วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2018


พี่น้องที่รัก
“มหาพรตเป็นการเดินทางร่วมกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ”
หากจะใช้การเดินทางเป็นก้าวๆ จะได้ 40 ก้าวที่ยิ่งใหญ่ เพราะเส้นทางมีพระคริสตเจ้าอยู่กับเรา  พระองค์ทรงรับทรมาน สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนชีพ เป็นทั้งชีวิตที่เป็นอดีต ปัจจุบันและอนาคต พระองค์เป็นการเริ่มต้นและอวสานของทุกสิ่ง มนุษย์คือสิ่งสร้างที่พระองค์ประทานและปรารถนาให้เรากลับไปหาพระองค์
การสร้างแบบฝึกหัดชีวิตบนโลกนี้ด้วยไม้กางเขน คือน้อมรับความยากลำบากในชีวิตบ้าง ปัญหาและภารกิจประจำวัน ขอให้เป็นไม้กางเขนที่แบกร่วมกับพระองค์ และติดตามพระองค์ไปจนถึงปลายทาง ดั่งพระวาจาเชิญชวน “เสียสละตนเอง แบกไม้กางเขนและติดตามพระองค์”
ในวันศุกร์ที่ 9 และและเสาร์ที่ 10 มีนาคม ก่อนสัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต พระสันตะปาปาเชิญชวนให้เรามีเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อพระคริสตเจ้า ด้วยการนมัสการศีลมหาสนิทและการกลับใจ สภาวัดเซนต์หลุยส์ได้เห็นชอบด้วยกับข้อเสนอของพ่อเพื่อทำตามพระประสงค์ในเรื่องการเฝ้าศีลมหาสนิท 24 ชั่วโมง โดยใช้วัดพระจิตของโรงพยาบาลเป็นสถานที่ตั้งศีลมหาสนิท และเฝ้าเงียบกับมีสวดทำวัตรและสายประคำตามเวลาที่กำหนด ส่วนวัดเซนต์หลุยส์จะถวายมิสซาประจำวัน เดินรูป 14 ภาค     และวจนพิธีกรรมศีลอภัยบาป 2 รอบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสัตบุรุษทั้งกลางคืนและกลางวัน  รายละเอียดให้ดูกำหนดเวลา
การมีเวลา 24 ชั่วโมง จะเป็นการนมัสการและกลับใจ คงไม่ใช่มานอน มาคุย หรือสนทนา วัดจะกำหนดเวลา สามารถมาเฝ้าเดี่ยวแบบบุคคลหรือหมู่คณะหรือชวนกันมาก็ทำได้ เพียงแต่เน้นการนมัสการแบบสงบ เงียบและตื่นเฝ้าอย่างจริงจัง โดยให้ลงชื่อเพื่อจะได้สลับเปลี่ยนเวรกันในแต่ละชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 17.00 น.ของวันศุกร์ที่ 9 และจบเวลา17.00 น.ของวันเสาร์ที่ 10 ถัดไป เรื่องความปลอดภัยคงสบายใจได้เพราะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งของวัดและโรงพยาบาลดูแล รถยนต์ให้นำมาจอดในบริเวณวัดได้
เช่นเดียวกัน ในปีนี้วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์จะมีการแห่ศีลมหาสนิทอัญเชิญไว้ในวัดพระจิตของโรงพยาบาล  เพื่อให้มีบรรยากาศเฝ้าศีลอย่างจริงจังแบบ “ตื่นเฝ้ากับพระองค์” โดยเป็นสลับเวรหมู่คณะและบุคคล
การนมัสการไม้กางเขนในวันศุกร์ จะใช้ไม้กางเขนใหญ่และอันเดียวเท่านั้นตามพิธีการนมัสการ ซึ่งมีคำแนะนำหากมีสัตบุรุษมากให้ทำโดยมีการนมัสการด้วยความสำรวมพร้อมกัน และเงียบสักครู่ใหญ่ ส่วนผู้ที่ต้องการจูบไม้กางเขนหรือการนมัสการสามารถทำได้หลังจากจบพิธีเรียบร้อยแล้ว
จึงขอประชาสัมพันธ์แต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมใจและให้เวลากับตรีวารปัสกาในปีนี้
สุดท้าย ช่วยกันแบ่งปันน้ำใจปัจจัยเพื่อผู้ยากไร้ ผ่านทางซองรณรงค์มหาพรตของวัดด้วยครับ

พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
............................................................................
                    
