วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2017

พี่น้องที่รัก
                เดือนตุลาคม สวดสายประคำหลังมิสซาตอนเย็นเวลา 17.30 น.ทุกวัน เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม วัดในเขตหนึ่งสวดสายประคำพร้อมเพรียงกันที่วัดพระกุมารเยซู กม.8 ตั้งแต่ 8.00 – 15.00 น.วัดเซนต์หลุยส์นำสวดสายประคำกับวัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์ เวลา 10.30 น.-11.00 น.วัดจัดรถบัสขนาด 35 ที่นั่ง ใครลงทะเบียนพร้อมบำรุงค่าเดินทาง 100 บาท จ่ายก่อนได้ที่นั่งก่อนนะ รับจำกัด ทางวัดพระกุมารเยซูมีบริการอาหารว่างและเที่ยงโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
วันเดียวกันที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ เวลา 17.00 น.มิสซาถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยสภาพระสังฆราชคาทอลิกไทย มีผู้แทนพระองค์มาร่วมพิธี ให้ไปก่อน 16.00 น.และควรไปโดยรถประจำทางหรือรับจ้าง
วันอังคารที่ 10 ตุลาคม มิสซาเช้า 06.00 น. ตามปกติ งดมิสซาเย็นไม่มีสวดสายประคำ แต่มีมิสซา 14.00 น.เพื่องานอภิบาลผู้เจ็บป่วยโดยพ่อเจ้าวัด ภาวนาและรักษาผู้ป่วยโดยคุณพ่อคอร์ซี่ วัดจะเริ่มเปิดวัดตั้งแต่ 12.00 น.และทุกอย่างจบลงในเวลาไม่เกิน 19.00 น.ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เงินถวายผ่านถุงทานมอบให้กับวัดเซนต์หลุยส์
วันพุธที่ 11 และ 12 ตุลาคม พระสงฆ์ของวัดไปเข้าเงียบ งดมิสซาและไม่มีสวดสายประคำที่วัดทั้งสองวัน
วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคมเพิ่มมิสซารอบพิเศษเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในหลวงรัชกาลที่ 9 เวลา 19.00 น.มิสซาเช้า 06.00 น.มิสซาเย็นมีตามปกติเวลา 17.30 น.และสวดสายประคำและรับพระคุณการุณย์
วันจันทร์ที่ 23 และอังคารที่ 24 ตุลาคมสัมมนาครอบครัวเซนต์หลุยส์ ประกอบด้วยพ่อแม่และลูก เพื่อศึกษาไตร่ตรองเอกสารของพระสันตะปาปา ความปิติยินดีแห่งความรัก ทบทวนชีวิตสมรสที่ผ่านมา โปรดถ่ายสำเนาใบพิธีแต่งงานของวัดมาด้วย หรือสมุดคู่มือประจำครอบครัวของวัดที่มอบให้ในวันแต่งงาน รับรองคุณภาพคับบ้านแน่นอน
และมิสซาส่งท้ายเดือนแม่พระวันอังคารที่ 31 ตุลาคมเวลา 17.30 น.หลังมิสซาแล้วมีแห่แม่พระรอบวัด
                เดือนพฤศจิกายนวันพฤหัสบดีที่ 2 มีมิสซา 3 รอบ เวลาปกติคือ 06.00 น.ตามพระประสงค์ของพระสันตะปาปา และ 17.30 น.ตามรายการมิสซาที่ขอ และเพิ่มรอบพิเศษคือ 19.00 น.เพื่อวิญญาณของญาติพี่น้องของตนเอง โปรดนำรูปภาพของผู้ล่วงลับมาด้วยเพื่อตั้งไว้บริเวณหน้าพระแท่น วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน มิสซารอบ 10.00 น.ศีลมหาสนิทครั้งแรกของเด็กนักเรียนที่เตรียมพร้อมของโรงเรียนและวัด
                เดือนธันวาคม มิสซาคริสต์มาสตรงกับกลางคืนวันอาทิตย์ที่ 24 เวลา 22.00 น.รายการสนุกสนานค่ำคืนคริสต์มาส ตั้งแต่ 18.30 – 21.30 น.มีมิสซาวันอาทิตย์มีตามปกติคือ 06.00/08.00/10.00/12.00 และ 17.30 น. วันรุ่งขึ้นจันทร์ที่ 25 ธันวาคม มิสซา 10.00 น.และ 17.30 น.
วันส่งท้ายปี 2017 ตรงกับวันอาทิตย์ 31 ธันวาคม มิสซา รอบ 17.30 น.หลังมิสซามีแห่รูปนักบุญหลุยส์รอบวัด (มิสซาวันอาทิตย์รอบ 06.00/08.00/10.00 และ 12.00 มีตามปกติ)
                วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2018 วันปีใหม่ มิสซาสมโภชพระชนนีพระเป็นเจ้า 09.00 น. และ 17.30 น.

พ่อเจ้าวัด
...............................................................................

