วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2013


พี่น้องที่รัก
            ค่ายคำสอนภาคฤดูร้อนปีนี้ก็เสร็จสิ้นลงแล้ว เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปีนี้มีนักเรียนคำสอนมาเรียนจำนวนทั้งสิ้น 38 คน แบ่งเป็น นักเรียนรับศีลล้างบาป  2 คน นักเรียนคำสอนเตรียมตัวรับศีลมหาสนิทจำนวน 11 คน นักเรียนคำสอนเตรียมตัวรับศีลกำลัง จำนวน 7 คน   นักเรียนรื้อฟื้นปฏิญาณตนรับศีลมหาสนิทอย่างสง่า 6 คน ที่เหลือก็เป็นการทบทวนความรู้ด้านคำสอน และเด็กเล็กที่มาใช้เวลาช่วงนี้ปูพื้นด้านการท่องบทสวด และทำกิจกรรมความศรัทธาตามสมควร การโปรดศีลมหาสนิทครั้งแรก และพิธีรื้อฟื้นการปฏิญาณตนรับศีลมหาสนิทอย่างสง่า จะมีขึ้นในมิสซารอบ 12.00 . วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน นี้ ส่วนการโปรดศีลกำลังสำหรับนักเรียนคำสอนในเขต 1 จะมีขึ้นในวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 ที่วัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์ เวลา 10.00 . โดย พระอัครสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช
            พ่ออยากถือโอกาสนี้ขอบคุณพ่อ บราเดอร์ คุณครู ผู้สูงอายุที่มาช่วยดูแลเรื่องอาหารเที่ยงให้กับเด็กๆ และทุกท่านที่มีส่วนช่วยให้การสอนคำสอนสำหรับเด็กในภาคฤดูร้อนนี้สำเร็จลงไปได้ด้วยดี พ่อสังเกตว่าเด็กๆ ที่มาเรียนคำสอนมีความสุข ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้จักพระเจ้า เรียนรู้หนทางที่จะปฏิบัติตามพระธรรมของพระเจ้า เพื่อค้นพบสันติสุขที่แท้จริงในการดำเนินชีวิต โดยผ่านทางกิจกรรมต่างๆ ที่จัดให้มีขึ้นตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา พ่ออยากขอบคุณผู้ปกครองของเด็กๆ ทุกคน รวมถึงทุกท่านที่ได้มีส่วนช่วยให้เด็กๆ เหล่านี้ได้มีโอกาสมาได้รับการอบรมสั่งสอน และฝึกฝนตัวเองตลอดช่วงระยะเวลาปิดเทอมภาคฤดูร้อนปีนี้ พ่อปรารถนาอยากจะเห็นเด็กๆ จำนวนมากขึ้นในปีต่อๆ ไป เพราะนั่นสะท้อนให้เห็นว่า ทุกๆคนให้ความสำคัญกับการปลูกฝังเรื่องการรู้จักพระเจ้าไว้ในหัวใจของลูกหลานของเราทุกๆคน
            ในระหว่างนี้พ่อให้ช่างทำรางน้ำฝน มาทำการเปลี่ยนรางน้ำฝนรอบหลังคาวัดทั้งหมด เนื่องจากรางน้ำฝนเดิมซึ่งเป็นสังกะสีและมีอายุการใช้งานมานานกว่าห้าสิบปี เป็นสนิมและชำรุดเสียหาย เวลาฝนตกก็มีปัญหาน้ำรั่วลงมาหลายแห่ง เป็นผลให้ไม้ฝ้าเพดานรอบวัดผุ รางน้ำฝนที่เปลี่ยนใหม่นี้ทำจากสแตนเลสซึ่งมีความคงทนกว่าสังกะสีซึ่งมีอายุการใช้งานนาน และทนทานกว่าเดิม หวังว่าการซ่อมแซมครั้งนี้จะช่วยรักษาวัดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของเราทุกคน ให้งดงาม คงทน และเป็นสถานที่ที่อุดมไปด้วยพระพรของพระเจ้าสำหรับเราสัตบุรุษไปอีกนานแสนนาน
                                                                                                                               คุณพ่อสุพจน์
..................................................................................................................................................
