วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม 2016

พี่น้องที่รัก
            เราเข้ามาสู่เดือนตุลาคมแล้ว ตามธรรมประเพณีของพระศาสนจักรถือสืบเนื่องกันมาว่า เดือนตุลาคมคือเดือนของการสวดลูกประคำ ด้วยเหตุที่ว่า เราฉลองแม่พระแห่งลูกประคำในวันที่ 7 ตุลาคม ของทุกปี เพื่อถวายเกียรติแด่พระนางมารีย์ ด้วยความสำนึกรู้คุณในการที่พระนางปกปักพิทักษ์รักษาพระศาสนจักร ตามคำวอนขอโดยผ่านทางการสวดลูกประคำของหมู่มวลสัตบุรุษ ตามตำนานที่เล่าสืบขานต่อเนื่องกันมากล่าวว่า พระนางมารีย์ได้ประจักษ์มากับนักบุญดอมินิก ในปีค.. 1206 ภายหลังจากที่ท่านได้สวดภาวนาและทำการพลีกรรมอย่างหนัก เพราะท่านไม่ประสบผลสำเร็จในการต่อสู้กับพวกเฮเรติ๊ก อัลบีเจนเซียน พระนางมารีย์กล่าวชื่นชมท่านที่ได้ต่อสู้กับพวกเฮเรติ๊กอย่างกล้าหาญ พระนางยังมอบลูกประคำให้เป็นอาวุธทรงอานุภาพ และยังสอนให้รู้จักวิธีสวดสายประคำและกำชับกับท่านนักบุญให้เผยแผ่การสวดสายประคำนี้ให้แพร่หลาย

            ในเมื่อเนื้อหาในบทสวดลูกประคำมีกำเนิดมาจากทั้ง พระเจ้า จากพระคัมภีร์ และ จากพระศาสนจักรเองแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าการสวดลูกประคำจึงเป็นที่โปรดปรานของพระแม่มารีย์และมีพลังยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์ ถ้าเราหันไปพิจารณาดูว่ามีผู้คนมากมายที่ได้รับพระพรมากมายจากการสวดสายประคำ ในอดีตการสวดสายประคำทำให้คริสตชนได้รับชัยชนะ เช่นชัยชนะต่อพวกเฮเรติ๊ก อัลบีเจนเซียน ในการสงครามที่มูเรต์ ในปี ค.. 1213 และ ในสมัย พระสันตะปาปาปีโอที่ 5 การสวดสายประคำทำให้มีชัยนะต่อกองเรือพวกเตอร์กี ในวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม ค.. 1571 พระสันตะปาปาจึงสั่งให้มีพิธีรำลึกถึงเหตุการณ์วันนี้โดยจัดให้วันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคมเป็นวันฉลองแม่พระลูกประคำ ต่อมาภายหลังยังมีการศึกสงครามอีกหลายครั้งที่พระศาสนจักรยกถวายชัยชนะที่ได้มาว่าเป็นผลมาจากการสวดสายประคำ
            ในยุคปัจจุบัน เราไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ยกพลเข้ามาบุกรุกเราคริสตชนด้วยกองทัพเหมือนกับในยุคกลางอีกแล้ว แต่เราต้องเผชิญกับอริศัตรูในรูปแบบใหม่ที่มาในรูปของความเจริญรุ่งเรือง นั่นคือ วัตถุนิยม บริโภคนิยม ฯลฯ ให้เราหันมาหาพระนางมารีย์ พระแม่ของชาวเรา และสวดลูกประคำวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง นอกจากนี้ให้เราช่วยกันเผยแผ่การสวดสายประคำให้แพร่หลายไป เพราะนี่คืออาวุธแห่งคำภาวนาที่คอยช่วยปกปักพิทักษ์รักษาเราให้พ้นจากภัยอันตรายที่แฝงตัวมาในรูปแบบต่างๆนั่นเอง
            ตลอดเดือนตุลาคมนี้พ่อเชิญชวนพี่น้องได้ร่วมใจกันสวดสายประคำเป็นพิเศษตลอดเดือนนี้ ที่วัดของเราจัดให้มีพิธีตั้งศีลมหาสนิทและสวดสายประคำ รับพรศีลมหาสนิทตลอดเดือนนี้เวลา 1 ทุ่ม ระหว่างวันจันทร์ถึงวันศุกร์ นอกจากนี้ในวันที่ 31 ตุลาคมซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเดือน เราจัดให้มีพิธีแห่แม่พระรอบวัดพิธีจะเริ่มเวลา 1 ทุ่มเช่นกันครับ ดังนั้นพ่อจึงเชิญชวนพี่น้องได้สวดสายประคำและมาถวายเกียรติแด่แม่พระด้วยการมาร่วมแห่แม่พระในวันเวลาดังกล่าวครับ

