วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2019



สารวัดวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2019
สมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล


พี่น้องที่รัก...
        วันอาทิตย์นี้ สมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล“เราจะตั้งพระศาสนจักร และไม่มีวันอำนาจชั่วร้ายจะชนะพระศาสนจักรได้” พระวาจาและศีลศักดิ์สิทธิ์คือเครื่องมือสำคัญซึ่งบรรดาผู้ร่วมงานของพระองค์ใช้เพื่อการทำงานสืบต่อเนื่องจนมาถึงทุกวันนี้ มิสซังสยาม 350 ปีกับชุมชนของเซนต์หลุยส์มากกว่า 60 ปี และยังคงอาศัยพระวาจาและศีลศักดิ์สิทธิ์เลี้ยงดูประชากรของพระองค์
        ตั้งแต่กรกฎาคม ปี 2018 จนถึงสิ้นสุดมิถุนายน 2019 วัดเซนต์หลุยส์มีกิจกรรมเตรียมเฉลิมฉลอง 350 ปี มีทั้งประสบความสำเร็จ สำเร็จบ้างและไม่สำเร็จบ้าง อาจเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์หรือการมีส่วนร่วม หรือการทำความเข้าใจหรือการประสานงานยังไปไม่ถึงกัน และสุดท้ายยังเป็นเพียงแค่ตัวอักษรหนังสือยังไม่ออกมาเป็นกิจกรรม
        เมื่อ 15 พฤษภาคม 2019 มีมิสซาเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สามพราน และ4 มิถุนายน 2019 ครบ 350 ปีมิสซังสยามตรงวันที่อยุธยา มีเปิดห้องนิทรรศการและสนทนาเรื่องราวที่สำคัญ และจะมีเหตุการณ์ที่จัดกันไปอีกมากมาย  พี่น้องเริ่มรู้สึกตัวเองอย่างไรบ้าง
        ครบ 350 ปีต้องมีการก้าวต่อไป ขีดเขียนเวลาอีก 50 ปี เพื่อให้คนหนุ่งสาวทำงานมองไปข้างหน้าเพื่อวันหนึ่งจะแลเหลียวหลังทบทวน เหมือนขณะนี้ที่หลายภาคส่วนกำลังทำกัน
        วัดเซนต์หลุยส์ ก้าวไปข้างหน้า แต่ละวันแต่ละเดือน เริ่มกรกฎาคม 2019-ธันวาคม 2019
        เดือนกรกฎาคมล้อมรอบแท่นพระบ้านใกล้เรือนเคียง บ้านเรือนเคียงกันพบปะเยี่ยมเยียนสวดด้วยกันบ้าง ไม่ต้องเยอะ เฉพาะญาติๆหรือเพื่อนสนิท สักครั้งหนึ่งก็ยังดี ใช้แท่นพระเป็นสถานที่นัดพบ เรียบง่ายและสามารถทำได้เลย ไม่ต้องอะไรมาก จัดพระแท่นเรียบร้อย นัดรวมตัว เชิญพระสงฆ์ก็ครบเครื่องเรื่องล้อมรอบพระแท่นบ้านใกล้เรือนเคียง
        เดือนสิงหาคมเราจะรำลึกนึกถึงบรรพชนมิชชันนารี ก่อนฉลองวัด จะนำพาพี่น้องไปเยี่ยมบรรดามิชชันนารีผู้ก่อร่างสร้างเซนต์หลุยส์ทั้งที่ดิน โรงพยาบาล วัดและโรงเรียน ก่อนวันฉลองวัดเซนต์หลุยส์ในปีนี้ เช่นพระคุณเจ้าเวย์ พระคุณเจ้าหลุยส์โชแรง พระคุณเจ้าลังเยร์ เพื่อรำลึกถึงท่านในคำภาวนา
        เดือนกันยายน  พระวาจาหล่อเลี้ยงชีวิต เพื่อพระคัมภีร์
        เดือนตุลาคม สายประคำนำทางชีวิตเพื่อความศรัทธาต่อแม่พระ
        เดือนพฤศจิกายน พระกระแสเรียกเพื่อบำรุงชีวิตเณรและเด็กเยาวชน
        เดือนธันวาคม เฉลิมฉลองพระทรงบังเกิด เพื่อมอบความสุขให้แก่กัน
        พ่อเขียนด้วยตัวอักษรอีกครั้งหนึ่ง เพื่อหวังว่าจะได้กิจกรรมเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
        นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 1 นี้เป็นต้นไป เริ่มสอนคำสอนตั้งแต่ 8.00 -12.00 น.และรับศีลมหาสนิทครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม การรับศีลกำลังจะไปรับในเดือนมกราคม ปี 2020 พร้อมเด็กนักเรียนอื่นๆ

คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม

บอกกล่าว เล่าเรื่อง
                         
จดหมายเปิดผนึก
สวัสดีท่านทั้งหลายขอเป็นตัวแทนส่งจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้มายังท่านทั้งหลายในช่วงชีวิตที่ยังมีเรี่ยวมีแรงทำอะไรได้อยู่
สำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในวัยเรียนทุกคน คุณคงกำลังสนุก กำลังมีไฟ กำลังอยากทำอะไร ลองอะไรใหม่ๆ เป็นต้นในช่วงชีวิตวัยรุ่นของคุณ จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่าอย่างมีสติ อย่างรอบคอบ อย่างไม่สร้างภาระหรือความเดือดร้อนให้ใคร ชีวิตไม่ได้สมหวังไปทุกเรื่อง ไม่ได้ผิดหวังไปทุกอย่าง อย่าเอาแค่เรื่องหนึ่งเรื่องใดมาทำลายทั้งชีวิต มีทุกข์ มีสุข เรียนรู้เป็นบทเรียนด้วยความเข้าใจ ล้มบ้าง ลุกบ้าง นอนสักพัก และเดินต่อไปและลองออกจากหน้าจอมาสู่หน้าจริงกับคนรอบตัวมากขึ้น
สำหรับหนุ่มสาวผู้อยู่ในวัยทำงานทั้งหลาย คุณเป็นวัยที่กำลังมีไฟมีพลัง มีฝันมากมายที่ตั้งใจทำให้เป็นจริง อยากให้คุณรักษาไฟในการทำงาน ไฟในการใช้ชีวิตให้ติดอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะหลายๆ เรื่องที่คุณประสบพบเจอในแต่ละวัน ไม่ว่าที่บ้านหรือที่ทำงาน มันมักพรากความมีชีวิตชีวา มักพรากไฟของความกระตือรือล้นให้มอดไป มากกว่านั้นในขณะที่คุณรักษาไฟในการใช้ชีวิตไว้ได้ อย่าลืมว่าชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่องงาน แต่ชีวิตมันยังมีเรื่องอื่นๆให้ทำให้สนใจอีกมากมาย อย่าลืมที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆ อย่างสมดุล มีเวลาดูแลสุขภาพกายด้วยการออกกำลังกายบ้าง พักผ่อนบ้าง สุขภาพใจด้วยการเสริมเติมพลังทางใจบ้าง มีเวลาให้พระบ้างในแต่ละวัน หลายครั้งเราก็มักบอกว่าเราไม่มีเวลา รอมีเวลาเดี๋ยวจะไปวัด รอมีเวลาเดี๋ยวจะสวดและก็ยัง รอ รอ รอและอย่าลืมใส่ใจและมีเวลากับคนรอบตัวเพิ่มขึ้นอีกหน่อย
สำหรับผู้เจริญด้วยวัยวุฒิทุกท่าน ท่านคือพระในบ้าน ท่านคือกำลังใจของลูกๆหลานในบ้าน ท่านคือคัมภีร์สารพัดนึกที่มีชีวิตที่ลูกๆหลานๆจะพึ่งพา เป็นเสาหลักให้คนหนุ่มคนสาวพึ่งพิง อย่าให้ขวบปีที่เพิ่มขึ้นทำให้จิตใจห่อเหี่ยวทำให้หมดพลังในชีวิต แต่กลับเพิ่มเติมด้วยความเกรี้ยวกราด ด้วยอารมณ์ ด้วยคำบ่นด่าแต่ตรงกันข้ามขวบปีที่เพิ่มขึ้น น่าจะเป็นพลังเสริม เป็นแรงบวกให้ลูก ๆ หลานที่กำลังเติบโตมีพลังกาย พลังใจ ในการใช้ชีวิต ผ่านทางคำปลอบโยน เวลาผิดหวัง ผ่านทางคำแนะนำเวลาไม่มีทางออก ผ่านทางแบบอย่างชีวิต เวลาที่มองมา ผ่านทางความเชื่อศรัทธาเวลาที่ไขว้เขว
เติบโตไปกับช่วงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีความสุข เพราะความสุขในชีวิตคือการได้เติบโตและเห็นคนอื่นเติบโตขึ้น 
(แรงบันดาลใจการเขียนจากบทความจดหมายถึงวัย24)
                                                                                                                       
ปลัดวัดสาทร

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2019
สมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า

