วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            จิตตารมณ์เทศกาลมหาพรตอีกประการหนึ่งที่เราควรนำมาเป็นกรอบในการดำเนินชีวิตคือ การรู้จักประมาณตน จิตตารมณ์นี้มีความหมายหลายประการที่จะนำมากล่าวพอสังเขปเพื่อให้พี่น้องนำไปพิจารณาปฏิบัติ
            ประการแรก หมายถึง การละเว้นจากสิ่งฟุ่มเฟือย ความหมายของประการนี้คือ การงดจากการกิน การดื่ม การใช้ การบริโภค ข้าวของสิ่งฟุ่มเฟือย หรูหรา ราคาแพง ยกตัวอย่างเช่น การรับประทานอาหารในภัตตาคารที่มีราคาสูง การใช้ข้าวของที่แพงเกินความจำเป็น เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นจิตตารมณ์ของโลกวัตถุนิยม อันจะทำให้จิตใจของมนุษย์เราฝักใฝ่ และ ผูกติดกับ วัตถุสิ่งของที่เสื่อมสลายไปได้ มากกว่าที่จะมีจิตใจผูกติดกับสิ่งที่จีรังยั่งยืนกว่านั่นคือชีวิตสนิทกับพระ และ ความปรารถนาในสมบัติฝ่ายสวรรค์
            ประการที่สอง ปราบความเห็นแก่ตัว ในใจความนี้หมายถึง การสละละน้ำใจของเราเอง โดยเฉพาะในเรื่องความปรารถนาที่ผิดศีลธรรม รวมไปถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงหัวอกเขาก่อนที่จะมัวแต่เอาแต่ใจตัวเอง เรื่องความเห็นแก่ตัวนี้เป็นความโน้มเอียงตามธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว ในเรื่องนี้มนุษย์เรามักแต่จะคิดถึงตัวเองก่อนเสมอ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีวินัยในตนเองที่เคร่งครัด ไม่เช่นนั้นแล้วเรามักจะพ่ายใจตัวเองอยู่เสมอ
            ประการที่สาม จุนเจือผู้ขัดสน เมื่อเราสามารถตัดใจของเราจากสิ่งฟุ่มเฟือยได้แล้ว เอาชนะใจเรา เอาชนะความเห็นแก่ตัวได้แล้ว ก็ให้เราเปิดใจเราให้กว้าง เสียสละแบ่งปัน ช่วยเหลือผู้ขัดสนกว่าเรา ในเรื่องนี้เป็นการแสดงออกถึงความใจกว้างของเรา ยิ่งเราใจกว้างกับผู้อื่นมากเท่าใด พระเจ้าก็จะใจกว้างกับเรามากเท่านั้น ในพระคัมภีร์บอกว่า ท่านใช้ทะนานอะไรตวงให้กับเพื่อนพี่น้อง พระเจ้าก็จะใช้ทะนานนั้นตวงให้กับท่านด้วย ดังนั้นจิตตารมณ์มหาพรตประการนี้จึงเปิดทางให้เราฝึกฝนคุณธรรมแห่งความใจกว้าง ช่วยเหลือจุนเจือผู้ขัดสนในด้านต่างๆให้มากขึ้น
            ประการที่สี่ บำเพ็ญตนมีเมตตากรุณา อย่างที่เราเคยได้ยินกลอนบทนี้ที่มีผู้คนนำมากล่าวอ้างอิงเสมอๆว่า
                        อันความกรุณาปราณี               จะมีใครบังคับก็หาไม่
            หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ             จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
            ฟังกลอนแล้วก็เคลิ้มใจ เพราะกลอนบทนี้ช่วยทำให้ใจเราอยากจะแสดงความเมตตากรุณาปรานีต่อผู้อื่น ผลดีของความเมตตากรุณานั้นมีมากมาย เพราะผู้ที่มีใจเมตตาก็มีคนรักใคร่มากมาย ความเมตตาเป็นคุณสมบัติของผู้ที่สมควรได้รับความเคารพ
            ความเมตตา คือความรักและเอ็นดู ความปรารถนาจะให้ผู้อื่นได้สุข
            ความกรุณา คือความสงสารอยากช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์
            ความปรานี คือความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
            รวมความแล้ว ให้เราแสดงออกต่อผู้อื่นด้วยความรักความเอ็นดู ความหวังดี คอยระแวดระวังไม่ให้ผู้อื่นต้องเผชิญกับปัญหา รวมไปถึงการเข้าใจผู้คนรอบข้าง เคารพในศักดิ์ศรีของเขานั่นเอง
            ขอพระเจ้าโปรดอำนวยพระพรอันอุดมมายังพี่น้อง ให้สามารถบำเพ็ญตนตามจิตตารมณ์ของการประมาณตัวให้เกิดผลงอกเงยเป็นคุณสมบัติที่งดงามของชีวิตพี่น้องทุกคนทั่วหน้า ครับ