                                                                                   
“พระเจ้าทรงเปิดประตูแห่งความเชื่อ” (กจ14:27)
            สวัสดีพี่น้องวัดเซนต์หลุยส์ทุกท่าน พ่อได้มาประจำตำแหน่งอยู่ที่วัดแห่งนี้มาก็ครบ 2 ปีแล้ว วาระอันควรก็มาถึงแล้วที่พ่อจะต้องย้ายไปทำหน้าที่ในที่แห่งใหม่ต่อไป
            การเริ่มต้นที่นี่ ทำให้พ่อเกิดความประหม่า  กับหน้าที่ใหม่ ความรับผิดชอบที่มากขึ้น งานในหลากหลายด้านที่ไม่เคยได้ผ่านพ้นมือมาก่อนก็ต้องมาเรียนรู้และทำที่นี่ ต้องมาเทศน์สอนในที่ที่มีคนจำนวนมากมาวัดจนเต็มล้นวัด ผู้คนหลากหลายที่ท้าทายให้ตระเตรียมในการเทศน์สอนอย่างดี
การอำลาที่นี่ ทำให้พ่อเกิดความอาลัยด้วย       แม้ใจจริงไม่อยากจะพูดเช่นนั้น แต่ก็โกหกตัวเองไม่ได้ เพราะที่นี่เป็นวัดแห่งแรกในฐานะพระสงฆ์ ที่พ่อได้เรียนรู้ ได้ผิดพลาด ได้เป็นบทเรียนนำไปแก้ไขและพัฒนาต่อไป ความอาลัยนี้ก็เนื่องมาจากความทรงจำดีๆ ความประทับใจในตัวพี่น้องที่พ่อได้พบเจอด้วยตัวเอง
พ่อเชื่อว่าชีวิตของเราทุกคนก็เป็นเช่นนี้แหละ เริ่มต้นใหม่เพื่อเรียนรู้ ปฏิบัติงาน และพัฒนา แต่เมื่อต้องจากลาก็มีแต่เพียงผลงานที่ทิ้งไว้ หนังสือกิจการอัครสาวกที่พี่น้องได้ยินจากบทอ่านที่ 1 ในวันนี้ เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี ด้วยคำตักเตือนของเปาโลว่า “พวกเราจำต้องฟันฝ่าความทุกข์ยากเป็นอันมากจึงจะเข้าสู่พระอาณาจักรพระเจ้าได้” ท่านเปาโลและบาร์นาบัสไปแพร่ธรรมยังเมืองต่างๆ เหมือนกับพวกเราพระสงฆ์ที่ถูกส่งไปยังที่ต่างๆ มีการเริ่มต้นใหม่ในสถานที่ ผู้คน สภาวะแวดล้อมต่างๆ และเมื่อต้องจากไปยังอีกที่อีกกลุ่มหนึ่งก็จะนำเรื่องราวต่างๆ นี้ไปเล่าให้กับคริสตชนที่นั่นได้ฟัง สิ่งสำคัญคือไม่ลืมว่า ผลงานทั้งหมดที่เขากระทำนี้เป็น “สิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำโดยผ่านตน”
พระเจ้าทรงส่งพ่อมาที่นี่ และได้กระทำงานต่างๆ ที่ผ่านมาโดยอาศัยพ่อเป็นเครื่องมือ และในที่สุดก็มอบหมายให้ไปยังที่แห่งใหม่อีก
พี่น้องเชื่อเหมือนกับพ่อมั้ยครับว่า “พระเจ้าทรงกระทำสิ่งต่างๆ โดยผ่านทางเราแต่ละคน ทั้งการให้พี่น้อง มีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู มีลูกหลานต้องอบรม มีงานประจำวันที่ต้องรับผิดชอบ มีสังคมที่อาศัยอยู่ที่ต้องมีส่วนร่วมลงมือลงแรงพัฒนา หากเราเชื่อมั่นว่านี่เป็นงานของพระเจ้า พี่น้องครับ เราจะมีความสุภาพมากขึ้น และไม่ว่างานเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร เราจะฝากไว้กับพระหรรษทานของพระเจ้า และที่สุดหากต้องมีการเปลี่ยนแปลง โยกย้าย และจากลา แม้จะมีความอาลัยอยู่บ้าง เราทุกคนก็จะยินดีที่จะน้อมรับน้ำพระทัยของพระองค์ที่มาถึงเรา เพราะพระเจ้าทรงกระทำสิ่งเหล่านี้โดยผ่านทางตัวเราเอง “พระเจ้าทรงเปิดประตูแห่งความเชื่อ” (กจ14:27) ไว้ในใจของเราแล้ว ให้เราได้ออกไปประกาศข่าวดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์กันเถิด
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดี ในความปรารถนาดี คำตักเตือนและคำภาวนาที่ยังมีให้กับพ่ออยู่เสมอ เราจะระลึกถึงกันในคำภาวนา
                                                                                    คุณพ่อปลัดองค์เล็ก

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2013