พี่น้องที่รัก...
        วันอาทิตย์นี้ สมโภชพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้ามิสซา รอบ 10.00 น.จะเป็นมิสซาอัญเชิญศีลมหาสนิทรอบวัด(แห่)เพื่อร่วมชุมนุมและนมัสการศีลมหาสนิทพร้อมเพรียงกัน
        บริเวณหน้าวัดพระจิตเจ้า หน้าศาลาหลุยส์มารีย์ และพระแท่นใหญ่ของวัดเซนต์หลุยส์เชิญชวนเราโมทนาคุณพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทและรับพรอย่างสง่า ณ บริเวณทั้งสามแห่ง ก่อนจะรับพร เราจะร่วมขบวนแห่และสวดภาวนาด้วยกัน สวดถวายกิจการแห่งเมตตาธรรมสำหรับโรงพยาบาล ณ พลับพลาหน้าวัดพระจิตเจ้าในโรงพยาบาล  สวดภาวนาเพื่อบรรดามิชชันนารีและบรรพชนที่ล่วงลับของวัด ณ บริเวณโถงหน้าศาลาหลุยส์มารีย์ และสุดท้านพระแท่นใหญ่ในวัดเพื่อชุมชนของวัดเซนต์หลุยส์ โอกาสเฉลิมฉลอง 350 ปีมิสซังสยามหรือการเริ่มต้นงานความรักซึ่งเป็นพระวรสารของชาวไทย
        ในโอกาสนี้เขอพระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงดูบรรดาเด็กและเยาวชนของวัด ให้เขาเจริญเติบโตและกลายเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า นำความรักและสันติสุขมาสู่บ้านและกับเพื่อนผู้อื่น
        ขอคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครอง สอนเขาเตรียมตัวมาวัด แก้บาปและรับศีลอย่างดี อีกทั้งดูแลเด็กๆที่ยังไม่ถึงเกณฑ์รับศีล ชี้แนะนำและสอนให้เขารู้จักศีลมหาสนิท เพื่อสักวันหนึ่งเขาจะได้เจริญเติบโตและสามารถรับศีลมหาสนิทเหมือนกับบุคคลอื่นๆได้  บางทีลูกหลานถาม ถือเป็นโอกาสที่ดี “นี่คืออะไร” คำตอบนี่คือพระเยซูเจ้าที่พระองค์เลี้ยงดูเราผ่านทางอาหารศักดิ์สิทธิ์ “อยากกินมั่ง” “แบ่งให้หนูสิ” ก็ต้องอธิบายผ่านทางครูคำสอน หรือผู้ใหญ่ที่ค่อยๆแนะนำ บางคนสอนลัดไปแบ่งให้เด็กทานเลย เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้อย่างเด็ดขาด เพราะศีลมหาสนิทเป็นเรื่องที่ผู้รับต้องรู้และเข้าใจว่านี่คืออะไรและมีผลอย่างไร
        ผู้ใหญ่ก็ต้องรู้ด้วยว่าการรับศีลมหาสนิทได้นั้นต้องอยู่ในสถานะพระหรรษทานคือปราศจากบาป(หนัก)หากมีต้องแก้บาปก่อน หากยังแต่งงานไม่เรียบร้อยคือไม่ได้ประกอบพิธีสมรสในวัดก็ต้องรอเวลาเพื่อจัดการตัวเองให้แต่งงานเข้าวัดเข้าวาให้เรียบร้อยก่อน ในเวลาเดียวกันการร่วมมิสซาวันละหลายๆครั้ง ควรรับศีลมหาสนิทเพียงหนึ่งครั้งหรือสองครั้งเท่าที่จำเป็นเพราะการรับศีลมหาสนิทนั้น พระศาสนจักรให้รับศีลครั้งที่สองได้แต่ต้องเหมาะสมจริงๆ  สมัยก่อนรับได้วันละครั้งเท่านั้น สมัยนี้บางคนไปร่วมมิสซาสำคัญๆก็อนุญาตให้รับได้อีกหนึ่งครั้ง ถ้าเป็นพระสงฆ์อนุญาตถวายมิสซาได้ในวันธรรมดาสองครั้ง ถ้าเป็นวันอาทิตย์ก็สามครั้งเท่าที่จำเป็นๆจริง เพื่อการอภิบาลสัตบุรุษ  เมื่ออธิบายเช่นนี้แล้วก็ต้องทำความเข้าใจกับตัวเองและอธิบายกับคนที่ยังทำอะไรไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง
        อนึ่ง เมื่อรับศีลมหาสนิทตอบรับอาแมนแล้ว ควรรับใส่ปากทันที! ณ ที่รับตรงจุดนั้น ไม่สามารถแบ่งหรือหักปังศีลมหาสนิทเสกแบ่งให้คนอื่นทาน  เพราะป้องกันการทำทุรจารคือสิ่งที่ไม่เหมาะสม  หรือนำกลับไปบูชาที่บ้านตัวเอง  เป็นข้อห้ามเด็ดขาด!
        กรณีผู้ยังไม่ได้เป็นคาทอลิก รวมถึงคริสตนนิกายอื่นๆก็ไม่สามารถรับศีลมหาสนิทได้ เหตุผลคือทัศนะความเชื่อต่อศีลมหาสนิมไม่เหมือนและยังมีข้อความเชื่อที่แตกต่างกันด้วย                           
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม




บอกกล่าว เล่าเรื่อง
                        เห็นอะไรในภาพนี้ (ลองมองก่อนที่จะอ่าน)
           
                                        .



เด็กน้อยคนหนึ่งในชั่วโมงศิลปะ คุณครูมอบหมายให้วาดภาพหนึ่งภาพในกระดาษขาวที่จะแจก โดยวาดให้สวยที่สุดเท่าที่จะทำได้                 เด็กน้อยคนนี้เมื่อได้รับกระดาษก็รู้สึกไม่พอใจและหงุดหงิดมาก เพราะกระดาษที่เธอได้รับมันไม่ขาวแบบของเพื่อน แต่มันมีจุดดำ ซึ่งคงจะเลอะหมึกปากกาอยู่กลางกระดาษ เธอได้แต่โวยวายและบ่นว่าผลงานของเธอจะด้อยกว่าเพื่อนแน่ๆ เพราะกระดาษของเธอมันไม่ขาวสะอาดเหมือนคนอื่นและจะทำให้ผลงานที่ออกมามันด้อยลงไป
เห็นอะไรในกระดาษ พ่อนำภาพกระดาษของเด็กคนนั้นมาให้พี่น้องลองมอง เห็นอะไรในรูปที่นำมา เวลาที่นำภาพนี้มาให้ทุกคนได้มอง เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ทุกคนจะมองเห็นจุดดำๆ ที่อยู่กลางกระดาษ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองเห็นได้ชัดเจนที่สุดอย่างไม่ต้องบอกอะไร ผู้ที่นำเสนอภาพนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้คติสอนใจกับเราแต่ละคนว่า ธรรมชาติเรามักจะมองจุดดำในชีวิตของกันและกันจนพลาดที่จะมองสีขาว ซึ่งหลายครั้งมีอยู่มากกว่า พูดถึงตรงนี้เราจะคิดขึ้นมาทันทีว่า จริงๆแล้วจุดดำมันเล็กมากเลยถ้าเทียบกับพื้นที่สีขาวที่มีมากกว่าในกระดาษแผ่นนี้
            นี่เป็นธรรมชาติหนึ่งในชีวิตของเรา หลายครั้งเรามักมองเห็นข้อเสีย มองหาข้อด้อยของกันและกันจนพลาดที่จะมองเรื่องดีๆสิ่งดีๆที่มีอยู่ในชีวิตของกันและกัน ซึ่งหลายครั้งมันมีมากกว่าข้อเสียข้อด้อยที่เห็น เหมือนกับกระดาษขาวแผ่นนี้ ที่มีพื้นที่สีขาวอีกมากเมื่อเทียบกับจุดดำเพียงจุดเดียว แต่เราก็มักมองเห็นจุดดำนี้จนละเลยสีขาวซึ่งมีมากกว่า นี่เป็นธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวของเรามนุษย์แต่ละคนอย่างปฏิเสธไม่ได้ เราให้ความสนใจมุ่งความสนใจไปที่ปัญหา ไปที่ความผิดพลาดตรงหน้า จนลืมเรื่องดี ๆ ที่มี จนพลาดเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญกว่า
            บางทีลองมองข้ามจุดดำไปบ้างเราจะเห็นว่ามีพื้นที่สีขาวให้เราทำอะไรอีกมากมาย ชีวิตก็เช่นกัน ลองมองข้ามจุดดำ หลุมดำ จุดอ่อน ข้อด้อย ของกันและกัน และลองหันมามองหาจุดดี ข้อดี ของกันมากขึ้น เราจะพบว่าจริงๆแล้วทุกคนมีมุมที่น่ารัก มีมุมที่งดงามและมีพื้นที่ดีๆ ที่สามารถทำอะไรได้อีกมากมาย
            ทันทีที่คุณครูได้ยินเด็กคนนี้บ่นและโวยวาย คุณครูก็เอาปากกามาลากเส้นต่อจากจุดที่เลอะนั้นเป็นรูปดอกไม้ที่สวยงามกลางหน้ากระดาษเด็กน้อยยิ้มทันทีและเริ่มวาดรูปต่ออย่างมีความสุข 