พ่อสุพจน์
...............................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
            มีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด คืออะไร เป็นความเชื่อของพระเยซูที่จะเข้ามาแทนความเชื่อของเรา ความเชื่อดังกล่าว แม้ว่าเราจะมีเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำการฝ่ายวิญญาณได้มากมาย เนื่องจากว่าความเชื่อของมนุษย์มีเนื้อหนังที่ทำให้เสื่อมตกต่ำไปพร้อมกับความบริสุทธิ์ชอบธรรมและชีวิตที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ในตัวของเขา ความดีความชอบธรรมความบริสุทธิ์และความเชื่อจึงใช้ไม่ได้ เพราะเรายังคงมัวสงสัยข้องใจและไม่อาจรับการทำงานของฝ่ายวิญญาณที่ทำได้เท่าที่ควรจะเป็น พระเยซูจึงต้องเป็นทุกสิ่งในเราและแม้แต่ความเชื่อของเราก็ต้องถูกแทนที่ด้วย ใน กท 2:20 ข้าพเจ้าดำเนินชีวิตอยู่โดยความเชื่อของพระบุตร ไม่ใช่ "โดยความเชื่อในพระบุตร" (ต้นฉบับภาษากรีก) ข้อสังเกตแรกเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ เมื่อชีวิตเราเกิดการเผชิญการท้าทายเรื่องความเชื่อศรัทธา เรามักประเมินกำลังของตนเองก่อนอื่นหมด แล้วจึงได้รับรู้ถึงข้อจำกัดของตน ว่ามีกำลังไม่เพียงพอ คำกล่าวแรกของเขายืนยันความจริงโดยปราศจากความลังเลว่า ข้าพเจ้าเชื่อ ในช่วงเวลาที่เขาหวาดกลัว หรือสงสัย หรือว้าวุ่นใจต้องประสบมรสุมในชีวิตกับความทุกข์ชนิดแบบสิ้นหวัง หาทางออกไม่ได้ “จงยึดมั่นในสิ่งที่ท่านรู้อยู่แล้ว และยืนหยัดจนกว่าความรู้เพิ่มเติมจะมาถึง” ในพระเยซูเจ้า ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง พวกท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า “จงเคลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น” มันก็จะเคลื่อนไป และสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย ขนาดของศรัทธาหรือระดับความรู้ของท่านไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นความซื่อตรงที่ท่านแสดงออกถึงศรัทธาที่ท่านมีอยู่และความจริงที่ท่านรู้อยู่แล้ว
            ข้อสังเกตที่สองคือสิ่งที่แปรผันมาจากข้อแรก เมื่อปัญหาเกิดขึ้นและมีคำถาม อย่าเริ่มต้นด้วยการพูดเกี่ยวกับความศรัทธาว่าท่านมีหรือไม่ มีมากเพียงใด ราวกับให้ ความไม่เชื่อของท่านเป็นตัวนำ และก็ไม่ได้ขอให้ท่านแสร้งมีศรัทธา ความเชื่อความศรัทธาขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง เป็นการแน่วแน่ต่อความเชื่อความศรัทธา เป็นการปฏิบัติราวกับว่าการประกาศตรงๆต่อสิ่งที่เชื่อนั้น ไม่ลังเลสงสัย เป็นการแสดงถึงความกล้าหาญทางศีลธรรมที่สูงส่งยิ่งกว่าความจริงที่ปรากฏเห็น ชีวิตที่มีความเชื่อความศรัทธาจึงเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความไม่สงสัย แต่ชัดแจ้งและเข้าถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างชัดเจน ชีวิตจึงเป็นงานศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังดำเนินอยู่พร้อมด้วยพระพรของพระตลอดเวลา ดังนั้นจงมีน้ำใจกับความเปราะบางของมนุษย์ทั้งของตัวท่านเองและคนที่รับใช้กับท่านในพระศาสนจักรซึ่งนำโดยชายและหญิงอาสาสมัครซึ่งเป็นมนุษย์คนไม่ดีพร้อม คือคนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องทำงานด้วย นั่นจะคงเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดพระทัยไม่น้อย แต่พระองค์ทรงรับมือกับสภาพนี้ เราเองก็ควรทำเช่นนั้น และเมื่อท่านเห็นความไม่ดีพร้อม พึงระลึกว่าข้อจำกัดเช่นนั้น ไม่ได้ อยู่ที่ความศักดิ์สิทธิ์ของงานนี้ แต่อยู่ที่ความเชื่อความศรัทธา เจตนาแท้จริง ความอ่อนน้อมจริงใจที่ต้องการพระในการช่วยเหลือ ด้วยความตั้งใจเด็ดเดี่ยวโดยไม่ทำการหน้าซื่อใจคดและการหลอกลวงต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า แล้วนั้นพระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่งความช่วยเหลือมาจากสวรรค์ ลงมาเพื่อเสริมสร้างความเชื่อเรา ความเชื่อจึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่า ที่เราคริสตชนควรต้องรักษาไว้ เพราะเราเป็นเพียงผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ และต้องทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น ที่เหลือพระจะทรงจัดการเอง