บอกกล่าว เล่าเรื่อง
ไม่เท่าไหร่เราเข้าสู่เดือนตุลาคมกันแล้ว เวลาที่พ่อเป็นเด็กก็มักจะชอบเดือนนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงเวลาของการหยุดภาคเรียนปิดเทอม และในช่วงเดือนตุลาคมนี้เอง ก็จะเป็นช่วงที่มีค่ายเยาวชน ค่ายกระแสเรียก ค่ายต่างๆมากมายที่เปิดโอกาสให้เด็กๆและเยาวชนได้เข้าร่วม ซึ่งพ่อก็มองว่าเป็นวิธีการที่ดี ที่พระศาสนจักรใช้ในการเสริมสร้างหรือจุดประกายบางสิ่งบางอย่างให้กับบรรดาเยาวชน ซึ่งเวลาที่พ่อเป็นเด็กก็มักจะมองหาและเลือกที่จะไปค่ายต่างๆเหล่านี้พร้อมกับเพื่อนๆ และทุกครั้งที่มีโอกาสได้ไปไม่ว่าจะเป็นค่ายเยาวชน ค่ายกระแสเรียก ฯลฯ พ่อเองก็รู้สึกว่าเราได้รับหลายสิ่งหลายสิ่งที่เป็นประโยชน์ ได้พบมิตรภาพใหม่ ได้รับประสบการณ์ใหม่ มีแนวคิดแนวทางใหม่ๆในการดำเนินชีวิต เปิดโลกทรรศน์ของเราให้กว้างขึ้นในเรื่องต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีคุณค่าและสร้างความประทับใจ แรงบันดาลใจต่างๆ ที่เราอาจหาไม่พบในที่อื่นๆ
            และในเดือนตุลาคมปีนี้ก็เช่นเดียวกัน มีหลากหลายค่ายที่จะเกิดขึ้นทั้งในระดับวัดระดับเขตระดับสังฆมณฑล
            ค่ายแรกก็คือค่ายกระแสเรียกของบ้านเณรยอแซฟซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 ตุลาคม 2017 ณ บ้านเณรยอแซฟ สามพราน ซึ่งเป็นค่ายที่เชิญชวนเยาวชนชายตั้งแต่ระดับชั้นป.5 เป็นต้นไป ได้เข้าสัมผัสประสบการณ์ชีวิตเณร เรียนรู้จักชีวิตเณรผ่านกิจกรรมต่างๆที่มีทั้งสาระและความสนุก ผ่านประสบการณ์จากบรรดาสามเณรในปัจจุบัน เพื่อเป็นการหว่านเมล็ดพันธ์แห่งกระแสเรียกในชีวิตของลูกๆหลานๆของเรา พ่อคิดว่าถ้าบรรดาเด็กๆ และเยาวชนได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ กระแสเรียกก็อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กๆเหล่านี้สักวันนึง ขอพี่น้องได้ช่วยกันส่งเสริมสนับสนุนลูกๆหลานๆของเราในเรื่องกระแสเรียกของการเป็นพระสงฆ์นักบวช เป็นไปได้สนับสนุนให้พวกเขาได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ผ่านค่ายกระแสเรียกในครั้งนี้
            ในปีนี้เองพระศาสนจักรสากล โดยพระสันตะปาปาฟรังซิส ก็เชิญชวนให้ทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญกับการอภิบาลครอบครัว การอภิบาลกระแสเรียก ดังนั้นในระดับวัดของเราก็เช่นกัน ในเดือนตุลาคมนี้ระหว่างวันที่ 23-24 ตุลาคม 2017 ทางวัดจะจัดกิจกรรมเติมรัก ในครอบครัว ณ เดอะธารา รีสอร์ท พัทยา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความรักความผูกพันในครอบครัวแต่ละครอบครัวในวัดเซนต์หลุยส์ของเรา จึงขอเชิญชวนพี่น้องที่สนใจได้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมนี้เป็นครอบครัวโดยสมัครได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสามารถรับใบสมัครได้ที่ด้านข้างประตูวัดฝั่งตู้ศีลหรือที่สำนักงานวัด
ขอขอบคุณล่วงหน้าในความร่วมมือของพี่น้องในกิจกรรมต่างๆที่จะเกิดขึ้นนี้ครับ


ปลัดวัดสาทร

วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ 24 กันยายน 2017

พี่น้องที่รัก
       ขอขอบคุณในธารน้ำใจช่วยเหลือศูนย์แม่ปอนและการฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมเขตอัครสังฆมณฑลท่าแร่สกลนคร
                เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การประชุมสภาภิบาลวัดได้ทบทวนปฏิทินงานของวัด 3 เดือนคือตุลาคมจนถึงสิ้นปีนี้ 2017 พ่อจึงขอแจ้งให้พี่น้องทราบเพื่อจะได้ติดตามและให้ความสำคัญในกิจกรรมของวัดกับการวางแผนงานของตนเอง
