วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน 2017

พี่น้องที่รัก
       การเคารพศีลมหาสนิทผ่านไปด้วยดี ไม่มีฝน อากาศกำลังดี พิธีกรรมผ่านพ้นไปด้วยภาพของเด็กๆโปรยดอกไม้และผู้ช่วยพิธีกรรม อัญเชิญศีลมหาสนิทแห่รอบวัดและมาประทับ ณ พลับพลาศีลมหาสนิทหน้าวัดพระจิตเจ้าของโรงพยาบาลและศาลาหลุยส์มารี บรรดาสัตบุรุษมากมายที่รวมพลังเป็นเอกภาพอย่างเข้มแข็งด้วยการโมทนาคุณอาหารศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูชาวเราเซนต์หลุยส์มาตลอด 60 ปี
                ใกล้วันฉลองวัด อาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม โอกาสโมทนาคุณ 60 ปี พ่อเชิญชวนพี่น้องได้มีส่วนร่วมช่วยกันทั้งแรงกาย อะไรที่ต้องออกแรงงาน ร่างกายของคนรุ่น ๆ ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ต้องหวังพึ่งพาเด็ก ๆ มากหน่อย เป็นต้นโรงเรียนในละแวกวัดทั้งอัสสัมชัญและเซนต์หลุยส์ รวมทั้งเด็กโตใกล้ไกลเอาหมด  ปีนี้อยากเห็นการให้เวลาทำให้วัดสวยงามมากขึ้น หลังจากที่ปีที่ผ่านมาต้องปรับปรุงบริเวณวัด บัดนี้เรียบร้อยแล้วก็น่าที่จะช่วยกันตบแต่งความสวยงามภายนอกด้วยกัน ส่วนแรงใจก็คงเป็นคำภาวนา  ปีนี้พ่อได้รับหน้าที่ให้ช่วยจัดเตรียมจิตใจสัตบุรุษ 9 วันก่อนถึงวันจริง ดังนั้นจะพยายามเชิญพระสงฆ์มาเตรียมจิตใจให้กับพี่น้อง เริ่มตั้งแต่ 18 – 26 สิงหาคม โดยใช้มิสซารอบ 17.30 น. วันเสาร์ที่ 26 ถือเป็นการฉลองภายในด้วย และโปรดศีลอภัยบาปเตรียมฉลองวัด สำหรับความช่วยเหลือเรื่องการถวายเงินทำบุญ พ่อคงใช้ธรรมเนียมเดิมของวัดคือทุกคนมีส่วนร่วมช่วยกัน มากน้อยขึ้นกับกำลังของแต่ละคน
                ปีนี้พิเศษ ก่อนหนึ่งอาทิตย์ วันอาทิตย์ที่ 20 ตั้งแต่ 06.00 น.จนถึง 08.00 น. มีการเดินการกุศลในสวนลุมฯ รายละเอียดดูการประชาสัมพันธ์นอกวัดเพื่อเราจะได้พบปะและทำการกุศลเพื่อสนับสนุนงานฉลอง 60 ปีของวัดให้เป็นไปอย่างดี ผู้สนับสนุน(สปอนเซอร์ 30,000-50,000 บาท) บัตรร่วมเดินการกุศล และอื่นๆอีกมากมาย ขอช่วยกัน
                งานสอนคำสอน นอกจากการสอนผู้ใหญ่ที่ผ่านมา 3 สัปดาห์แล้ว ต่อไปจะเริ่มสอนเด็ก ๆ ที่เกณฑ์อายุถึงการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกและศีลกำลัง จะมีบราเดอร์และซิสเตอร์ช่วยสอนในวันอาทิตย์หน้าที่ 2 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 11.30 น. ที่บ้านพักพระสงฆ์ โปรดลงชื่อและโทรศัพท์ติดต่อได้
                “การรู้จักรัก โดยไม่จดจำความผิด เป็นเรื่องที่ลงมือทำแบบฝึกหัดได้เลย”
พ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
 ..............................................................................................