พ่อสุพจน์

..................................................................................................................... 

 อาทิตย์มหาทรมาน (แห่ใบลาน)

·        ถ้าเรามองไปที่กางขน
·        คริสตชนเราไม่ได้ยกย่องเชิดชูความตาย
·        แต่เราคริสตชนยกย่องเชิดชูความรัก
ที่พระเยซูเจ้าทรงยอมตายเพื่อเรา
·        และความรักนี้เองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
·        เพราะพระองค์ทรงรักเรา จึงมอบชีวิตของพระองค์เองไถ่เรามนุษย์

ดังนั้น ชีวิตของเราจึงเป็นของขวัญ ของกันและกัน เพราะเราเกิดมาเพื่อที่จะมอบชีวิตของเราให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น

·       หากเรายังแสวงหาทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตนเองโดยไม่เคยแบ่งปันสิ่งต่างๆ ที่เรามีให้กับผู้อื่นเลย
ก็คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า
·        หากเรายังไม่เคยช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เคยมองคนยากจน ไม่เคยสนใจคนยากไร้
หรือหากเรายังสะสม และเห็นแก่ตนเองอยู่เสมอ  ในขณะที่คนรอบข้างของเรายังมีความทุกข์ทรมาน ผอมแห้งแรงน้อย
·        เราคงไม่คู่ควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า !!

เพราะชีวิตของเราควรจะต้องเป็นของขวัญให้กับผู้อื่น  ควรจะต้องเป็นของขวัญให้แก่กันและกัน
·        เหมือนดังที่ชีวิตของพระองค์เอง ได้เป็นของขวัญให้กับเรา  ตายเพื่อไถ่บาปเราทั้งหลาย

·        ดังนั้น ให้เราได้มีชีวิตเพื่อผู้อื่น  มองเห็นผู้อื่น  สนใจผู้อื่น และพยายามมอบสิ่งดีดีให้กับผู้อื่น
ให้ชีวิตของเราได้เป็นของขวัญให้กับผู้อื่น
มอบความรัก ความปรารถนาดี ความเสียสละ และการอภัย ให้แก่เพื่อนพี่น้องรอบข้างของเรา
เหมือนดังที่พระเยซูเจ้าได้มอบชีวิตของพระองค์เอง ยอมทรมานและสิ้นพระชนม์ เพื่อเราทั้งหลาย

คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                ในขณะที่เรากำลังเตรียมตัวฉลองเทศกาลปัสกาที่จะมาถึงนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ให้ข้อคิดกับเราว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เราจะฟื้นฟูสิ่งที่เราได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ในขณะที่เราได้รับศีลล้างบาป ให้เราก้าวไปในสังคมเหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าเคยทำ ด้วยการทำชีวิตของเราทั้งครบให้เป็นเครื่องหมายแห่งความรักสำหรับเพื่อนพี่น้องรอบข้างเรา โดยเฉพาะบุคคลที่อ่อนแอที่สุด และ ขัดสนที่สุด ให้เราทำชีวิตเราให้เป็นพระตำหนักที่พระเจ้าประทับอยู่เสมอ และเปิดชีวิตเราให้ผู้คนที่พบปะกับเราให้เขาได้มีโอกาสพบกับพระเยซูเจ้าผู้ประทับอยู่ในตัวเรา เช่นนี้แหละคือการทำชีวิตของเราเป็นประจักษ์พยานที่มีชีวิตถึงองค์พระคริสตเจ้า
                สิ่งที่เราควรถามตัวเราเสมอก็คือว่า แล้วพระเจ้าจะรู้สึกว่าพระองค์ประทับอยู่ที่บ้านของพระองค์ในชีวิตของเราหรือไม่? เราเปิดโอกาสให้พระองค์เข้ามาชำระจิตใจของเราให้สะอาดหรือไม่? เราให้พระองค์ขจัดสิ่งสกปรกต่างๆในจิตใจของเราออกไปหรือไม่ สิ่งเหล่านั้นอาจเป็น ความอิจฉาตาร้อน จิตใจที่มัวเมาในโลกวัตถุ การนินทาว่าร้าย การดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น เป็นต้น เราควรถามตัวเราเองอีกว่า เราจะให้พระเยซูเข้ามาทำให้ใจเราบริสุทธิ์มากขึ้นได้ไหม? เราเชื่อไหมว่าพระองค์จะชำระเราให้สะอาดด้วยความอ่อนโยน ด้วยความเมตตา ด้วยความรัก พระองค์จะใช้ความเมตตาเป็นหนทางในการชำระเราให้บริสุทธิ์ ขอให้เราเปิดโอกาสให้พระองค์ชำระเราให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นเถิด
                วันนี้วัดเซนต์หลุยส์ของเรายินดีต้อนรับ พระคาร์ดินัล พระสมณทูต พระสังฆราชจากสังฆมณฑลต่างๆ ตัวแทนของคณะสงฆ์ นักบวชชายหญิง กลุ่มองค์กรฆราวาส รวมถึงพี่น้องสัตบุรุษทุกท่านที่มาร่วมในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณที่จัดขึ้นในเวลา 17.30 . ของวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม ในโอกาสครบรอบสองปี ของพระสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
                โอกาสครบรอบเป็นปีที่สองของการครองสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ให้เราร่วมใจกันภาวนาวอนขอพระพรจากพระเจ้าเพื่อองค์สมเด็จพระสันตะปาปาของเราเป็นพิเศษ เพื่อขอให้พระองค์มีพระพลานามัยสมบูรณ์ มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีแสงสว่างส่องนำทาง มีปรีชาญาณที่จะเทศน์สอนคริสตชนทั่วโลกให้ดำรงอยู่ในหนทางแห่งการเป็นลูกที่ดีของพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงสนับสนุนค้ำชูองค์สมเด็จพระสันตะปาปา ให้สามารถนำพานาวาแห่งพระศาสนจักรให้ปลอดภัย ในท่ามกลางทะเลที่ปั่นป่วน ในท่ามกลางปัญหามากมายของโลก ในท่ามกลางความรุนแรงที่มนุษย์นำมาใช้ประหัตประหารกัน เพื่อให้พระศาสนจักรคาทอลิกดำรงคงมั่นอยู่ในสันติสุขและการคุ้มครองรักษาของพระเจ้าเสมอ
พ่อสุพจน์
...............................................................................

 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต

คนไทยเรารับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก แต่กว่าข้าวจะเป็นข้าวที่เม็ดสวยๆ ให้เรารับประทานได้ จะต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน กว่าจะเป็นเมล็ดข้าวที่ให้ชีวิตได้ ข้าวจะต้องยอมให้ตัวเองตายถึง 5 ครั้ง
ครั้งแรกเวลาชาวนาหว่านเมล็ด  มันต้องยอมตัวเองให้เน่าเปื่อย  ก่อนที่รากของมันจะแทงออกมาเพื่อเกิดเป็นลำต้น  ต่อจากนั้น เมื่อข้าวโตเต็มที่ ชาวนาก็จะมาเกี่ยวไป  มันก็ต้องยอมตายเป็นครั้งที่สอง หลังจากนั้นชาวนาก็จะนำข้าวที่เกี่ยวไปนวด เอาเปลือกออกและก็นำข้าวนั้นไปต้ม  เวลาที่ข้าวอยู่ในหม้อต้ม มันก็ต้องยอมให้ตัวเองถูกต้มจนสุก เมื่อสุกแล้ว  ครั้งสุดท้ายเพื่อจะทำหน้าที่ของมันอย่างครบครัน  มันต้องยอมตัวเองถูกทำลาย นั่นคือ ยอมให้มนุษย์กินมันเข้าไป เพื่อทำให้มนุษย์เติบโตและมีชีวิต  และนี่ก็คือ ข้อคิดจากธรรมชาติที่ยอมให้ตัวเองตายเพื่อจะได้ก่อเกิดชีวิตใหม่  กว่าข้าวจะทำหน้าที่ครบ ก็ต้องยอมย่อยสลายตัวเองถึง 5 ครั้ง ยอมเน่า ยอมโดนตัด ยอมถูกกะเทาะเปลือก ยอมถูกต้ม และที่สุดยอมให้มนุษย์กิน….!!
เมื่อย้อนกลับมามองดูชีวิตของเรา บางทีเราก็รู้สึกว่าชีวิตมันยากลำบาก มีอุปสรรค มีความทุกข์ มีความกังวลใจ ไม่จบสิ้นเสียที อย่าว่าแต่ 5 ครั้งเหมือนข้าวเลย บางทีปัญหาอุปสรรคอาจจะมีนับไม่ถ้วน
บทสรุปจึงตอกย้ำบทนำข้างต้นว่า เมล็ดข้าวย่อมตายเพื่อให้ชีวิตแก่มนุษย์ฉันใด คนเราก็ต้องยอมรับความทุกข์เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้อื่นฉันนั้น
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้สอนเราว่า “ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงในดินและตายไป มันก็จะเป็นเพียงเมล็ดเดียวเท่านั้น แต่ถ้ามันตาย มันก็จะบังเกิดผลมากมาย”