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            เกือบครบปีแล้วที่พ่อได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดเซนต์หลุยส์แห่งนี้ พ่อจำได้ว่าพ่อมาเริ่มต้นทำงานที่วัดเซนต์หลุยส์วันที่ 5 พฤษภาคม 2555 วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พ่อมีโอกาสได้ทำหน้าที่หลายอย่างที่นี่เยี่ยงพระสงฆ์ประจำวัดที่พึงกระทำ แม้ว่าความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสจะมีมากมาย แต่ทุกสิ่งก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น แม้ว่าคงจะมีหลายเรื่องหลายราวที่ยังรอคอยการสานต่อให้มีความเจริญก้าวหน้าตามที่ควรจะเป็นก็ตาม แต่พ่อคิดว่าถ้าเราไม่เร่งรีบจนเกินไป งานทั้งหลายน่าจะเกิดผลในทิศทางที่น่าพึงพอใจ ตามภาษิตที่ว่า "ช้าช้า ได้พร้าเล่มงามเมื่อพ่อมาคิดทบทวนดูแล้ว ก็อดขอบพระคุณพระเจ้าไม่ได้ที่พระองค์ได้ทรงเริ่มงานที่นี่เอาไว้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบแบบแผน มีบุคคลากรในด้านต่างๆอย่างเพียงพอ สำหรับภารกิจในด้านต่างๆ ทำให้งานต่างๆที่วัดของเราดำเนินไปได้ด้วยดี สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้โดยอาศัยน้ำใจดีของพระสงฆ์เจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส คณะเซอร์ เจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้องรุ่นก่อนๆ ซึ่งเราต้องไม่ลืมที่จะขอบคุณและภาวนาเพื่อท่านเหล่านั้น สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสำหรับปีการศึกษาใหม่ที่จะมาถึงนี้คือ การรวมโรงเรียนของวัดซึ่งแต่เดิมมี 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษา และ โรงเรียนเซนต์ไมเกิ้ล ให้เหลือเพียงโรงเรียนเดียวคือ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษา ดังนั้นนับจากนี้ไป โรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษาจะเป็นโรงเรียนสหศึกษา ที่จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั้งนี้ต้องขอขอบพระคุณมาเซอร์จากคณะภคินีเซนต์ปอลเดอชาร์ตร ทั้งสองท่านคือ มาเซอร์ดาเมียน และมาเซอร์โซเฟีย ที่ได้ทำให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ พื้นที่เดิมของโรงเรียนเซนต์ไมเกิ้ล จะได้รับการใช้ประโยชน์เป็นสถานที่สำหรับการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ที่มีจำนวนนักศึกษาเพิ่มมากขึ้น และที่พ่ออดจะกล่าวถึงไม่ได้เลย คืออยากกล่าวคำขอบคุณ คุณพ่อผู้ช่วยเจ้าอาวาสทั้งสองท่านของวัดของเรา คือ คุณพ่อศวง วิจิตรวงศ์ และ คุณพ่อ นัฏฐวี กังก๋ง ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ ภารกิจใหม่จากผู้ใหญ่ ซึ่งจำเป็นจะต้องละจากวัดของเราไปปฏิบัติหน้าที่ในที่แห่งใหม่ ในปีที่ผ่านมา พ่อได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากคุณพ่อผู้ช่วยทั้งสองในทุกๆเรื่อง นอกจากนี้พ่อยังได้รับคำแนะนำในด้านต่างๆสำหรับงานของวัดจากคุณพ่อทั้งสอง ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับตัวพ่อเองมาก การโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ของพระสงฆ์ และ ของนักบวช เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ แต่ทั้งนี้คำขอบคุณที่เราควรมีเสมอก่อนอื่นใดนั้นก็คือ ให้เราขอบพระคุณพระเจ้า สำหรับน้ำพระทัยดีของพระองค์ที่ทรงมีต่อเรามนุษย์เสมอ โดยผ่านทางผู้มีน้ำใจดีที่คอยปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้านั่นเอง