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
คำถามชีวิต
เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะร่วมภาวนาให้กับผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นมาเซอร์ผู้สูงอายุท่านหนึ่ง ในคณะเซนต์ปอล เดอชาร์ต ที่วัดเซนต์หลุยส์ของเราได้อ่านบทรำพึงในหนังสือวจนพิธีกรรมที่นำมาใช้ภาวนาในวันนั้น ซึ่งเป็นบทความสั้นๆมีลักษณะเป็นคำถามสั้นๆ แต่ชวนคิดเป็นต้นในช่วงเวลา มหาพรต เป็นคำถามที่พวกเราน่าจะตอบเป็นพิเศษในเทศกาลมหาพรตนี้ ซึ่งพ่อขอยกมาเพื่อแบ่งปันเป็นพิเศษในโอกาสนี้
พระเจ้าไม่ถามว่าคุณขับรถอะไร พระองค์จะถามว่าคุณขับรถช่วยเหลือผู้อื่นกี่คน
พระเจ้าไม่ถามว่าบ้านคุณใหญ่โตแค่ไหน พระองค์จะถามว่าคุณต้อนรับคนเข้ามาในบ้านของคุณกี่คน
พระเจ้าไม่ถามว่าคุณมีตำแหน่งอะไร มีฐานะอย่างไร แต่พระเจ้าจะถามคุณว่าคุณได้ใช้สิ่งที่คุณมีเพื่อคนอื่นมากแค่ไหน
พระเจ้าไม่ถามว่าคุณมีเสื้อผ้าในตู้กี่ชุด แต่พระเจ้าจะถามว่าคุณช่วยให้คนอื่นมีเสื้อผ้าใส่กี่คน
พระเจ้าไม่ถามว่าคุณทำงานอะไร แต่จะถามว่าคุณทำงานสุดความสามารถหรือยัง
พระเจ้าไม่ถามว่าคุณมีเพื่อนกี่คน แต่จะถามว่าคุณเป็นมิตรและจริงใจกับเพื่อนเพียงใด
พระเจ้าไม่ถามว่าเพื่อนบ้านของคุณมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร แต่จะถามว่าคุณได้ช่วยเหลือเพื่อนบ้านอย่างไรเพื่อให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น(นิรนาม)
ชีวิตของเรานี่แหละเป็นคำตอบของคำถามเหล่านี้ มหาพรตเป็นช่วงเวลาที่เราจะตอบคำถามเหล่านี้อย่างดีเป็นพิเศษ มหาพรตเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ชวนให้เราได้คิดถึงชีวิตของเราต่อหน้าพระ และชีวิตของเรากับเพื่อนพี่น้องมากขึ้นเป็นพิเศษ พ่อคิดว่ามหาพรตน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะตอบคำถามเหล่านี้ ในชีวิตของเรา และคำตอบที่ดีที่สุดคงไม่มีใครจะตอบได้ดีเท่ากับตัวของเราแต่ละคนเอง