                เดือนตุลาคม สวดสายประคำหลังมิสซาตอนเย็นเวลา 17.30 น.ทุกวัน เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไปวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม วัดในเขตหนึ่งสวดสายประคำพร้อมเพรียงกันที่วัดพระกุมารเยซู กม.8 ตั้งแต่ 8.00 – 15.00 น.วัดเซนต์หลุยส์นำสวดสายประคำกับวัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์ เวลา 10.30 น.-11.00 น.วัดจัดรถบัสขนาด 35 ที่นั่ง ใครลงทะเบียนพร้อมบำรุงค่าเดินทาง 200 บาท จ่ายก่อนได้ที่นั่งก่อนนะ รับจำกัด ทางวัดพระกุมารเยซูมีบริการอาหารว่างและเที่ยงโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคมเพิ่มมิสซารอบพิเศษเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในหลวงรัชกาลที่ 9 เวลา 19.00 น. หลังจากมิสซาเย็นตามปกติเวลา 17.30 น.สวดสายประคำและรับพระคุณการุณย์ และมิสซาส่งท้ายเดือนแม่พระวันอังคารที่ 31 ตุลาคมเวลา 17.30 น.หลังมิสซาแล้วมีแห่แม่พระรอบวัด
                เดือนพฤศจิกายนวันพฤหัสบดีที่ 2 มีมิสซา 3 รอบ เวลาปกติคือ 06.00 น.ตามพระประสงค์ของพระสันตะปาปา และ 17.30 น.ตามรายการมิสซาที่ขอ และเพิ่มรอบพิเศษคือ 19.00 น.เพื่อวิญญาณของญาติพี่น้องของตนเอง โปรดนำรูปภาพของผู้ล่วงลับมาด้วยเพื่อตั้งไว้บริเวณหน้าพระแท่นวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน มิสซารอบ 10.00 น.ศีลมหาสนิทครั้งแรกของเด็กนักเรียนที่เตรียมพร้อมของโรงเรียนและวัด
                เดือนธันวาคม มิสซาคริสต์มาสตรงกับกลางคืนวันอาทิตย์ที่ 24 เวลา 22.00 น.รายการสนุกสนานค่ำคืนคริสต์มาส(รอสักครู่) แต่มิสซาวันอาทิตย์มีตามปกติคือ 06.00/08.00/10.00/12.00 และ 17.30 น. วันรุ่งขึ้นจันทร์ที่ 25 ธันวาคม มิสซา 10.00 น.และ 17.30 น.วันส่งท้ายปี 2017 ตรงกับวันอาทิตย์ 31 ธันวาคม มิสซา รอบ 17.30 น.หลังมิสซามีแห่รูปนักบุญหลุยส์รอบวัด (มิสซาวันอาทิตย์รอบ 06.00/08.00/10.00 และ 12.00 มีตามปกติ)
                วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2018 วันปีใหม่ มิสซาสมโภชพระชนนีพระเป็นเจ้า 09.00 น. และ 17.30 น.
      

พ่อเจ้าวัด
......................................................................................................................


สวัสดีครับพี่น้อง
            ตัวอย่างเปรียบเทียบเรื่องคนงานในสวนองุ่น รายละเอียดในนิทานเปรียบเทียบ ล้วนเป็นเรื่องจริงที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของชาวยิว ประมาณปลายเดือนกันยายน ผลองุ่นจะสุกพร้อมให้เก็บเกี่ยว ซึ่งต้องกระทำแข่งกับเวลา หาไม่แล้วจะถูกฝนเดือนตุลาคม จะทำลายจนไม่มีอะไรเหลือให้เก็บ  ตลอดช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ เจ้าของสวนต้องการคนงานทุกคน แม้ทำได้ชั่วโมงเดียวก็เอาค่าจ้างหนึ่งเหรียญในสมัยนั้น เพียงพอแค่ประทังชีวิตสมาชิกครอบครัวขนาดเล็กหนึ่งวันเท่านั้น ไม่มีเหลือเก็บไว้ใช้ยามเจ็บป่วย หรือตกงานเลย ลูกจ้างรายวัน จึงมีสถานภาพทางเศรษฐกิจย่ำแย่กว่าทาสเสียอีก เพราะทาสยังมีสังกัด โชคชะตาของทาสขึ้นกับโชคชะตาของครอบครัวที่เขาอาศัยอยู่ ซึ่งในยามปกติแล้วคงยากที่จะอดตาย  แตกต่างจากบรรดาลูกจ้างรายวันซึ่งโชคชะตาอิงอยู่กับโอกาสได้งานทำวันใดไม่มีคนจ้างงานวันนั้นย่อมเป็นหายนะของพวกเขาโดยแท้ เพราะนั่นหมายถึงลูกและภรรยาที่บ้านจะไม่มีอะไรกิน  ชีวิตของพวกเขาจึงแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่แบ่งระหว่างการมีชีวิตอยู่รอดกับการอดตายจริง ๆ