คพ.พงษ์เกษม

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2016

พี่น้องที่รัก
                สัปดาห์นี้พ่อนำเรื่องที่อ่านเจอในไลน์กลุ่มมาฝากพี่น้องอีกเรื่องหนึ่งครับ เรื่องนี้มีชื่อว่า "สมบัติผลัดกันชม" มีข้อคิดดีมากครับ
                มีเจ้าของที่ดินมากกว่า 500 ไร่ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนผมมีที่ดิน 500 ไร่รวมๆกันทุกเขตของกรุงเทพ และ เมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ ตอนนั้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผมพกเงินในกระเป๋ากินเหล้าครั้งละแสน ทำมาค้าขายได้เงินดีจริงๆ ลูกๆ ผมส่งเรียนเมืองนอกหมดไม่ต้องทำงานเรียนอย่างเดียว เมียผมชอบเล่นหุ้นๆ ก็ขึ้นเอาๆ เรามีเงินสดหลายร้อยล้าน มีญาติผมคนหนึ่งเดือดร้อนมายืมเงินผม ผมด่าเขาซะไม่มีชิ้นดีแต่ก็ให้เงินไปนะแสนนึง แล้วบอกเขาว่า ไม่ต้องมาหากูอีกนะ กูทำทานให้ เขารับเงินพร้อมน้ำตา ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกเขาจะรู้สึกยังไง ปีต้มยำกุ้งผมไม่สะดุ้ง ปีน้ำท่วมน้ำพัดทุกอย่างไปจากชีวิตผมจริงๆ เมื่อผมคิดการใหญ่ตั้งโรงงานอะไหล่ที่อยุธยา ไม่ได้ทำไม้แล้ว รถผม 19 คัน บ้านอีก 5 หลัง ที่ดินทั้งหมด และเงินสดที่เคยมี แฟนผมเล่นหุ้นเจ้งไปสี่ร้อยกว่าล้าน ลูกๆ ทำธุรกิจก็หมดตัวขาดทุนย่อยยับ ภายใน 2 ปีสิ่งที่ผมมีมันหายไป เหลือไว้เพียงหนี้สินสองร้อยกว่าล้าน ปัจจุบันผมคือบุคคลล้มละลาย เช่าห้องแถวอยู่พอได้ขายก๋วยเตี๋ยวประทังชีวิต รอความตายไปวันๆ เมียผมก็ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไร ลูกๆ ผมก็ไม่เคยเห็นหน้า ตอนนี้อายุ 76 ผมต้องยกหม้อก๋วยเตี๋ยว ล้างจาน เจ็บป่วยก็ใช้ 30 บาทรักษาได้ทุกโรค ทุกวันผมปลงได้แล้วนะ ผมมาลำบากตอนแก่ เงินค่าเช่าห้องนี้ผมไปยืมกับคนที่ผมเคยด่าเขาแล้วให้เขาไปแสนนึง ลูกเขาเป็นคนให้ หลานคนนี้ไม่ได้ด่าผม แต่เขายื่นเงินให้ผมแสนห้าแล้วบอกผมว่า "พ่อผมบากหน้าไปยืมเงินคุณลุงเพราะตอนนั้นผมเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดสมอง พ่อนั่งให้คุณลุงด่าแล้วโยนเงินให้เหมือนหมา พ่อบอกว่าจะตีพ่อก็ยอมเพราะชีวิตลูกมีค่ามากกว่า คนที่จะช่วยได้เขาด่า ตี ทำร้ายหัวใจ ถ้ามีเงินให้คืนคุณลุง แสนนี้ผมคืน อีกห้าหมื่นคือดอกเบี้ย เราไม่มีหนี้บุญคุณกัน แต่ถ้าคุณลุงลำบากคุณลุงมายืมกับผมๆ จะให้กู้ ผมจะไม่ด่าคุณลุงเหมือนที่คุณลุงด่าพ่อผม จริงๆ ตอนนั้นถ้าไม่มีเงินคุณลุงผมคงตาย แต่ถ้าพ่อผมไม่อดทนเพื่อแลกชีวิตผม ผมก็ตาย ผมทำตามที่พ่อบอกแล้ว ลูกพ่อดูแลพ่อ ส่วนลูกคุณลุงผมไม่รู้ กรรมของใครของมัน" ผมเดินร้องไห้มาถึงบ้านเอาเงินจ่ายค่าเช่าห้องแถว ลงทุน มีเก็บไว้ 30,000 บาท และผมเข้าใจความรู้สึกของคำว่า กรรมนั้นตามสนอง หลานไม่ได้ด่า แต่หลานพูดความจริง เพียงแต่ผมรับความจริงไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมมีความสุขดีนะ ขอทาน พระ แม่ชี มากินก๋วยเตี๋ยวผม ผมไม่คิดเงิน ตอนผมมีเยอะๆ ผมอยากเก๋ เบื่อคนบอกบุญผมหลอกเขาว่านับถือคริสต์ ผมไม่เคยทำบุญ ผมเที่ยว ผมกิน ผมมีผู้หญิง หมดตัวมีหนี้สิน ไร้เพื่อน ไร้ลูก ผมถึงฟังธรรมะได้ เข้าวัดเป็น รู้จักทำทาน อีกหน่อยก็คงตายไป ผมห่วงแค่เมียผม ผมภาวนาให้เมียผมตายก่อนผม เพราะถ้าผมตายก่อนเมียผม ผมคงตายตาไม่หลับ ไม่ต้องถามว่าร้านอยู่แถวไหน เพราะจะไม่บอกครับ เก็บเรื่องราวมาให้อ่าน คนอ่านจบได้กำไร คนขี้เกียจอ่านก็คงพลาดโอกาส กำลังใจจากคุณตาที่ให้มา "ไม่มีอดตาย สำหรับคนขยันและจมลง ไม่มีการปลงตกถ้าไม่เคยสูงสุดแล้วมาต่ำสุด"
                เรื่องนี้สอนข้าพเจ้าได้ลึกซึ้งเหลือเกิน !!!! ขอบคุณข้อความจากไลน์กลุ่ม
                พี่น้องครับอ่านแล้วใช้วิจารณญาณครับ มีข้อคิดดีๆสอนใจก็เก็บไว้เป็นแสงธรรมส่องทางชีวิตครับ

พ่อสุพจน์
.....................................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : HE IS MY IDOL

เพราะเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้เพียงคนเดียว 
และโลกนี้ไม่ได้มีเพียงเราคนเดียว 

