วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่อีกแล้ว วันเวลาผ่านไปเร็วจริงๆ อีกสองสามวันเราก็เข้าสู่ปีใหม่ 2017 กันแล้ว หลังจากสัปดาห์นี้พี่น้องหลายท่านคงเดินทางไปพักผ่อนกันกับครอบครัวบ้าง ส่วนตัวบ้าง เยี่ยมญาติบ้าง ก็ขอให้เดินทางกันโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยทุกประการนะครับ
                ภาษิตโบราณบอกว่า "สายน้ำไม่คอยท่า วันเวลาไม่คอยใคร" ฝรั่งพูดว่า "Time and tide wait for no man" มีคนเคยแปลว่า "กาลเวลา และ วารี มีแต่หนีหายไป" เมื่ออ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ คงคิดกันไปในทำนองที่ว่า เวลามีจำกัดนะ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่เกิดประโยชน์ ต้องเร่งทำงาน สร้างผลงาน โดยไม่ผลัดวันประกันพรุ่งใช่ไหมครับ ถ้าคิดได้อย่างนี้จะช่วยกระตุ้นให้เรารู้จักใช้เวลาให้มีประโยชน์มากขึ้นครับ แต่ต้องระมัดระวังว่า อย่าเคร่งครัด จริงจังจนเกินไป จะกลายเป็นรีบเร่ง จนทำอะไรๆก็ต้องเร่งรีบไปหมด ชีวิตก็คงหาความสมดุลย์ได้ยาก
                เดี๋ยวนี้เรามีการเดินทางที่สะดวก มีพาหนะที่เอื้ออำนวยให้เราเดินทางได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน ฯลฯ เราจะทำอะไรก็มีเครื่องมือช่วยให้ทำออกมาสวยงาม รวดเร็ว ไม่เหมือนแต่ก่อน แต่กลายเป็นว่าแทนที่เราจะมีเวลาเหลือมากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน กลับกลายเป็นว่า หลายคนบ่นว่า ไม่ค่อยจะมีเวลา สาเหตุประเด็นหนึ่งก็คือ เราทำงานมากขึ้น มีเรื่องราวที่ต้องจัดการมากขึ้น ทุกอย่างเลยต้องรีบทำ รีบจัดการเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้เสร็จ จนทำให้ชีวิตติดกับอยู่กับตารางเวลามากมาย เป็นสาเหตุให้เกิดความเครียด ล้า และขาดความสงบที่น่าจะมีบ้างอย่างสมดุลย์ในการใช้ชีวิต
                วันหยุดปีใหม่นี้ ลองทำอะไรช้าๆดูบ้างก็น่าจะดีนะครับ อย่างที่เขาว่าสโลว์ไลฟ์ เย็นวันที่ 31 ธันวาคม ก่อนจะไปฉลองเคาท์ดาวน์ที่ไหน ก็แวะมาวัดสวดสักหน่อย มาร่วมมิสซาเวลา 1 ทุ่ม และ แห่พระรูปนักบุญหลุยส์กันครับ เสร็จแล้วค่อยไปมีตติ้งกับพรรคพวก นับเวลาถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่
                เช้าวันที่ 1 มกราคม วันปีใหม่ตื่นแต่เช้า ค่อยๆหาอะไรใส่ท้องยามเช้าแล้วมาวัดขอพรพระเจ้ากันครับ มิสซาเวลา 9.00 . ครับ เป็นเวลาฤกษ์งามยามดี เสร็จพิธีแล้วอย่าพึ่งรีบกลับ อยู่รอการจับสลากของขวัญกันก่อนครับ เผื่อว่าโชคดีได้รับพรแล้วยังได้รูปพระสวยๆติดมือกลับไปบูชาที่บ้านอีกครับ
                ส่วนพี่น้องที่ต้องเดินทางไกลช่วงปีใหม่ก็ขอให้ปลอดภัยกันทุกท่านนะครับ กลับมาพบกันอีกหลังปีใหม่ครับ ขอพระอำนวยพระพรพี่น้องทุกท่านเสมอ


คพ.สุพจน์
..................................................................................................................