ปลัดวัดสาทร

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2019
สมโภชพระตรีเอกภาพ


พี่น้องที่รัก...
        พ่อขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่านมาร่วมชุมกันเพื่อเคารพสักการะศีลมหาสนิท ในวันอาทิตย์หน้าที่ 23 เป็นวันอาทิตย์สมโภชพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้ามิสซา รอบ 10.00 น.จะเป็นมิสซาอัญเชิญศีลมหาสนิทรอบวัด(แห่)เพื่อร่วมชุมนุมและนมัสการศีลมหาสนิทพร้อมเพรียงกัน
        บริเวณหน้าวัดพระจิตเจ้า หน้าศาลาหลุยส์มารีย์ และพระแท่นใหญ่ของวัดเซนต์หลุยส์ ในมิสซาขอบพระคุณพระเจ้า บรรดาเด็กๆและเยาวชนจะช่วยพิธีกันเพื่อให้บรรยากาศของความเป็นชุมชนที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งโรงพยาบาล วัด โรงเรียนและวิทยาลัย  การร่วมแห่แหนและออกมาต้อนรับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทซึ่งเป็นเหตุการณ์พระธรรมล้ำลึกที่พระองค์ประทับอยู่และทรงเลี้ยงดูชาวเราด้วยพิธีมิสซาประจำวันทั้งพระวาจาทรงชีวิตและอาหารศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ศิษย์คริสตชน “รัก รับใช้ ช่วยเหลือและแบ่งปันกัน”ดั่งที่พระองค์กำลังเทศนาสั่งสอนกับบรรดาผู้คนมากมายที่มีทั้งผู้สูงอายุ ชายหญิง เยาวชนและเด็กๆล้อมรอบพระองค์
        ในโอกาส 350 ปีที่พระศาสนจักรไทยกำลังเจริญเติบโต เป็นเวลาที่ดีที่เรามาพร้อมกันโมทนาคุณพระเพื่อลุกก้าวเดินออกไปกระจายเรื่องราวที่พระองค์สั่งสอนและขอให้เรากระทำดังนี้เพื่อระลึกถึงพระองค์ เรื่องพันธะกิจแห่งความรักและการรับใช้ ดูจะเป็นเรื่องที่พระองค์ย้ำกับศิษย์ก่อนเสด็จสู่สวรรค์
        พระองค์จะยังคงประทับอยู่ในชุมชนของเราด้วยศีลมหาสนิท HOLY COMMUNION ในพิธีขอบพระคุณพระเจ้าในวันของพระองค์
        ขอบคุณพ่อแม่และบรรดาผู้ใหญ่ที่ให้ความสำคัญ นำพาลูกหลานมาวัดและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน เพื่อให้เด็กๆเหล่านี้กลายเป็น “ศิษย์ที่เจริญวัย ก้าวออกไป” เพื่อนำความรักของพระเจ้าซึ่งสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรมกิจการรักและช่วยกัน”
        อีก 50 ปี บรรดาเด็กๆเหล่านี้ก็จะพูดคุยกันถึงเรื่องราวที่เรากำลังทำกันในวันนี้ เหมือนบรรดามิชชันนารี บรรพชนของครอบครัวเราต่างได้เคยร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันมาอย่างยาวนาน 350 ปี
        เชิญชวนพ่อแม่แต่งตัวลูกให้สวยงามและเตรียมตัวอย่างเต็มที่เพื่อมาร่วมพิธีขอบพระคุณในวันอาทิตย์หน้า สมกับการมานมัสการพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงรักเราทุกคน
       