                พระองค์ปรารถนาจะสอนพวกเขาว่า พวกท่านได้รับอภิสิทธิ์เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร ก่อนผู้อื่นก็จริง แต่พวกท่านจะอ้างสิทธิพิเศษ เหนือสมาชิกที่มาภายหลังไม่ได้  เพราะไม่ว่าใครจะเข้าหาพระเจ้าเมื่อใด ล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกันในสายพระเนตรของพระองค์น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ ยังมีสัตบุรุษบางคน ซึ่งเป็นลูกวัดเก่าแก่ และเคยมีบทบาทสำคัญจนหลงคิดว่าวัดนี้เป็นของตน และตนมีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่น  พวกเขาแค่ยอมรับพระสงฆ์ที่มาใหม่หรือลูกวัดสายพันธุ์ใหม่ที่คิดต่างไปจากตนไม่ได้  ขอให้สัตบุรุษกลุ่มนี้ระลึกอยู่เสมอว่าตามความคิดของพระเยซูเจ้าอาวุโสไม่ได้หมายถึงการมีเกียรติ หรือมีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่นเสมอไป
                พระเยซูเจ้าทรงเตือนชาวยิว พวกเขาทะนงตนว่า เป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรร จึงรังเกียจและดูหมิ่นดูแคลนคนต่างศาสนา  บางคนถึงกับแช่งให้คนต่างศาสนาถูกทำลายไปก็มี โชคร้ายที่ทัศนคติเช่นนี้ ได้สืบทอดต่อมาในพระศาสนจักรของเรา แม้แต่คนต่างศาสนา ที่กลับใจเป็นคริสตชนแล้วก็ยังไม่วาย ถูกดูแคลนว่าเป็นเสมือน คริสตังชั้นสอง ?” อย่าลืมว่า ตามแผนการแห่งความรอดของพระเจ้า ไม่มีชนชาติใดอยู่เหนือชนชาติอื่น   และไม่มีคริสตชนคนใดมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น แม้เขาจะล้างบาปก่อนก็ตาม เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าคริสตังใหม่หลายคน ดีกว่าคริสตังเก่าเสียอีก พระเจ้าคือองค์ความบรรเทา  ไม่ว่าเราจะล้างบาป กลับใจ หรือศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างลึกซึ้งตั้งแต่วัยเด็ก หรือเมื่อเข้าสู่วัยกลางคน หรือแม้ในยามบั้นปลายของชีวิตก็ตาม พระเยซูเจ้าทรงรักเราเท่ากันเสมอ !บางคนอาจเสียชีวิตในยามแก่เฒ่าพร้อมกับทิ้งผลงานอันมีค่าไว้มากมาย  ในขณะที่บางคนอาจเสียชีวิตตั้งแต่เยาว์วัยโดยยังไม่มีผลงานหรือความสำเร็จใด ๆ ในชีวิตเลย  กระนั้นก็ตาม พระเจ้าทรงต้อนรับทุกคนที่รักพระองค์ ทัดเทียมกันหมดนี่คือความหวังและความบรรเทาใจสำหรับเรา คนบาปโดยแท้ !
                พระเจ้าคือองค์ความเมตตา  ไม่มีอะไรเลวร้ายเท่าลูกจ้างรายวันที่ไม่มีงานทำ พวกเขาเฝ้ารออยู่ที่ลานของหมู่บ้านจนเกือบค่ำมืดเพราะไม่มีใครจ้างงานพวกเขา แต่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาไม่อาจทนเห็นพวกเขาว่างงานได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากยึดเอาความยุติธรรมอย่างเคร่งครัด เป็นที่ตั้ง ผู้ที่ทำงานน้อยชั่วโมงกว่าควรได้รับค่าจ้างน้อยกว่า  แต่พระเจ้าทรงล่วงรู้ดีว่าลำพังค่าแรงงานหนึ่งวันก็แทบไม่พอยาไส้สมาชิกในครอบครัวอยู่แล้ว  หากคนงานรับค่าจ้างน้อยไปกว่านี้ พวกเขาต้องอดอยากและหิวโหยเป็นแน่  พระองค์ทรงเมตตากว้างไกลไปกว่าข้อเรียกร้องของความยุติธรรม และทรงประทานค่าจ้างมากกว่าที่พวกเขาสมควรจะได้รับ ก็เพราะพระเจ้าทรงพระทัยดี

 คพ.พงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน 2017

พี่น้องที่รัก
       คืนความเขียวให้กับสถานพักพิงกับพระองค์
            ตามที่ได้บอกเล่าเก้าสิบไปแล้ว เกี่ยวกับการปรับทัศนียภาพ เพื่อให้ความร่มรื่นกับผู้มาวัดจะได้สบายทั้งกายและใจ  ใครเข้าไปในวัดก็เย็นกายและจิตใจเพราะวัดมีเครื่องปรับอากาศให้เย็นได้ ส่วนด้านนอกก็มีร่มเงาและต้นไม้ที่คืนความสดชื่นให้เย็นลงได้บ้าง ถึงแม้ว่าธรรมชาติมีน้อย ก็ต้องใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยทดแทนบ้าง  สวนหย่อมหญ้ารอบๆวัดก็น่าจะชวนชื่นให้อ่อนนุ่มลง พอดีกับพื้นที่แห้งๆของวัดอันเป็นถนนคอนกรีตกับลานจอดรถ ช่วยสร้างความสมดุลกัน
