วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2017


พี่น้องที่รัก
                จิตตารมณ์ประการหนึ่งของเทศกาลมหาพรต ที่พระศาสนจักรเสนอแนะให้คริสตชนทุกคนฝึกปฏิบัติ บำเพ็ญตน คือ การภาวนา วันนี้พ่อขอนำการภาวนาตามแบบที่พระสันตะปาปาฟรังซิสแนะนำมาเสนอให้กับพี่น้องนำไปประยุกต์ใช้ครับ แบบภาวนาแบบนี้มีชื่อว่า "5 Finger Prayer" หรือเรียกง่ายๆว่า "การภาวนาแบบ 5 นิ้ว" ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะใช้มือในการภาวนา แต่หมายความว่า เรามีนิ้วมือข้างละห้านิ้ว นิ้วแต่ละนิ้วต่างก็มีความหมายพิเศษสำหรับการภาวนาเพื่อจุดประสงค์ต่างๆครับ
               
                นิ้วแรกคือนิ้วโป้ง
                นิ้วโป้งเป็นตัวแทนของบุคคลที่เรารัก ความหมายก็คือเราภาวนาเพื่อบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับเรา  ใกล้ตัวเรา หรือคุ้นเคยกับเราดี เพราะบุคคลเหล่านี้เราจดจำเขาได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ เพราะนิ้วโป้งอยู่ใกล้ลำตัวเรามากที่สุด
               
                นิ้วชี้
                นิ้วชี้เป็นตัวแทนของครูบาอาจารย์ที่เคยสอนเรามา บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลสำคัญต่อชีวิตของเรา นิ้วชี้หมายถึงการชี้นำ เขาทำหน้าที่ในการสอนสิ่งดีๆให้ชีวิตของเราได้เรียนรู้ บุคคลเหล่านี้ต่างก็ต้องการการสนับสนุน และ ปรีชาญาณเป็นพิเศษที่จะทำหน้าที่ชี้ทางสว่างให้กับคนอื่นๆ ให้เราภาวนาเพื่อเขาจะทำหน้าที่ได้อย่างดี

                นิ้วกลาง
                นิ้วกลางเป็นนิ้วที่สูงที่สุดในบรรดานิ้วทั้งหมดเพราะมีความยาวกว่านิ้วอื่นๆ เป็นนิ้วที่ทำให้เรานึกถึงบรรดาผู้นำประเทศชาติ ศาสนา กลุ่มองค์กรที่เราสังกัดอยู่ ให้เราภาวนาเพื่อบุคคลเหล่านี้จะสามารถใช้อำนาจที่เขามีอยู่อย่างดี อย่างยุติธรรม อย่างใจกว้าง บนพื้นฐานของความรัก

                นิ้วนาง
                ว่ากันว่านิ้วนางเป็นนิ้วที่อ่อนแอที่สุดในบรรดานิ้วทั้งหมด แต่ก็มีจุดเด่นอยู่ที่มนุษย์เราใช้เป็นนิ้วสำหรับสวมแหวนประดับกาย ความหมายก็คือให้เราภาวนาเพื่อผู้อ่อนแอ ผู้เจ็บป่วย และผู้ที่กำลังเผชิญอุปสรรคและปัญหาที่ทำให้ชีวิตของเขาขาดความสดชื่น บุคคลเหล่านี้สมควรได้รับการเสริมพลังให้เข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับความยากลำบากที่เข้ามาคุกคามชีวิตของเขา

                นิ้วก้อย
                นิ้วก้อยเป็นนิ้วที่เล็กที่สุด มีความหมายว่าให้เราภาวนาเพื่อความต้องการต่างๆของเรา นิ้วนี้เป็นนิ้วสุดท้ายที่เราจะภาวนาอุทิศให้ ภายหลังจากที่เราภาวนาเพื่อนิ้วอื่นๆเสร็จแล้ว ซึ่งหมายถึงเราให้ความสำคัญกับบุคคลอื่นๆก่อนที่จะคิดถึงตัวเองนั่นเอง

                พ่อคิดว่าหลักคิดเรื่อง "การภาวนา 5 นิ้ว" จะช่วยพี่น้องได้บ้างในการฝึกฝนการภาวนาตลอดเทศกาลมหาพรตนี้  อาทิตย์นี้ ตรงกับวันที่ 19 มีนาคม วันฉลองนักบุญยอแซฟ ภัสดาของพระนางมารีย์ บิดาเลี้ยงของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของคุณพ่อพงษ์เกษม สังวาลย์เพ็ชร ขอพี่น้องภาวนาเป็นพิเศษเพื่อคุณพ่อพงษ์เกษมด้วยครับ

พ่อสุพจน์
...........................................................................................................


ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : น้ำทรงชีวิต

ไม่มีใครมาตักน้ำจากบ่อตอนกลางวัน
ส่วนหนึ่งก็เพราะฝุ่นทรายปลิวไปมา น้ำอาจจะสกปรก
ส่วนมากมาตักกันไม่เช้า ก็เย็น ตอนที่แดดร่ม ลมตก

แต่ในพระวรสารวันนี้ เราได้ยินว่า มีหญิงมาตักน้ำตอนกลางวัน
นักพระคัมภีร์หลายคนตีความว่า เพราะนางต้องการหลบจากผู้คน
ซึ่งดูเหมือนว่า ก็เป็นแบบนั้น เพราะนางมีบาดแผลที่ไม่น่าดู
บาดแผลนี้ไม่ได้เห็นได้ด้วยตา แต่เป็นบาดแผลที่ซึมลึกอยู่ในใจ

พระเยซูเจ้าเองทรงทอดพระเนตรเห็นนาง และเห็นบาดแผลนั้นด้วย
นางพูดกับพระองค์ว่า ไม่มีสามี เมื่อพระเยซูเจ้าทรงตรัสถึงสามีนาง
แต่นางมีสามีมาแล้วห้าคน และคนปัจจุบันก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นสามี

นัยยะหนึ่ง นางเป็นสัญลักษณ์ของคนที่กระหายและขาดความรัก
และความรักที่นางมีก็ยังไม่อาจเรียกได้ว่า สมบูรณ์
(เลขหก คือ เลขของความขาด ไม่สมบูรณ์)
วันนี้นางมาเจอชายคนที่เจ็ด คนที่จะมาเติมเต็มชีวิตนางอย่างสมบูรณ์
นั่นคือ พระองค์ พระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นน้ำทรงชีวิต องค์ความรักที่บริบูรณ์

เมื่อพบพระองค์ นางจึงไม่กระหายอีก ไม่ขาดอีก
เมื่อนางยอมรับสภาพที่นางเป็น และยอมมอบถวายชีวิตและวิญญาณแด่พระเจ้า

และดูเหมือนว่า นางไม่ได้เก็บความยินดีนี้ที่นางพบไว้กับตัวเพียงคนเดียว
แต่นางยังบอกเล่าและส่งต่อข่าวดีนี้ ต่อไปให้ทุกคนที่นางพบเจออีกด้วย

