วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเวลาพิเศษที่เราชาวคาทอลิกถวายเกียรติแด่พระนางมารีย์ได้ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายของเดือนแล้ว ตลอดเดือนที่ผ่านมาพี่น้องหลายท่านได้มีโอกาสมาร่วมกันสวดสายประคำที่วัดในเวลา 1 ทุ่มของวันจันทร์จนถึงวันศุกร์ ซึ่งเป็นกิจศรัทธาที่งดงามแสดงออกถึงความรักที่เรามีต่อพระนางมารีย์พระมารดาของพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า และในวันอาทิตย์นี้ วันที่ 31 พฤษภาคม เป็นวันสุดท้ายของเดือนเราจะถวายเกียรติแด่พระนางมารีย์เป็นพิเศษด้วยการถวายช่อดอกไม้ให้กับพระนางในตอนท้ายของพิธีบูชาขอบพระคุณทุกรอบครับ
                พระนางมารีย์เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในแผนการณ์ไถ่กู้มนุษยชาติในฐานะที่พระนางน้อมรับแผนการณ์ของพระเจ้าด้วยใจอิสระที่จะเป็นผู้ให้บังเกิดองค์พระผู้ไถ่ พระเจ้าได้ตระเตรียมพระนางให้ทำหน้าที่นี้อย่างพิเศษด้วยการให้พระนางได้ปฏิสนธิบังเกิดมาอย่างไร้มลทินปราศจากบาปกำเนิด
                พระคัมภีร์ได้ให้มุมมองล่วงหน้าว่าพระนางมารีย์นี้แหละคือผู้ที่เหยียบหัวงูอยู่ใต้เท้าของพระนาง มีความหมายว่าพระนางจะกำราบให้ปีศาจมายอมสยบอยู่แทบเท้าของพระนาง
                ตลอดชีวิตของพระนาง ข้อความที่บันทึกอยู่ในพระวรสารแสดงให้เห็นว่า พระนางมารีย์เป็นผู้ที่อุทิศตนทั้งครบเพื่อพระเยซู เริ่มจากการบังเกิดของพระเยซูที่เบธเลเฮม ไปจนถึงเนินเขากัลวารีโอที่เยรูซาเล็ม ที่พระนางยืนอยู่เคียงข้างกางเขนของพระเยซู แม้ว่าพระนางจะดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายไม่โดดเด่นอย่างที่ปรากฏอยู่ในพระวรสารนั้น แต่ถ้อยคำของพระนางยังดังกึกก้องมาถึงชาวเราในยุคนี้ ท้าทายให้เราแต่ละคนเดินตามแบบอย่างแห่งความสุภาพถ่อมตน ความนบนอบ และ การรับใช้พระเจ้าเสมอ พระนางตรัสว่า "ข้าพเจ้าคือผู้รับใช้ของพระเจ้า จงเป็นไปแก่ข้าพเจ้าตามวาทะของท่านเถิด"(ลก. 1:38) พระนางยังตรัสไว้ในบทมักยีฟีกัต เมื่อคราวเสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบทว่า "วิญญาณข้าพเจ้าถวายสดุดีแด่พระเจ้า และจิตวิญญาณข้าพเจ้าโสมนัสยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ไถ่ข้าพเจ้า"(ลก. 1:46-47) ในพระวรสารนักบุญยอห์น พระนางกล่าวกับคนใช้ของเจ้าของบ้านในงานแต่งงานที่เมืองคานาว่า "จงทำตามที่เขา(พระเยซู)บอกกับท่านเถิด" แล้วพระเยซูก็ทรงทำอัศจรรย์เปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นตามความประสงค์ของพระนางมารีย์
                พี่น้องที่รัก เราจะพบว่า พระเยซูทรงปฏิบัติตามสิ่งที่พระนางมารีย์ร้องขอเสมอ ด้วยเหตุนี้เราคาทอลิกจึงถวายเกียรติพระนางมารีย์อย่างพิเศษ และยกให้พระนางเป็นคนกลางผู้คอยเสนอวิงวอนพระเจ้าแทนเรา ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่เราจะนำมากล่าวว่าทำไมเราคาทอลิกจึงยกย่องถวายเกียรติแด่พระนางมารีย์เป็นพิเศษ แต่เนื้อที่ที่จำกัดตรงนี้คงไม่สามารถบรรยายได้ทั้งหมดครับ
                พ่อถือโอกาสนี้ต้อนรับ คุณพ่อที่ครบรอบบวชเป็นพระสงฆ์มาเป็นเวลา 25 ปีแล้วทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมโมทนาคุณพระเจ้าในพิธีบูชาขอบพระคุณที่วัดเซนต์หลุยส์ของเรา ในวันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2558 พ่อเชื่อมั่นว่า พี่น้องจะร่วมใจกันภาวนาขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้โปรดเรียกและเลือกให้คุณพ่อทุกท่านได้เข้ามามีส่วนร่วมในงานประกาศข่าวดีของพระเจ้าอย่างใกล้ชิด และทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณให้กับบรรดาสัตบุรุษในวัดที่ท่านได้รับมอบหมายจากพระสังฆราชประมุขของสังฆมณฑล
                พ่อขอใช้พื้นที่ตรงนี้แสดงออกถึงความขอบคุณอย่างสูงมายังคณะกรรมการสภาภิบาลวัดเซนต์หลุยส์ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษา พี่น้องสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ และผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดงาน "25 ปีชีวิตสงฆ์" ทุกท่าน พ่อมั่นใจว่า สิ่งที่พี่น้องแสดงออกในกิจกรรมนี้ เป็นกำลังใจเป็นอย่างสูง และ เป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะช่วยให้พระสงฆ์ทั้ง 7 องค์ที่ได้มาร่วมฉลองครบรอบ 25 ปีแห่งชีวิตสงฆ์ในโอกาสนี้ที่วัดของเราได้อุทิศตนเพื่อพระเจ้าและเพื่อพี่น้องสัตบุรุษตลอดไปครับ