พี่น้องที่รัก ชีวิตเราจะมีคุณค่าและมีความหมายก็ต่อเมื่อเราเริ่มเสียสละเพื่อผู้อื่น และนี่คือเหตุผลที่พระเจ้าทรงลงมารับสภาพมนุษย์ มนุษย์มีความทุกข์หรือ พระเจ้าลงมาและรับความทุกข์นั้นด้วย และทรงเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความชื่นชมยินดี เปลี่ยนกางเขนให้เป็นชัยชนะ เปลี่ยนเสียงร้องไห้ให้เป็นเสียงหัวเราะ
ดังนั้นพี่น้องครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตเรา ขอให้เราอย่าทิ้งพระ อย่าทิ้งความเชื่อ พี่น้องมาวัด มาหาพระ มาสรรเสริญ ขอบพระคุณ และขอพรพระเจ้า ดีแล้ว ดังเช่นวัดของเรา พี่น้องมากันเต็มวัด เต็มเกือบทุกรอบ นั่นแสดงว่าพระเจ้ายังสำคัญเสมอสำหรับชีวิตของเรา ดังนั้นขอให้เราได้ปฏิบัติสิ่งที่ดีเช่นนี้เรื่อยไป พระเจ้าจะได้อวยพรชีวิตเราตลอดไปเช่นเดียวกันครับ


คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                เทศกาลมหาพรตดำเนินมาถึงสัปดาห์ที่ 4 แล้ว จุดประสงค์หลักของเทศกาลนี้นั้น พระศาสนจักรต้องการให้เราคริสตชนได้ใช้เวลาเข้าสู่พรตใหญ่เพื่อบำเพ็ญตนให้บริสุทธิ์งดงาม สำหรับเตรียมฉลองเทศกาลปัสกา ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองที่สำคัญที่สุดในรอบปีพิธีกรรมของเรา วันนี้พ่ออยากกล่าวถึงสิ่งที่พระศาสนจักรแนะให้เราได้ปฏิบัติเป็นพิเศษในเทศกาลมหาพรตนี้อีกประการหนึ่งคือ การบริจาคทาน หรืออีกคำหนึ่งที่เรามักใช้กันคือ การทำบุญให้ทาน หมายถึงการมอบถวายทานปัจจัยเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ปัจจัยที่กล่าวถึงนี้ อาจหมายถึง ทรัพย์ เวลา น้ำใจ รอยยิ้ม ฯลฯ ที่เราสามารถให้กับผู้อื่นเป็นทานได้ ประเพณีอย่างหนึ่งที่เราทำกันต่อเนื่องเรื่อยมาคือ การอดออมเงิน ที่เราอาจใช้สำหรับซื้อ บริโภค สิ่งของที่ฟุ่มเฟือย ที่ไม่จำเป็นในการดำรงชีวิตของเรา แล้วเก็บเงินตามมูลค่าของการอดใจของเรานั้นไว้ รวบรวมใส่ถุง หรือ กระป๋อง เมื่อสิ้นสุดเทศกาลมหาพรตแล้ว จึงนำมาบริจาคให้กับทางวัด เพื่อทางวัดจะจัดนำเงินบริจาคนี้ไปช่วยเหลือผู้ขัดสนในกิจการกุศลต่างๆ ในทางปฏิบัติแล้ว มีการแบ่งเงินบริจาคนี้ออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งร้อยละ 60 ของเงินบริจาคมหาพรตนี้จะส่งไปยังสภาพระสังฆราชเพื่อสนับสนุนการทำงานช่วยเหลือของฝ่ายสังคม อีกส่วนหนึ่ง ร้อยละ 40 ของเงินบริจาคมหาพรตนี้จะนำมาใช้สำหรับช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ขัดสนขาดแคลนภายในเขต ด้วยเหตุนี้เงินบริจาคมหาพรตของเราจึงถูกนำไปช่วยเหลือตามจุดประสงค์ทุกบาททุกสตางค์
                อีกเรื่องหนึ่งที่พี่น้องช่วยกันบริจาคเสมอคือ ในทุกสัปดาห์ที่สองของเดือน เรามีการขอบริจาคจากพี่น้องเพื่อช่วยเหลือผู้ยากจน โดยสมาคมวินเซนต์เดอปอล ซึ่งจิตตารมณ์ของนักบุญวินเซนต์เดอปอลผู้ตั้งคณะนี้ต้องการบรรเทาทุกข์ผู้ยากจน ผู้ขัดสนเช่นกัน ตลอดปีที่ผ่านมาพี่น้องได้ร่วมใจกันบริจาคเป็นจำนวนเงินพอสมควร ซึ่งในสารวัดฉบับนี้ได้นำรายละเอียดของเงินบริจาค และ รายการนำเงินบริจาคของพี่น้องไปช่วยเหลือตามจุดประสงค์ต่างๆมาลงรายงานไว้ เพื่อพี่น้องจะได้ทราบความเป็นไป และ การทำงานของสมาคมวินเซนต์เดอปอล ซึ่งนับว่าเป็นความเสียสละที่น่าชมเชยของเหล่าสมาชิกของสมาคม ที่ได้สละเวลาพิจารณา และดำเนินการช่วยเหลือผู้มาขอความช่วยเหลือ เพื่อให้ทานบริจาคของพี่น้องไปถึงผู้ขัดสนอย่างแท้จริง
                การบริจาคทานนั้นคงไม่ได้หมายถึงการบริจาคเงิน ทรัพย์สินแต่เพียงอย่างเดียว เพราะแม้เราจะไม่มีเงินจะบริจาค เราก็ยังสามารถให้การบริจาคปัจจัยอื่นๆได้เช่นกัน เช่น การให้ทานเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม หรือ การให้คำแนะนำกับผู้ที่ขาดความรู้ในด้านต่างๆ หรือ การใช้ความสามารถพิเศษที่เรามีเพื่อประโยชน์ของวัด ของส่วนรวม เป็นต้น
                ขอให้เทศกาลมหาพรตได้เป็นช่วงเวลาที่เราจะบำเพ็ญตนให้บริสุทธิ์งดงามอย่างแท้จริง การบริจาคทานในรูปแบบต่างๆก็เป็นเสมือนการนำดอกไม้แห่งความเชื่อของเราที่งดงาม มาใส่แจกันถวายแด่พระเจ้านั่นเอง ไม่ว่าผู้มั่งมี หรือ ผู้ยากจน ต่างก็สามารถบริจาคได้ทั้งนั้น ขอให้การบริจาคนั้นมาจากความใจกว้างของเรา พระเจ้าพระองค์ทรงรับรู้และมองเห็นกิจการที่น่าชื่นชมนั้นๆเสมอ

พ่อสุพจน์
...................................................................................................