            ต้นไม้ทั้งหมดที่ถูกปรับใส่ไว้ พร้อมเติมแต่งต้นไม้เล็กๆให้ทันฝนที่กำลังจะหมดไปกับฤดูกาล เพื่อฤดูหนาวที่กำลังจะเข้ามาในอีกไม่ช้า ต้นไม้จะได้คงความสดชื่นต่อไปได้
            อาคารสถานที่ ถ้าไม่นับตัววัด ก็มีเท่านี้ เพราะพื้นที่จำกัด จะต่อเติมก็ลำบาก เพราะต้องเผื่อไว้สำหรับพื้นที่ว่างจอดรถและปลูกต้นไม้ใหญ่ ก็น่าจะลงตัวแล้ว อะไรที่มากกว่านี้คงต้องขอร่วมด้วยช่วยกันจากโรงเรียนและโรงพยาบาล
            วันอาทิตย์นี้พ่อขอเชิญกรรมการวัดทุกท่าน ประชุมสามัญตามปกติของเดือน มีวาระสำคัญๆจะได้ถูกขับเคลื่อนต่อเนื่องกันไป งานที่ผ่านไปก็ต้องประเมินผล งานที่ทำเป็นประจำก็เดินหน้าทำต่อ ส่วนงานตามวาระรายเดือนต้องเตรียมตัวได้แล้ว เพราะรอใกล้เวลาไม่ได้ งานราษฎร์งานหลวงมีมากมายต้องจัดเรียงรายไว้ก่อนหลังเพื่อจะได้ทำให้แผนงานลุล่วงด้วยดี ส่วนงานที่ต้องทำตามแผนงานใหญ่ของสังฆมณฑลก็ต้องจัดไว้ให้เข้ารูปเข้ารอยให้เข้าท่าอย่างดี
            การรณรงค์น้ำท่วมและศูนย์แม่ปอน คงจบเพียงเท่านี้ เพราะพูดมากไปเดี๋ยวเพลียบุญกัน เอาเป็นว่าใครที่พอออกแรงได้อีก อาทิตย์นี้เฮือกสุดท้ายแล้ว ปิดบัญชีคืนความช่วยเหลือเดือนนี้เพื่อส่งบุญให้ตามวัตถุประสงค์ต่อไป
            รูปปั้นนักบุญหลุยส์กับของที่ระลึกต่างๆ ขอวางจนจบสิ้นเดือนนี้ ต่อไปให้ไปติดต่อที่สำนักงานวัด เพื่อให้พี่น้องได้มาวัดอย่างจริงจัง โดยไม่มีอะไรรบกวนใจ ต้องขอขอบคุณในความช่วยเหลือตลอดมา ขอพระอวยพร
            วันจันทร์นี้ 18 กันยายน ทางวัดมีมิสซาอุทิศให้คุณพ่อไพศาล(เขียว) อานามวัฒน์ ครบ 10 ปี โดยพระคุณเจ้าบรรจง ไชยรา มาเป็นประธานในมิสซาพร้อมกับพระสงฆ์อื่นๆ เวลา 17.30 น.ที่วัดเซนต์หลุยส์ ขอเชิญทุกท่านที่คุ้นเคยรู้จักคุณพ่อมาร่วมมิสซาด้วยกัน  ใช้พระแท่นใหญ่ของวัดถวายมิสซา

พ่อเจ้าวัด
......................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
            การให้อภัย คือหนึ่งในหัวใจของพระเจ้า เมื่อเอ่ยถึงเรื่องการให้อภัย หลายคนคงคิดในใจว่า เรื่องแบบนี้ที่คริสตชนมีสอนทุกอาทิตย์ ในชั้นเรียนคำสอน ก็มีสอนในชีวิตทุกวัน แม้แต่ชั้นเรียนเด็กอนุบาล ครูมักสอนเสมอว่า เป็นเด็กต้องรู้จักให้อภัยนะจ้ะ เราเองได้ยินเรื่องการให้อภัยเสมอๆ ในพระคัมภีร์ก็สอนให้เราให้อภัย การให้อภัยเป็นสิ่งที่สำคัญ บางครั้งเราอาจจะเจ็บกับคนบางคน คนที่ไกลตัวนี่ไม่เท่าไร แต่บางครั้งคนใกล้ตัว หรือคนที่เรารักทำให้เราบาดเจ็บนี่สิ มันเจ็บลึกและยากที่จะให้อภัย
            เราต้องรู้ว่าการไม่ให้อภัยเป็นการเปิดประตูที่กว้างให้กับซาตานเข้ามาเพื่อจะขยายอิทธิพลในชีวิตของคริสตชน พระคัมภีร์หลายตอนให้กำลังใจและเตือนเราให้มีความรักและยกโทษให้กันและกันเพื่อป้องกันไม่ให้ซาตานเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตเรา ในมัทธิว18:21 เป็นต้นพูดถึง คำอุปมาเรื่องเจ้าหนี้ที่ไม่ยอมให้อภัยเมื่อเปโตรถามพระเยซูว่าเมื่อมีคนทำผิดต่อเรา เราควรยกโทษให้กี่ครั้ง เจ็ดครั้งหรือ เลขเจ็ดบ่งบอกถึงความบริบูรณ์ เจ็ดครั้งพอไหม เป็นจำนวนการยกโทษที่เปโตรคิดไว้ แต่พระเยซูตรัสตอบเปโตรว่า ไม่ใช่เจ็ดครั้ง แต่ เจ็ดสิบคูณเจ็ด หมายความว่าเราเองไม่ควรคอยจดจำว่าเรายกโทษให้ใครไปกี่ครั้งแล้ว แต่พระเยซูสอนเราว่า เราควรยกโทษให้คนที่พร้อมจะกลับใจและ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็จงยกโทษเสมอไป ในคำอุปมา เมื่อกษัตริย์องค์หนึ่งจะสะสางบัญชีกับข้าราชบริพาร เมื่อคนเป็นหนี้หมื่นตะลันต์ (ราวหลายพันล้านบาท)ถูกนำตัวมาพบเพราะเขาไม่สามารถชำระหนี้ ข้อแม้คือขายสิ่งของหรือยึดทรัพย์ แต่เมื่อข้าราชบริพารคนนี้คุกเข่าขอร้อง กษัตริย์สงสารจึงยกหนี้ให้และปล่อยตัวไป