พ่อสุพจน์
 ............................................................................................................
                                                               
 สมโภชพระตรีเอกภาพ

เวลาเราคิดถึงพระตรีเอกภาพ เราระลึกถึงพระบัญญัติของพระเจ้า ประการที่ 1 ที่ว่า จงนมัสการพระเจ้าพระองค์เดียวของท่าน ข้อนี้แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง คือ หมายถึง พระเจ้าองค์เดียว มีสามพระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตรและพระจิต ซึ่งเป็นรหัสธรรม เป็นธรรมล้ำลึก ที่สติปัญญามนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด
และเมื่อเราต้องการอธิบาย ธรรมล้ำลึกของพระตรีเอกภาพ ในความเชื่อของเราคริสตชน  ที่บอกว่า พระเป็นเจ้าหนึ่งเดียวในสามพระบุคคล “พระบิดา พระบุตร พระจิต”  เป็นพระเจ้าเท่าเสมอกัน  เราคงไม่สามารถเข้าใจความเชื่อนี้ได้อย่างถ่องแท้  และยากที่จะเข้าใจได้ด้วยความคิด สติปัญญาของเรา  แต่เราจะสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น  ถ้าเราพยายามใช้หัวใจเราทำความเข้าใจ ความรัก ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
เพราะพี่น้องครับ  ง่ายๆ ละกัน !!  ถ้าเรารักใครสักคนหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องไปรู้ทุกอย่างของเขา  เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจเขาทุกอย่าง แต่เรารู้อย่างเดียว ว่าเรารักเขาหมดหัวใจ  อย่างเช่น ลูกของเรา หลานของเรา เราอาจจะไม่เข้าใจเขาได้ทั้งหมด เพราะว่าถ้าเขาโตแล้ว  เขาก็เริ่มมีความคิดของเขาเองแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือความรักของเรา ที่เราก็ยังรักเขาเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเขาเป็นลูกของเรา
เช่นเดียวกัน  ความรักของพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่ และไม่มีวันเปลี่ยนแปลง  เราอาจจะไม่รู้ และไม่สามารถที่จะรู้จักพระเจ้าได้ทั้งหมด แต่ความจริงก็คือ พระเจ้ารักเรา   ขอให้เราได้สัมผัสความรักแท้จริง  ที่พระให้กับเรา เพราะว่าถ้าเรามีพระเจ้าอยู่กับชีวิตเราแล้ว  เราจะมีแต่ความอบอุ่นใจและไม่ต้องกังวลสิ่งใดเลย
เพราะพระเจ้ารักเรา และขอให้เราได้รักพระเจ้ามากๆ ด้วยเช่นเดียวกัน

คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                เราก้าวมาถึงวันสมโภชพระจิตเจ้าแล้ว  การสมโภชนี้ทำให้เราได้มองเห็นความจริงประการสำคัญนั่นคือ พระจิตเจ้าเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ พระจิตเจ้านี้มีความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับ พระบิดา และ พระบุตร และ พระองค์ถูกส่งลงมายังโลก ในฐานะเป็น องค์พระผู้ช่วย พระผู้บรรเทา ผู้ประทานความสว่าง และ การบันดาลให้เกิดการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ สืบต่องานการสร้างของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา เมื่อพระจิตเจ้าลงมาประทับอยู่กับชาวเรา ยังผลให้โลกได้รับการประจุพลังใหม่โดยทางองค์พระจิตเจ้านี้เอง
                ในวันฉลองพระจิตเจ้า พระเยซูทรงส่งพระจิตมายังโลกด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้า พลังเหนือธรรมชาติของพระเจ้าจึงโปรยปรายลงมายังโลกของเราจนเอ่อล้น ความมีชีวิตชีวาจึงเกิดขึ้นในลักษณะพิเศษ นั่นคือ คำสรรเสริญหลั่งไหลพรั่งพรูจากลิ้นที่เคยติดขัด พระพรพิเศษของพระจิตหลั่งไหลท่วมท้นหุบเขาที่พำนักของมวลมนุษย์ ประตูที่เคยปิดตายบัดนี้พังทลายลง และ หัวใจของมนุษย์ที่เคยหวั่นไหวหวาดกลัว กลับสุขุมเยือกเย็นเข้มแข็ง
                องค์พระจิตเจ้าที่ได้รับการขนานนามว่า องค์พระผู้ช่วย ซึ่งเป็นความหมายที่เราพบได้จากหนังสือพระวรสารนักบุญยอห์น คำขนานนามนี้มาจากภาษากรีกที่มีความหมายถึงการบรรเทาใจ (paraklesis) จึงเป็นที่มาของ "พระผู้ช่วย" หรือ "ผู้บรรเทาความทุกข์ร้อน"
                ความหมายที่สำคัญสองประการของ "องค์พระผู้ช่วย" ที่ปรากฏในพระวรสารนั้น ในใจความแรกหมายถึง ความสัมพันธ์ภายใน ระหว่าง พระเยซู พระจิตเจ้า และ พระบิดา และในใจความที่สองที่หมายถึงบทบาทของการเป็นผู้เสนอแทนนั้นมีหน้าที่ค้นหาเพื่อเข้าถึงความจริง  ตรงนี้เองที่ทำให้เราเข้าถึงความเข้าใจที่ปรากฏชัดขึ้นขององค์พระตรีเอกภาพ นั่นคือ องค์พระผู้ช่วย นั้นมาจากพระบิดา ซึ่งทำให้เห็นว่าพระบิดาเป็นประดุจศูนย์กลางของธารน้ำหลั่งไหลภายในพระตรีเอกภาพ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง องค์พระผู้ช่วยกับพระเยซูนั้นแตกต่างออกไป แม้ว่าพระบิดาเป็นแหล่งกำเนิดขององค์พระผู้ช่วย แต่เป็นพระเยซูที่เป็นผู้ส่งองค์พระผู้ช่วยลงมา แล้วนั้นองค์พระผู้ช่วยจึงลงมาประทับอยู่ในบรรดอัครสาวก เพื่อจะเป็นพยานถึงองค์พระเยซู ยิ่งไปกว่านั้น องค์พระผู้ช่วยยังได้รับการขนานนามว่า พระจิตแห่งความจริง ผู้ซึ่งจะนำพระสิริมงคลมาสู่พระเยซู และ จะส่องสว่างบรรดาอัครสาวกให้เข้าใจถึงสิ่งที่ได้รับการเผยแสดงแจ่มชัดยิ่งขึ้น
                ส่วนความสัมพันธ์ของพระเยซูกับพระบิดานั้นก็มีเอกลักษณ์พิเศษ ประการแรกเพื่อพระองค์จะส่งพระจิตที่เนื่องมาจากพระบิดาได้นั้น พระเยซูจะต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลึกซึ้งกับพระบิดา ยิ่งไปกว่านั้น พระเยซูเคยกล่าวเอาไว้ว่า สิ่งใดที่เป็นของพระบิดาก็เป็นของพระองค์ นั่นหมายความว่า พระจิตแห่งความจริงที่มีกำเนิดมาจากพระบิดานั้นก็เป็นของพระเยซูด้วย  ดังนั้นบทบาทของพระจิตในการแสวงหาความจริงนั้น อยู่ที่หน้าที่สามประการสำคัญคือ การเป็นพยานยืนยันด้วยชีวิต การถวายเกียรติแด่พระเจ้า และ การสืบทอดคำสอนด้วยการสั่งสอน
                พี่น้องที่รักให้เราเปิดใจเราต้อนรับองค์พระจิตเจ้าเถิด ขอพระพรของพระจิตเจ้า ที่เราได้รับมาทางศีลกำลัง ได้มีบทบาทในชีวิตของเราแจ่มชัดยิ่งขึ้น เพื่อเราจะดำเนินชีวิตอยู่เคียงข้างความจริงแห่งคำสอนของพระเจ้าเสมอไป
พ่อสุพจน์
...............................................................................................................