รายงานการเงินของวินเซนต์เดอปอล คณะนักบุญมีคาแอล วัดเซนต์หลุยส์ประจำปี 2014/2557
ยอดยกมาจากเดือนธันวาคม 2013/2556               =              2,366.56
เงินบริจาคสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน                           =              679,459.25
เงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา                                  =              17,200.00
ดอกเบี้ยเงินฝาก                                                    =              15.87
รวมรับ                                                                  =              696,675.12              บาท

รายจ่าย
                1.ช่วยเหลือครอบครัวผู้ขัดสน(ประจำเดือน)                                     =              118,350.00
                2.ช่วยเหลือเป็นครั้งคราวแก่ผู้ขอความช่วยเหลือ(ขาจร)                  =              14,700.00
               3.ช่วยเหลือเป็นค่าที่อยู่อาศัย                                                            =              8,980.00
                4.ช่วยเหลือการศึกษาเด็กนักเรียนผู้ขัดสน                                        =              2,880.00
                5.ช่วยเหลือการลงทุนค้าขาย                                                            =              3,200.00
                6.ช่วยเหลือด้านรักษาพยาบาล                                                         =              8,430.00
                7.ช่วยเหลือชาวต่างชาติ                                                                   =              131,000.00
                8.ซื้อข้าวสาร                                                                                     =              20,586.00
                9.ค่าถุงพลาสติก                                                                                =              235.00
                10.ซื้อนมผงให้เด็กเล็ก                                                                      =              3,634.00
                11.บ้านพระวิสุทธิวงศ์ ลำไทร                                                            =              60,000.00
                12.สโมสรผู้สูงอายุ(ช่วยการเยี่ยมบ้านธัญญบุรี)                                  =              24,000.00
            13.เงินสนับสนุนการช่วยเหลือรักษาพยาบาลของมูลนิธิเซนต์หลุยส์               =              32,000.00
                14.ช่วยเหลือด้านการศึกษา(คณะน.ยอแซฟแห่งการประจักษ์)           =              72,000.00
                15.เงินสนับสนุนการพิมพ์สารวินเซนต์ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ        =              1,920.00
                16.เงินสนับสนุนคู่คณะวินเซนต์ต่างจังหวัด                                        =              80,000.00
                17. 10% จ่ายให้วินเซนต์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ                              =              237.00
                18.เงินสนับสนุนกิจกรรมของวินเซนต์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ         =              4,000.00
                19.เงินสนับสนุนซื้อผ้าห่มของวินเซนต์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ       =              10,000.00
                20.รณรงค์สัปดาห์ช่วยเหลือผู้ขัดสนของวินเซนต์อัครสังฆมณฑล     =              30,000.00
                21.ช่วยเหลือค่าข้าวสารเด็กฝึกหัดคณะนักบุญยอแซฟแห่งการประจักษ์อุบล =             24,000.00
รวมจ่าย                                                                           =              670,152.00   บาท   