ปลัดวัดสาทร

วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2018

พี่น้องที่รัก
“เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น  ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง”มธ.24:12
เป็นหัวข้อหลักของสาส์นมหาพรตของพระสันตะปาปาฟรังซิส โอกาสรณรงค์ในเทศกาลมหาพรต 2018
นับตั้งแต่ ปี 2015 ปีแห่งเมตตาธรรม คำพูด และคำเขียน รวมทั้งกิจการทั้งจากตัวของพระองค์และสิ่งที่เชิญชวนสมาชิกของพระศาสนจักรให้ช่วยกันทำกิจเมตตาของพระเจ้าไปสู่เพื่อนพี่น้อง โดยเฉพาะผู้ยากไร้ คำพูดที่ถูกย้ำคือพระวาจาของพระเยซูเจ้า ให้มีเมตตาเหมือนพระบิดาเจ้าเมตตาต่อเรา และให้มีเมตตาเหมือนพระมารดา(แม่พระ)แห่งความเมตตากรุณา  ผ่านกิจการแห่งเมตตาทั้งภายในและภายนอก
กิจการแห่งเมตตาฝ่ายร่างกายเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ให้อาหาร ดับกระหาย เยี่ยมเยียนผู้ป่วย ให้กำลังใจผู้ถูกจองจำ แบ่งเสื้อผ้านุ่งห่มกับผู้ขัดสน และร่วมพิธีผู้ล่วงลับ การทำบุญทำทานในเทศกาลมหาพรต 40 วัน จึงเป็นเรื่องที่เราต้องรู้จักให้ของที่มี ไม่ใช่เอาของเหลือมาให้เสมือนว่าไม่รู้จะไปทิ้งไว้ที่ไหน  หรือทำเพราะความเคยชิน มิใช่ทำด้วยเต็มใจและเต็มที่
พระสันตะปาปาเชิญชวนเรามองถึงวันสุดท้ายของโลก ที่มีผู้คนมากมายหลงผิดและเชื่อตามหมอผี นักเล่นกลกำมะลอ หรือชักชวนให้ออกนอกลู่นอกทาง กลายเป็นประกาศกเท็จเทียมที่พูดสอนดีแต่ไม่ได้ทำตามหรือแสดงออกมาจากชีวิตจริง พระเยซูเจ้าจึงสอนให้ถือศีลอดอาหารทั้งภายในและภายนอกอย่างเป็นเรื่องเดียวกัน  จึงจำเป็นต้องกลับใจอย่างจริงจัง แบบม้วนเดียวให้จบ ไม่ใช่แบบครึ่งๆกลางๆ หรือม้าตีนต้นแต่มาแผ่วเอาตอนสุดท้าย  จำคันไถแล้วอย่าเหลียวหลังมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความหวังในแสงไฟจากเทียนปัสกาคือการกลับคืนพระชนม์ชีพใหม่ของพระคริสตเจ้า “องค์ปัสกาของชาวเราทุกคน”  พระสันตะปาเรียกร้องให้มีวันแห่งการใช้โทษบาป และให้มีวันตื่นเฝ้า 24 ชั่วโมงด้วยมิสซา เฝ้าศีล(ตื่นเฝ้าคือไม่ใช่นอนหรือมางีบหลับหรือมาจับวงสนทนาพูดคุยเรื่องไร้สาระผสมผสานกินดื่มของฟรี) เดินรูป 14 ภาค ทำพลีกรรมใช้โทษบาป และให้มีวจนพิธีกรรมกับศีลอภัยบาป สลับหมุนเวียนมาสนทนากับพระองค์อย่างสงบ สงัดและเงียบรำพึงภาวนา หัวใจสำคัญคือการกลับใจอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะในวันศุกร์เสาร์ก่อนวันอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
ดังนั้น วัดเซนต์หลุยส์น่าเป็นแหล่งรวมใจของการทำตามสิ่งที่พระสันตะปาปาย้ำเตือนให้ทุกสังฆมณฑลกระทำอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา นับตั้งแต่ปีแห่งเมตตาธรรมแล้ว  รายละเอียดจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามคำประกาศจากทางวัด
พ่อขอใช้สารวัดประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะเวลามหาพรตเพื่อมาหาพระ จึงขอให้พี่น้องติดตามและติดไว้ที่บ้านเพื่อช่วยกันจำและทำตาม“การแบ่งปันปัจจัยที่มี ให้ผู้ที่ไม่มี”ในซองรณรงค์มหาพรตปี 2018 ด้วย
สุดท้าย ตลอดเทศกาลมหาพรต มิสซาทุกวันเราจะใช้พระแท่นใหญ่ทั้งเช้าเย็น เพื่อให้ทุกอย่างมองที่ไม้กางเขนใหญ่ซึ่งเป็นเครื่องหมายมหาพรตของชาวเราทุกคน ขอเชิญชวนมานั่งที่โถงใหญ่แทนที่ด้านข้างพระแท่นตู้ศีล
พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
...........................................................................................................
                    
