วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อได้เล่าให้พี่น้องฟังว่า พระสันตะปาปาฟรังซิส ได้ออกพระสมณสาส์น “Laudato Si”  "คำสรรเสริญจงมีแด่พระองค์" ซึ่งเป็นจดหมายเวียนมายังพี่น้องคริสตชนทั่วโลก วันนี้พ่อขอกล่าวถึงเนื้อหาใจความของพระสมณสาส์นฉบับนี้ นำมาเล่าสู่พี่น้องบ้างนะครับ
            ประเด็นสำคัญของพระสมณสาส์นฉบับนี้อยู่ที่ว่า พระสันตะปาปาเรียกร้องบรรดาคริสตชนให้ใส่ใจต่อสิ่งสร้าง และ อย่าเพิกเฉยต่อบาดแผลของธรรมชาติผู้เปรียบเสมือนแม่ของชีวิตที่ดำรงอยู่ พระองค์เริ่มต้นด้วยการให้เราหันมามองความเป็นจริงว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในยุคนี้ โลกเต็มด้วยมลภาวะ เกิดภาวะโลกร้อน อุณหภูมิสภาวะอากาศผันแปร คนจนมีโอกาสน้อยที่จะได้ใช้น้ำสะอาดเพื่อการดำรงชีวิต การเพาะปลูกเสียหาย ห่วงโซ่อาหารในธรรมชาติถูกทำลาย สาเหตุสำคัญของปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้น มาจากการกระทำของมนุษย์เอง
            จรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจของบริษัททางการค้าใหญ่ ๆ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดมลภาวะและภาวะปนเปื้อนในโลกที่สาม เพราะในประเทศที่พัฒนาแล้วมีกฎหมายควบคุม แต่ในโลกที่สามยังมีช่องโหว่ทางกฎหมาย ทำให้กลุ่มทุนหาช่องโอกาสที่จะหาประโยชน์
           
พระสันตะปาปา ทรงเรียกร้องให้เราทุกคนเพียรพยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมและใส่ใจต่อแม่ธรรมชาติที่กำลังถูกทำร้าย และ ขาดความเอาใจใส่ อย่าให้ความเห็นแก่ตัวของบุคคลมาทำให้เกิดผลเสียต่อการดำรงชีวิตของส่วนรวม พระองค์เรียกร้องให้มีการกลับใจทางนิเวศวิทยา
            พระสันตะปาปายังเตือนให้เข้าใจถึงเรื่อง คุณค่าชีวิตของคนยากจน ชีวิตน้อยที่เริ่มต้นเจริญวัยในท้องแม่ คนพิการด้อยความสามารถด้วย
            และในช่วงท้ายพระองค์ขอให้เราทุกคนรู้จักชื่นชมยกย่องต่อธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่งดงามตระการตา และตระหนักถึงหน้าที่ของเราที่พระเจ้ามอบหมายพันธกิจให้บำรุงรักษาใส่ใจ ธรรมชาติที่เป็นสวนที่งดงามที่พระองค์ให้โอกาสเรามาอาศัยอยู่ เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของหนทางแก้ปัญหา พระองค์ระบุไว้ว่า "ผลกระทบต่อความไม่สมดุลในปัจจุบัน สามารถลดลงได้ด้วยการตัดสินใจลงมือปฏิบัติของพวกเราทุกคน ทุกแห่ง ทุกเวลา ใครคนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีตำแหน่งใหญ่โต ที่จะมานำการเปลี่ยนแปลง แต่คนทั่วไปสามารถเยียวยาธรรมชาติได้เช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตด้วยการรู้จักนำของใช้แล้วกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ การคัดแยกขยะ ใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับภูมิอากาศ แทนที่จะต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ก็เป็นการเริ่มต้นในการบำรุงรักษาธรรมชาติที่งดงามของเราแล้ว
            พระสมณสาส์นฉบับนี้มีความยาวพอสมควรทีเดียว ในอีกไม่ช้าคงมีฉบับแปลเป็นภาษาไทยออกมาสู่สายตาของพี่น้องอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นก็อยากให้พี่น้องได้หามาอ่านกันนะครับ พ่อมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโลกของเรามากทีเดียว

พ่อสุพจน์
...............................................................................................................................
ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : เมื่อคุณหญิงกีรติล้างบาป


ฉันไม่รู้หรอกว่า
ในวันข้างหน้าของชีวิต
ฉันจะต้องเผชิญกับอะไร
จะดีหรือจะร้าย

ฉันทำได้แค่วันนี้
ฉันทำได้แค่ตอนนี้
ฉันทำได้แค่นาทีนี้

และเท่าที่รู้
การที่ยังมีคนมากมายให้ได้รัก
ก็ถือว่าเป็นสุข แล้ว

อย่างที่ฉันเคยบอกเธอล่ะนพพร
ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน
แต่ฉันก็อุ่นใจ เพราะฉันมีคนที่ฉันรัก

และที่สำคัญฉันจะรักต่อไป
แม้อาจไม่ได้รับความรักตอบ
และแม้นว่า ต้องหมดลมหายใจ ฉันจะยังคงรักต่อไป

เพราะฉันได้รับมาจากพระเจ้า
และอยากจะทำให้โลกได้รู้จักกับความรักของพระองค์
ผู้ประทานความรักให้ฉันมา ก็เพียงพอแล้ว

ฉันก็แค่เครื่องมือของพระองค์ไม่สลักสำคัญแต่อย่างใด

#กีรติรำพึงถึงพระเจ้า
#ข้างหลังภาพ




Shutter Lover : เรื่องและภาพ

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2015

พี่น้องที่รัก
                เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พระสงฆ์ไปร่วมสัมมนาประจำปี ที่บ้านผู้หว่านในหัวข้อ “350 ปี รากฐานพระศาสนจักรคาทอลิกไทย : เปิดประตูสู่มิติใหม่งานประกาศข่าวดีของสงฆ์ไทย” เราได้มีโอกาสไตร่ตรองประวัติความเป็นมาของการทำงานของมิสชันนารีในอดีต ทั้งในแง่รูปแบบ และ วิธีการประกาศข่าวดีที่ใช้ในอดีตซึ่งเกิดผลดีสู่ปัจจุบัน จากวิทยากรที่มีคุณวุฒิ และประสบการณ์ที่พอกพูนหลาย ๆ ท่าน ทั้งจากพระสังฆราช พระสงฆ์ และ ฆราวาส ทำให้ได้รับแง่คิดที่ดีที่สามารถนำไปปฏิบัติเป็นรูปธรรมได้มากมาย เดี๋ยวนี้พระศาสนจักรคาทอลิกไทยไม่ได้มีเพียงมิชชันนารีชาวต่างประเทศที่มาช่วยทำงานประกาศข่าวดีเพียงอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อนแล้ว พระศาสนจักรคาทอลิกไทยมีมิสชันนารีชาวไทยที่ไปทำงานในเขตที่ยังไม่เคยได้รับการเผยแผ่ข่าวดีมาก่อน รวมไปถึงการออกไปทำงานเผยแผ่ข่าวดีของพระเจ้าในดินแดนประเทศอื่นอีกด้วย
            สิ่งที่พระศาสนจักรคาทอลิกไทยในปัจจุบันได้มีแนวทางในการเผยแผ่ข่าวดีสำหรับคริสตชนคาทอลิกที่เป็นคาทอลิกมานานแล้วเพื่อฟื้นฟูความเชื่อ ความรักในพระเจ้าให้กลับมากระชุ่มกระชวย มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้รูปแบบ และ วิธีการของ วิถีชุมชนวัด ซึ่งบัดนี้ได้มีการนำ วิถีชุมชนวัด มาแนะนำและเริ่มเพาะหว่านพระวาจาของพระเจ้าผ่านกระบวนการวิถีชุมชนวัดไปทุกวัดทั่วประเทศไทยแล้ว
            สิ่งที่พระสมณทูต พอล ชาง อินนัม ได้นำมาปาฐกถาและให้ข้อคิดที่มีประโยชน์ที่พ่ออยากนำมาเสนอให้กับพี่น้องในประเด็นสำคัญคือ พระคุณเจ้าได้แบ่งปันเรื่องของการประกาศข่าวดีของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ให้กับที่ประชุมสงฆ์ได้ฟังว่า ตั้งแต่พระองค์ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา พระองค์ก็มีแนวทางชัดเจนในการ นำพระเยซูไปสู่มวลมนุษย์ และ นำมวลมนุษย์ไปเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ผู้เป็นหนทาง ความจริง และชีวิต  เพื่อให้ผู้ที่ได้รับข่าวดีพระวรสาร จะได้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยินดี พระคุณเจ้ากล่าวว่า ผู้ที่น้อมรับความรอดพ้นที่พระเยซูเจ้าทรงนำมาให้ จะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากบาป ความเศร้าโศก ความเดียวดาย และ ชีวิตภายในที่ขาดแก่นแท้ของชีวิต เพราะความชื่นชมยินดีในองค์พระคริสตเจ้านั้นจะบังเกิดขึ้นในชีวิตของเขาอย่างสม่ำเสมอ ไม่จางหายไปเลย
            พ่อก็นำเอาเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยจากการประชุมสัมมนาพระสงฆ์ทั่วถิ่นไทยประจำปี มาเล่าแบ่งปันกับพี่น้องบ้างตามเนื้อที่ที่เอื้ออำนวยในวันนี้เพียงแค่นี้นะครับ