สวัสดีพี่น้องที่รัก
ครอบครัวจำนวนมากในปัจจุบันดำเนินชีวิตภายใต้การขู่คุกคามด้วยอำนาจทางสังคมมากมาย ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทำให้หลายครอบครัวสูญเสียบ้าน เด็กๆ และผู้ใหญ่หลายคนพบความหิวโหย ขาดอาหารประทังชีวิต กลุ่มอันธพาลใช้ความรุนแรง สงคราม และเด็กผู้บริสุทธิ์ถูกลักพาตัว มูลนิธิกระจกเงาให้ข้อมูลว่าเด็กหาย เดือนละประมาณ 50 คน 25 ธ.ค. 2013 หลายประเทศมีการรายงานว่ามีการหย่าร้างเกือบร้อยละ 60   บางแห่งมีการยอมรับการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันว่าถูกกฎหมาย และสื่อมวลชนบางแห่งก็ชื่นชมประโคมข่าว เด็ก ๆ จำนวนมาก สุดที่จะเดาได้ ถูกฆาตกรรม โดยการทำแท้ง แต่ถือว่าเป็นการคุมกำเนิด ผู้คนให้ความสนใจความร่ำรวยของตน หรือโครงการอาหาร หรือการทหาร ว่ามีความสำคัญมากกว่าการเอาใจใส่และการศึกษาของเด็ก ๆ
            เราจะทำลายวงจรนี้ได้อย่างไร เราจะพัฒนาครอบครัวว่าเป็นแก่นของสังคม และรากฐานความเชื่อศรัทธาได้อย่างไร พระคัมภีร์มีคำตอบให้เรา   หนังสือบุตรสิราสอนเราให้รักและให้เกียรติพ่อแม่ผู้ปกครอง และเอาใจใส่เมื่อพวกท่านแก่ชรา นักบุญเปาโลสอนคริสตชนสมัยแรก ๆ และสอนเราให้ดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้า ทุกวันให้เราดำเนินชีวิตมีสติ จงเห็นอกเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยน และความพากเพียรอดทนแต่ละวันเราต้องพากเพียรอดทนต่อกันและกัน ให้อภัยความผิดของกัน จงรักกัน แต่ละวันหาโอกาสแสดงความกตัญญูรู้คุณ ทั้งต่อพระเจ้าและต่อผู้อื่น แต่ละวันเด็ก ๆ ลูก ๆ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ผู้ปกครอง ส่วนพ่อแม่ผู้ปกครองจงรักและให้กำลังใจลูก ๆ ของท่านด้วย
            เหมือครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า แม่พระและนักบุญโยเซฟ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดจะบรรลุผลได้หากเรายึดพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางในบ้านของเรา เราจะมีครอบครัวเข้มแข็ง (อบอุ่น) ได้หากยึดพระวาจาของพระคริสตเจ้าให้อาศัยอยู่ในเรา นำชีวิตประจำวันและจริยธรรมของเรา เราสามารถมีครอบครัวเข้มแข็ง อบอุ่นได้ หากยอมให้พระวาจาของพระเจ้านำชีวิต และวิถีชีวิตของเรา แม้ว่าหมายถึงการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ อย่างสิ้นเชิง ต้องกล้าพูดปฏิเสธความอยุติธรรม   พี่น้องส่วนมาก เราสามารถมีครอบครัวเข้มแข็ง อบอุ่นได้ หากเราสวดภาวนาขอพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงรักพระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟ และพระกุมารผู้ทรงเชื่อฟังพระประสงค์ของพระบิดาเสมอ
อย่าให้พ่อแม่ต้องตัดพ้อว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมทำกับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก แต่อย่างไรก็ตามพระเยซูซึ่งต้องทำภารกิจของพระบิดาเจ้า  ก็ยังคงนบนอบเชื่อฟังนักบุญยอแซฟและแม่พระอย่างดี ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงเจริญขึ้นทั้งในพระปรีชาญาณ และพระหรรษทานต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้ามนุษย์