สมโภชพระจิตเจ้า

“พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียว
มีหน้าที่หลายอย่างต่างกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียว
เราทุกคนต่างได้รับพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน”


        อาทิตย์นี่เป็นวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า  พระจิตเจ้าซึ่งเป็นพระเจ้าที่ประทับอยู่กับเรามนุษย์   และประทับอยู่กับเราในพระศาสนจักร  พระองค์ทรงนำทางเรามนุษย์ทุกคนให้อยู่ในหนทางแห่งความดีและความรัก.

ข้าพเจ้าเชื่อในพระจิตเจ้า

พระจิตเจ้าเป็นพระบุคคลที่ 3 ในพระตรีเอกภาพ ซึ่งเราเชื่อว่าพระองค์ทรงเสด็จลงมาอยู่กับมนุษย์ ทรงช่วยเหลือมนุษย์ด้วยการประทานพระพรพิเศษต่างๆ ให้มนุษย์สามารถดำเนินชีวิตในโลกนี้ได้อย่างดี มีกำลัง มีความเข้มแข็งในการต่อสู้กับอุปสรรคกับปัญหา   โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการประจญล่อลวงต่างๆ ที่จะนำมนุษย์ไปสู่ความผิด บาป และความตายฝ่ายวิญญาณ

เหตุผลของการเสด็จมาประทับอยู่กับมนุษย์และทรงคอยดูแลช่วยเหลือเราทั้งหลายนั้น   ก็ด้วยเหตุผลแห่งความรักของพระเป็นเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์ เราจะพบว่าพระเป็นเจ้าทรงกระทำทุกวิถีทางที่จะช่วยมนุษย์ให้ได้รับความรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ต่อบาปและความตายฝ่ายวิญญาณ
หลายคนสงสัยว่า ทำไมพระองค์ทรงต้องทำอะไรให้ยุ่งยาก ทำไมไม่ทรงบันดาลให้มนุษย์ไปสวรรค์เลยก็หมดเรื่อง... คำตอบ ก็คือ เพราะพระองค์ทรงรักและยังทรงให้มนุษย์สูงส่งกว่าสิ่งสร้างทั้งหลายด้วยการให้มีเสรีภาพ มีอิสรภาพในการเลือกกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง และต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ตนเลือก
(ที่มา : หนังสือ หลักธรรมคำสอนคาทอลิก)


คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2015


พี่น้องที่รัก

                เจษฎาจารย์ บราเดอร์ ฟ.ฮีแลร์ ได้แต่งบทกลอนไว้บทหนึ่ง ที่จารึกไว้ที่บนประติมากรรมปูนปั้นนูนสูง ฝีมือของบรมครูศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ซึ่งนักเรียนอัสสัมชัญทุกคนไม่มีวันลืม มีความว่า
               
                “จงตื่นเถิดเปิดตา หาความรู้
                เรียนคำครู คำพระเจ้า เฝ้าขยัน
                จะอุดม สมบัติ ปัจจุบัน
                แต่ สวรรค์ ดีกว่า เราอย่าลืม"
               
                บทกลอนบทนี้ มีเนื้อหาใจความที่ทำให้ผู้อ่านเข้าถึง ความจำเป็นในการศึกษาเล่าเรียน ที่มนุษย์ทุกคนพึงได้รับการปลูกฝังเรียนรู้ ในวิชาการทางโลก และ ทางธรรม ด้วยความขยันและมีมานะเอาใจใส่ในการประกอบสัมมาอาชีพ และ การครองตนในคุณงามความดี สิ่งที่บุคคลนั้นจะได้รับคือ ความมั่นคงในฐานะ และ ทรัพย์สมบัติ ในชีวิตปัจจุบัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งใดๆหมดก็คือ "สวรรค์" นั้น มนุษย์เราต้องบำเพ็ญเพียรในคุณความดีเพื่อจะบรรลุถึงให้ได้ เพราะสวรรค์คือสถานแห่งความบรมสุข อันเป็นความปรารถนาสูงสุดของดวงวิญญาณมนุษย์ทุกดวง
               