            แต่เมื่อเขาออกมาพบเพื่อนของเขาซึ่งเป็นหนี้ อยู่ร้อยเดนาริอัน เขาจับเพื่อนเค้นคอและขู่ให้ชดใช้หนี้ แม้เพื่อนคนนั้นจะคุกเข่าขอร้องก็ตาม ในสมัยก่อนการไม่ชดใช้หนี้ เจ้าหนี้สามารถจับลูกหนี้ทำงานชดใช้จนกว่าจะใช้หนี้ครบพระเจ้าเองทรงเห็นเรามีหนี้มากมายมหาศาล มากจนแม้ชีวิตก็ชดใช้ไม่ได้ แต่พระองค์ยกหนี้ของเราให้หมดแล้ว พระองค์ชำระหนี้แทนเรา เพราะค่าจ้างของความบาปคือความตาย พระเจ้าได้มาตายชดใช้หนี้แทนเรา มันเป็นการชดใช้หนี้ที่มากมายมหาศาลจริงๆของคนทั้งโลกขอบคุณพระเจ้าที่มนุษย์ทุกคนได้รับการยกหนี้ แต่หลายคนกำลังจมอยู่กับการไม่ให้อภัยและเรียกตัวเองว่าเป็นคริสตชน หลายองค์กรมีข้ออ้างมากมายซึ่งจะมีความเกลียดชังพี่น้องและไม่เข้าร่วมโดยอ้างเหตุผลอื่น แต่ซ่อนไว้ซึ่งความเจ็บปวดนี่เป็นกลอุบายหนึ่งของซาตานที่ต้องการแยกพระกายพระคริสต์ออกจากพระเยซูและแตกแยกกันเอง หรือแม้แต่ในระดับพระศาสนจักร มีการไม่ลงรอยกัน ความเห็นไม่ตรงกัน มีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน และเกิดความไม่พอใจกัน โกรธกัน และเลิกที่จะร่วมมือรับใช้ด้วยกัน ไม่ว่าเราจะมีเหตุผลอะไรก็ตามไม่มีเหตุผลไหนสำคัญเท่ากับการที่พระเจ้าบอกเราว่าให้อภัย
            บาปที่บางคนหรือเหตุการณ์บางอย่างที่คนทำให้เราเจ็บปวด ไม่ได้มากไปกว่าบาปที่เราทำเสียเองด้วยซ้ำ พระเยซูโปรดชดใช้หนี้ให้เราหลายล้านบาท แต่เราเองกลับไม่ยอมยกหนี้ให้เพื่อนบ้านพี่น้องที่เป็นหนี้เราไม่กี่ร้อยบาท เพราะว่าพระเจ้าทรงอภัยบาปผิดทั้งหมดทั้งสิ้นของเราแล้ว เราไม่ควรจะผูกใจโกรธไม่ให้อภัยคนอื่น เมื่อใดที่เราไม่ให้อภัยคนอื่นเรากำลังวางตัวอยู่นอกความรักของพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรักจงใช้ความรักและเป็นความรักของพระเจ้าที่อยู่ในเรา เราไม่สามารถยกหนี้มากมายให้ใครได้เพราะมันเกินกำลังของเรา แต่ความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่มากมายนัก จงใช้ความรักของพระเจ้า (ลูกา 17:4) แม้เขาจะผิดต่อท่านวันหนึ่งเจ็ดหน และจะกลับมาหาท่านทั้งเจ็ดหนนั้น แล้วว่า "ฉันกลับใจแล้ว" จงยกโทษให้เขาเถิด จงกล้าที่จะยกโทษให้กับคนที่กลับใจและกล่าวคำขอโทษ แม้เขาจะไม่กล่าวคำขอโทษเราเองก็ต้องยกหนี้ยกโทษให้กับเขา
            พระคัมภีร์ตอนนี้ให้กำลังใจเราไม่ให้ทำการร้ายตอบแทนการร้าย หลายครั้งอารมณ์ของเรามักระเบิดออก ความโกรธนั้นไม่ได้บาป แต่ที่โกรธแล้วบาปเพราะเมื่อโกรธก็เป็นการเปิดช่องว่างให้ซาตานครอบครองและควบคุมให้ตอบแทนและโต้ตอบด้วยสิ่งที่ไม่ได้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า เราอาจจะโต้เถียงกันด้วยอารมณ์และถ้อยคำที่ไม่สมควรไม่เพียงแค่นั้นพระคัมภีร์บอกอะไรที่สวนกระแสมากๆคือ จงอวยพรแถมเข้าไปเป็นโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม เพราะนี่ต่างหากคือน้ำพระทัยของพระเจ้า
คพ. พงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2017

พี่น้องที่รัก
                เริ่มอะไรใหม่ๆบ้างได้แล้ว
                หลังจากช่วงซ่อมแซมปรับปรุงศาลาวัด ทำโถงเอนกประสงค์หน้าศาลา ทางเชื่อมระหว่างศาลากับวัด พร้อมกับทำถนนรอบวัดและที่จอดรถ เข้ารูปเข้ารอยแล้ว ต่อแต่นี้ไป ถึงเวลาของสวนต้นไม้หรือต้นไม้ที่ตัดออกไป พร้อมกับเสริมต้นไม้ใหญ่เข้ามาแทนที่ สวนรอบวัดที่ปรับปรุงแต่งให้วัดเด่นขึ้นตามศิลปะที่ควรเน้น บริเวณต้นไม้ริมทางในรั้วรอบวัดกับทางเดิน จะพยายามรีบคืนสีเขียวให้ร่มรื่นและเย็นตา มีทั้งต้นไม้ที่ดูแลง่ายๆกับหญ้าเทียมบริเวณข้างวัด  คงช่วยสัตบุรุษผู้สูงอายุ เด็กมีที่เดินเล่นอย่างปลอดภัย และสมาชิกในครอบครัวที่นั่งรอนอกวัดจะได้มีสถานที่อันเหมาะสมเพื่อนั่งพักพิง กับศาลากาแฟและของว่างระหว่าง 8.00-12.00 น.