                                                                                                                    ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง

พ่อพงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                คริสต์มาสมาถึงแล้วทำอะไรดี?
                คำถามนี้อาจเกิดขึ้นในใจของคนมากมาย เพราะรู้สึกว่าเทศกาลสำคัญมาถึงแล้ว ถ้าเราอยากทำอะไรพิเศษ ๆ ในเทศกาลนี้เราควรทำอะไรบ้าง
                ขอเสนอแนะกิจกรรมที่เราควรทำในช่วงเทศกาลคริสต์มาสมาให้พิจารณา
                1. ฟังเพลงคริสต์มาส  เป็นเรื่องแปลกที่เพลงคริสต์มาสเป็นเพลงที่อมตะ ฟังได้ไม่รู้เบื่อ ดังนั้นเมื่อเทศกาลคริสต์มาสมาถึง อย่าลืมเปิดเพลงคริสต์มาสฟังครับ
                2. ประดับตกแต่งบ้านให้สวยงามเป็นพิเศษในเทศกาลคริสต์มาสนี้  แขวนไฟประดับ และ ตั้งต้นคริสต์มาส เพื่อสร้างบรรยากาศคริสต์มาสภายในบ้านให้งดงาม จัดวางรูปปั้นฉากการบังเกิดของพระกุมารในที่ที่เหมาะสมและเห็นได้ชัดสำหรับทุกคนในบ้าน
                3. จัดงานชุมนุมระหว่างครอบครัว ญาติพี่น้อง และ เพื่อนบ้าน เพราะคริสต์มาสเป็นเรื่องของการพบปะกับเพื่อนฝูง สมาชิกในครอบครัว ลูกหลาน เพื่อร่วมฉลองกัน ทำให้เป็นประเพณีที่สืบทอดต่อเนื่องกันเรื่อยไปในอนาคต ในงานอาจมีการทานอาหารร่วมกัน ร้องเพลงคริสต์มาส หรือ เล่นเกมสนุก เช่นบิงโก เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศที่น่าจดจำ น่าประทับใจ
                4. ออกไปร่วมร้องเพลงอวยพรคริสต์มาสตามบ้าน ถ้าทางวัดจัดให้มีการร้องเพลงอวยพรคริสต์มาสตามบ้าน ให้หาโอกาสไปร่วมร้องเพลงกับกลุ่มนักร้องในโอกาสนี้ เราจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านของพี่น้องเพื่อนบ้านบ้าง เป็นโอกาสที่จะสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างกันให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
                5. ดูภาพยนต์เกี่ยวกับคริสต์มาส เดี๋ยวนี้มีหนังฮอลลีวูด มากมายหลายเรื่องที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวเนื่องกับเทศกาลคริสต์มาส เนื้อหาสนุกๆ ของภาพยนตร์ช่วยให้เรามีอารมณ์ร่วมกับเทศกาลนี้ได้อย่างดียิ่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
                6. หากิจกรรมทำบุญ หรือ แสดงความใจกว้างกับคนอื่น ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งผ่านความสุข ความใจดี ความรักให้กับเพื่อนพี่น้อง และ สร้างสันติสุขในจิตใจของเรา ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้ให้ย่อมมีความสุขมากกว่าผู้รับ
                7. เตรียมของขวัญพิเศษไว้มอบให้กับบุคคลพิเศษ เทศกาลคริสต์มาสคือ เทศกาลแห่งการให้ ดังนั้นอย่าลืมที่จะเตรียมของขวัญพิเศษไว้มอบให้กับคนพิเศษ หรือ บุคคลใกล้ชิด เพื่อส่งมอบความปรารถนาดีให้กับกันและกัน
                8. ไปร่วมพิธีมิสซาในคืนวันคริสต์มาส ข้อนี้สำคัญที่สุด เพราะที่มาของเทศกาลคริสต์มาสนั้น อยู่ที่การลงมาบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า พระผู้ไถ่ของชาวเรา วันคริสต์มาสจึงเป็นวันที่เราพลาดไม่ได้ที่จะไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณที่วัด
                ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เราสามารถทำได้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ ลองคิดพิจารณาดูครับ คริสต์มาสทั้งที จะอยู่เฉยๆได้อย่างไร ลองทำกันดูครับ เผื่อว่าคริสต์มาสปีนี้จะพิเศษกว่าปีอื่นๆ

คพ.สุพจน์
................................................................................................