พ่อสุพจน์
....................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : Shine Your Light, Bright Your Day

สารัตถะของดวงไฟ
คือให้ความสว่าง

เมื่อเปิดมัน
ไม่ว่าจะกลางวัน หรือกลางคืน
มันก็จะให้ความสว่าง

ในสถานที่ที่สว่างกว่าความสว่างของมัน
อาจเห็นไม่ชัด แต่มันก็คงให้ความสว่าง

ในสถานที่ที่มืดกว่าความสว่างของมัน
มันก็ชัดเจนขึ้น มันก็ให้ความสว่าง

ในสถานที่ที่สว่างมันอาจดูไร้ค่า ไร้ประโยชน์
แต่คราที่มืด แม้มันอาจสว่างเพียงน้อยนิด
มันก็จำเป็น และมันก็ทำหน้าที่ของมัน

#คนดีก็เช่นกัน
#ความรักก็เช่นกัน

จงอย่าท้อถอยในการทำดีเลย
จงอย่าท้อถอยในความรักเลย




Shutter Lover : เรื่องและภาพ

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงทำหน้าที่ในการปกครองดูแลพระศาสนจักรมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ตามปกติแล้วพระสันตะปาปาทุกพระองค์ จะทำหน้าที่ในการสอนเตือนใจเหล่าคริสตชนโดยออกจดหมายเวียน หรือ ที่เรียกเป็นศัพท์เฉพาะว่า “พระสมณสาส์น” ที่มีเนื้อหาสอนใจพี่น้องสัตบุรุษในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้เราคริสตชนทราบถึงคำสอนของพระศาสนจักรที่แนะนำไว้ในประเด็นต่าง ๆ  เพื่อนำไปปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ตามธรรมประเพณีแล้วจดหมายเวียน หรือ พระสมณสาสน์นี้จะถูกเขียนเป็นภาษาลาตินก่อน และพระสมณสาส์นแต่ละฉบับจะมีชื่อที่ใช้เรียกพระสมณสาส์นฉบับนั้น โดยใช้คำสองสามคำแรกที่ขึ้นต้นจดหมายเวียนนั้นมาเป็นชื่อของจดหมายเวียนของพระสันตะปาปา พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ออกพระสมณสาส์นฉบับแรกเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2013 มีชื่อว่า  Lumen Fidei แปลเป็นภาษาไทยว่า “แสงสว่างแห่งความเชื่อ” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความเชื่อ อันเป็นคำสอนที่ช่วยให้ พระสมณสาส์นของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่เคยออกพระสมณสาส์น เรื่องความรัก (Deus caritas est) และ พระสมณสาส์นเรื่องความหวัง (Spe Salvi) มีเนื้อความที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเมื่อไม่กี่วันมานี้พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ออกพระสมณสาส์นฉบับใหม่มีชื่อพระสมณสาส์นฉบับนี้ว่า Laudato Si ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “คำสรรเสริญจงมีแด่พระองค์”
            เนื้อหาของพระสมณสาส์น Laudato Si น่าสนใจมากเพราะเป็นเนื้อหาที่กล่าวถึงสภาวะแวดล้อมในธรรมชาติ หรือ กล่าวได้ว่าเป็นพระสมณสาส์นที่จูงใจเราทุกคนให้มองเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และ ธรรมชาติรอบตัวเรา พระองค์เตือนทุกคนเกี่ยวกับการเผชิญกับความล่มสลายของระบบนิเวศน์อันจะนำไปสู่ผลกระทบอันร้ายแรงที่คาดไม่ถึงมาสู่เรามนุษย์ทุกคน ถ้ามวลมนุษย์ล้มเหลวในการร่วมใจกันหาหนทางปฏิบัติเพื่อแก้ไขต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนในโลกปัจจุบัน
            สาระสำคัญของพระสมณสาส์นฉบับนี้อยู่บนประเด็นที่ว่า แล้วเราจะมอบโลกที่อยู่ในสภาพไหนไว้ให้กับประชากรในอนาคตดำเนินชีวิต?
           พระสมณสาส์นฉบับนี้ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจาก เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ประธานกรรมการบริหารธนาคารโลก อันมีผลในทางปฏิบัติในการจัดสัมมนาในโครงการเกี่ยวกับการหารือเรื่องสภาวะภูมิอากาศของโลก