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม


บอกกล่าว เล่าเรื่อง
รักตนเองได้ก็รักผู้อื่นเป็น
เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสได้อ่านบทความสั้นๆของวัยรุ่นคนหนึ่งโดยเธอใช้ชื่อบทความนี้ว่า ทฤษฏีหน้ากากออกซิเจนบนเครื่องบิน โดยวัยรุ่นคนนี้ได้นิยามเรื่องนี้ไว้ว่า ทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบิน จะได้ยินกฎข้อหนึ่งเสมอว่าเมื่อหน้ากากออกซิเจนตกลงมา ให้ใส่ให้ตัวเองก่อนแล้วค่อยใส่ให้เด็กที่นั่งข้างๆ
ถ้าเรายังไม่ได้ใส่หน้ากากแล้วใส่ให้คนข้างๆก่อน สิ่งที่อาจเกิดขึ้น คือ เราอาจจะขาดอากาศหายใจไปก่อนโดยที่อาจยังไม่ทันใส่ให้เขา สุดท้ายใส่ให้ตัวเองก็ยังไม่ได้ คนข้างๆ ก็ยังไม่ทันใส่ให้ได้ กลายเป็นแย่กันไปหมดแต่ถ้าเราใส่ให้ตัวเองแล้ว หายใจได้แล้ว จะใส่ให้อีกกี่คนจะช่วยใครอีกกี่คนก็ทำได้ ทฤษฏีนี้ก็ไม่ต่างจากความรัก จะรักคนอื่นได้ดีก็ต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้ดีก่อน ด้วยการยอมรับ ด้วยความเข้าใจ ให้อภัยตัวเองให้ได้แล้วจึงมอบความรักนั้นให้คนอื่น ถ้าเรายังรักตัวเองไม่เป็นถึงเจอความรักที่ดีแค่ไหน เราก็ไม่เข้าใจ ยิ่งแย่ไปกว่าเราอาจจะทำลายความรักนั้นกับมือก็เป็นได้และตอนท้ายๆ ของบทความเธอก็สรุปสั้นๆว่าให้ท่องไว้ว่า 1. ต้องรักตัวเองให้ดีก่อน ถึงจะรักคนอื่นให้ดีได้ 2. ต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน ถึงจะดูแลคนอื่นให้ดีได้
บทความนี้อาจไม่ใช่บทความที่ดีที่สุดอะไร อาจจะไม่ได้ให้นิยามความรักที่สวยงามอะไรนัก แต่เวลาที่พ่อได้อ่านก็ทำให้กลับมาคิดบางสิ่งบางอย่าง ถึงการรักตนเองแบบที่ควรจะเป็น และพ่อคิดว่าเราทุกคนโดยธรรมชาติ เราก็มีแนวโน้มรักตนเองอยู่แล้ว แต่รักแบบที่ควรเป็นหรือรักแบบที่เราคิดว่ารัก ลองย้อนมองดูตัวเราแต่ละคน เรารักตนเองเพียงพอหรือยัง
รักตนเองด้วยการเรียนรู้ที่จะดูแลสุขภาพกายและใจให้ดี พักบ้าง มีเวลานั่งหายใจสงบๆ เฉยๆ บ้าง ได้ทบทวนชีวิตบ้าง ออกจากหน้าจอโทรศัพท์มาอยู่ต่อหน้าต่อตาคนข้างหน้าเราบ้าง การพักเป็นหน้าที่ อย่าปล่อยให้ตัวเองอ่อนล้า ทำงานหนักได้ แต่ต้องมีขอบเขต ไม่อย่างนั้นสุดท้ายเราจะไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงของคนอื่น แต่จะกลายเป็นภาระของคนรอบข้างแทน เราอาจได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงบ่อย ที่บอกว่า เก็บเงินมาทั้งชีวิตแทบตายกะสบายในวัยชราแต่สุดท้ายเก็บเงินทั้งหมดมาให้หมอซะงั้น เรียนรู้ที่จะรักตนเองมากขึ้น รักแบบที่ควรรัก แบบที่ควรเป็น ไม่ใช่รักแบบเห็นแก่ตัวหรือเอาแต่ได้
            พ่อก็มานึกถึงสิ่งที่พระเยซูบอก รักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง รักคนอื่นให้เหมือนรักตนเองมันเห็นภาพชัดเจนที่สุด ว่าควรจะรักขนาดไหน ถ้ารักได้เหมือนที่เรารัก และสนใจตนเองอย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ใช่รักแบบเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ เราจะเข้าใจว่าควรจะรักคนอื่นอย่างไร อย่างเพียงพอ อย่างที่ควรเป็น ลองกลับมาย้อนดูตัวเราแต่ละคน รักตนเองดีพอหรือยัง กลับมาสนใจ ใส่ใจให้เวลากับตนเอง กับคนรอบตัวมากขึ้น รักตนเองอย่างถูกต้องเพื่อจะรักคนอื่นได้อย่างเหมาะสม
ปลัดวัดสาทร