สวัสดีพี่น้องที่รัก
ในการบังเกิดของพระเยซูเจ้าเป็นเหตุการณ์ธรรมดามาก ๆ แต่ก็เป็นธรรมล้ำลึกที่พระเจ้าทำให้พระสัญญาสำเร็จเป็นจริง  2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พระศาสนจักรได้เลือกพระวาจาจากพระคัมภีร์หลากหลาย ที่ช่วยให้เราไตร่ตรองเกี่ยวกับการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า จะได้ไม่หลงทางฉลองแบบวันหยุดทั่ว ๆ ไป แบบฝ่ายโลก แต่ให้ไตร่ตรองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระคริสตเจ้าผู้เป็น อิมมานูเอล พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา     บทอ่านในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเหล่านี้ให้กำลังใจ ท้าทาย และการเตือนที่น่ากลัว กล่าวถึงพระยุติธรรมและพระเมตตาของพระ ที่เรียกเราให้กลับใจมาสู่ชีวิตใหม่ พระเจ้าได้ทรงยกเมืองเล็ก ๆ ในดินแดนยูดาห์ คือ เบธเลเฮม เอฟราธาห์ ที่จะให้กำเนิดองค์พระผู้ไถ่ มาประทับอยู่ท่ามกลางมนุษย์ เพื่อประทานความสงบและสันติสุขแก่แผ่นดินโลก ตามคำของประกาศก เพื่อเชื่อมอดีตกับปัจจุบัน และสร้างอนาคตแห่งความรอดพ้น
เครื่องหมายสำคัญ หญิงสาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า อิมมานูเอลแปลว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา ชีวิตของแม่พระที่ตอบรับการเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าด้วยการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นความคิด สติปัญญา กำลังความสามารถและจิตใจที่ยกถวายสิ้นแด่พระเจ้า เป็นดุจเครื่องเผาบูชา และเครื่องบูชาชดเชยบาปพร้อมกับบุตรในครรภ์ คำทักทายของเธอจึงมีพลัง ทำให้บุตรในครรภ์ดิ้นเพื่อแสดงถึงพระพรของพระเจ้า ที่ประทับในชีวิตของแม่พระอย่างเต็มเปี่ยม หญิงสาวพรหมจารีที่มีจิตวิญญาณอุทิศตนเป็นพระมารดาของพระเมสสิยาห์ ยอมรับการวิจารณ์ กล้าหาญ และไม่คิดเห็นแก่ตัว การที่แม่พระทักทายนางเอลีซาเบธคือการให้เธอยอมรับบทบาทใหม่ ไม่ต้องกลัว ที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้ามากกว่าน้ำใจของตนเอง
เราแต่ละคนได้ถูกเรียกให้รับบทบาทศักดิ์สิทธิ์และในธรรมล้ำลึกเช่นนี้ในฐานะต่าง ๆ  การต้องเป็นผู้ปกครองของครอบครัว    อย่างไรก็ดี พระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องยิ่งใหญ่ ซึ่งยังคงเผยแสดงต่อเนื่องจนปัจจุบัน วันนี้ บางคนเป็นนักบวช พระสงฆ์ บางคนถือโสด คนส่วนมากแต่งงานมีครอบครัว นี่คือพระกระแสเรียกสำหรับเรา ขณะที่เราเข้าใกล้ฉลองวันคริสต์มาส ให้เราถือโอกาสนี้ทบทวนชีวิตว่าเราตอบพระกระแสเรียกอย่างไร เราอาจตื่นกลัวมากมาย  หากเราเผชิญชีวิตขึ้น ๆ ลง ๆ   อย่างไรก็ดี โดยอาศัยความเชื่อความศรัทธาและความหวังที่พระนางมารีย์ตอบรับพระเจ้า ก็สามารถช่วยเราให้รักและรับใช้ผู้อื่น     เพื่อคนอื่นจะสามารถรู้ว่าพระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญา ที่ทรงมอบชีวิตพระบุตรเยซูคริสตเจ้า มาทำให้คำพูดของประกาศกอิสยาห์สำเร็จเป็นจริง ว่า หญิงสาวผู้หนึ่งให้กำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกว่าอิมมานูเอล แปลว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา”