#แล้วเราหละ


บาทหลวงบางกอก

วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2017

พี่น้องที่รัก
            วัดของเราทำพิธีเสกอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปีพ..2500 โดยพระสังฆราชหลุยส์โชแรง หมายความว่า ในเดือนสิงหาคม ที่จะมาถึงในปีนี้ วัดของเราจะครบรอบการเสกและเปิดใช้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องสัตบุรุษคาทอลิกในละแวกนี้มานาน 60 ปีแล้ว แม้ว่าเมื่อเทียบกับวัดอื่นๆที่มีอายุมากกว่านี้ วัดของเราถือว่ายังมีอายุเพียงน้อยนิดไม่มากนัก แต่การที่วันเวลาเวียนมาบรรจบครบ 60 ปี ก็ถือได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีความเป็นมาที่น่าจะหวนรำลึกถึง มีเรื่องราวที่น่าจะเล่าขานสู่คนรุ่นหลังได้บ้างไม่มากก็น้อย แม้ว่าการครบรอบ 60 ปี ยังไม่เป็นการฉลองที่สมควรจัดอย่างยิ่งใหญ่ เหมือน การฉลองครบรอบ สถาบัน องค์กรที่มีประเพณีการจัดฉลองในทุกๆ 25 ปีก็ตาม แต่พ่อก็คิดว่า เราควรจัดทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้ง 60 ปีเหมือนกัน
            พ่อและคณะกรรมการสภาภิบาลวัดของเรากำลังวางแผนจะเตรียมจัดกิจกรรม และ จัดทำของที่ระลึกในโอกาสฉลองวัดในปีนี้เป็นพิเศษ สิ่งที่เราคิดๆจะทำกันก็มีหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งในแง่ของการประชาสัมพันธ์ การเตรียมจิตใจฟื้นฟูส่งเสริมความศรัทธาเป็นพิเศษก่อนฉลองวัด การทำกิจกรรมภายนอกเป็นเชิงสัญลักษณ์เพื่อประกาศให้กับเพื่อนพี่น้องในสังคมเมืองได้รับรู้ เช่นกิจกรรมการเดินการกุศล การจัดทำของที่ระลึกต่างๆสำหรับจำหน่ายแจกจ่ายเพื่อรณรงค์งานฉลองนี้ให้เป็นที่รับรู้แพร่หลาย อาทิ รูปหล่อนักบุญหลุยส์ เสื้อโปโล เสื้อทีเชิร์ตที่มีตราสัญลักษณ์ของงานฉลอง การจัดกิจกรรมอื่นๆ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่พี่น้องสัตบุรุษที่มาสวดภาวนาร่วมกันที่วัดเซนต์หลุยส์ของเรา
            พ่อจึงนำเรื่องนี้มาเล่าสู่พี่น้องแต่เนิ่นๆ เพื่อหาแนวร่วมที่จะเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ในเรื่องต่างๆโดยเฉพาะผู้ที่มีความชำนาญหรืออยู่ในแวดวงของ หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อให้วันฉลองวัดของเราในปีนี้ซึ่งกำลังจะมาถึงในอีกประมาณ 6 เดือนข้างหน้า เป็นวันที่พิเศษทางจิตใจของเราอย่างแท้จริง
            ขอท่านนักบุญหลุยส์องค์อุปถัมภ์วัดของเราโปรดวิงวอนพระเจ้าเพื่อเราทุกคน เพื่อเราจะได้เป็นผู้ร่วมส่วนในการประกาศข่าวดีของพระเจ้าอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น เหมือนอย่างที่ท่านนักบุญหลุยส์ได้เคยทำมาแล้วในยุคสมัยของท่านอย่างโดดเด่น เราพี่น้องสัตบุรุษทุกคนจะได้ก้าวเข้ามาจับมือกันอย่างเข้มแข็งเพื่อจัดงานรำลึกถึงหยาดเหงื่อและแรงกายแรงใจของบรรดามิสชันนารีและพระสงฆ์ที่เคยทำงานที่วัดแห่งนี้ รวมไปถึงบรรพบุรุษญาติพี่น้องของเราในอดีตที่เคยเป็นสมาชิกของชุมชนความเชื่อแห่งนี้
            พ่อได้แต่หวังว่า ฉลองวัดปีนี้จะเป็นวันฉลองวัดที่น่าจดจำอีกวันหนึ่งครับ
           
พ่อสุพจน์
...............................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ :Listen = ???

ความสามารถในการฟัง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหูหรือการได้ยิน

คนบางคนมีหู แต่เขาไม่สามารถได้ยินได้
คนบางคนมีหู เขาไม่สามารถได้ยิน แต่เขาก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง
คนอีกบางคนมีหู แม้เขาไม่สามารถได้ยิน แต่เขาก็ฟัง
คนหลายคนมีหู และได้ยิน แต่ไม่ฟัง
คนหลายคนมีหู และได้ยิน แต่ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง
คนอีกหลายคนมีหู ได้ยิน และได้ฟัง

เครื่องหมายภายนอกของการฟัง คือ การทำตามสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง
อับรามเมื่อได้ยิน พระเจ้าตรัส ท่านก็ฟังเมื่อฟังแล้ว ก็ทำตาม

การฟังจึงเป็นนามธรรม และเพื่อให้การฟังเป็นรูปธรรมได้
จึงต้องอาศัย การปฏิบัติ หรือ ทำให้ถูกต้องตรงตามที่บอก
มิเช่นนั้น ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่า ได้ฟัง บางทีอาจจะแค่ได้ยิน

รู้ รับทราบ และทำ จึงน่าจะเท่ากับฟัง
การทำงานของประสาทรับรู้พร้อมกับมืออย่างถูกต้องตามที่บอก
จึงนับได้ว่า เป็นการฟัง - หูกับมือจึงต้องทำงานประสานกัน
เพราะบางที ทำแค่ปาก รับแค่ปาก แต่ไม่ทำ อาจจะไม่สามารถเรียกได้ว่า ฟัง
(เว้นแต่การปฏิบัติบางอย่างบางประการที่ต้องอาศัยปากทำ)