            จะเห็นได้ว่าคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้วนเวียนอยู่แต่เพียงคำสอนด้านศีลธรรมเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตแค่บาป บุญ คุณ โทษ อย่างที่เคยเป็นมาในอดีตแล้ว แต่ขยายตัวไปสู่เรื่องของการธำรงรักษาธรรมชาติ และ สภาพแวดล้อม ให้อยู่ในความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย เพราะสรรพสิ่งในโลกผูกพันเชื่อมโยงกันหมด ในทุกระบบชีวิต รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่มุ่งเน้น แต่การแสวงหากำไร โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อคนจน โดยการทำลายล้างผลาญธรรมชาติ
            พระสันตะปาปาทรงเรียกร้องให้ทุกคนในโลกนี้ มองสิ่งต่างๆด้วยหนทางใหม่ ซึ่งเป็นการท้าทาย และปฏิรูปวัฒนธรรมที่ห้าวหาญ เพราะโลกของเรากำลังกลายเป็นขยะกองโต ดังนั้นเราต้องลุกขึ้น และหาทางผลักดันให้มีการขับเคลื่อนไปสู่การเสวนาเชิงนิเวศ เพื่อธำรงรักษาไว้เพื่อความดีส่วนรวมของโลกของเรา
            “ขอคำสรรเสริญจงมีแด่พระองค์”  จะไม่มีที่ยืนสำหรับคนที่เห็นแก่ตัว หรือ คนที่เย็นชาเพิกเฉย เราไม่อาจพิทักษ์ธรรมชาติได้ “หากหัวใจเรา ขาดความอ่อนโยน การเห็นอกเห็นใจ และ ความห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์ของเรา”

พ่อสุพจน์
............................................................................................                


ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : CAUTION!!!

ระวัง!!

คนออกแบบกรวย
ออกแบบมาเป็น 'กล้วย'
สร้างสรรค์ดี สะดุดตาดี

กล้วยเป็นสัญลักษณ์แทนการลื่น
ฝรั่งมักมีมุขที่เหยียบกล้วยลื่น
เอากล้วยมาตั้งเป็นกรวยเลยบอกว่า
ระวังนะ แถวแถวนี้ มันลื่น

คนไทยใช้กล้วยแทนอะไรง่ายง่าย
เรื่องกล้วยกล้วย คือเรื่องง่ายง่าย

เอาความคิดแบบไทยกะฝรั่งมาผสมกัน

ทำให้คิดได้ว่า
เรื่องยากยาก เรื่องใหญ่ใหญ่
เรามักจะไม่ค่อยพลาดไม่ค่อยผิด
เพราะเราจะระวัง เราจะละเอียด
แต่ในเรื่องเล็กเล็ก เรื่องง่ายง่าย
เรามักพลาดบ้างผิดบ่อย
เพราะระวังน้อย เพราะละเอียดน้อย

เรื่องกล้วยกล้วย
เลยทำให้เราลื่นล้มได้บ่อยบ่อย
บางที เราอาจจะต้องตั้งกรวยกล้วยนี้
ในชีวิตเราบ้าง ไว้ต่อยเตือนตัวเอง