#สามัญสำนึกแบบโลกสอนเราว่า 
อะไรที่จะพาเราไปสู่ความมั่งคั่งร่ำรวย และความสุข ให้เราทำ 
เศรษฐีนั้นจึงแสวงหา สะสม และเสวยสุขเพื่อบรรลุความสุขในโลกนี้ 
แม้มากมาย แม้เหลือล้น เขาจึงยังคงแสวงหา สะสม และเสวยสุขต่อไป  

#สามัญสำนึกแบบพระสอนเราว่า 
ความมั่งคั่งร่ำรวย และความสุข  
มีเพื่อแบ่งปัน มีเพื่อเผื่อแผ่ มีเพื่อส่งต่อ 
ตระหนักให้มากว่า เราอยู่ในโลกนี้ไม่นาน  
โลกนี้เป็นเพียงทางผ่านเพื่อพบพานชีวิตนิรันดร   

ไม่ใช่แค่พูด แต่ทรงกระทำ 
พระเยซูจึงให้ก่อน ให้ตั้งแต่เกิดยันตาย 
พระเยซูจึงให้หมด ให้แม้ว่าผู้รับไม่สมจะได้รับ 
พระเยซูจึงให้ถึงที่สุด ให้แม้ว่าจะต้องจบชีวิต 

พระเจ้าพระบิดาให้พระเยซูมาเป็นแบบอย่าง 
และคงไม่ใช่แบบอย่างที่ให้เพียงจดจ้อง จับตามอง เฝ้าชื่นชม  
แต่ทรงให้พระองค์มา เป็นแบบอย่างของมนุษย์ที่สมบูรณ์ 
ที่บุตรของพระองค์อื่นอื่น จะเห็นและกระทำตาม 

เพราะเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้เพียงคนเดียว 
#มีอะไรก็เผื่อแผ่ พูดอะไรก็คิดถึงใจเขาใจเรา ทำอะไรก็ทำแบบพระองค์  



บาทหลวงบางกอก 

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2016

พี่น้องที่รัก
                สัปดาห์นี้วัดเซนต์หลุยส์ของเรามีโอกาสได้ต้อนรับคุณพ่อวิทวัฒน์ แก้วแหวน พระสงฆ์ที่พึ่งได้รับศีลบวชใหม่สดสดร้อนร้อนเมื่อไม่นานมานี้ มาถวายมิสซาให้กับพี่น้องในมิสซารอบ 8.00 . เดี๋ยวนี้ข่าวคราวการรับศีลบวชเป็นพระสงฆ์คงเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และพิธีการบวชพระสงฆ์คงจะไม่มีผู้รับศีลบวชคราวละมากๆหลายๆองค์เหมือนกับเมื่อก่อน เนื่องด้วยว่าปัจจุบันมีเด็กๆ และเยาวชนตัดสินใจจะสมัครใจไปรับการอบรมในบ้านเณรน้อยลงเรื่อยๆ สาเหตุอาจมาจากปัจจัยหลายประการ อาทิ ครอบครัวมีลูกน้อย ครอบครัวหนึ่งๆอาจมีบุตรเพียงคนสองคน จึงเป็นเรื่องไม่ง่ายนักที่พ่อแม่จะสนับสนุนให้ลูกไปฝึกฝนตัวเองในบ้านเณรที่บวชเป็นพระสงฆ์ ประการต่อมาคือ โลกยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับศาสนาน้อยลง ความศรัทธาเชื่อมั่นในศาสนาลดถอย เพราะกระแสวัตถุนิยม กระแสบริโภคนิยมเข้ามาครองใจผู้คน ทำให้ผู้คนในสังคมพินิจพิจารณาแต่โลกของวัตถุมากกว่าเรื่องฝ่ายจิตใจ อีกทั้งความเจริญก้าวหน้าของการติดต่อสื่อสารยังผลให้ผู้คนใช้เวลามากมายในแต่ละวันเพลิดเพลินไปกับการสื่อสารในโลกโซเชียล เพราะมีการโต้ตอบที่เกิดขึ้นแบบฉับพลันทันใจ ผู้คนจึงหลงใหลไปกับกระแสที่ไหลเวียนอย่างรวดเร็วของโลกไซเบอร์ที่เย้ายวนใจ ทำให้ไม่มีเวลาที่จะใช้สำหรับการพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อแสวงหาความดี ความเจริญก้าวหน้าฝ่ายจิตใจ เพื่อจะตัดสินใจในการเลือกวิถีทางการดำเนินชีวิตที่มุ่งไปสู่การอุทิศตนทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น สาเหตุอีกประการหนึ่งอาจมาจาก ไอดอลหรือฮีโร่ในดวงใจของเด็กวัยรุ่น มักจะเป็นผู้ที่โด่งดังมีชื่อเสียงเช่น ดารา หรือ นักกีฬาที่มีความสามารถ นักร้อง นักดนตรี ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ด้านการแต่งตัวที่แปลกแหวกแนวในรูปแบบต่างๆ เป็นแบบอย่างให้วัยรุ่นในสังคมจะดำเนินรอยตาม
                ด้วยสาเหตุปัจจัยหลากหลายดังกล่าวข้างต้นจึงทำให้ผู้คนในสังคมเมืองที่เป็นบริบทของชีวิตของพี่น้องสัตบุรุษคาทอลิกในสังฆมณฑลกรุงเทพ มีผู้ตอบรับกระแสเรียกการเป็นนักบวชพระสงฆ์ลดน้อยถอยลง อย่างไรก็ดีในพระคัมภีร์ก็มีจารึกไว้เช่นกันว่า "ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย เพราะฉะนั้น จงวอนขอพระองค์ผู้เป็นเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์"(ลก.10:2) ความหมายของพระคัมภีร์ข้อนี้ช่วยเราให้เข้าใจเช่นกันว่า เราจำเป็นต้องภาวนาขอพระ เพื่อพระองค์จะโปรดดลใจวัยรุ่นหญิงชาย ให้ได้รับแสงสว่างแห่งพระพรของพระองค์และหันเหชีวิตมาตอบรับพระกระแสเรียกของพระองค์ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องภาวนาเพื่อพระกระแสเรียกอยู่เสมอ นอกจากนั้นเรายังต้องทำทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมกระแสเรียกให้มากขึ้น
                ในต่างประเทศหลายแห่งมีพระสงฆ์น้อย ไม่สามารถให้บริการสัตบุรุษในด้านการโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเพียงพอ จึงรับอาสาสมัครบรรดาฆราวาสที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่เป็นศาสนบริกรส่งศีลมหาสนิท ทำหน้าที่ในการแจกจ่ายศีลมหาสนิทให้กับผู้มาร่วมพิธี และทำหน้าที่นำศีลมหาสนิทไปส่งให้กับผู้ป่วย ผู้อาวุโสตามบ้านที่พัก ซึ่งก็พอจะช่วยทุเลาปัญหาความขาดแคลนพระสงฆ์ไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ศาสนบริกรเหล่านั้นก็มีขอบเขตจำกัดในการช่วยงานพระศาสนจักรได้เพียงแค่นั้น เพราะมีแต่เพียงพระสงฆ์เท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้ถวายมิสซา โปรดศีลอภัยบาป ทำการเสกและอวยพรได้ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้อยากเชิญชวนให้พี่น้องได้คิดพิจารณาในเรื่องการสนับสนุนกระแสเรียกการเป็นนักบวชพระสงฆ์อีกสักครั้งหนึ่งครับ
                วัดเซนต์หลุยส์ของเราจึงมีความยินดีกับพระสงฆ์ใหม่ที่ได้รับศีลบวชด้วยครับ วันนี้พี่น้องคงได้เข้ามาขอพรจากพระสงฆ์ใหม่ด้วย ว่ากันว่าพรของพระสงฆ์ใหม่นั้นศักดิ์สิทธิ์และเข้มข้นนะครับ เพราะมือของท่านได้รับการเจิมด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ และ พระพรของพระจิตในตัวของท่านนั้นยังเต็มเปี่ยม ดังนั้นขอพี่น้องเข้ามาขอพรจากพระสงฆ์ใหม่ด้วยความเชื่อความศรัทธาในพระเจ้า เพื่อพระพรของพระเจ้าจะได้หลั่งไหลมาประทับในชีวิตของพี่น้องอย่างบริบูรณ์เช่นกัน
พ่อสุพจน์
.................................................................................................... 
ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : เทาเทา