                                                                                                                               คพ.สุพจน์
......................................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้องสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ที่รัก
                อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลปัสกา พระวาจาของพระเจ้าอาทิตย์นี้บอกกับเราว่าเราทุกคนเป็นแกะที่มีพระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดู พระองค์ทรงเป็นนายชุมพาบาลที่ดีที่ทรงเอาใจใส่ดูแลเราทุกคน พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้เราต้องอยู่ตามลำพัง และจะไม่ทรงทอดทิ้งเราให้อยู่ในอันตราย พระองค์จะทรงปกป้องเราให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งมวล และคำสัญญาของพระองค์ก็เป็นความจริงโดยที่พระองค์ทรงให้หลักประกันด้วยชีวิตของพระองค์เอง เราจะเห็นได้ว่าพระเจ้าทรงรักเรามากอย่างไร แล้วเราได้รักพระองค์มากแล้วหรือยัง?
                นอกจากนี้ตามที่พี่น้องได้รับทราบจากการประกาศของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ แล้ว เรื่องการประกาศโยกย้ายหน้าที่การทำงานของพระสงฆ์ พ่อเองก็เป็นหนึ่งในรายชื่อของพระสงฆ์ที่ต้องโยกย้ายไปรับหน้าที่ใหม่ คือไปช่วยงานที่โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ และช่วยงานอภิบาลที่วัดดวงหทัยนิรมลของแม่พระ ปากลัด พ่อเองได้มาประจำอยู่ที่วัดเซนต์หลุยส์ตั้งแต่ปี 2008 รวมเวลา 5 ปี ตั้งแต่เป็นสังฆานุกร ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณคุณพ่อเจ้าวัด คุณพ่อปลัด สภาภิบาล และพี่น้องสัตบุรุษทุกๆ ท่านที่ได้มีโอกาสร่วมงานและได้รับการต้อนรับด้วยดีเสมอมา หวังว่าคงจะมีโอกาสได้พบปะกันอีกในโอกาสต่อไป ขอแม่พระและนักบุญหลุยส์องค์อุปถัมภ์ได้โปรดคุ้มครองพี่น้องวัดเซนต์หลุยส์ให้อยู่ในความเชื่อและความรักของพระองค์ตลอดไป
                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                คพ.ศวง

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2013


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            คราวนี้พ่อมีเรื่องมาเล่าให้ฟังอีกแล้ว
            กาลครั้งหนึ่ง ปีศาจตนหนึ่งตัดสินใจจะเลิกอาชีพล่อลวงผู้คนให้ทำชั่ว  จึงนำเอาเครื่องมือล่อลวงแบบต่างๆออกมาวางขายเลหลัง  ปีศาจตนนี้จัดวางเรียงเครื่องมือล่อลวงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนชั้นวางของโชว์ แยกประเภทออกเป็นกลุ่มๆอย่างชัดเจน ตั้งแต่เครื่องมือชนิดที่เป็นเหมือนอาวุธหนักมีอำนาจทำลายล้างรุนแรง ได้แก่ ความประสงค์ร้าย ความเกลียด ความฉุนเฉียว ความอิจฉา .....เครื่องมือแต่ละชนิดมีป้ายบอกราคาเอาไว้อย่างชัดเจน
            นอกเหนือจากเครื่องมือที่เป็นอาวุธหนักทั้งหลายแล้ว ยังมีเครื่องมืออันหนึ่ง มองดูแล้วไม่มีอันตรายเท่าไหร่ มีสภาพเก่าเพราะผ่านการใช้งานมานานมาก แต่ปรากฏว่าป้ายราคาที่ติดไว้มีมูลค่าสูงมากกว่าเครื่องมืออื่นๆมากมายนัก มีคนหนึ่งฉงนใจถามปีศาจตนนั้นว่า ไอ้เจ้าเครื่องมือราคาแพงนี้คืออะไร
            “มันคือ ความท้อใจ" ปีศาจตอบ
            “แต่ทำไมราคามันถึงแพงนักล่ะ?”