                                                                                                                    ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง

พ่อพงษ์เกษม

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 2015


พี่น้องที่รัก
            ทุกหนทุกแห่งในเวลานี้อยู่ในบรรยากาศคริสต์มาสกันล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ห้างร้านต่างๆก็พากันตกแต่งประดับประดาสถานที่ด้วยต้นสน และไฟสว่างไสวสวยงาม สีเขียว และ สีแดง เป็นสีประจำของเทศกาลคริสต์มาส สังคมโลกเริ่มฉลองคริสต์มาสกันไปแล้ว แต่สำหรับเราคริสตชน คริสต์มาสยังมาไม่ถึง เรายังอยู่ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าในสัปดาห์ที่สามเท่านั้น ซึ่งตามปกติในเทศกาลนี้อาภรณ์ที่พระสงฆ์สวมใส่จะใช้สีม่วงเหมือนเทศกาลมหาพรต แต่สำหรับสัปดาห์นี้ มีสีพิเศษที่นำมาใช้คือ สีชมพู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงความชื่นชมยินดี
            ตามธรรมเนียมโบราณ ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านี้ วัดหลายแห่งจะจัดเทียนพิเศษตั้งไว้สี่ต้น มีเทียนสีม่วงสามต้น และ เทียนสีชมพู 1 ต้น แต่ละต้นหมายถึงแต่ละสัปดาห์ก่อนถึงวันฉลองคริสต์มาส โดยที่สัปดาห์ที่ 3 ของเทศกาลนี้จะจุดเทียนสีชมพู ธรรมเนียมนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 5 แล้ว โดยมีกำเนิดมาจากชาวเยอรมัน ที่จัดเตรียมพวงดอกไม้สีเขียวและแสงสว่าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงความหวังในท่ามกลางความขมุกขมัวของบรรยากาศในเดือนธันวาคมซึ่งอยู่ในฤดูหนาว ต่อมาคริสตชนชาวเยอรมันจึงนำธรรมเนียมนี้มาใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงความหวังสำหรับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้าในโอกาสคริสต์มาส และค่อยๆได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก
            มีคนเคยพยายามให้ความหมายถึงสัญลักษณ์ของพุ่มไม้ที่มีเทียนสี่ต้นนี้ว่า หมายถึงช่วงเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าครั้งแรก ก่อนที่พระองค์จะบังเกิดมาในโลก แต่ละสัปดาห์หมายถึงช่วงเวลา หนึ่งพันปี นับตั้งแต่สมัยอาดัมและเอวา จวบมาจนถึงสมัยของการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เทียนสีม่วงมีความหมายถึง การสวดภาวนา การพลีกรรม  การเสียสละ และการประกอบคุณงามความดี ที่ได้ทำระหว่างเทศกาลนี้ ในขณะที่เรารอคอยการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์อีกด้วย
            อีกความหมายหนึ่งก็เข้าท่า เขาบอกว่า พุ่มไม้สีเขียวที่มีเทียนสี่ต้นนี้ เทียนแต่ละต้นมีความหมายแตกต่างกันไป ต้นแรกหมายถึง ความหวัง ต้นที่สองหมายถึงสันติสุข ต้นที่สามหมายถึงความชื่นชมยินดี และ ต้นที่สี่หมายถึงความรัก
            เทียนสีชมพู มีความหมายถึงความชื่นชมยินดี ซึ่งจะจุดให้ลุกสว่างในอาทิตย์สัปดาห์ที่สามในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ซึ่งเป็นอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดีตามบทสดุดีที่ว่า "จงชื่นชมยินดีในองค์พระเจ้า ขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด" ความยินดีนี้บังเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาแห่งการใช้โทษบาป ซึ่งแน่นอนยังมีเทียนสีม่วงอีกเล่มหนึ่งที่รอคอยการจุดให้สว่างไสวอยู่ในขณะที่เราเข้าใกล้วันคริสต์มาสไปทุกที
            ในเมื่อเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้านั้น มีต้นแบบมาจากเทศกาลมหาพรต ดังนั้น อาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี (Gaudete Sunday) จึงมีความหมายเดียวกันกับ อาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี (Laetare Sunday) ในเทศกาลมหาพรตนั่นเอง นอกจากนี้นับแต่โบราณ พระสันตะปาปาเคยนำดอกกุหลาบสีชมพูมาแจกให้กับสัตบุรุษในวันอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี (Laetare Sunday) ในเทศกาลมหาพรต ธรรมเนียมนี้ได้รับการปฏิบัติสืบต่อกันมา ทีละเล็กทีละน้อย จากธรรมเนียมการแจกดอกกุหลาบสีชมพูของพระสันตะปาปา บรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ก็เริ่มต้นสวมอาภรณ์สีชมพูในวันอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี(Laetare Sunday) ในเทศกาลมหาพรตอีกด้วย ผลที่ติดตามมาก็คือ เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าก็มีที่สำหรับ เทียนสีชมพู และ อาภรณ์พระสงฆ์สีชมพูไปด้วย
            แม้ว่าความเป็นมาของธรรมเนียมนี้จะมีที่มาที่ค่อยเป็นค่อยไปอย่างที่ได้กล่าวมา แต่สีชมพูของเทียนต้นที่สาม และ อาภรณ์พระสงฆ์นั้นก็เตือนใจเราว่า เวลาที่สำคัญกำลังมาถึง ขณะนี้จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะพระผู้ไถ่กำลังจะเสด็จมาแล้ว

คพ.สุพจน์
............................................................................................................