วันนี้ พระบิดาบอกศิษย์ให้ฟังพระเยซู
การฟังนี้ จึงมากกว่าการได้ยิน ยิ่งไม่ใช่แค่เข้าหูหนึ่งออกอีกหูหนึ่ง
แต่เป็นการที่เราจะฟังและทำตามที่พระองค์บอกด้วย


บาทหลวงบางกอก

วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2017

พี่น้องที่รัก
                เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเป็นวันพุธรับเถ้า ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นเทศกาลมหาพรต ตามธรรมเนียมของเราคาทอลิก คริสตชนพึงได้รับการโปรยเถ้า เพื่อเตือนใจให้เข้าสู่ช่วงเวลาของเทศกาลมหาพรต แต่เนื่องจากหลายคนไม่สะดวกในการไปร่วมพิธีโปรยเถ้า เพราะเป็นวันที่ต้องทำงานตามปกติ  ทำให้คริสตชนหลายคนพลาดโอกาสที่จะได้รับการโปรยเถ้าจากพระสงฆ์  ด้วยเหตุนี้จึงมีวัดบางแห่งในต่างประเทศเสนอบริการพิเศษด้วยการโปรยเถ้าให้กับคริสตชนอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษเพียงแค่ขับรถผ่านไปที่หน้าวัด พระสงฆ์จะลงมาโปรยเถ้าให้ทันทีที่รถเลย
“Drive Thru Ashes”
March 1, 2017
6:30 – 8:00am
FREE COFFEE!
                นอกเหนือจากมีบริการโปรยเถ้าถึงที่รถแล้ว ถ้ามีเวลาสักนิดหน่อย จะขึ้นมาดื่มกาแฟที่บ้านพักพระสงฆ์ก็ยังได้ เรียกว่าบริการกันแบบถึงอกถึงใจเลย น่าชื่นชมในความคิดริเริ่มแปลกใหม่ในการอภิบาลสัตบุรุษครับ
                ที่เป็นแบบนี้เพราะ การรับเถ้าในวันพุธรับเถ้า เป็นเครื่องหมายของการเริ่มต้น 40 วันของช่วงเวลาเทศกาลมหาพรตครับ ด้วยเหตุนี้ถ้าเป็นไปได้ พิธีการโปรยเถ้าหลายๆ แห่งจะกระทำกันเพียงในวันพุธรับเถ้าเพียงเท่านั้น ไม่มีการมาโปรยเถ้าให้ในวันอาทิตย์ภายหลังอีก เพราะไม่เช่นนั้นคงสามารถเปลี่ยนการเรียกวันพุธรับเถ้าเป็นวันอาทิตย์รับเถ้าได้เหมือนกัน มิติของการเริ่มต้นเทศกาลมหาพรตในวันพุธรับเถ้าคงจะสูญเสียเอกลักษณ์ไปในที่สุด
                ในปีต่อๆไปพ่อจึงอยากให้พี่น้องได้จัดเวลา ให้ความสำคัญกับการรับเถ้าในวันพุธรับเถ้า ถ้าสามารถทำได้ครับ ส่วนการมารับเถ้าในวันอาทิตย์นั้น ก็เพื่อสำหรับพี่น้องที่ติดขัดจริงๆ ไม่สามารถมาร่วมพิธีโปรยเถ้าในวันพุธรับเถ้าได้
                เทศกาลมหาพรตเริ่มต้นขึ้นแล้ว 40 วันตลอดช่วงเทศกาลนี้ขอให้เราตั้งใจปฏิบัติตามจิตตารมณ์ของเทศกาลนี้อย่างจริงจัง ในการถือศีลอดอาหาร สวดภาวนา ทำกิจพลีกรรมใช้โทษบาป ทำบุญให้ทาน และบำเพ็ญตน ปรับปรุงชีวิตของเรา ด้วยการละทิ้งอุปนิสัย และความโน้มเอียงในทางบาป เหมือนกับการนำใบลานเก่าที่เก็บไว้เมื่อปีก่อนมาเผาไฟ กลายเป็นเถ้าถ่าน เพื่อเตือนใจเราว่า ให้เรากำจัดชีวิตเดิมๆที่ยังไม่สมบูรณ์ของเรา เผาทิ้งไป เริ่มต้นช่วงเวลาใหม่ที่ดีงามยิ่งขึ้น สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เส้นทางนี้เรียกว่า เส้นทางแห่งความดี ที่เราต้องก้าวไปข้างหน้าเสมอ สลัดทิ้งความบกพร่องออกไปจากตัวเราให้มากที่สุด สลัดทิ้งตัวตนของเราที่ยัง ทะนงตน โลภ ริษยา โมโห ตัณหา ตะกละ เกียจคร้าน ออกไปให้มากที่สุด
                เมื่อได้พยายามบำเพ็ญตนสุดความสามารถแล้ว เราจะมีประสบการณ์ถ่องแท้และเข้าใจถึงการฉลองปัสกาซึ่งเป็นการฉลองการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะเราได้ตายต่อบาป ต่อตัวตนของเราตลอดเทศกาลมหาพรตมาแล้ว การเฉลิมฉลองปัสกาจึงเป็นการบรรลุถึงชีวิตใหม่อย่างแท้จริง  เป็นการลิ้มรส และมองเห็นแบบเลาๆ ถึงชีวิตที่พระจะประทานให้ในอนาคตนั่นเอง
                ขอพระเจ้าประทานความเข้มแข็ง มั่นคงให้กับจิตใจของพี่น้อง เพื่อจะมีวินัยกับตนเองในการปฏิบัติตนตามจิตตารมณ์ของเทศกาลมหาพรตจนสำเร็จ