            “เพราะ" ปีศาจกล่าวตอบ "ความท้อใจ เป็นเครื่องมือที่ฉันใช้แล้วได้ผล มากกว่าเครื่องมืออื่นๆ ความท้อใจนี้ช่วยให้ฉันแอบแฝงตัวเข้าไปในมโนธรรมของมนุษย์ได้โดยง่าย โดยเฉพาะสำหรับบุคคลที่ฉันไม่สามารถใช้เครื่องมืออื่นๆ เพื่อเข้าครอบครองใจของเขาได้ และเมื่อฉันแอบแฝงเข้าไปหมกตัวอยู่ในมโนธรรมได้ ฉันก็สามารถกำกับบุคคลคนนั้นให้ทำตามอย่างที่ฉันต้องการได้โดยง่าย เครื่องมืออันนี้มันดูเก่าก็เพราะฉันใช้มันบ่อย และก็สามารถใช้ได้กับทุกๆคนมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่า นี่เป็นเครื่องมือตัวเก่งของฉัน"
            ระดับของความอ่อนแอของมนุษย์ขึ้นสู่ขีดสูงสุด ในยามที่คนคนนั้นกำลังตกอยู่ในภาวะหมดกำลังใจ เบื่อหน่าย และไม่แยแสต่ออะไรอีกแล้ว ในช่วงเวลานั้นเอง อะไรก็เกิดขึ้นได้ และ มักจะเป็นเช่นนั้นเสมอ
            อ่านเรื่องนี้แล้ว ทำให้เห็นว่า ปีศาจมักมีเล่ห์ เพทุบายมากมายที่เข้ามาวางกับดักเรามนุษย์ให้หลงไป อย่างที่มีคำกล่าวว่า "ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล" นั่นแหละ
            ช่วงนี้พ่อสังเกตว่า เด็กๆหลายคนมาเข้าวัด แต่มักอดใจไม่ได้กับการนำเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นต่างๆ ดูในระหว่างที่พิธีกรรมกำลังดำเนินไป บางคนอาจคิดว่าให้เด็กมานั่งในวัดได้ก็บุญโขแล้ว ปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจเขาบ้างก็ไม่น่าเป็นอะไร พ่อรู้สึกดีใจที่หลายครอบครัวพาสมาชิกในครอบครัวมาวัดได้เป็นประจำ แต่คงจะดีกว่าอีก ถ้าค่อยๆหมั่นสอนให้เด็กรู้บทบาทหน้าที่ และ ข้อปฏิบัติที่พึงกระทำในสถานที่ต่างๆอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องการปฏิบัติตัวในขณะร่วมอยู่ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ถ้าผู้ปกครองจะไม่ท้อใจคอยว่ากล่าวตักเตือนอยู่เสมอ พ่อเชื่อมั่นว่าเด็กๆจะสามารถมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ได้ในที่สุด
                                                                                                                               คุณพ่อสุพจน์
 ......................................................................


โยก...ย้าย...