สวัสดีพี่น้องที่รัก
สัปดาห์ที่ 3 นี้เป็นอาทิตย์ชื่นชมยินดี เพราะพระคริสตเจ้าอยู่ใกล้แล้ว เราอยู่ใกล้วันฉลองพระคริสตสมภพมากกว่าคริสต์มาสครั้งแรก เรารู้สึกด้วยว่าใกล้การเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ ดังที่เราได้ไตร่ตรองตลอดเทศกาลศักดิ์สิทธิ์นี้เกี่ยวกับวาระสุดท้าย และการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในสิริรุ่งโรจน์ฐานะกษัตริย์ของเรา   ในอาทิตย์สีกุหลาบ เทียนคริสต์มาสหรีดจุดสีชมพูเล่มที่ 3 เราอธิษฐานขอให้มีประชาชนมากยิ่ง ๆ ขึ้น จะมองดูชีวิตและสังคม โลก รอบตัว โดยอาศัยเลนส์ แว่นตา แห่งความเชื่อสีกุหลาบ ช่วยให้พวกเขาสามารถเห็นพระสิริรุ่งโรจน์รอบตัวเราทุกคน
ศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวเลย อย่าท้อแท้ จะไม่มีเหตุร้ายที่จะต้องกลัวอีกต่อไป เพราะอานุภาพของพระเจ้าทรงช่วยเราให้รอด จงยินดีเถิด จงฟื้นฟูความรักในชีวิตของเจ้า จงเปล่งเสียงร้องด้วยความชื่นชมยินดีเถิด ประกาศกอิสยาห์ผู้ได้เกิดก่อนพระเยซูเจ้ามากกว่า 700 ปี ได้พยายามนำความปีติยินดีสู่ชาวอิสราเอล ระหว่างช่วงเวลาเมื่อพวกเขารู้สึกมีคุณค่ามีเหตุน่าชื่นชมยินดีเล็กน้อย ระหว่างการเนรเทศไปอัสซีเรีย อิสยาห์ได้เทศน์ให้กำลังใจและการฟื้นฟูว่าพวกเขาจะกลับสู่มาตุภูมิ กลับบ้าน และบูรณะพระวิหาร อิสยาห์กล่าวว่า จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย ดูซิพระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมา เพื่อช่วยท่านให้รอดพ้นท่านพูดกับประชาชนที่เคยมีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า คิดว่าพระองค์ละทิ้งพวกเขาให้เป็นทาสและได้รับความทุกข์น่าสงสาร ความเชื่อในการรอคอย คำว่า พากเพียรรอ Patient ภาษาอังกฤษมาจากคำภาษาละตินที่หมายถึง ความทุกข์ (Suffering)   พี่น้องเคยมีประสบการณ์รอใครมาที่บ้านอย่างกระวนกระวายใจ ที่การรอนั้นเกือบเป็นทุกข์ไหม นั้นแหละคือ พากเพียรรอ แบบที่เราควรรอพระคริสตเจ้าเสด็จมา ให้เรารอด้วยการภาวนาและทำกิจการดีที่เราทำ เพื่อเราจะได้สัมผัสความยินดีเหมือนอย่างที่เรารอคนนั้นที่เรารักมาถึง นักบุญเปาโลเชิญชวนเราให้มีใจอ่อนโยนและอย่ากระวนกระวายใจให้มาก อาศัยการวิงวอนขอพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวเรา หมั่นอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นขอบพระคุณแล้วสันติสุขของพระเจ้าก็จะสถิตในท่าน พระเจ้าจะทรงคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่าน
    ชีวิตที่ต้องแบ่งปันและรับใช้ด้วยความถ่อมตนและสุภาพ มิใช่การขู่กรรโชก กล่าวคำเท็จ จงดำเนินชีวิตด้วยพระจิตเจ้า อย่ามัวแต่ปล่อยให้ชีวิตฟอนเฟะตามกระแสโลกีย์ หันใจของท่านมาหาพระเจ้าผู้ทรงเมตตารักที่จะทรงเปลี่ยนแปลงจิตใจของท่านด้วยคำสอนแห่งชีวิต ฟื้นฟูชีวิตของท่านให้มีแต่ความชื่นชมยินดีและสันติสุขในพระอาณาจักรของพระองค์