พ่อสุพจน์
........................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : การประจญทดลองเป็นของทุกคน




ปีศาจยังทำหน้าที่ของมัน ไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่ถูกประจญทดลอง
แต่มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับตั้งแต่มีโลก นับตั้งแต่เกิดโลก
เป็น loop วนไป วนไป วนเวียนอยู่ในโลก
อดัมและเอวาก่อน ลูกหลานต่อมาก็ไม่ต่างกัน

กลอุบายพื้นฐานประการแรกที่มักใช้ใส่ในหัวของเราเสมอ ก็คือ
มันคือเรื่องเล่าปรัมปรา มันคือมโนคติความชั่ว และมันไม่มีอยู่จริง
อีกประการก็คือ ความไม่ดีและความอ่อนแอ เรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา
ไม่ใช่มันทำ แต่เป็นพระเจ้าที่ลงโทษ เป็นพระเจ้าที่ทดลอง เป็นพระเจ้าที่ทำให้เกิดขึ้น

ปีศาจรู้และรู้มาก ว่าจะต้องทำอย่างไร กับสิ่งสร้างที่มีภาพลักษณ์เหมือนพระองค์
กับคนหนึ่งมันใช้วิธีการแบบหนึ่ง กับอีกคนหนึ่งก็เป็นวิธีที่แตกต่างไป
จะศรัทธามาก ศรัทธาน้อย สวดมาก สวดน้อย หรือไม่สวด
มันก็มา มันก็ทดลอง มันก็ผจญ เพราะมันไม่เลือก ไม่เว้นแม้แต่พระบุตร

พระเยซูผู้เป็นมนุษย์แท้ (และพระเจ้าแท้) จึงยังต้องผ่านการทดลอง
แต่การทดลองทั้งหมดนี้ พระองค์ชนะได้โดยง่าย ในพระเจ้าผู้ทรงประทานกำลัง
เราก็เช่นกัน เพื่อจะผ่านการทดลองทั้งหมดในชีวิตโดยง่าย
จึงต้องสำนึกถ่อมตน รู้ถึงความจำกัดของตัวเราเอง และอาศัยพระบุตร

เพราะเมื่อเราคิด รู้สึก และมั่นใจในความสามารถของตนว่า
เราไหว เราแน่ เราเก่ง และเราก็ตามมันทัน หรือ บางทีก็ล้ำหน้าปีศาจอยู่หลายก้าว
ความรู้สึกแบบนั้นอาจแปลได้ว่า
เรากำลังตามหลังมันอยู่ก้าวหนึ่ง สองก้าว หรือหลายก้าวแล้ว
ถ้าไม่ลืม ปีศาจอยู่มาก่อน อยู่มานานกว่าเรา และเป็นผู้ชำนาญการในการล่อลวง



บาทหลวงบางกอก