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2019
สมโภชพระจิตเจ้า


พี่น้องที่รัก...
        เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 2019 นับเป็นวันครบรอบ 350 ปีของมิสซังสยาม (1669-2019) สมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 9 แต่งตั้งให้ดินแดนของเรามีสถานะ “มิสซัง”(MISSION หรืออาจจะเขียนทับศัพท์ว่ามิซซัง)หมายถึงการมีผู้แทนของพระสันตะปาปา และสืบต่อเนื่องจนมีพระสังฆราชเป็นหัวหน้ามิสซังและยกระดับให้มีฐานะเป็นสองอัครสังฆมณฑลและเก้าสังฆมณฑลจนสืบต่อเนื่องจนมาถึงทุกวันนี้ ขอบพระคุณพระเป็นเจ้า  ถึงแม้ว่าจำนวนคริสตชนเป็นส่วนน้อยของประเทศ เพียงแค่ครึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่ทุกคนต่างยังมีความเชื่อที่เข้มแข็งและยังคงเป็นเกลือ แสงสว่างและเชื้อแป้งที่ยังคงนำพระวรสารสู่ปวงชนต่อไป
        วันวานเมื่อก่อนโน้น บรรดามิชชันนารีเดินทางมากรุงศรีอยุธยาพบคริสตชนจำนวนหลักพัน แต่วันนี้ได้เติบโตใหญ่นับได้เรือนแสน จากวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา กลายเป็นพระศาสนจักรคาทอลิกแห่งประเทศไทย ประกอบด้วยอัครสังฆมณฑล 2 แห่ง สังฆมณฑล 9 แห่ง วัด 526 แห่ง จำนวนพระสงฆ์ 442 องค์ นักบวชชาย 118 คน นักบวชหญิง 1,480 คน ฆราวาสทั่วไปอีก 388,468 คน (ใครสนใจรายละเอียดต้องหาอ่านจากหนังสือที่จัดจำหน่ายข้างวัด)
        เมื่อการเริ่มต้นฉลอง 350 ปีมิสซังสยาม บัดนี้พ่อขอเชิญชวนทุกท่านที่สามารถจัดซื้อหนังสืออ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และรายละเอียด จะเป็นประโยชน์และทำให้เรามีความกระตือรือร้นในการช่วยพระพระเยซูประกาศพระวรสารสู่ปวงชนต่อไป ณ บริเวณสนามหญ้าเขียวข้างวัด เฉพาะอาทิตย์นี้เท่านั้น
        วันนี้เองจึงถือเป็นการเริ่มต้นการประกาศพระวรสารต่อไป โดยเริ่มต้นเรียนพระธรรมคำสอนกลุ่มผู้ใหญ่ตั้งแต่วันนี้เพื่อเตรียมตัวรับศีลล้างบาปในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ปี 2020ตั้งแต่เวลา 15.00-17.00 น. ส่วนเด็กๆที่ไม่สะดวกในช่วงเดือนกรกฎาคมจะเริ่มสอนให้ในวันอาทิตย์นี้เช่นกัน เรียนครั้งละประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง 9.00-10.30 น.เพื่อการเตรียมและปรับตัวให้พร้อมเพื่อรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่อไป ทั้งสองกลุ่มนี้ใช้ห้องคำสอนของวัดและโรงเรียน
        เดือนมิถุนายน ชาวเรายังคงช่วยกันนำความรักและเมตตากรุณาของพระเจ้ามอบให้กับเพื่อนพี่น้องสามกลุ่มคือเด็กนักเรียนที่วัดนักบุญอันนา ท่าจีน และแม่แจ่มเชียงใหม่ กับศูนย์คราลาเพื่อผู้ติดเชื้อHIV โดยรวบรวมสิ่งของและปัจจัย และจะส่งมอบให้ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ความรักความเมตตาอยู่ที่ใด พระเจ้าประทับอยู่ที่นั่น
        วันอาทิตย์ที่ 23 เป็นวันอาทิตย์สมโภชพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ดังนั้นมิสซา รอบ 10.00 น.เป็นมิสซาอัญเชิญศีลมหาสนิทรอบวัด(แห่)และอวยพรศีลมหาสนิท ทั้งหน้าวัดพระจิตเจ้า หน้าศาลาหลุยส์มารีย์ และพระแท่นใหญ่ของวัดเซนต์หลุยส์ ขอเชิญชวนพี่น้องทุกคน ในมิสซานี่เอง บรรดาเด็กและเยาวชนจะช่วยกันช่วยพิธีกรรม เพื่อการเป็นศิษย์พระคริสตเจริญชีวิตประกาศพระวรสารสู่ปวงชน
       
       
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม

บอกกล่าว เล่าเรื่อง
เราอาจกำลังทิ้งพระไว้ข้างหลัง
            ครั้งหนึ่งขณะที่โดยสารด้วยสายการบินระหว่างประเทศสายการบินหนึ่ง ซึ่งเป็นสายการบินที่ไม่ได้มีความประหลาดหรือพิเศษกว่าสายการบินอื่นๆที่เคยมีโอกาสได้นั่งมา แต่ในความปกติธรรมดา พ่อพบว่ามันมีความไม่ธรรมดา มีความพิเศษอยู่ ในขณะที่เครื่องบินกำลังจะบินลงแตะรันเวย์ ที่หน้าจอมอนิเตอร์ทุกหน้าจอขึ้นข้อความ เตือนให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัด(ซึ่งเป็นปกติของคำเตือนในทุกสายการบิน) แต่ในข้อความนี้เองก็มีข้อความต่อท้ายที่พ่อไม่เคยพบเห็นในสายการบินอื่นๆ นั่นคือ ขอให้ทุกท่านสวดภาวนาเพื่อให้การลงจอดปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองจากพระเจ้า พ่ออ่านแล้วก็รู้สึกแปลกเพราะไม่เคยเห็นข้อความเหล่านี้ในสายการบินอื่นๆ แต่ในความแปลกก็รู้สึกประทับใจในถ้อยคำที่สายการบินนี้ได้เขียนและสื่อสารออกมา     
ในโลกของเทคโนโลยี การสื่อสาร นวัตกรรมที่ทันสมัย เป็นต้นในการเดินทาง ทางอากาศที่มีเทคโนโลยีทันสมัย และค่อนข้างปลอดภัยที่สุด(เทียบจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเดินทางในแบบอื่นๆ) และค่อนข้างมั่นใจได้ ทั้งในตัวเทคโนโลยีและความสามารถของนักบินที่ได้รับการฝึกฝนมาจากประสบการณ์บิน แต่ในความมั่นใจก็ยังมีความเชื่อที่แทรกซึมอยู่ในความมั่นใจที่มีนั้น เพียงความสามารถของมนุษย์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ  ถ้าไม่ได้พึ่งพาพระเจ้า ไม่ได้พึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แต่ละศาสนาเชื่อ เรื่องนี้ทำให้พ่อเองได้กลับมาคิด หลายครั้งในความเป็นมนุษย์เราอาจมั่นใจในความสามารถ ในเรื่องต่างๆที่คิดว่า เราแน่ เราเก่ง เราเจ๋ง จนเราลืมทิ้งพระเจ้าไว้ข้างหลัง จนเราลืมไปว่าคนที่ส่งเสริม คนที่สนับสนุน คอยนำทางเรา และคอยผลักดันเราเสมอ คือพระ เพียงแค่ความสามารถประสามนุษย์คงไม่เพียงพอถ้าไม่พึ่งพระเจ้าเลย
            ในวันสมโภชพระจิตเจ้า ซึ่งเราถือว่าเป็นวันเริ่มต้นเป็นวันกำเนิดของพระศาสนจักร หลังจากบรรดาอัครสาวกได้รับพระจิต พวกเขามีความกล้าหาญและออกไปประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าให้แก่คนทุกเชื้อชาติ เป็นการเริ่มต้นงานประกาศข่าวดีอย่างเป็นทางการของบรรดาอัครสาวก
            พี่น้องที่รัก ในวันเริ่มต้นในวันกำเนิดของพระศาสนจักร เป็นโอกาสที่เราแต่ละคนจะได้กลับมาทบทวนความเชื่อในชีวิตคริสตชนของเราแต่ละคน เรายังมีพระควบคู่ไปในชีวิตประจำวันของเราอยู่เสมอหรือเปล่า ในครอบครัว ในที่ทำงาน ในชุมชนละแวกบ้านที่เราอยู่ หรือเรากำลังมั่นใจในตัวของเราในความสามารถแบบมนุษย์ของเราจนเรากำลังดันพระไปอยู่ข้างหลังของเรา ประโยคสั้นๆในเครื่องบินโดยสารที่พ่อได้แบ่งปันให้กับพี่น้องมันดังก้องขึ้นมาในความคิดขึ้นมา ในความก้าวหน้า ในยุคเทคโนโลยี ที่ดูเหมือนจะทำให้ความเชื่อเป็นเรื่องสวนทางกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่จากเรื่องราวนี้กลับบอกเราว่า เทคโนโลยีที่ปราศจากความเชื่อในพระเจ้าต่างหากที่เป็นเรื่องน่ากลัว จะดีกว่าไหมถ้าเทคโนโลยี ความก้าวหน้าทันสมัยจะมีพระเคียงข้างไปอย่างน้อยก็ทำให้เรามั่นใจขึ้นว่า เราไม่ได้เดินอยู่คนเดียวแต่มีอีกคนที่คอยประคับประคองและเดินไปกับเรา                   
ปลัดวัดสาทร