เพราะปีศาจมันฉลาดกว่า
และรู้ว่าเราจะพลาดในเรื่องแบบไหน
ก็เท่านั้นเอง

#กล้วย_กรวย_กันพลาด


Shutter Lover : เรื่องและภาพ

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            ช่วงนี้พ่อได้รับเชิญให้ไปถวายมิสซาตามวัดต่างๆหลายแห่ง เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี แห่งศีลบวชที่ได้รับมาโดยผ่านทางพระสังฆราชประมุขของสังฆมณฑลผู้โปรดศีลบวชให้ ซึ่งเมื่อ 25 ปีมาแล้ว วันที่ 3 มิถุนายน ค.. 1990 พระคุณเจ้ามีชัย กิจบุญชู เป็นผู้โปรดศีลบวชเป็นพระสงฆ์ให้กับเราพระสงฆ์ 7 องค์ ตามที่พี่น้องพอจะทราบบ้างแล้วว่ามีใครกันบ้าง เวลาที่ได้รับเชิญไปถวายพิธีบูชาขอบพระคุณพระเป็นเจ้าในวัดต่างๆ เมื่อถึงช่วงพิธีการแสดงความยินดีกับเราพระสงฆ์ พิธีกรก็มักจะเชิญให้พระสงฆ์แต่ละองค์มีการกล่าวอะไรสักเล็กน้อยกับพี่น้องสัตบุรุษ พ่อแต่ละองค์ก็มักจะกล่าวกันในประเด็นต่าง ๆ บ้างก็กล่าวถึงประสบการณ์ในอดีตที่เคยทำงานอยู่ในวัดแห่งนั้นๆ บ้างก็กล่าวถึงความประทับใจที่พี่น้องสัตบุรุษในวัดแห่งนั้นมีเป็นจุดเด่นที่น่าชื่นชม  แต่มีประเด็นหนึ่งที่พ่ออยากนำมาเล่าให้พี่น้องฟัง  คือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราพระสงฆ์ 7 องค์ ได้รับเชิญให้ไปถวายพิธีบูชาขอบพระคุณ โมทนาคุณพระเจ้า ที่วัดนักบุญอันนา ท่าจีน ตอนท้ายพิธีพระสงฆ์แต่ละองค์ก็ได้รับเชิญให้กล่าวอะไรสั้น ๆ กับพี่น้องสัตบุรุษ ประเด็นที่พ่อจะเล่าคือ เรื่องที่คุณพ่ออนุรักษ์ ประจงกิจ กล่าวกับพี่น้องสัตบุรุษที่วัดท่าจีนว่า วันนี้พี่น้องมาแสดงความยินดีกับพระสงฆ์ ที่บวชมาครบ 25 ปี พี่น้องมาฉลองอะไรกันแน่ มาฉลองตัวพระสงฆ์ หรือ มาฉลองศักดิ์สงฆ์ ที่พระสงฆ์ได้รับมากันแน่ แล้วคุณพ่อก็กล่าวต่อไปว่า ถ้าไม่ใช่เป็นคุณพ่อ แต่เป็นเพียงนายนั่นนายนี่ พี่น้องจะมาฉลองให้ไหมพวกสัตบุรุษต่างพากันส่ายหน้า ยังงั้น พี่น้องมาฉลองศีลบวชในตัวพระสงฆ์ใช่ไหม? สัตบุรุษพากันพยักหน้าเห็นด้วย พ่ออนุรักษ์ก็กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันฉลองศีลบวชที่พระเยซูเจ้าตั้งขึ้น และ โดยอาศัยศีลบวชนี้แหละที่ทำให้ คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ได้รับศักดิ์สงฆ์มาทำหน้าที่เป็นพระสงฆ์เพื่อรับใช้พระเจ้า รับใช้พี่น้องสัตบุรุษ วันนี้เราจึงมาโมทนาคุณพระเจ้าเพราะพระองค์ประทานศักดิ์สงฆ์ให้กับพระสงฆ์นั่นเอง
            พ่อเองรู้สึกประทับใจที่ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องสัตบุรุษทุกวัดเป็นอย่างดี และเล็งเห็นอย่างชัดเจนว่า พี่น้องสัตบุรุษทุกแห่งรักพระสงฆ์ และ เอาใจใส่ดูแลพระสงฆ์เสมือนญาติพี่น้องใกล้ชิด ทั้งนี้ก็เพราะ พระสงฆ์เป็นเครื่องหมายของชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า และ เป็นผู้ที่ชี้ทางแห่งชีวิตที่สงบสุขให้กับพี่น้องสัตบุรุษได้ก้าวเดิน ดังนั้น พ่อจึงอยากให้พี่น้องเล็งเห็นความสำคัญของการเพาะบ่มกระแสเรียกในการเป็นพระสงฆ์ให้กับลูกหลานของเรา เพราะพระศาสนจักรในอนาคต ยังต้องการพระสงฆ์ที่อุทิศตัวเพื่อพี่น้องสัตบุรุษ อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากอีกมากครับ ลองมาจินตนาการดูสิว่าถ้าในอีกสิบปี ยี่สิบปีข้างหน้า เราขาดแคลนพระสงฆ์ที่ทำงานตามวัด ตามโรงเรียน พี่น้องสัตบุรุษคงมีความยากลำบากในการได้รับการบริการทางด้านศีลศักดิ์สิทธิ์ การประกอบพิธีกรรม การให้การอบรมสั่งสอนทางด้านศีลธรรมเป็นแน่แท้ ดังนั้นถ้าเราไม่เริ่มตื่นตัวเรื่องการสนับสนุนให้มีกระแสเรียกในการเป็นพระสงฆ์ นักบวช เพิ่มขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้แล้วละก็ พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยคงถึงยุคที่ขาดแคลนพระสงฆ์ในอีกไม่ช้า
พ่อสุพจน์
...................................................................................................................                