            พี่น้องที่รัก เราผ่านเหตุการณ์สำคัญในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เลือกตั้งพระสันตะปาปา การลงคะแนนของสภาฯ เรื่องการกู้เงินจำนวนมหาศาลมาแล้ว เพื่อให้เข้ากระแสกับช่วงนี้ พ่อจึงอยากบอกเล่าถึงการโยกย้ายตำแหน่งของพระสงฆ์คาทอลิกเราบ้างเหมือนกัน
            เมื่อเกิดการตัดสินใจครั้งสำคัญ พวกเรามักให้พระจิตเจ้าเป็นผู้นำเสมอมา เช่นการเลือกตั้งโป๊ปองค์ใหม่ที่ผ่านมา และเราก็ได้พระสันตะปาปาที่สุภาพ และเหมาะสมกับโลกและยุคสมัยของเราเวลานี้ การจะโยกย้ายเปลี่ยนตำแหน่งในสังฆมณฑลต่างๆ ของเราก็ได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเหมือนกัน มีคณะกรรมการสภาสงฆ์ คณะที่ปรึกษาพระสังฆราชที่ประชุมและเสนอชื่อพระสงฆ์ที่จะไปทำงานในหน้าที่ต่างๆ คนที่จะไปเรียนต่อยังต่างประเทศด้วย
            ระบบการแต่งตั้งโยกย้ายของเราจึงมีความใกล้ชิดกับการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์มากที่สุด แต่อย่าพึ่งมองเป็นภาพลบนะครับ ต้องเข้าใจก่อนว่าคอมมิวนิสต์มาจาก COMMUNE ซึ่งเป็นรากศัพท์เดียวกับคำว่า COMMUNION หรือศีลมหาสนิท ที่พวกเราเข้าไปรับอยู่เป็นประจำนั่นเอง จึงเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความเป็นประชาคมที่มีการปกครองโดยผู้นำที่สมบูรณ์แบบที่สุด นั่นคือพระคริสตเจ้า และผู้แทนของพระองค์ในโลกนี้อีกที (ผู้เขียน) สมกับคำพูดของอาจารย์ของพ่อได้บอกไว้ว่า “ระบบการบริหารของพระศาสนจักรคือคอมมิวนิสต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด” นั่นคือ มีผู้นำที่ดีและเห็นประโยชน์แก่ส่วนรวม อีกทั้งผู้ร่วมงานทุกคนยอมเชื่อฟังต่อคำสั่งในที่สุด แม้ไม่ถูกใจ ไม่พอใจบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็ทำตาม นอบน้อมเชื่อฟัง
            และพระศาสนจักรเราเชื่อมั่นในระบบนี้มาโดยตลอด ซึ่งนั่นทำให้องค์กรพระศาสนจักรนี้คงมั่นอยู่เรื่อยมากว่าสองพันปีแล้ว ถึงวันนี้พี่น้องก็คงจะต้องทราบกันแล้วว่ามีใครต้องโยก... ต้องย้าย... ไปอยู่ไหนกันบ้าง
            สุดท้ายก็ขอให้พี่น้องได้สวดภาวนาให้กับประมุขของเรา บรรดาพระสงฆ์ในประเทศไทยเป็นพิเศษในโอกาสของการโยกย้ายเข้าไปรับหน้าที่ใหม่ในครั้งนี้กันด้วย
                                                                                    คุณพ่อปลัดองค์เล็ก

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2013


พี่น้องที่รัก
                ครั้งหนึ่งมีทหารยศนายร้อยผู้หนึ่ง ชื่นชมจ่าคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา จ่าคนนี้เป็นคนมีความสามารถและไว้วางใจได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่นายร้อยผู้นั้นไม่ถูกใจในตัวจ่าคนนี้ นั่นคือเขาเป็นคริสตชนที่เคร่งครัด ดำเนินชีวิตตามความเชื่อที่เขามีอย่างจริงจัง นายร้อยผู้นี้จึงคิดหาแผนการณ์ที่จะทำให้จ่าคนนี้ลดระดับความเข้มข้นในความเอาจริงเอาจังในเรื่องศาสนาของเขาลงบ้าง วันรุ่งขึ้น ขณะที่นายร้อยทำการตรวจแถวทหารตามกิจวัตร เขาเรียกจ่าผู้นั้นให้ออกมายืนข้างหน้าแถว และเริ่มถามจ่าผู้นั้นว่า
                “จ่าเห็นท้องฟ้าไหม?” นายร้อยถาม
                “เห็นครับ”
                “จ่าเห็นดวงอาทิตย์ และ ลานสวนสนามนี้ไหม?”
                “เห็นครับ"
                “จ่าเห็นพระเจ้าไหม?”