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
เป็นธรรมดา ทำดี ย่อมมีอุปสรรค
“เพราะความอธรรมจะเพิ่มมากขึ้น ความรักของคนจำนวนมากจะเย็นลง” (มธ  24 : 12)
เราเริ่มเข้าสู่เทศกาลมหาพรตปีนี้ ด้วยพระวาจาของพระที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ได้ทรงนำมาเพื่อใช้ในการรณรงค์จิตตารมณ์ในเทศกาลมหาพรตปีนี้ ดูเหมือนเป็นภาพสถานการณ์ในโลกปัจจุบัน ในสังคมปัจจุบันของเรา ภาพของความอธรรม ความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นทั่วทุกแห่งในโลก สงคราม การฆ่าฟัน การแก่งแย่งชิงดี การเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯดูเหมือนว่าความชั่วร้ายความอธรรมมันยิ่งวันยิ่งมีมากขึ้น จนทำให้คนในยุคปัจจุบันเฉยชาที่จะทำดี เฉยชาที่จะแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้อง เพราะรู้สึกว่าจะทำดีไปทำไมทำไปก็ไม่เกิดผลอะไร ทำไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา
            คำกล่าวที่เราได้ยินบ่อยๆว่า สังคมไม่ดีไม่ใช่เพราะไม่มีคนดี แต่สังคมไม่ดีเพราะคนดีท้อแท้ที่จะทำดี และนี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ความไม่ดีจึงทวีมากขึ้นในสังคม เพราะคนดีไม่อยากทำดีต่อไป เพราะคนดีท้อถอยที่จะทำเรื่องดีๆ
ถ้าพี่น้องฟังพระวาจาของพระในสัปดาห์นี้พ่อว่าน่าจะเป็นกำลังใจสำหรับพวกเรา และบอกความจริงประการนึงกับพวกเราว่า"การทำดี ย่อมมีอุปสรรค"เพราะแม้แต่พระเยซูเจ้าเองเมื่อตั้งใจจะทำดี ยังถูกมารผจญ ยังมีอุปสรรคขัดขวาง แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา เมื่อจะทำดี เมื่อตั้งใจจะทำเรื่องดีๆ จะไม่มีอุปสรรค คงเป็นไปไม่ได้
ยิ่งเราตั้งใจทำดี อุปสรรคก็มารอตรงหน้า ยิ่งตั้งใจจะทำดี การผจญล่อลวงก็มาดักรอเราแล้ว สิ่งสำคัญคือ ขอให้เรายึดมั่นในความดี เชื่อในความดี อย่าท้อถอย ท้อแท้ในการทำดี ถ้าเราไม่ท้อทอย ถ้าเรามีความตั้งใจ ก็ไม่มีอะไรจะทำอะไรเราได้ แต่หลายครั้งอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เราไม่สามารถทำเรื่องดีๆได้ สิ่งนั้นก็คือใจ เราเองนี่แหละ
 มหาพรตปีนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะเริ่มต้นเอาชนะใจเราเองมากขึ้น ด้วยการทำเรื่องดีๆในชีวิต เพิ่มมากขึ้นเป็นต้นกับเพื่อนพี่น้องรอบข้างเรา และมากกว่านั้นมหาพรตปีนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะช่วยกันเติมความรัก เติมความดีลงในสังคม ทำให้สังคมที่เย็นชา อุ่นด้วยความรัก อุ่นด้วยความดี โดยเริ่มจากสังคมใกล้ตัวของเรา ในบ้านของเรา ในครอบครัวของเราในที่ทำงานของเรา ในชุมชนของเราให้มากขึ้นกว่าเดิม



ปลัดวัดสาทร

วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สารวัดวันอาทิตย์ที่11 กุมภาพันธ์ 2018