“ผลประโยชน์” เป็นสิ่งที่ดี เป็นเรื่องที่ดี 
แต่ถ้าคบกันเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ อาจไม่ใช่สิ่งที่ดี 
คนเราคบหากัน จึงไม่ควรคบหาโดยหวังเพียงประโยชน์ 

#สามัญสำนึกแบบโลกสอนเราว่า 
ความสุขคือสิ่งที่มนุษย์ต้องการ และความทุกข์คือสิ่งที่มนุษย์ไม่ต้องการ  
ถ้าทำแล้วเกิดสุข ถ้าทำแล้วมีความสุข ทำได้ก็ทำไป 
สิ่งที่ยังมีประโยชน์ คนที่ยังคงประโยชน์ ก็เก็บไว้ 
สิ่งที่ไร้ประโยชน์ คนที่หมดประโยชน์ ก็ทิ้งไป 
ความสุข คือ พื้นฐานสำคัญในการตัดสินใจแบบมนุษย์ 

#สามัญสำนึกแบบพระสอนเราว่า 
ความสุขไม่สามารถอยู่ได้โดดโดด ความสุขไม่สามารถอยู่ได้ 
หากปราศจากความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความเชื่อ ความหวัง และความรัก 
เพราะหากปราศจากสิ่งเหล่านี้ สุขนั้น ก็เป็นเพียงสุขชั่วครู่ชั่วคราว 
สุขนั้น ก็เป็นเพียงสุขจากเสิ่นเจิ้น สุขก็อบ mirror เกรดเอ แต่ไม่ใช่ของจริง 

เพราะพระรักเรา ทั้งในยามทุกข์และสุข 
เพราะทรงรักเรา ไม่ว่าเราจะรักพระองค์ตอบหรือไม่  
เพราะทรงรักเรา ไม่ว่าเราจะซื่อสัตย์หรือไม่รับผิดชอบต่อความรักนี้หรือไม่ 
เพราะทรงรักเรา ไม่ว่าเราจะเป็นคนดี คนชั่ว มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์ 

พระเจ้าจึงทรงกระทำให้เป็นแบบอย่าง  
พระองค์ทรงรักเรา แม้เราไม่ยังประโยชน์ใดต่อพระองค์ 
และแม้เราหันหน้าเข้าหาพระองค์แต่ในยามทุกข์ พระองค์ก็ยังคงอยู่ 
แล้วเหตุใด เราจึงเลือกรักพี่น้อง เพียงด้วยความสุขและผลประโยชน์ 
#ประโยชน์เสิ่นเจิ้นสุขmirrorหรือจะเทียบเท่าประโยชน์แท้สุขนิรันดร์ในพระองค์ 