บอกกล่าว เล่าเรื่อง
ก่อนมาประจำที่วัดเซนต์หลุยส์นี้ มีพระสงฆ์รุ่นพี่หลายท่านบอกกับพ่อว่ามาอยู่วัดนี้ เตรียมบทเทศน์งานศพไว้เยอ ะๆ เพราะที่เซนต์หลุยส์เป็นวัดที่ไม่ว่างเว้นจากงานศพเลย เพราะมีสวดศพ ปลงศพเกือบจะทุกวัน แรก ๆก็คิดว่าจะเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ แต่พอเวลาที่มาอยู่ที่วัดเซนต์หลุยส์นี้ คำกล่าวเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะเป็นความจริงเพราะตั้งแต่เปิดศาลาหลังจากปิดปรับปรุงมา ก็มีผู้ล่วงลับมาสวดที่ศาลาแห่งนี้แทบจะไม่ว่างเว้น เวลาที่เข้าไปสวด บทสนทนาที่มักจะได้ยินจากผู้มาร่วมงานถึงผู้ล่วงลับ ก็คงไม่พ้นประโยคต่าง ๆ เหล่านี้ นี่แหละหนอชีวิตคนเราเห็นกันหลัดๆ ชีวิตไม่แน่นอนจริงๆ ไม่น่าเลยยังหนุ่มยังแน่น เห็นแข็งแรง ๆ ปุ๊ปปั๊ปไปละ เห็นกันหลัดๆ ฯลฯ ประโยคที่พ่อกล่าวมาสักครู่นี้เป็นประโยคที่พ่อเองหรือเชื่อว่าพี่น้องคงจะได้ยินมาบ่อยครั้ง เวลาที่เรามีโอกาสไปร่วมในพิธีปลงศพ ไปร่วมสวดอุทิศให้กับผู้ล่วงลับ อาจจะเป็นระหว่างที่คุยกันก่อนจะสวดหรือระหว่างที่เราทานข้าวต้มหมู กระเพาะปลา หรือของว่างหลังจากสวด ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร ก็ดูเหมือนว่าความตายมาเยือนได้เท่าเทียมกัน เวลาที่มาสวดให้ผู้ล่วงลับ ก็เกิดความคิดว่าความตายอยู่ใกล้ตัวเรามาก วันนี้เป็นของเขา วันหน้าเป็นของเรา ความตายไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งหน้าที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าเราจะอยู่ได้นานกว่าคนอื่น มีคำกล่าวที่เขาบอกไว้ว่า "ทำไมเราคิดถึงชีวิตเมื่อความตายจะมาเยือน ทำไมไม่คิดถึงความตายเมื่อยังมีชีวิต"
พี่น้องที่รักครับ มีกิจกรรมหนึ่งเวลาที่พ่อมีโอกาสไปนำกิจกรรมเด็ก ๆ เป็นกิจกรรมที่ให้เด็ก ๆ ร่วมกันคิดว่าถ้าเหลือเวลาในชีวิตแค่หนึ่งวันจะทำอะไรบ้าง เด็ก ๆ หลาย ๆ คน ก็มักจะตอบในลักษณะคล้าย ๆ กัน จะไปทำในสิ่งที่อยากทำ จะทำสิ่งต่างๆให้ดีที่สุด จะกลับไปกอดแม่ จะเป็นลูกที่ดี จะเชื่อฟังครู จะนั่นจะนี่ จะๆๆๆ ฯลฯ สารพัดและบทสรุปกิจกรรมที่ทำนี้สั้น ๆ ก็คือ ทำไมต้องรอให้เหลือเวลาหนึ่งวันถึงจะทำสิ่งเหล่านี้ในขณะที่มีเวลาอยู่ตอนนี้ ทำไมไม่ทำ ทำไมไม่เริ่มจะเป็นคนดี ต้องรอเหลือเวลาหนึ่งวันจะกอดแม่ จะเป็นลูกที่ดีต้องรอวินาทีสุดท้ายเลยหรือ ตราบใดที่ยังมีเวลาเริ่มทำสิ่งดี ๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส อย่ารอเวลา วันนี้พ่อคงไม่ถามพี่น้องด้วยคำถามที่ถามเด็กๆว่าถ้าเหลือเวลาหนึ่งวันจะทำอะไรแต่จะถามพี่น้องมากกว่านั้นนั่นคือก่อนที่เราจะจากโลกนี้ไปเราได้ทำอะไรให้กับเพื่อนพี่น้องรอบข้างให้กับคนที่เรารักให้กับคนในครอบครัวเราบ้างหรือยังและคนที่จะตอบคำตอบนี้ได้ดีที่สุดก็คือตัวของเราเองแต่ละคน
พ่อคิดว่าเวลาปัจจุบันที่เรามีอยู่ ถ้าได้ลองคิดถึงความตายบ้างเหมือนประโยคที่ได้ยกมา ทำไมไม่คิดถึงความตายเมื่อยังมีชีวิตก็น่าจะทำให้เราตระหนักและดำเนินชีวิตด้วยความเตรียมพร้อมมากขึ้น เราคงต้องเตรียมพร้อมในชีวิตของเราเช่นกัน ในขณะที่มีเวลาอยู่นี้ การเตรียมพร้อมในชีวิตคงจะไม่ใช่การทำอะไรที่ใหญ่โตที่ทุกคนต้องชื่นชม แต่เป็นการทำเรื่องปกติในชีวิตแต่ละวันอย่างดี ทำตามเป้าหมายที่ดี ทำให้ข้อตั้งใจดีที่อาจจะเคยคิดไว้แต่อาจลืมไปแล้ว ทิ้งไปแล้ว ให้สำเร็จ ให้เป็นจริงเป็นรูปเป็นร่าง อย่าให้มันเป็นแค่คำพูดที่เลื่อนลอย หรือมากกว่านั้นอาจจะยังไม่ได้เริ่มคิด นี่แหละครับเป็นการเตรียมพร้อมในชีวิตของเรา และเราสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่เวลานี้ เขาบอกว่าหลายครั้งเวลาที่มีใครคนนึงจากเราไป แล้วเราเสียใจ ในความเป็นจริง สิ่งที่เราเสียใจไม่ใช่เพียงแค่เขาไม่อยู่กับเราแล้ว แต่ที่เราเสียใจมากกว่านั้นเพราะว่า บางทีเรายังไม่ได้ทำสิ่งที่ดี ๆ กับเขาเท่าที่ควร ชีวิตวันนี้จึงเป็นการเตรียมพร้อมครับ ยังมีเวลา ยังมีโอกาส ยังทัน ยังไม่สายที่จะเตรียมตัว ที่จะเตรียมชีวิต ทำในขณะที่ยังมีเวลา ขอพระอวยพรพี่น้องเสมอ


                                                                                                                ปลัดวัดสาทร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น