พี่น้องที่รัก
วันพุธรับเถ้าที่ 14 กุมภาพันธ์ เริ่มมหาพรตมิสซาเช้าเวลา 6.00 น.เสกและโปรยเถ้า พระแท่นใหญ่
ส่วนมิสซารอบเย็นเฉพาะวันพุธรับเถ้า เวลา 17.30 น.ให้เลื่อนเป็นเวลา 19.00 น. และมีการโปรยเถ้าด้วย
วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นวันตรุษจีน นอกจากมิสซาตามปกติเวลา 6.00 และ 17.30 น.
เพิ่มมิสซารอบเวลา 9.00 น.เพื่อเป็นมิสซาสุขสำราญตรุษจีนและแจกส้มรอบพิเศษนี้เท่านั้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องที่ถือธรรมเนียมมิสซาตรุษจีนมาร่วมมิสซาในวันและเวลาดังกล่าว 
ทุกวันศุกร์ของเทศกาลมหาพรต จะมีเดินรูปตามปกติ หลังมิสซาจบแล้ว คือประมาณเวลา 18.00 น.
และเดินรูปภาคภาษาจีนจะมีสัตบุรุษก่อสวดเวลา 14.00 น.ทุกวันศุกร์ในวัดเช่นเดียวกัน
การเดินรูปในวันอาทิตย์ เวลา 9.15 น. และเวลา 17.00 น.ทุกวันอาทิตย์(เว้นวันวันอาทิตย์ใบลาน 25 มีนาคม)
เดินรูปส่งท้ายในเทศกาลมหาพรตคือวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันที่ 30 มีนาคม เวลา 18.30 น.ก่อนพิธีนมัสการไม้กางเขน วันอาทิตย์ใบลาน ตรงกับวันที่ 25 มีนาคม มิสซารอบ 08.00 น.เสกใบลานหน้าโถงศาลาหลุยส์   มารีย์ของวัด
เฉพาะวันพฤหัส-ศุกร์และเสาร์ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ พิธีรอบเดียวเวลา 19.00 น.
วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ 29 มีนาคมมิสซาอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้าและเฝ้าศีลที่วัดน้อยพระจิตเจ้า
วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ 30 มีนาคมพิธีนมัสการไม้กางเขน
วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ 31 มีนาคม พิธีเสกไฟ เทียนปัสกา น้ำศักดิ์สิทธิ์ และล้างบาปผู้เตรียมตัวเป็นคริสตชน
(พิธีเสกไฟเริ่มต้นที่หน้าศาลาหลุยส์มารีย์ของวัด)
ตลอดเทศกาลมหาพรต ให้พี่น้องสัตบุรุษทุกท่านปันน้ำใจด้วยปัจจัยใส่ซองมหาพรตอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยผู้ยากไร้
ปรับม้านั่งในวัดเฉพาะด้านข้างพระแท่นทั้งสองด้าน ให้มีระเบียบและทางเดินสะดวกขึ้น จะเริ่มทำมิสซาทั้งรอบเช้าและเย็นที่พระแท่นใหญ่ทุกวันตั้งแต่วันพุธรับเถ้านี้เป็นต้นไป ขอให้สัตบุรุษซึ่งมาวัดเช้าเย็นเป็นประจำได้ขยับมานั่งที่ม้านั่งบริเวณโถงหน้าพระแท่นใหญ่ด้วย

พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
..............................................................
                    