                เมื่อพระเยซูเจ้าปฏิบัติภารกิจของพระบิดาเจ้าสำเร็จเสร็จสิ้นบนโลกแล้ว พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ ประทับเบื้องขวาของพระบิดา ได้รับพระสิริมงคลรุ่งเรืองอย่างสูงสุด การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้านั้น ในแง่หนึ่งเป็นนิมิตหมายว่า ภารกิจแห่งการไถ่กู้วิญญาณมนุษย์ให้ได้รับความรอดพ้นของพระเยซูนั้นจบลงแล้ว บัดนี้ต่อไป บทบาทของการสืบสานภารกิจนี้เป็นหน้าที่ของพระศาสนจักรแล้ว วันเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูจึงเป็นวันเริ่มต้นงานของพระศาสนจักร ซึ่งบรรดาสาวกและศิษย์ของพระเยซูได้รับช่วงต่อมาภายใต้แสงสว่างขององค์พระจิตเจ้า
               
                โอกาสวันสมโภชพระเยซู เสด็จสู่สวรรค์ เป็นอีกวาระหนึ่งที่ช่วยเราให้หันกลับมาพิจารณาถึง เป้าหมายสูงสุดของเรามนุษย์ทุกคน เราทุกคนเกิดมาเพียงครั้งเดียว และ ตายเพียงครั้งเดียว ขอให้เราครองชีวิตของเราในครรลองแห่งคำสอนของพระเจ้าเสมอ เมื่อวันเวลาสุดท้ายของชีวิตของเรามาถึง เราจะได้เป็นผู้เหมาะสมสำหรับรางวัลที่พระเจ้าจะประทานให้กับเราคือ สวรรค์นิรันดร

พ่อสุพจน์

                ขอขอบคุณพี่น้องที่ได้ร่วมใจกันบริจาคเพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล วัดเซนต์หลุยส์ของเรารวบรวมเงินบริจาคจากพี่น้องสัตบุรุษได้จำนวนเงิน 228,290 บาท (สองแสนสองหมื่นแปดพันสองร้อยเก้าสิบบาท) ซึ่งทางวัดได้จัดส่งไปยังสังฆมณฑลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 ...............................................................................................................................


บวชพระสงฆ์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

พี่น้องที่รักอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ มีความยินดีขอเชิญพี่น้องทุกท่าน ร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณและร่วมรับพระคุณการุณย์ ฉลอง 50 ปี สามณราลัยนักบุญยอแซฟ สามพราน  ฉลอง 25 ปี คณะธรรมทูตไทย (TMS) และบวชพระสงฆ์ 2 องค์ ในวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2015 เวลา 10.00 น. ณ หอประชุมนักบุญยอห์น ปอลที่ 2 สามเณราลัยนักบุญยอแซฟ สามพราน โดยพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช

จึงเป็นโอกาสที่ดีอีกครั้งหนึ่งที่เราจะโมทนา ขอบพระคุณพระเจ้า และรับพระพรจากพระเจ้า ในโอกาสบวชพระสงฆ์ใหม่ของเราจำนวน 2 ท่าน

ซึ่งว่าที่คุณพ่อกรณ์ อดิเรกวุฒิกุล 1 ใน 2 นี้ คุณพ่อก็จะมารับหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่วัดเซนต์หลุยส์ของเราด้วย ขอพี่น้องจะได้ร่วมใจกันภาวนาและร่วมแสดงความยินดีกับคุณพ่อใหม่ พร้อมทั้งเป็นโอกาสที่เราจะได้รับพรสงฆ์ใหม่เป็นพิเศษด้วยในบูชามิสซาวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2015 มิสซาเวลา 8.00.ที่วัดเซนต์หลุยส์ของเรา


คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                ชีวิตมนุษย์เราเป็นการเดินทางยาวนาน สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเดินทางคือ ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายนั้นๆ แน่นอนที่สุดสำหรับเราคริสตชน เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของการเกิดมาของเราคือ การบรรลุถึงเมืองสวรรค์ให้ได้ สวรรค์จึงเป็นเป้าหมายที่เด่นชัดที่เราต้องนำพาชีวิตของเราไปให้ถึง แต่ในระหว่างการเดินทางนั้น เราอาจต้องพึ่งพากรอบการดำเนินชีวิตบางอย่าง ที่ช่วยให้ชีวิตของเราสามารถก้าวไปสู่ความสมบูรณ์แบบได้สูงยิ่งขึ้น พ่อได้อ่านข้อคิดดีๆ จึงอยากนำมาแบ่งปันกับพี่น้องบ้าง
                3 อย่างที่ผ่านไปแล้วไม่คืนกลับมา :  เวลา  ชีวิต  วัยเยาว์
               3 อย่างที่ส่งผลทำลายชีวิตของเรา :  โมโห  โอหัง  ใจแคบ
                3 อย่างที่ทิ้งไม่ได้ :  ความเชื่อ  ความหวัง  ความรัก
           3 อย่างที่ประมาณค่าไม่ได้  :   ความรัก  ความดี  มิตรภาพ
                3 อย่างที่ไม่นิรันดร์  :  ความสำเร็จ  ทรัพย์สมบัติ  เกียรติยศ ชื่อเสียง
                3 อย่างที่ช่วยเราให้สำเร็จ  :  ความรู้  สติปัญญา  วินัย
                3 อย่างที่ต้องถนอมรักษา  :   พ่อแม่  ครอบครัว  เพื่อนพ้อง
                3 อย่างที่ใช้ในการคบมิตร  :   สัจจะ  จริงใจ  น้ำใจ
                3 อย่างที่ต้องรักษาไว้ให้ดี  :   โอกาส  ชีวิต  มิตรภาพ
 เก็บเอาไปคิดกันนะครับ มีประโยชน์ทั้งนั้น

พ่อสุพจน์
.......................................................................................................

วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 6  เทศกาลปัสกา

นักวาดภาพที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งต้องการวาดภาพของพระเจ้าที่แสดงให้เห็นพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยความสง่างาม พระเนตรที่ส่องสว่างสดใสสะท้อนให้เห็นถึงความสุขในชีวิตนิรันดร เขาเฝ้าพยายามหาคนที่จะมาเป็นแบบตามจินตนาการที่เขาตั้งไว้ ที่สุดเขาได้พบกับคนเลี้ยงแกะคนหนึ่งซึ่งมีลักษณะตรงกับที่เขาต้องการ เขาจึงให้คนเลี้ยงแกะนั้นนั่งเป็นแบบให้เขาวาด ปรากฏว่าภาพที่เขาวาดออกมานั้นขายได้ดีมากๆ
20 ปีผ่านไป ประสบการณ์ได้สอนเขาว่า "ชีวิตมิได้มีแต่ส่วนที่ดีเท่านั้น บ่อยครั้งมนุษย์ก็ปล่อยให้ซาตานครอบงำความคิดและความประพฤติของเขา" ศิลปินผู้นี้จึงคิดสร้างผลงานขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาต้องการวาดภาพของซาตาน เขาจึงออกไปควานหาคนที่จะมาเป็นแบบ เขาพบกับนักโทษคนหนึ่งในคุก ชายคนนี้ได้ฆ่าคนตายและทำผิดมากมาย และกำลังจะถูกประหารชีวิต ใบหน้าของเขาช่างดูน่ากลัวอย่างที่นักวาดภาพไม่เคยเห็นมาก่อน มันแสดงให้เห็นภาพของซาตานได้อย่างชัดเจน
ครั้นเมื่อเขาวาดภาพเสร็จ นักโทษคนนี้ก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด เมื่อหวนระลึกถึงวันเวลาในอดีตของชีวิตตนเอง ยังความประหลาดใจให้กับนักวาดภาพเป็นอันมาก
"คุณร้องไห้ทำไมครับ" นักวาดภาพถาม   นักโทษผู้เป็นแบบของใบหน้าซาตานว่า "เมื่อ 20 ปีก่อน คุณได้วาดภาพๆ หนึ่ง ภาพนั้นคือ ภาพพระพักตร์พระเจ้า และคนเลี้ยงแกะคนหนึ่งมานั่งเป็นแบบให้คุณวาดใช่ไหม? คุณคงจำคนๆ นั้นไม่ได้จริงๆ เพราะเขาคนนั้น..ก็คือผมคนนี้..ในวันนี้เอง"