บาทหลวงบางกอก 

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2016

พี่น้องที่รัก
                ได้อ่านเรื่องเล่าต่อไปนี้แล้วชอบครับ เลยเอามาฝากกันครับ
                "ซื่อสัตย์" ถูกหนุ่มน้อยนามว่า “ฉลาด” ทิ้งลงทะเล ซื่อสัตย์พยายามว่ายน้ำจนมาถึงเกาะแห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นฝั่งได้  ซื่อสัตย์ก็นอนพักอยู่บนหาดทราย และพยายามคิดหาวิธีที่จะกลับฝั่ง และก็หวังจะมีเรือของใครผ่านมาทางนี้บ้าง ไม่นาน ซื่อสัตย์ก็ได้ยินเสียงเพลงแว่วมาแต่ไกล จึงรีบลุกขึ้นและมองไปยังต้นเสียง มีเรือลำหนึ่งกำลังมุ่งมายังเกาะนี้ บนเรือลำนั้นมีธงผืนเล็กโบกสะบัดอยู่ บนธงนั้นเขียนคำว่า "ความสุข" ที่แท้เป็นเรือของความสุขนั่นเอง ซื่อสัตย์จึงตะโกนเรียก...  “ความสุข ความสุข ผมซื่อสัตย์ คุณช่วยพาผมขึ้นฝั่งได้ไหม?  เมื่อความสุขได้ยิน จึงตอบไปว่า ไม่ได้ ไม่ได้ หากผมพาคุณขึ้นมาด้วย ผมจะหมดสุข คุณดูสิ ผู้คนมากมาย ในสังคมยุคนี้ที่พูดความจริง แล้วกลับไม่มีความสุข ขอโทษนะ ซื่อสัตย์ผมรับคุณขึ้นมาไม่ได้ พูดเสร็จ ความสุขก็จากไป
                ผ่านไปสักครู่หนึ่ง “ตำแหน่ง” ก็ผ่านมา ซื่อสัตย์ตะโกนเรียกเช่นเดิม ตำแหน่ง ตำแหน่ง ผมซื่อสัตย์ ผมขออาศัยเรือของคุณขึ้นฝั่งได้ไหม? ตำแหน่งพอได้ยินก็รีบหันหัวเรือให้ห่างออกไป และก็หันมาพูดกับซื่อสัตย์ว่า ไม่ได้ ไม่ได้ ซื่อสัตย์ คุณจะขึ้นมาอยู่กับผมไม่ได้ คุณรู้ไหม ตำแหน่งที่ผมได้มานั้นมันยากเย็นสักเพียงใด หากผมพาคุณมาอยู่ด้วย เดี๋ยวผมก็ซวยนะสิ เดี๋ยวผมก็จะสูญเสียตำแหน่ง ยังไงผมไม่ขออยู่ร่วมกับคุณ ซื่อสัตย์นำตาคลอเบ้า มองตำแหน่งที่รีบออกเรือจากไปอย่างสิ้นหวัง รู้สึกสับสนในตนเองเป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแค่รอ รอ และก็รอ เท่านั้น
                และอยู่ๆ ก็มีท่วงทำนองที่ไม่ค่อยจะเข้ากันนักแว่วดังมา เรือลำหนึ่งบรรทุก "แข่งขัน" เป็นจำนวนมากผ่านมา ซื่อสัตย์จึงตะโกนเรียก "แข่งขัน แข่งขัน ผมขอขึ้นเรือของคุณได้ไหม?"  "คุณเป็นใคร คุณมีประโยชน์แค่ไหนกับพวกเรา?" แข่งขันตะโกนถามมา ซื่อสัตย์ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเกรงว่าจะพลาดโอกาสเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ซื่อสัตย์ก็คือซื่อสัตย์ “ผมคือซื่อสัตย์...” “ห๊า! คุณคือซื่อสัตย์ หากพวกเรามีคุณอยู่ด้วยเราจะแข่งขันเอาชนะอะไร กับใครที่ไหนได้” พูดเสร็จก็หันหัวเรือจากไปอย่างรวดเร็ว
                ในขณะที่ซื่อสัตย์กำลังสิ้นหวัง อยู่ๆ ก็มีน้ำเสียงอันเมตตาดังขึ้นว่า “ลูกจ๋า ขึ้นเรือเถิด!” เมื่อซื่อสัตย์เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นผู้เฒ่าผมขาวโพลนคนหนึ่งยืนอยู่บนเรือ “ฉันคือผู้เฒ่าแห่งกาลเวลา” “ทำไมท่านต้องมาช่วยผมครับ?” ซื่อสัตย์ถามด้วยความสงสัย “มีแต่กาลเวลาเท่านั้น ที่รู้ว่า ซื่อสัตย์มีค่ามากเพียงใด” ผู้เฒ่าแห่งกาลเวลาได้พูดกับความสุข ตำแหน่ง และ แข่งขันที่ต่างก็เรือล่มอยู่กลางทะเลว่า “เจ้าทั้งหลายจงจำไว้ หากปราศจากซื่อสัตย์แล้ว ความสุขจะอยู่ได้ไม่นาน ตำแหน่งที่ได้มาก็เป็นตำแหน่งจอมปลอม การแข่งขันก็มีแต่จะล้มเหลวไม่เป็นท่า” ฉะนั้นขอให้ท่านรักษาความซื่อสัตย์ไว้ให้ดี แล้วความสำเร็จและความสุขจะเกิดกับท่านตามกาลเวลาอันเหมาะสม...(CR# นุสนธิ์บุคส์)
                พี่น้องครับ ความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าและธรรมบัญญัติของพระองค์ก็เช่นกัน จะไม่มีวันทำให้ชีวิตของเราอับเฉา เพราะพระองค์จะประทานศักดิ์ศรี เกียรติยศ ที่แท้จริงให้กับชีวิตของเราทุกคนที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์