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
มหาพรต มาหาพระ
สัปดาห์นี้เรากำลังจะเข้าสู่เทศกาลสำคัญของพระศาสนจักร นั่นคือ เทศกาลมหาพรต ซึ่งจะเริ่มในวันพุธรับเถ้า ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์คำที่มักพูดกันบ่อยๆเวลา เริ่มเทศกาลมหาพรตก็คือ มหาพรต มาหาพระ เป็นคำสั้นๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงที่น่าคิด มหาพรตเป็นช่วงที่เราจะกลับมาพระเป็นพิเศษด้วยการกลับใจและการกลับใจที่ทีความหมายก็คือ การพยายามเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านๆมาเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้พ่อคิดว่าจริงๆคริสตชนเราโชคดีเพราะในหนึ่งปี
การมีช่วงเวลาที่เราจะทบทวนตนเองบ้างก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี และมหาพรตเป็นช่วงเวลาที่เราน่าจะกลับมามองชีวิตของเรา มองดูรูปแบบการดำเนินชีวิตของเราว่าเป็นอย่างไรที่ผ่านมา เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่บ้างไหม เป็นคนพูดจาดีไหม เป็นคนมีน้ำใจไหม สวดภาวนามาวัดแก้บาปรับศีลดีไหม บ่อยไหม มีอะไรที่ยังเป็นข้อบกพร่องเป็นจุดอ่อนในชีวิต ฯลฯ ใช้ช่วงเวลานี้เพื่อตรวจสอบชีวิตของเราเป็นพิเศษ มหาพรตเป็นช่วงเวลาที่เราคริสตชนจะใช้เวลาช่วง 40 วันนี้อย่างดีเพื่อรีสตาร์ทชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง เป็นการใช้เวลาเพื่อทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้น
นอกจากนี้อย่างที่กล่าวไปนอกจากมหาพรตเป็นเวลาที่จะมองย้อนดูตนเองเป็นพิเศษ มหาพรตยังเป็นเวลาที่เราจะมองเพื่อนพี่น้องรอบข้างมากขึ้น จิตตารมณ์ที่สำคัญประการนึงในเทศกาลมหาพรตก็คือ ความมีเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยาก คนที่ลำบากมากกว่าเรา พ่อคิดว่าช่วงเวลานี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ทำบางสิ่งบางอย่างให้กับเพื่อนพี่น้องรอบข้างเรา เป็นต้นผู้ที่มีความยากลำบากซึ่งบางทีอาจไม่ได้ลำบากเพียงแค่กายเท่านั้นแต่ผู้ที่มีความทุกข์ทางใจที่เรามองเห็นและสามารถหยิบยื่นกำลังใจให้บางทีแค่รอยยิ้มที่ให้กัน คำพูดดีๆที่ให้กำลังใจกัน มิตรไมตรี น้ำใจที่หยิบยื่นให้กัน ก็เติมพลังใจให้กันได้ และเป็นการแสดงความรักความเมตตาที่ไม่ต้องลงทุนอะไร และสามารถเริ่มต้นทำได้ทันที
มหาพรต มาหาพระ ผ่านทางการมองดูชีวิตตนเอง และเริ่มทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองไปในทางที่ดีขึ้น
มหาพรต มาหาพระ ผ่านทางเพื่อนพี่น้องรอบข้าง ด้วยความช่วยเหลือที่เราทำได้ ด้วยการให้กำลังใจ ด้วยการพยายามทำดีต่อกันมากขึ้น
มหาพรต มาหาพระ ผ่านทางการร่วมมิสซา แก้บาป รับศีล อย่างตั้งใจ อย่างดีเป็นพิเศษ


