับกลายเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น เปี่ยมล้นไปด้วยพรแห่งการรักษา ประกาศข่าวดี และ กระทำกิจการที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมาย ถามว่าอะไรที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ คำตอบคือ องค์พระจิตเจ้า พระเยซูได้ทรงสัญญาว่า พระองค์จะส่งพระจิตเจ้ามายังพวกเขา เป็นการแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงประทับอยู่ในผู้ที่มีความเชื่อ การเสด็จมาของพระจิตเจ้านั้นเป็นเหตุการณ์สืบต่อเนื่องมาจากการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซู และจากนี้ไปด้วยการประทับอยู่ของพระจิตเจ้าในชีวิตของเรา เราต่างก็ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในการออกไปสร้างศิษย์ให้กับพระเยซูโดยพลังที่พระองค์มอบให้กับเรา
                ประการที่ 4 เราได้เรียนรู้จักบทบาทในการเป็นพระมหาสงฆ์ของพระเยซู
                ถ้าไม่มีการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซู ก็คงไม่มีการที่พระเยซูทรงวอนขอเพื่อเรา (รม 8:34) นักบุญเปาโลเขียนเอาไว้ว่า "พระองค์ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า พระองค์ทรงวอนขอเพื่อเราทุกคน" เป็นเรื่องน่ายินดีที่เราทราบว่า พระคริสตเจ้าทรงวิงวอนขอเพื่อเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
                ประการที่ 5 เรารอคอยการเสด็จกลับมาของพระคริสตเจ้า
                เมื่อพระเยซูเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ทรงสัญญาว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ช่วงเวลาที่เรามีชีวิตอยู่นี้จึงเป็นเวลาที่เรารอคอยการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระองค์ ถ้อยคำแรกที่ได้รับการบันทึกไว้ภายหลังการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูนั้นเป็นถ้อยคำจากบรรดาเทวดาที่มาเฉลิมฉลองเหตุการณ์นี้ "พระเยซู ผู้ที่ได้จากท่านไปยังสวรรค์ จะเสด็จกลับมาอย่างที่ท่านได้เห็นพระองค์เสด็จไปสู่สรวงสวรรค์นั้นแหละ" ถ้อยคำนี้เป็นคำสัญญาที่บรรเทาใจเราเสมอไปในชีวิตประจำวันของเราอีกทั้งยังดลใจให้เราได้ประกาศข่าวดีนี้ไปยังเพื่อนพี่น้องอีกด้วย
                ประการที่ 6 เรามองล่วงหน้าไปยังสถานที่ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับเรา (ยน 14:2-3)
                พระเยซูเคยตรัสเอาไว้ว่า "เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน และ เมื่อเราไป และเตรียมที่ให้ท่านแล้ว เราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเราด้วย เพื่อว่าเราอยู่ที่ใด ท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย" พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์เพื่อไปเตรียมที่สำหรับเรา แม้ว่าเราไม่ทราบถึงการเตรียมของพระองค์นั้นว่าเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยเราก็มั่นใจว่าเรามีความหวังยิ่งใหญ่ที่รอเราอยู่
                พี่น้องที่รัก การเฉลิมฉลองการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูนี้จึงเสริมสร้างคุณค่าทางใจให้กับเราเป็นอย่างมาก เพราะการรำลึกถึงพระธรรมล้ำลึกของพระองค์ประการนี้ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับความเชื่อของเราและช่วยให้การดำเนินชีวิตของเรามีความศรัทธาเพิ่มพูนยิ่งขึ้นในองค์พระเจ้าครับ

พ่อสุพจน์
....................................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : Take off ที่ดอนเมือง

อาทิตย์นี้ พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
สวรรค์เป็นไง เราไม่รู้ สวรรค์เป็นไง เราไม่เคยเห็น
สวรรค์เป็นสถานที่ยังไง เราไม่เคยไป เราอยากไป
แต่...ขออีกสักพัก เราไม่รีบ

สวรรค์คงเป็นสถานที่ที่ดี เราเชื่อ แม้ไม่เคยไป
สวรรค์คงน่าอยู่น่าไป เราเชื่อ แม้ไม่เคยอยู่เคยไป
บนสวรรค์คงดีกว่าบนโลกนี้ เราเชื่อ และเราอยากไป

ที่ใกล้หมู่บ้านเบธานี พระเยซูกลับไปสวรรค์
เราคริสตชนมีความหวังว่าจะไปอยู่กับพระองค์บนนั้นด้วย

#สวรรค์ถูกแทนในภาพจำของเราว่าคือท้องฟ้า

ในวันสามสิบต้นต้น ผมได้นั่งเครื่องบินครั้งแรก
ด้วยความตื่นเต้น ผมบอกหลายคนว่าจะมีโอกาสนั่งเรือบิน

ตื่นเต้นทำไม?? บินแค่ในประเทศ
ฉันก็เคยนั่ง ธรรมดา เฉยเฉยนะ
ผมเคยนั่งไปถึงยุโรป ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน

การอยู่บนเรือบิน มันอาจจะเป็นความรู้สึกธรรมดาของใครหลายคน
ผมตื่นเต้น ตื่นเต้นแบบจริงจัง  ไม่ใช่ เพราะนี่คือการได้นั่งเรือบิน
แต่เพราะนี่เป็นครั้งแรก... ครั้งแรกที่จะได้อยู่บนฟ้า-ทั้งทั้งที่ยังไม่ตาย
แต่เพราะนี่เป็นครั้งแรก... ครั้งแรกที่จะได้หายใจใกล้เมฆ และมีฟ้าอยู่ใต้เท้า
ฟ้าสถานที่ตามจินตนาการในวัยเด็ก ว่า มันคือ สวรรค์-ที่ประทับของพระเจ้า

สำหรับผม การได้อยู่บนเรือบิน
การได้อยู่บนความสูงเหนือพื้นโลกขนาดนี้ จึงถือเป็นเรื่องพิเศษ
เพราะต่อมจินตนาการมันพาผมไปไกล ด้วยความฝันที่ว่า
จากตรงนี้ ผมคงได้อยู่ใกล้สถานที่ที่พระเจ้าประทับมากขึ้นแค่นั้นเอง!!!”


บาทหลวงบางกอก