 ยอดคงเหลือยกไปเดือนมกราคม 2015/2558              =              28,889.68  บาท                                                                       

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ชีวิตสังคมเมืองในยุคปัจจุบัน ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปรวดเร็วมากจากอดีต เราคงพอจำได้ว่า เมื่อก่อนเราเคยใช้เตาถ่านหุงข้าว ปรุงอาหาร ต้มน้ำร้อน ฯลฯ เราเคยจำได้ว่า กว่าจะใช้ความร้อนจากเตาในการปรุงอาหาร ต้มน้ำได้นั้น เราต้องใช้เวลาในการเตรียมเตา จุดไฟ ใส่ถ่านหุงข้าว รอให้ถ่านร้อน ถึงจะจัดการหุงต้ม หรือ ประกอบอาหารได้ ซึ่งแน่นอนใช้เวลาพอสมควร สำหรับแม่ครัว จะเตรียมอาหารให้สมาชิกในบ้านทานแต่ละมื้อ ต้องใช้เวลานับชั่วโมง หรือ หลายชั่วโมง บางทีกว่าน้ำในกาจะเดือด ก็มีเวลาไปทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่าง
                เดี๋ยวนี้ภาพการเตรียมอาหารแบบดั้งเดิมนั้นสำหรับชีวิตในเมืองเรียกว่าหาดูได้ยากแล้ว เพราะเรามีทั้งเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า และ อุปกรณ์ช่วยเตรียมอาหารที่สะดวกและใช้เวลาน้อยลงไปกว่าเมื่อก่อนมากทีเดียว ชีวิตเราสะดวกสบายกว่าแต่ก่อนมากมาย อุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ มีคุณภาพขึ้น ดีขึ้น ช่วยเราประหยัดเวลาไปได้มากมาย
                แต่น่าแปลกตรงที่ว่า ยิ่งเรามีความสะดวกสบายเท่าไร เราก็ยิ่งกล่าวว่า "ไม่มีเวลา" บ่อยขึ้นเท่านั้น แม้ชีวิตเราจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยทำงานแทนเรามากมาย เราน่าจะมีเวลาเหลือมากขึ้น ว่างมากขึ้น แต่เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เวลาของเราหายไปไหนหมด ทำให้เราต้องอุทานกับตัวเอง หรือ กับคนอื่นเสมอๆว่า ไม่มีเวลา เราใช้คำๆนี้มาเป็นเหตุผลอ้างอิงกับผู้คนรอบข้างในเวลาที่เราได้รับการเรียกร้องให้ทำบางสิ่งบางอย่าง เช่นกิจกรรมสำหรับหมู่คณะ ครอบครัว ญาติพี่น้อง หรือ บุคคลอื่นๆ
                คำว่าไม่มีเวลาจึงเป็นคำอ้างอิงที่ช่วยเราให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง ในยามที่มโนธรรมของเราติเตียนเรา ว่าเรามีเวลามากมายสำหรับสิ่งที่เราสนใจ สิ่งที่เราชอบ แต่เรากลับไม่ยอมจัดสรรเวลาเพื่อบุคคลอื่นเท่าที่ควร หลายครั้งคำว่าไม่มีเวลาก็นำมาใช้เป็นเหตุผลอ้างอิงเช่นกันกับชีวิตฝ่ายจิตของเรา โดยเฉพาะในเรื่องการสวดภาวนา การปฏิบัติศาสนกิจ ตามหน้าที่คริสตชนที่ดี
                เทศกาลมหาพรตนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เราสมควรหวนกลับมา จัดลำดับความสำคัญของการใช้เวลาในชีวิตของเราเสียใหม่ ให้เราหันมาทบทวนว่าเราได้ให้เวลาสำหรับการภาวนาเท่าที่ควรหรือไม่ ให้เราหันมาทบทวนดูว่า เราได้ให้เวลาสำหรับการทำกิจศรัทธาต่างๆเพื่อบำรุงจิตใจ และ เพื่อพระพรเหนือธรรมชาติสำหรับชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราอย่างเหมาะสมหรือไม่
                เทศกาลมหาพรตนี้ขอให้เราหันมาให้ความสำคัญกับการภาวนาเป็นพิเศษ เช่นการสวดภาวนาเช้า การสวดภาวนาค่ำ การเดินรูป 14 ภาค การสวดลูกประคำ และ การมาถึงวัดเพื่อร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณแต่เนิ่นๆ สิ่งต่างๆเหล่านี้คือกิจการที่เป็นรูปธรรมที่เราสามารถปฏิบัติได้ เป็นการแสดงออกภายนอกว่า เทศกาลมหาพรตมีความหมายต่อชีวิตของเราจริงๆ


พ่อสุพจน์
.........................................................................................
พระคาร์ดินัลองค์ที่ 2 ของประเทศไทย
เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง เมื่อพระอัครสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พระสังฆราชของเราได้รับการสถาปนาเป็นพระคาร์ดินัล ตามการประกาศของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ณ กรุงวาติกัน ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คริสตชนชาวไทย และเป็นพิเศษอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ รวมไปถึงเราทุกคนจึงมีความยินดี โมทนาคุณพระเป็นเจ้า สำหรับพระพรของพระเจ้าที่มีต่อเราทุกคน
ดังนั้น โอกาสพิเศษนี้เอง เชิญชวนพี่น้องทุกท่านจะได้ร่วมใจกันภาวนาเพื่อพระสังฆราชของเราและร่วมแสดงความยินดีในพิธีฉลองพระสมณศักดิ์ของพระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช  ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2015   ณ หอประชุมนักบุญยอห์น ปอล ที่ 2  โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์  อ.สามพราน  จ.นครปฐม

โดยมีกำหนดการ  ดังนี้
                        09.00 น.     การแสดงความยินดีจากคณะ หน่วยงาน องค์กร ต่างๆ
   10.30 น.     พิธีบูชาขอบพระคุณ
   12.00 น.     รับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน







คพ.วิทยา