                “ไม่เห็นครับ"
                “ถ้ายังงั้นก็ แสดงว่า ไม่มีพระเจ้า”
                ถึงตอนนี้ จ่าผู้นั้น กล่าวขออนุญาตต่อนายร้อยว่า ถ้าเขาจะมีโอกาสได้ถามคำถามนายร้อยสองสามประการจะได้หรือไม่
                “ว่าไปเลยจ่า” นายร้อยกล่าวตอบเป็นเชิงอนุญาต
                จ่า หันไปยังแถวของทหารที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา และถามพวกทหารที่ยืนเข้าแถวอยู่ว่า
                “พวกนาย เห็น นายร้อย ..... เห็นเท้า.... เห็นศีรษะ.... เห็นแขนของเขาหรือไม่?”
                “เห็นครับ” พวกทหารตะโกนตอบ
                “พวกนาย เห็นสมองของนายร้อยหรือไม่?”
                “ไม่เห็นครับ”
                “ถ้ายังงั้นก็ แสดงว่า ไม่มีสมอง”
                ได้ยินอย่างนี้พวกทหารต่างหัวเราะกันยกใหญ่ แม้แต่นายร้อยผู้นั้นก็หัวเราะด้วยไม่ได้
                ถึงตอนนี้จ่าผู้นั้น หันมาแสดงความเคารพต่อผู้บังคับบัญชาและกล่าวขออภัยต่อผู้บังคับบัญชาว่า “ผมขอโทษครับ ที่ผมทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะท่าน”
                “ดีมาก จ่ามีปฏิภาณไหวพริบยอดเยี่ยม” นายร้อยกล่าวชื่นชม “ฉันก็ต้องขอโทษจ่าด้วยเหมือนกัน ที่ได้กล่าวล่วงเกินจ่าไป”

                                                                                                                               คุณพ่อสุพจน์
........................................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน
                อาทิตย์นี้เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกาแล้ว เร็วใช่มั้ยครับ อาทิตย์นี้ยังเป็นอาทิตย์พระเมตตาของพระเจ้าอีกด้วยตามที่บุญราศีพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ได้กำหนดขึ้น การฉลองปัสกาเป็นการฉลองธรรมล้ำลึกแห่งความรักและความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์โดยอาศัยการถวายบูชาบนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า หลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์เสด็จไปพบกับบรรดาศิษย์ของพระองค์เพื่อยืนยันการกลับคืนชีพของพระองค์ พระเยซูเจ้ามาพบกับพวกเขาที่ห้องชั้นบน ที่เคยใช้เป็นที่สำหรับชุมนุมกัน รับประทานอาหารร่วมกัน ได้ฟังพระวาจาของพระเยซูเจ้าพระอาจารย์ ได้นอนหลับพักผ่อน ที่ห้องชั้นบนนี้เป็นสถานที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่น่าจดจำสำหรับบรรดาศิษย์ พวกเขาจึงมารวมตัวกันเพื่อชุมนุมกัน เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ของพระเยซูเจ้า และพวกเขาก็ได้พบกับพระองค์ และจำพระองค์ได้ที่ห้องชั้นบนนี้ หากจำได้ว่าห้องชั้นบนนี้เคยเป็นสถานที่ที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท “จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเรา” ซึ่งหมายถึง พวกสาวกได้พบกับพระเยซูเจ้าและจำพระองค์ได้ก็ที่ห้องชั้นบนนี้ ห้องนี้มีความสำคัญสำหรับพวกเขา เพราะทำให้พวกเขากลับมามีความเชื่อในพระเยซูเจ้าอีกครั้ง ทำให้พวกเขากลับมามีศรัทธาในพระองค์อีก
            ห้องชั้นบนสำหรับพวกเราก็คือ วัด ที่เป็นสถานที่ประกอบพิธีศีลมหาสนิท เป็นสถานที่สำหรับมาชุมนุมกันของบรรดาคริสตชน เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการมาวัด มาร่วมพิธีมิสซาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นแหล่งที่หล่อเลี้ยงความเชื่อของเรา เราจะได้พบกับพระองค์เมื่อเราสวดภาวนา รับศีลศักดิ์สิทธิ์ ร่วมพิธีกรรม ถ้าเราไม่ได้มาวัด หรือบางคนมาวัดแต่ไม่ได้รับศีลมหาสนิท แล้วเราจะพบกับพระองค์และจำพระองค์ได้อย่างไรกัน
                                                                                                                                                     คุณพ่อศวง