พี่น้องที่รักเรามีใบหน้าเหมือนพระเจ้าไหม  ใบหน้าที่ดูแล้วเต็มไปด้วยความใจดี อ่อนหวาน รอยยิ้มของเราเหมือนพระเจ้าไหม เป็นรอยยิ้มที่บรรเทาใจ และทำให้ผู้ที่เห็นสดชื่นหรือไม่
หรือเรามีใบหน้าคล้ายกับมารปีศาจ ซาตาน ที่มีลักษณะดุร้าย ใครก็ตามที่เห็นเราต้องหลบ ต้องหนี หรือ เบือนหน้าใส่เรา ไม่อยากอยู่ใกล้เรา
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ใบหน้าที่ดูหล่อเหลา หรือ ดูสวยงาม น่าชม ก็ยังไม่งดงาม เท่ากับ หัวใจที่สวยสดงดงามของเรา !!
·       เราจะมีใบหน้าเหมือนพระเจ้า  ถ้าเราแสดงความรักต่อผู้อื่น
·       แต่ถ้าชีวิตเรามีแต่ความไม่ดี  เห็นแก่ตัว ชอบคดโกง ไม่ค่อยช่วยเหลือคนอื่นเลย เราคงมีใบหน้าเหมือนมาร ปีศาจ ซาตานนั่นเอง
พระเจ้าทรงสร้างเรามาให้มีภาพลักษณ์เหมือนพระองค์ และเพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ ดังนั้น เราจึงต้องรักกันและกันด้วย
“บัญญัติของเราก็คือ ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน”

คพ.วิทยา

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                เดือนพฤษภาคม เป็นเดือนแม่พระ ดังนั้นพ่อจึงอยากเชิญชวนพี่น้องทุกท่านได้สวดลูกประคำกันเป็นพิเศษในโอกาสเดือนแม่พระนี้
                การสวดสายประคำนั้นมีการปฏิบัติมาในพระศาสนจักรหลายศตวรรษแล้ว มีนักบุญจำนวนมากรักการสวดภาวนาแบบนี้ ในเวลาเดียวกันพระศาสนจักรก็ส่งเสริมให้คริสตชนสวดสายประคำด้วย เพราะการสวดสายประคำจะทำให้เราได้มีโอกาสพิจารณาพระธรรมล้ำลึกต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตของพระนางมารีย์ และชีวิตขององค์พระเยซูเจ้า  นักบุญดอมินิก และ บรรดานักพรตในคณะของท่าน ได้เทศน์สอนและแนะนำการสวดสายประคำให้กับคริสตชนจนมีการปฏิบัติกันจนแพร่หลาย
                นอกจากนี้การประจักษ์มาของพระนางมารีย์ที่เมืองลูร์ด และ ฟาติมา ยังปลุกเร้าให้คริสตชนมีความศรัทธาต่อการสวดสายประคำ
                สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่สอง ทรงเขียนไว้ในพระสมณสาสน์ของพระองค์เรื่องการสวดสายประคำว่า "เนื่องจากการสวดสายประคำเริ่มต้นจากประสบการณ์ของพระแม่มารีย์ จึงเป็นการภาวนาแบบเพ่งพินิจที่วิเศษสุด ถ้าหากว่าการสวดสายประคำขาดมิติการเพ่งพินิจเช่นนี้แล้ว ก็จะไม่มีความหมายอะไร ดังที่สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโลที่ 6 ทรงเตือนไว้อย่างชัดเจนว่า "ถ้าการสวดสายประคำไม่มีการเพ่งพินิจ ก็เป็นเหมือนร่างกายไร้วิญญาณ และการสวดก็จะกลายเป็นการท่องสูตรอย่างเครื่องจักร"
                ดังนั้นการสวดสายประคำ ซึ่งเป็นการพูดซ้ำ จึงเป็นการมองล่วงหน้าไปถึงความเชื่อที่มีพลัง และ ความรักจริงใจต่อพระคริสตเจ้าพระผู้ไถ่กู้ และ พระนางพรหมจารีมารีย์
                พ่ออยากจะสรุปว่า การสวดสายประคำนั้น เป็นการภาวนาอีกแบบหนึ่ง ที่เราคริสตชนควรฝึกฝนการภาวนาแบบเพ่งพิศในพระธรรมล้ำลึกของพระเจ้า โดยอาศัยความเชื่อ เป็นการภาวนาแบบลึกซึ้งมากกว่า การภาวนาด้วยคำพูดที่มีความหมายเฉยๆ เป็นการภาวนาแบบเข้าสู่ภวังค์ที่ช่วยเรายกระดับจิตของเราให้สูงขึ้นสู่ ความจริงเหนือธรรมชาติ ที่พระเจ้าทรงไขแสดงให้เรามนุษย์ได้ทราบ
                การสวดสายประคำ เป็นเครื่องมือฝึกจิตของเราให้สงบ มีสมาธิ และ ปลดตัวเราเองจากความวุ่นวาย ฝ่ายโลกที่คอยรบกวนเราให้ขุ่นมัว เพื่อเราจะพบสันติสุขในจิตใจที่ยืนยาว เพื่อเราจะเข้าถึงความงดงามของพระนางมารีย์ผู้เป็นมารดาฝ่ายจิตของเราทุกคน และเพื่อเราจะสามารถน้อมนำเอาคุณธรรม ที่พระนางมารีย์เคยบำเพ็ญในชีวิตของพระนางมาแล้ว มาเป็นคุณธรรมที่จะบำเพ็ญในชีวิตของเราด้วย
                พี่น้องครับ มาสวดสายประคำกันเถอะ

คพ.สุพจน์
.....................................................................................................................