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2019
สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์
พี่น้องที่รัก...
        4 มิถุนายน ค.ศ. 2019 นับเป็นวันครบรอบ 350 ปีของมิสซังสยาม (1669-2019) ตามวันที่ระบุในสมณสาส์น CUM SICUT ACCEPIMUS ของสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 9 แต่งตั้งให้ดินแดนของเรามีสถานะ “มิสซัง”(MISSION หรืออาจจะเขียนทับศัพท์ว่ามิซซัง)พระศาสนจักรในประเทศไทยจึงเริ่มต้นเฉลิมฉลองโดยมีคาร์ดินัลฟิโลนี สมณมนตรีกระทรวงเผยแผ่ความเชื่อให้เกียรติมาเป๋นประธานเปิดการเฉลิมฉลองดังกล่างนี้ในวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ.2019 ที่หอประชุมนักบุญยอห์นปอลที่ 2 สามพราน นครปฐม      สภาพระสังฆราชได้มีจดหมายเวียนเชิญชวนทุกท่านได้เฉลิมฉลอง 350 ปีนี้ด้วยมิสซาตรีวารเพื่อการขอบพระคุณ และจัดให้มีมิสซาเพื่อการเฉลิมฉลองตรงวันที่ 4 ดังกล่าวข้างต้น     
       สังฆมณทลจึงประกาศให้ทุกวัดร่วมภาวนา “สวดสายประคำพิเศษ”และถวายมิสซา ตามที่สภาพระสังฆราชเชิญชวน ตามรายละเอียดของพิธีต่างๆให้ปฏิบัติตาม
        ดังนั้นวัดเซนต์หลุยส์กำหนดให้วันและเวลาดังต่อไปนี้เพื่อการฉลองโมทนาคุณพระและรำลึกถึงบรรดามิชชันนารีผู้อุทิศตนด้วยชีวิตประกาศ”ข่าวดี”แห่งความรักของพระเจ้าให้ชาวไทยได้รับรู้
        ตรีวารวันแรก เสาร์ที่ 1 มิถุนายน มิสซาเช้า 6.00 น.ตามปกติ ภาคเย็น17.00 น.สวดสายประคำและมิสซาตรีวารเวลา 17.30 น.วันแรก “โยเซฟ” องค์อุปถัมภ์ของการเริ่มแพร่ธรรมเริ่มแรก
        ตรีวารวันสองอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน “พระเยซูคริสตเจ้า” เป็นข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้าเพื่อความรอดพ้นของชาวไทยมิสซาวันอาทิตย์ทุกรอบ สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ ก่อนมิสซา 08.00,10.00,12.00และ17.30 น.สวดสายประคำ
        ตรีวารวันสามจันทร์ที่ 3 มิถุนายน มิสซาเช้า 6.00 น.ตามปกติ ภาคเย็น17.00 น.สวดสายประคำและมิสซาตรีวารเวลา 17.30 น. วันสาม “พระนางมารีย์” องค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักรไทย
        สมโภชการสถาปนามิสซังสยามครบ 350 ปีอันยิ่งใหญ่ อังคารที่ 4 มิถุนายน มิสซาเช้า 6.00 น.ตามปกติ ภาคเย็นเวลา 17.30 น.   
       ขอเชิญผู้สนใจในประวัติศาสตร์ทุกท่านเข้าร่วมฟังการเสวนา และเยี่ยมชมนิทรรศการ 350 ปี แห่งการสถาปนามิสซังสยามพบกับผู้ร่วมเสวนา ในแวดวงประวัติศาสตร์
คุณพ่อนิโคลาส เจ้าคณะ MEP ในประเทศไทยคุณแม่ศรีไพร มหาธิการิณีคณะรักกางเขน จันทบุรี
คุณพ่อธีรพล คุณพ่อสุรชัย อาจารย์พุฒิพงศ์ นักประวัติศาสตร์คาทอลิก
ดำเนินรายการโดย คุณพ่ออนุชา ผู้อำนวนการสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
พบกันในวันที่ 4 มิถุนายน 2019 เวลา 9.30 น.ณ วัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา*ไม่มีค่าใช้จ่ายในการร่วมงาน*
          กรุณาลงทะเบียนเข้าร่วมงานที่https://www.csct.or.th/350years/
*สามารถลงทะเบียนเป็นหมู่คณะได้ โดยระบุตัวเลข จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม
*โปรดทราบว่าการลงทะเบียนนี้ไม่ใช่การจองที่นั่ง และจะไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ แต่เพื่อให้ผู้จัดงานได้ทราบจำนวนและเตรียมของที่ระลึกให้เพียงพอจัดโดยหอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา
และสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม


หลังจากที่พระศาสนจักรคาทอลิกไทยได้เปิดปีเฉลิมฉลอง 350 ปีมิสซังสยาม เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2562 ขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่านพร้อมใจกันตื่นเฝ้าวันปีติสุข 350 ปีมิสซังสยาม คือวันที่ 4 มิถุนายน 2019 และขอเสนอกิจกรรมต่างๆ สำหรับพี่น้องทุกท่านในช่วงเวลาพิเศษนี้ ดังนี้
            1. เชิญ “ร่วมภาวนาตรีวารวันที่ 1-3 มิถุนายน 2019” ในชุมชนวัด โรงเรียนคาทอลิก ฝ่ายฯ แผนกฯ
องค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวและส่วนบุคคล
            2.เชิญร่วมฉลอง “วันปีติสุข 350 ปีมิสซังสยาม วันที่ 4 มิถุนายน 2019” โดยเสนอให้ทุกวัด รวมทั้งโรงเรียนคาทอลิก และทุกภาคส่วนจัดพิธีบูชาขอบพระคุณ หรือพิธีกรรมเฉลิมฉลองฯ
            3. เชิญ “จาริกฝ่ายจิตวิญญาณ 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-14 มิถุนายน” วันแห่งชีวิตคริสตชน วันแห่งความรัก วันแห่งความชื่นชม วันแห่งความสงบ วันแห่งความอดทน วันแห่งความเมตตา วันแห่งความใจดี วันแห่งความซื่อสัตย์ วันแห่งความอ่อนโยน และวันแห่งการรู้จักควบคุมตนเอง
            4. เชิญ “จาริกสู่อยุธยา บ้านแรกของความเชื่อ” ในวันที่ 15 มิถุนายน 2019 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. จะมีกิจกรรมเรียนรู้เสริมชีวิตคริสตชน ณ บริเวณรอบวัดนักบุญยอแซฟ เวลา 10.30 น. พิธีบูชาขอบพระคุณเฉลิมฉลองและแห่พระรูปนักบุญยอแซฟ
บทภาวนาโอกาสฉลอง 350 ปี การสถาปนามิสซังสยาม
            ข้าแต่พระบิดาเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระปรีชาญาณ ทรงเตรียมผืนแผ่นดินไทยให้ธรรมทูตใจหาญกล้าได้มาลงหลักปักฐาน หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อ ก่อกำเนิดเป็นมิสซังสยาม จวบถึงวาระฉลอง 350 ปี ซึ่งบัดนี้ได้เติบโตเป็นพระศาสนจักรคาทอลิกไทย
            ข้าพเจ้าทั้งหลายต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ รวมถึงคุณูปการที่บรรดาธรรมทูตได้มอบแก่แผ่นดินสยามและคริสตชนไทย ต่อเนื่องถึงบรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชทุกท่าน และบรรพชนทุกคน ที่ได้อุทิศตนเพื่องานอภิบาล และการประกาศข่าวดี
            ข้าพเจ้าทั้งหลายกราบวอนพระองค์ โปรดประทานพระพรแก่พระศาสนจักรคาทอลิกไทย ขอให้สมาชิกทุกคน ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร ทุกคณะ และทุกครอบครัวคริสตชนได้เห็นคุณค่าของความเชื่อที่ได้รับสืบทอดมา พร้อมทั้งมุ่งเจริญชีวิตเป็นประจักษ์พยานตามจิตตารมณ์แห่งพระวรสาร มีพระวาจาเป็นแสงสว่างนำทาง มีศีลมหาสนิทเป็นรากฐานและจุดสูงสุดแห่งชีวิต
            ขอพระแม่มารีย์ มารดาของพระศาสนจักร ทรงพิทักษ์รักษา ให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเปี่ยมด้วยความเชื่อ ความหวังและความรัก ทั้งขอท่านนักบุญโยเซฟ ผู้ซึ่งบรรดาธรรมทูตต่างยกย่อง และมอบความวางใจให้ท่านเป็นผู้อุปถัมภ์มิสซังสยาม ได้โปรดคุ้มครองดูแลพระศาสนจักรคาทอลิกไทยด้วยเช่นกัน
            ขอแบบอย่างชีวิตและวีรกรรมของบรรดามรณสักขีแห่งสองคอน และบุญราศีนิโคลาส บุญเกิด นำพาให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมั่นคงในความเชื่อ เพื่อมุ่งติดตามรอยพระยุคลบาทขององค์พระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ผู้ทรงจำเริญและครองราชย์ตลอดนิรันดร อาแมน