                                                                                                                    ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง

พ่อพงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี พสกนิกรชาวไทยต่างมีความยินดีเพราะเป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นที่รักและเทิดทูนของพี่น้องชาวไทยทุกคน แล้ว เรายังมีความยินดีเป็นพิเศษอีกประการ คือวันนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติอีกด้วย ดังนั้นเราจะรำลึกถึงพระคุณของพ่อของทุก ๆ คนในวันนี้เป็นพิเศษ
            แน่นอนผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ ย่อมมีบทบาทพิเศษในครอบครัว นอกเหนือจากการเป็นผู้นำครอบครัวแล้ว ยังมีหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัวให้ทุกคนมีอาหารรับประทาน มีการศึกษาที่ดี มีความมั่นคงในชีวิต และ ที่สำคัญที่สุดคือมีความเป็นผู้มีคุณธรรมประจำจิตใจ ในพจนานุกรมมีกล่าวถึงความหมายของ ลูก หลาน เหลน โหลน หรือ ทายาทสืบสายโลหิต คือ ผู้สืบสันดาน ฟังดูแล้วการให้ความหมายตามพจนานุกรมนั้น มันชัดเจนและเข้าถึงก้นบึ้งของหัวใจดีเหลือเกิน โดยรวมแล้ว พ่อจึงมีบทบาทสำคัญในการวางแบบอย่างของความประพฤติ หรือ สันดาน ตามความหมายของพจนานุกรมนั้น ให้กับทายาททางสายโลหิตที่จะเจริญรอยตามนั่นเอง
            ดังนี้ถ้าพ่อดี ลูกก็น่าจะมีสันดานที่ดีตาม ในทางตรงข้าม ถ้าลูกมีสันดานไม่ดี ก็คงต้องมองย้อนกลับไปว่าแล้วผู้วางแบบอย่างความประพฤติที่เป็นพ่อนั้นเป็นคนอย่างไร คงเข้าทำนองตามภาษิตที่ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น นั่นเอง ถ้าจะประยุกต์ไปถึงสมาชิกคนอื่น ๆ ที่เป็นหลักในครอบครัวก็คงไม่พ้นผู้เป็นแม่ด้วยเหมือนกัน เพราะมีภาษิตที่กล่าวไว้ในทำนองเดียวกันว่า ดูช้าง ให้ดูที่หาง ดูนาง ให้ดูที่แม่
            พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้กล่าวถึง บุคคลหนึ่งที่มีบุคลิกโดดเด่นเป็นพิเศษในพระวรสารคือ ท่านยอห์นแบปติสต์ ท่านเป็นประกาศกของพระเจ้าที่ออกมาเทศน์เตือนใจชาวยิวให้เตรียมตัวต้อนรับการเสด็จมาขององค์พระผู้ไถ่ ด้วยบุคลิกพิเศษของท่านที่เป็นคนสมถะ กินง่ายอยู่ง่าย นิยมสันโดษ แต่มีมโนธรรมเที่ยงตรง ซื่อตรงต่อกรอบชีวิตที่ท่านเลือก ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในสมัยของท่าน สิ่งที่ท่านพูด ท่านเตือนสอน ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนเปิดใจน้อมรับไปปฏิบัติ หรืออย่างน้อยก็ไม่ปล่อยตนถลำลึกไปกว่าเก่า สิ่งที่อยากชี้ให้เห็นก็คือว่า ท่านยอห์นแบปติสต์ เป็นบุตรของ เศคาริยาห์ และ นางเอลิซาเบธ ซึ่งเป็นญาติของพระนางมารีย์ ตามที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงความเป็นมาของชีวิตของท่านยอห์นแบปติสต์ ทำให้เราได้มองเห็นถึงบุคคลสำคัญสองคนซึ่งเป็นบิดาและมารดาของท่านยอห์นแบปติสต์คือ เศคาริยาห์ และ นางเอลิซาเบธ ทั้งสองท่านนี้ได้เป็นผู้อบรมสั่งสอน ปลูกฝังความเชื่อ และให้แบบอย่างที่ดีกับยอห์นแบปติสต์ในวัยเด็ก ซึ่งแน่นอนว่าวิถีชีวิตและแบบอย่างที่ดีงามย่อมส่งผลถึงชีวิตของ ลูก หรือ ผู้สืบสันดาน ในทางที่ดีเป็นแน่แท้ จนทำให้ท่านยอห์นแบปติสต์ เป็นประกาศกที่ได้รับการเอ่ยปากชมเชยจากพระเยซูเจ้าด้วยพระองค์เอง และ เป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากต่อการแนะนำพระเยซูเจ้าให้กับประชาชนชาวยิว โดยเฉพาะศิษย์ของท่านได้รู้จักองค์พระผู้ไถ่
            วันนี้จึงอยากสรุปว่า พ่อแม่ ไม่ได้มีความรับผิดชอบต่อการเลี้ยงดูปากท้องของลูกๆเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบของการดำเนินชีวิตที่อยู่ในกรอบของศีลธรรมที่ถูกต้องอีกด้วย รวมถึงการปลูกฝังความเชื่อให้กับลูกและเป็นผู้นำในการปฏิบัติศาสนกิจให้กับลูกๆได้สืบทอดมรดกแห่งความดีนี้ในตัวเขาสืบไปอีกด้วย

คพ.สุพจน์
.......................................................................................