พ่อสุพจน์
........................................................................................................................
ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : แกะที่จะต้องหาให้พบ

แกะเป็นสัตว์ไอคิวต่ำ แต่ถึงไอคิวจะต่ำ  
มันก็เป็นสัตว์ความจำดี มันจดจำใบหน้าของผู้เลี้ยงได้อย่างดี 
แกะเป็นสัตว์สัญชาตญาณไม่ค่อยดี แต่แม้จะไม่ค่อยดี 
มันก็รู้ว่าจะต้องอยู่รวมกันเพื่อความอยู่รอด มันอยู่เป็นฝูง 

แกะเป็นสัตว์รักสงบ เชื่อง และแทบจะไม่ดื้อเลย 
มันเป็นสัตว์อ่อนแอ วิธีการป้องกันตัวของมัน ก็ออกจะไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ 
จะมีดุบ้าง ก็เฉพาะเพศผู้ในฤดูผสมพันธุ์ มันปกป้องตัวเองจากอันตรายไม่ได้ 
มันไม่สามารถอยู่โดดโดดได้ และจำเป็นต้องมีผู้เลี้ยงที่คอยดูแลช่วยเหลือมัน 

อุปมาวันนี้ พระเยซูพูดถึง “แกะที่หลงฝูง” 
แทบจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า จากลักษณะนิสัยของมัน มันจะหลงฝูงได้  
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะแกะบางตัวก็หลงฝูง 

สำหรับเจ้าของและผู้เลี้ยงแกะที่ดี ไม่มีตัวไหนสำคัญกว่าตัวไหน 
เพราะแกะทุกตัวสำคัญสำหรับเจ้าของ เจ้าของแกะจึงออกตามหาแกะ 
มันอาจจะดูไม่คุ้มและมีความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสียแกะอีก 99 ตัวไป 
ถ้าเป็นเพียงคนรับจ้างเลี้ยง แกะตัวหนึ่งคงไม่มีผลอะไรมากสำหรับการหายไป 
เพราะถ้าไปตามตัวที่หายไป แล้วอีก 99 ตัวเกิดหลง คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ 
แต่การตามหาแกะที่หลงไป ไม่ใช่เรื่องลังเลสำหรับเจ้าของแกะที่จะทำ 
และเขาจะทำมันอย่างแน่นอน เขาจะออกตามหา จนกว่าจะพบ  

เพราะทุกตัวสำคัญ สำคัญสำหรับเขาเจ้าของและผู้เลี้ยงที่ดี 
เพราะทุกตัวมีค่า มีค่าเสมอไม่ว่าแกะนั้นจะดื้อ และซนขนาดไหน 
เพราะทุกตัวต้องรอดและมีชีวิต เพราะเขาจะไม่ยอมให้อันตรายทำอะไรมันได้ 
#ความรักของพระเจ้าต่อมนุษย์ก็เช่นกัน 