ปลัดวัดสาทร

วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2018

พี่น้องที่รัก
อาทิตย์นี้พ่อขอเริ่มประชาสัมพันธ์เรื่องการเรียนคำสอนของพวกเด็กๆที่มีอายุหรือชั้นเรียนพร้อมรับศีลมหาสนิทครั้งแรกและศีลกำลัง เด็กที่อยู่ในชั้นเรียนจบ ป.3 และ ป.6 ซึ่งไม่ได้เรียนคำสอนในโรงเรียนคาทอลิก  ทางวัดจัดเวลาเรียนให้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26 มีนาคมจนถึงวันพฤหัสที่ 26 เมษายน 2018 ใช้สถานที่เรียนห้องประชุมบ้านพักพระสงฆ์กับห้องโถงใหญ่หลังบ้านพักพระสงฆ์  สามารถรับเด็กได้ไม่จำกัดจำนวน แต่จำกัดอายุของเด็ก ขอให้อยู่ในระหว่านชั้น ป.3ขึ้นไป ถ้าเล็กเกินไปจะเป็นภาระของผู้สอนและตัวเด็กอื่นที่ต้องเตรียมตัวรับศีล  ส่วนเด็กที่เรียนคำสอนมาแล้วอย่างดีในช่วงเรียนระหว่างปี แต่ติดขัดเรื่องยังไม่ได้รับศีลดังกล่าวนี้ขอให้มาลงทะเบียนไว้เพื่อจะได้นัดซักซ้อมพิธี การเข้าเงียบและเอกสารใบรับรองศีลล้างบาปด้วย ทั้งหมดนี้ให้มาลงทะเบียนสมัครเรียนคำสอนและรับศีลได้ที่ห้องสอบถามหลังศาลาหลุยส์มารีของวัดตั้งแต่ เวลา 8.00-12.00 น.เป็นต้นไป วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน รับศีลมหาสนิทครั้งแรกที่วัดเซนต์หลุยส์ และอังคารที่ 1 พฤษภาคมรับศีลกำลังที่วัดยอแซฟ ตรอกจันทน์
เรื่องเริ่มมหาพรตวันพุธรับเถ้าที่ 14 กุมภาพันธ์ มิสซาเช้าเวลา 06.00 น.เสกและโปรยเถ้า  ส่วนมิสซารอบเย็นเฉพาะวันพุธรับเถ้าเวลา 17.30 น.ให้เลื่อนเป็นเวลา 19.00 น. และมีการโปรยเถ้าด้วย
ย้ำอีกครั้ง วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นวันตรุษจีน นอกจากมิสซาตามปกติเวลา 06.00 และ 17.30 น.แล้ว ให้มีมิสซาเวลา 09.00 น. เพื่อเป็นมิสซาสุขสำราญตรุษจีนและแจกส้มรอบพิเศษนี้เท่านั้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องที่ถือธรรมเนียมมิสซาตรุษจีนมาร่วมมิสซาในวันและเวลาดังกล่าว 
อนึ่งเนื่องจากเป็นวันศุกร์แรกของเทศกาลมหาพรต จะมีเดินรูปตามปกติ หลังมิสซาจบแล้ว คือประมาณเวลา 18.00 น.และตลอดเทศกาลมหาพรตทุกวันศุกร์ (ภาคภาษาจีนจะมีสัตบุรุษก่อสวดเวลา 14.00 น.ทุกวันศุกร์ในวัดเช่นเดียวกัน)
การเดินรูปในวันอาทิตย์ เวลา 09.15 น. และเวลา 17.00 น.ทุกวันอาทิตย์ ยกเว้นวันอาทิตย์ใบลาน 25 มีนาคม  และจะเดินรูปส่งท้ายในเทศกาลมหาพรตคือวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันที่ 30 มีนาคม เวลา 18.30 น.ก่อนพิธีนมัสการไม้กางเขน วันอาทิตย์ใบลาน ตรงกับวันที่ 25 มีนาคม มิสซารอบ 08.00 น.เสกใบลาน  วันพฤหัส-ศุกร์และเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ มีพิธีรอบเดียวเวลา 19.00 น.
วัดกำลังจัดม้านั่งในวัดเฉพาะด้านข้างพระแท่นทั้งสองด้าน ให้มีระเบียบและทางเดินสะดวกขึ้น จะเริ่มทำมิสซาเช้าและเย็นที่พระแท่นใหญ่ทุกวันตั้งแต่วันพุธรับเถ้านี้เป็นต้นไป ขอให้สัตบุรุษซึ่งมาวัดเช้าเย็นเป็นประจำได้ขยับมานั่งที่ม้านั่งบริเวณโถงหน้าพระแท่นใหญ่ด้วย จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
......................................................................................................................................
                    