สวัสดีพี่น้องที่รัก
สิ่งที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริง ดังที่อาดัม เอวา บิดามารดาเดิมของเรา  ตัวเราด้วย ต้องต่อสู้ในชีวิตของเราเอง กับความตรึงเครียดระหว่างการแบ่งปันความฝันของพระเจ้า กับการทำตามทางของเรา นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องฟังเสียงของนักบุญยอห์นบัปติสต์ อีกครั้งหนึ่ง ดังที่พระวรสารเตือนใจเราให้ เตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพื่อจะทำสิ่งนี้ เราต้องมีประสบการณ์แรก คือ การเปลี่ยนใจ พูดอีกแบบหนึ่ง คือ จงกลับใจเถิด อาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว ฟังเสียงร้องที่เตือนชีวิตที่โลดโผนทโมน กระโดกกระเดก ไม่อยู่ในร่องในรอย ให้เป็นชีวิตที่เรียบร้อย ชีวิตที่ขรุขระด้วยบาปหรือใจที่คดเคี้ยว ให้เป็นใจที่เที่ยงตรง
พระเจ้าทรงรักโลกมากเกินไปจนยอมให้เราทำบาป แยกตัวออกจากพระองค์และออกจากกันและกัน   พระเจ้าได้ทรงผลิกฟื้นฟูโลกและฟื้นฟูมนุษย์ ให้กลับมีสภาพแบบต้นกำเนิดที่เป็นหนึ่งเดียวกันและมีศักดิ์ศรี จึงได้ทรงส่งพระเยซูเจ้าเป็นพระผู้ไถ่ของเรา เป็นความฝันที่ไม่มีวันตาย ไม่สิ้นสุด เมื่อพระเยซูเจ้าได้เสด็จสู่สวรรค์หาพระบิดา หลังจากทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ ชีวิตก็ยังคงมีต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพราะพระเจ้าทรงฝันต่อ โดยให้เรารับผิดชอบไปสู่ทางแห่งพระอาณาจักรของพระองค์ วันนี้พระองค์เชื้อเชิญเราให้ถอดเสื้อไว้ทุกข์ออก สวมใส่ความชอบธรรมและสันติที่มาจากพระเจ้า รู้จักยำเกรงพระเจ้า เพราะยำเกรงพระเจ้าทอแสงแห่งความรุ่งโรจน์มายังเราทุกคน แผ่เงาความยินดีและความรักมั่นคงของพระเจ้าปกคลุมชีวิตของเรา
ไม่ว่าพี่น้องจะฝันอะไร   เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นช่วงเวลาระลึกถึงความฝันของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติด้วย ดังที่เราเตรียมฉลองวันเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า ฐานะพระวจนาตถ์ทรงรับสภาพมนุษย์ เราจึงคิดถึงเหตุผลของเทศกาลนี้ว่าเราเป็นเหตุผลที่พระเจ้าได้ทรงส่งพระบุตรแต่องค์เดียวมารับสภาพมนุษย์ และประทับอยู่ท่ามกลางเรา ตราบที่พระเจ้าทรงรักและฝันให้มีโลก เรามนุษย์ก็ขายฝันของพระเจ้ามายึดฝันของเราเอง และเราได้ไปตามทางของตน ลืมภาพลักษณ์และความเหมือนพระเจ้าซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างทำลายผลแห่งความบริบูรณ์เสียสิ้น จึงต้องเป็นเทศกาลแห่งการภาวนา ตื่นเฝ้าและร่วมกิจการดีในการเป็นบุตรพระเจ้า เพราะไม่มีสิ่งใดที่งดงามเท่ากับวิญญาณของเราที่สะอาดเตรียมพร้อมให้เป็นที่ประทับขององค์พระเจ้า พระเจ้าทรงอยู่ในตัวเราด้วยการไตร่ตรอง (Attending)  วิถีการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์และกระแสเรียกของตน (Discerning)    ตั้งวิสัยทัศน์ใหม่ในชีวิต (Vision) ทำสิ่งที่เราต้องทำ ตามที่เราต้องการให้สำเร็จ (Engaging)ให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลที่อยู่รอบข้าง ที่พระเจ้าทรงประทานให้เราแบ่งปันก้าวเดินในชีวิต หล่อเลี้ยงความสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยการภาวนา และรับศีลศักดิ์สิทธิ์บ่อย ๆ (Nurturing) ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ประทานพระพรแก่เรามากมายด้วยความกตัญญูรู้คุณ (Thanking)     
                                                                                                                    ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้อง

พ่อพงษ์เกษม