บาทหลวงบางกอก 

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2016

พี่น้องที่รัก
                พิธีฉลองวัดประจำปี ค..2016 ของวัดเซนต์หลุยส์ของเราผ่านไปอย่างราบรื่นอีกวาระหนึ่ง ภาพของงานฉลองที่มีผู้คนมากมายที่เดินทางมาร่วมเทิดเกียรติท่านนักบุญหลุยส์องค์อุปถัมภ์วัดของเรา ยังคงติดตราตรึงใจของพี่น้องคริสตชนเป็นจำนวนมาก ทั้งในส่วนของการฉลองภายในที่จัดขึ้นในค่ำวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็มีพี่น้องมาร่วมฉลองกันจนแน่นวัด ซึ่งประธานในพิธีวันนั้นคือ คุณพ่อวิทยา ลัดลอย แม้จะตัวเล็ก แต่เสียงดัง และบทเทศน์ก็น่าฟัง ฉาดฉาน น่าติดตาม อีกทั้งมีเนื้อหาที่ชัดเจนเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากในเชิงปฏิบัติ ค่ำวันนั้นมีทั้งพระสงฆ์และสังฆานุกรมาร่วมพิธี 20 องค์ ส่วนในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันฉลอง เราได้มีโอกาสต้อนรับพระคุณเจ้า เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ซึ่งเพิ่งจะได้รับการสถาปนาเป็นพระคาร์ดินัลของพระศาสนจักรได้เมื่อปีก่อนมาเป็นประธาน พระคุณเจ้าเป็นผู้ใส่ใจในเรื่องพิธีกรรมเป็นอย่างมาก พิธีจึงสง่างาม และ ชวนศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงท้ายพิธีพระคุณเจ้าได้ให้โอวาทย้ำเตือนเรื่อง การดำเนินชีวิตคริสตชนโดยยึดพระวาจาของพระเจ้าเป็นแนวทาง ผ่านทางการร่วมกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ นอกจากนี้พระคุณเจ้ายังแสดงความห่วงใยต่อบรรดาเยาวชนเป็นพิเศษ โดยได้ให้แนวทางในการอภิบาลเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชุมชนแห่งความเชื่อของวัดของเราไว้อย่างเป็นรูปธรรม ที่น่าสังเกตคือพี่น้องสัตบุรุษจากวัดใกล้และไกล มาร่วมฉลองวัดเซนต์หลุยส์ของเราอย่างหนาแน่นเช่นทุกปี หัวขบวนแห่พระรูปนักบุญหลุยส์เดินแห่ครบรอบโบสถ์แล้ว ท้ายขบวนยังไม่ออกจากหน้าโบสถ์เลย ภาพเช่นนี้ทำให้เราตระหนักว่า ผู้มีความเชื่อความศรัทธาต่างแสดงออกถึงจิตใจที่ยกย่อง ชีวิตของนักบุญท่านหนึ่งที่แม้จะดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็นถึงกษัตริย์ปกครองประเทศ พระองค์ท่านก็ไม่ได้ลุ่มหลงไปกับลาภยศสรรเสริญเยินยอ แต่ทรงครองพระองค์อยู่ในทศพิธราชธรรม สามารถธำรงรักษาไว้ซึ่งความเชื่อมั่นในพระเจ้า และ ดำเนินชีวิตสอดคล้องกับความเชื่อนั้นจนเป็นแบบอย่างให้กับผู้มีความเชื่อศรัทธารุ่นหลังได้ดำเนินรอยตามได้
                พ่อถือโอกาสใช้พื้นที่ตรงนี้แสดงความขอบคุณมายัง คณะกรรมการสภาภิบาลที่ได้ร่วมวางแผนและเตรียมการจัดงานฉลองวัดของเราอย่างละเอียดรอบคอบทุกด้าน ช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น ทั้งในส่วนของพิธีการ และ การจัดอาหารเลี้ยงผู้มาร่วมพิธี ขอขอบคุณมายังคณะนักขับร้องที่ได้ขับขานบทเพลงประกอบพิธีอย่างไพเราะพร้อมเพรียง ช่วยให้พิธีกรรมมีบรรยากาศของความศักดิ์สิทธิ์และชวนศรัทธา ทั้งนี้เพราะได้ทุ่มเทใช้เวลาในการซักซ้อมกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ขอขอบคุณมายัง กลุ่มผู้ช่วยพิธีกรรม ผู้อ่านพระคัมภีร์ กลุ่มองค์กรต่างๆของวัด เจ้าหน้าที่ พนักงาน อาสาสมัครที่มีส่วนรับผิดชอบในงานด้านต่างๆทั้งที่สำคัญ และ งานที่เป็นงานที่ไม่มีใครเห็นเป็นเสมือนผู้คอยปิดทองหลังพระ ขอบคุณสำหรับผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ได้กรุณาสนับสนุนทั้งแรงกายแรงใจ ทุนทรัพย์ ปัจจัยต่างๆ เพื่อช่วยให้งานนี้สำเร็จลุล่วงไปอย่างงดงาม พ่อคงไม่สามารถจะระบุรายละเอียดได้ทั่วถึงในพื้นที่ตรงนี้ได้ ดังนั้นจึงขอเหมารวมตีขลุมให้ทั่วทุกคนเลยครับ
                ขอท่านนักบุญหลุยส์ได้วิงวอนพระเจ้า โปรดประทานพระพรอันอุดมของพระองค์มายังทุกท่านด้วยเทอญ
พ่อสุพจน์
.......................................................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : PEACEFUL

ผมเชื่อว่า เราทุกคนคงมีโมเม้นท์ที่ต้องการมุมสงบ

มุมสงบ ที่ให้โอกาสสมองได้หยุดคิด
มุมสงบ ที่ให้โอกาสหัวใจได้เดินช้าลง
มุมสงบ ที่ให้โอกาสร่างกายได้เอนลงนอน
มุมสงบของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน

บางคน ใช้มุมหนึ่งในบ้าน เพื่อก่อร่างเป็นมุมสงบ
บางคน ใช้ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เพื่อดำดิ่งสู่ความสงบ
บางคน ใช้วัด โบสถ์ ใช้ศาสนสถาน เพื่อยกจิตสู่ความสงบ
บางคน ใช้ธรรมชาติ ใช้บรรยากาศ เพื่อก่อให้เกิดความสงบ
บางคน ใช้บางคน เสมือนเป็นสถานที่ เพื่อพาไปสู่ความสงบ

ผมเชื่อว่า เราทุกคนมีมุมสงบ
เราไม่ได้โหวกเหวก หรือเงียบสงบตลอดเวลา
เพราะมันมีจังหวะของความโหวกเหวกและเงียบสงบปนเปอยู่ในชีวิต
เราจึงต้องบาลานซ์ดีดี เราจึงต้องกะเกณฑ์ดีดี เราจึงต้องเท่าทันตัวเองดีดี

ในวัดมีมุมสงบ พระองค์อยู่อย่างสงบในตู้ศีลนั้น
เฝ้า รอคอยรอเราทุกคน ให้ได้พักและพบความสงบกับพระองค์
เหนื่อยก็พัก!! เพราะเราไม่ใช่ทหาร (ท.ทหารอดทน)
ไม่ไหวก็พัก!! เพราะเราไม่ใช่กระทิงแดง (เป้าหมายมีไว้พุ่งชน)
แต่เราเป็นบุตรซึ่งพระองค์ทรงรัก และอุ้มชู

มุมสงบเพื่อพักจึงไม่ใช่มุมโหวกเหวก
พอพอกับที่ การออกไปโหวกเหวกไม่พาเราไปสู่ความสงบ
พักที่ไหนจะสุขใจเท่า พักกับพระองค์

บางหลวงบางกอก