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
                วิกฤติการณ์ใจร้อน
            ช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา เรามักจะได้ยินกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก นั่นคือโลกของเราร้อนขึ้น เราอยู่ในช่วงวิกฤติการณ์โลกร้อน ซึ่งจริงๆ เราได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาหลายๆปีแล้ว มีหลายกลุ่มหลายองค์กรก็ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อให้คนในโลกตระหนักถึงวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น มีการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ ซึ่งก็ทำให้คนในสังคมตื่นตัวกันพอสมควรในช่วงปีหลังๆที่ผ่านมา
แต่ในปัจจุบันกำลังเกิดวิกฤติการณ์ใหม่ขึ้น เป็นต้นในสังคมใกล้ตัวของเรา ในสังคมไทยของเรานี่เอง ซึ่งวิกฤตการณ์นี้เป็นประเด็นร้อนและส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายในสังคมมาหลายต่อหลายนัก วิกฤติการณ์นี้ก็คือ ปรากฏการณ์ใจร้อน พ่อเห็นว่าปัญหาโลกร้อนคงไม่น่ากลัวเท่ากับปัญหาใจร้อน ทุกวันนี้เปิดข่าวช่องไหน เปิดหนังสือพิมพ์ฉบับไหนก็มักมีข่าวความใจร้อนของคนในสังคมให้เห็นมากมาย ใส่สูทต่อยกันกลางถนนก็มีให้เห็น ยิงกันกลางสี่แยกก็มีให้ดู ถือมีดดาบไล่ฟันกันก็มีนับครั้งไม่ถ้วน แลกหมัดกันไม่ยั้งเพราะปาดหน้ารถ เพราะบีบแตรใส่กันก็มีเกือบทุกวัน ฯลฯ สังคมแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันแบบไทย กำลังจะจางหายไปอย่างน่าวิตก สังคมไทยของเรากำลังอยู่ในสภาวะวิกฤติการณ์ใจร้อน อะไรต้องได้ตามใจ ใครขัดใจ อะไรไม่เป็นดั่งใจ ไม่ถูกใจไม่ได้ ใครขัดความต้องการ เรายอมไม่ได้ พ่อว่าวิกฤตการณ์นี้น่ากลัวกว่าวิกฤติโลกร้อนที่เราเห็นอีก เพราะมันกำลังทำลายสังคมแบบทันทีทันใดและยิ่งแผ่ขยายออกไปอย่างเห็นได้ชัด เขาทำได้เราก็ทำได้ เขาแรงมาเราแรงไป
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ใจร้อน นั่นก็คือ การยึดเอาตัวเองเอาอารมณ์ความรู้สึกตนเองเป็นที่ตั้งเหนือเหตุผล เหนือความรู้สึกนึกคิดของคนอื่น เหนือความถูกต้อง จนทำให้เกิดความเสียหายขึ้นในสังคมอย่างที่เราเห็นได้ และบทสรุปของทุกข่าวหลังจากเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น นั่นก็คือ ต้องขอโทษทุกคนจริงๆเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะความใจร้อนตราบใดที่เราให้อารมณ์ความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผล เหนือความถูกต้อง ปรากฏการณ์นี้คงจะเกิดขึ้นในตัวของเราแต่ละคนได้ไม่เว้นใคร พ่อคิดว่าวิธีการป้องกันวิกฤติการณ์นี้ประการหนึ่งก็คือ เราคงต้องมีสติในการดำเนินชีวิตทุกๆวันมากขึ้น นึกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นและผลกระทบให้มาก เพราะเราเองก็อาจจะเป็นอย่างคนในข่าวที่เราเห็นๆได้ด้วยกันทุกคน ถ้าเราให้อารมณ์ความรู้สึกอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างมีคำกล่าวหนึ่งที่เคยได้ยินมานั่นคือ โลกร้อนได้ คนอย่าร้อนไปด้วย ถ้าคนร้อนไปด้วย โลกมันจะยิ่งร้อนไปกันใหญ่ใจเย็นๆกันมากขึ้น มีสติในการดำเนินชีวิตมากขึ้น แล้วเราจะรู้สึกว่าจริงๆโลกมันก็เย็นลงนะ ถ้าใจเราเย็น ทำใจเราให้ร่มๆลงบ้าง

                                                                                                                                                ปลัดวัดสาทร