                                                                                 
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 5  เทศกาลปัสกา
ตลอดระยะเวลาประมาณเดือนเศษ เด็กๆ คำสอนที่ได้มาเรียนรู้จักพระเยซูเจ้า ก็ถึงเวลาจบค่ายคำสอนแล้ว พ่อได้เห็นบรรดาเด็กๆ ได้เรียนคำสอน มีช่วงเวลาของการสวดภาวนา เล่นกิจกรรม และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเพื่อนๆ พี่เลี้ยง 40 กว่าชีวิต เห็นเด็กๆ ดูร่าเริงมีความสุขดี ก็ทำให้พ่อรู้สึกอิ่มใจไปด้วย
วันนี้เลยอยากจะพูดเรื่องของ“ดินสอ” พ่อได้เห็นบรรดาเด็กๆ นักเรียนคำสอน เวลามาเรียนก็จะพกสมุดมา มีหนังสือค่าย มีกล่องดินสอ ปากกา ไม้บรรทัด ดินสอ ยางลบ สีไม้ และอื่นๆ แต่ที่พ่อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือว่า ปัจจุบันเด็กๆ ไม่ค่อยมีใครใช้ดินสอที่เป็นแท่งๆ แบบที่ต้องเหลาให้หัวแหลมๆ เพื่อใช้ในการเขียนหรือคัดลายมือ เหมือนสมัยที่พ่อเป็นเด็กๆ เคยทำมา  เพราะจะเห็นเด็กๆ มีดินสอกด  ซึ่งใช้งานง่าย หัวแหลมอยู่เสมอ ไม่ต้องเสียเวลาเหลาให้ยาก แต่ละแท่งก็มีสีสันสวยสดแตกต่างกันไป
พ่อร่าย..มาซะยาวเลยสิ่งที่อยากจะแบ่งปันกับพี่น้องก็คือ พ่ออยากพูดเรื่องของ “ดินสอ”   มีคนเขาบอกกันว่า….
·       ดินสอจะดี ต้องดีที่ไส้   ดินสอที่จะเขียนอย่างมีประสิทธิภาพต้องมีไส้ที่แข็งแรง เข้ม ไม่หักง่าย ซึ่งก็เปรียบกับชีวิตคริสตชน คือ เราจะเข้มแข็งได้ ต้องเริ่มจากการมีชีวิตที่ดี ชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า เพราะในพระวรสารวันนี้ เตือนใจให้เราสร้างความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า "กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น" การที่เรามาวัดก็เป็นการสร้างความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า เพื่อเราจะได้มีพระพร มีกำลังกายและใจ ในการทำหน้าที่ของเราอย่างดีต่อไป
·       ดินสอต้องแหลมจึงจะเขียนได้อย่างสวยงาม   เพื่อที่ดินสอจะแหลมก็ต้องเหลา บ่อยครั้งเราอาจต้องเจ็บปวด ยอมถูกปลอกเปลือก และเปลี่ยนแปลงตัวเอง สลายตัวเองไปทีละน้อยเหมือนกับดินสอที่ถูกเหลา  ในบทอ่านที่ 1 - นักบุญเปาโลซึ่งมีชื่อเดิมว่า เซาโล  เคยเบียดเบียนคนที่นับถือพระเยซูเจ้า แต่ภายหลังท่านพบกับพระเยซูด้วยตนเอง จึงกลับใจและหันมาติดตามพระองค์  ชีวิตของท่านต้องพบความยากลำบากมากมาย แต่ท่านก็อดทนเพื่อพระเจ้า บางทีชีวิตของเราอาจมีปัญหา อุปสรรคต่างๆ ก็ขอให้เราได้สู้ เพราะวันหนึ่งที่เราสามารถผ่านพ้นสิ่งเหล่านั้นไปได้ ชีวิตเราก็จะเติบโตขึ้น


คพ.วิทยา