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : ดอเอ๋ยดอเด็ก

ไม่มีใครเกิดมาแล้วแก่เลย
คนเราจึงเคยเป็นเด็กกันมาก่อนทั้งนั้น

วัยที่ความผิดพลาดถือเป็นเรื่องที่ใครก็อภัยให้ได้ง่ายง่าย
วัยที่ลองผิดลองถูกได้โดยไม่มีใครว่าอะไร
วัยที่ทำอะไรก็ดูจะน่ารักไปซะหมด

แต่เมื่อโตมา บางทีก็ไม่เป็นเช่นนั้น
ทำให้หลายคนโหยหาอยากกลับไปเป็นเด็ก

เพราะประสบการณ์ที่ฉาบเราทีละเล็กละน้อย
จนทำให้เราถูกตีตราด้วยค่าประสบการณ์ที่มากขึ้น
ว่า ต้องเป็นผู้ใหญ่ ต้องผิดพลาดน้อยลง ต้องล้มลงน้อยขึ้น

หกล้มเวลาที่เป็นเด็กเด็กมีแต่คนประคับประคอง
หกล้มเมื่อเติบใหญ่บางทีก็ถูกย่ำยีกระหน่ำซ้ำเติม

เมื่อโตขึ้น หลายคนจึงโหยหาอดีต
และอยากกลับไปเป็นเด็กเด็ก แต่อดีตก็คืออดีต
เราล้วนรู้ความจริงข้อนี้

บางทีสังคมก็ออกระเบียบและกฎ เพื่อกะเกณฑ์บางอย่าง
ออกมาเป็นมาตรฐานเดียว มาตรการเดียวเพื่อใช้กะทุกคน
โดยละเลยความเป็นปัจเจกของแต่ละคน

บางอย่างใช้ได้ บางอย่างใช้ไม่ได้

ถ้ามองกันตามประสบการณ์ที่ถูกฉาบ
ถ้ามองกันตามจำนวนปีที่เติบใหญ่ ก็คงจะใช่ ก็อาจจะได้
แต่หากลองลอกสิ่งที่ฉาบออก เราก็เป็นเด็กน้อยคนนึงเท่านั้น

ยังคงผิดพลาด ยังคงต้องการเรียนรู้ ลองผิดและถูก
ยังคงต้องการโอกาส และการอภัย
และยังคงน่ารักเหมือนเดิม

ถ้าคุณเคยเป็นเด็ก คุณจะเข้าใจคนรอบข้างได้ดีขึ้น

Shutter Lover : เรื่องและภาพ