                ห้องน้ำ ถึงแม้ว่ามีพอเพียง แต่ก็ยังไม่ดีพอ ใครมีข้อเสนอแนะก็บอกกับพ่อได้นะ โดยเฉพาะห้องน้ำของสตรีที่ต้องสะอาดและสว่างถูกสุขลักษณะ
            ม้านั่งของประธาน และข้างประธานในวัดได้ปรับใหม่ให้เด่นขึ้น ที่อ่านเล็กของประธานเปลี่ยนเป็นไม้สัก ส่วนของเดิมนำไปใช้ในศาลาหลุยส์มารีย์ และที่อ่านเดิมในศาลาฯก็นำเข้ามาใช้กับพระแท่นเล็กในวัด สลับเปลี่ยนให้เหมาะสมกัน
                สิ่งที่พี่น้องบางท่านยังไม่ได้เห็น เพราะอยู่หลังวัด เป็นห้องเก็บศาสนาภัณฑ์ แต่งตัวพระสงฆ์ และผู้ช่วยพิธี ตู้เสื้อผ้ามีทั้งร่วมสมัยและของโบราณ บัดนี้ได้นำออกไปเพื่อซ่อมแซมให้คงสภาพใช้งานต่อ และได้ปรับปรุงให้เป็นถาวรวัตถุเข้ากับวัดและพอดีกับพื้นที่ของห้อง (น่าจะเสร็จเรียบร้อย)และอีกไม่ช้าคงมีการปรับที่นั่งในวัดบริเวณข้างพระแท่นใหญ่ และม้านั่งประตูด้านข้าง เพื่อใช้เป็นที่นั่งเพิ่มเติม กับทำห้องแก้บาปให้ใหญ่ขึ้นและพอเพียงเมื่อมีสัตบุรุษมาร่วมพิธีมากๆ
                ทั้งหมดนี้ จะทำให้ทุกอย่างมุ่งตรงมาที่กางเขนพระแท่นใหญ่อย่างสง่างามและสวยงามมากขึ้น
                ส่วนเรื่องปฏิทินพิธีกรรมต่อจากนี้มีรายการใหญ่ๆรอคอยมากมาย จะประชุมสภาวัดเพราะตุลาคมมีสวดสายประคำ พฤศจิกายนสวดภาวนาให้ผู้ล่วงลับ ธันวาคมเป็นคริสต์มาส มกราคมปีใหม่ 2018 พุธรับเถ้าปีนี้อยู่กลางกุมภาพันธ์ใกล้กับวันตรุษจีน สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ในช่วงปลายมีนาคม ต้นเมษายนก็ฉลองปาสกา
                บางครั้งทำอะไรที่เราคิดว่าดีแล้ว แต่ขาดความรอบคอบ ก็ทำให้งานหยุดชะงักและทำให้งานการไม่ราบรื่นได้
พ่อเจ้าวัด
................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
            มนุษย์มีความพยายามเป็นคนดี เพราะในแก่นแห่งความเป็นคน พระเจ้าทรงใส่ความดีของพระองค์ไว้  หากเชื่อว่าพระเจ้าคือผู้สร้างมนุษย์แต่ละคน ให้แต่ละคนมีฉายาของพระองค์  มนุษย์จึงเกิดจากองค์ความดี ดำเนินชีวิตโดยมีความดีเป็นที่ตั้ง เป็นทุกอย่างและทำทุกอย่างเพื่อความดี
       กระนั้นก็ดี ในตัวมนุษย์ นอกจากมีความอ่อนแอแล้ว ยังมีความโน้มเอียงไปทางไม่ดีอยู่ในธรรมชาติอันเนื่องมาจากบาปกำเนิด ในตัวมนุษย์จึงมีความขัดแย้ง ในขณะที่ทุกอย่างมุ่งสู่ความดี ก็มีแรงต้านและความโน้มเอียงไปสู่ความไม่ดี ความผิดพลาดจึงเกิดขึ้นทุกครั้งที่พลังแห่งความดีพ่ายแพ้แก่พลังแห่งความชั่ว พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เรายอมรับความจริงนี้ในตัวเราและในเพื่อนพี่น้องทุกคน แต่ละครั้งที่เราผิดไป เราให้โอกาสตัวเองแก้ไข เปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความถูกต้อง แต่ละครั้งที่เพื่อนพี่น้องรอบตัวเราผิดไป นอกจากพวกเขาต้องให้โอกาสตนเองแก้ไขแล้ว ความรักฉันท์พี่น้องก็เรียกร้องให้เราให้โอกาสพวกเขาแต่ละคนในการแก้ไขด้วยเช่นกัน
       พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เรา ตักเตือนฉันท์พี่น้องด้วยความรักและความหวังดี  จึงไม่ใช่ตำหนิตักเตือนด้วยแรงบันดาลใจอื่น ด้วยวิธีการที่ผิดคือ โกรธแค้น ดูถูก แก้แค้น หรือเพื่อแสดงว่าเรามีอำนาจเหนือ เป็นใหญ่กว่า ดีกว่าพี่น้องที่ทำผิด ในใจของเราต้องมีความดีของพี่น้องเป็นหลัก เมื่อตั้งความดีของพี่น้องเป็นหลัก เราก็ตักเตือนเขาด้วยความรักและความจริงมิใช่ข้อมูลเท็จ หรือการบอกเล่าเป่าหูของใคร หรือจากอคติที่เคยมีมาก่อน
       พระเยซูเจ้าทรงแนะวิธีการตักเตือน ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงพาอีกคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย คำพูดของพยานสองคนหรือสามคนจะได้จัดเรื่องราวให้เรียบร้อยการนำคนอื่นไปช่วยตักเตือนพี่น้องที่ทำผิด จะช่วยให้เกิดพลัง เพราะเป็นการรวมพลังแห่งความรักและความดีเข้าสู่จิตใจของพี่น้องที่ทำผิด ให้พี่น้องที่ทำผิดเห็นผิดเห็นถูก เห็นความรักที่สองหรือสามคนอุตส่าห์ไปให้คำแนะนำ
       ในกรณีที่พี่น้องที่ทำผิดแคลงใจกับคนใดคนหนึ่งที่ไปตักเตือน การจะให้เกิดการยอมรับย่อมยาก ดีไม่ดีอาจมองเป็นเรื่องส่วนตัวไป  การที่มีมากกว่าสองคนจึงทำให้เห็นชัดเจนในเจตนาและความรักที่ไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง
       พระเยซูเจ้าตรัสว่า ที่ใดสองหรือสามคนรวมกันสวดขอในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นด้วย หากผู้ที่ไปตักเตือนมีจำนวนสองหรือสามคนและกำลังทำกิจการแห่งความรักอยู่ พระเยซูเจ้าก็ทรงอยู่ที่นั่น ในขณะที่คำพูดของสองหรือสามคนกระทบหู ชวนให้คิด ชวนให้ทบทวน ไตร่ตรอง พระเยซูเจ้าทรงเข้าถึงใจของพี่น้องที่ทำผิด และจากภายในใจนั่นเอง พระองค์จะช่วยให้เขาเกิดความสำนึกและความพร้อมที่จะรับสิ่งดีๆ อีกทั้งพลังใจการจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ถูกต้อง
       การจะตัดพี่น้องที่ทำผิดออกจากสังคมหรือหมู่คณะ น่าจะเป็นวิธีการสุดท้าย หลังจากที่ได้ลองใช้วิธีการทุกอย่างตามที่ความรักและความหวังดีชี้บอกแล้ว เพราะนั่นคืออิสรภาพของพี่น้องที่ทำผิด หากเขาเลือกเช่นนั้น แต่ตราบใดที่ยังมีหวัง ยังมีแนวทาง เรายังต้องทำทุกอย่างเพื่อความดีของพี่น้องที่ทำผิดต่อไปจนสุดความสามารถ
       นั่นคือความรักที่ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์แห่งตน อย่างที่พระเยซูเจ้าทรงสอนและทรงปฏิบัติต่อเราทุกคนและแต่ละคน และเราได้เริ่มทำแล้วหรือยัง

คพ. พงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2017

พี่น้องที่รัก
                วัดเซนต์หลุยส์ครบ 60 ปีแล้ว
                ขอขอบพระคุณพระเจ้า งานทุกอย่างที่จัดเพื่อสรรเสริญพระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ และประกาศความรักอันยิ่งใหญ่ให้เพื่อนพี่น้องได้รับรู้  ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อยและสง่างาม  นับตั้งแต่งานเดินการกุศลในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคมที่สวนลุมพินี และการเตรียมจิตใจ 9 วันก่อนวันฉลองอย่างเป็นทางการ บรรยากาศอย่างเป็นธรรมชาติของการมาวัดเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอทุกเช้าและตอนเย็น ถึงแม้ว่าไม่มากมายเหมือนวันเสาร์และอาทิตย์ แต่ก็มากด้วยคุณภาพที่ชวนกันมาขอบพระคุณพระเจ้า  โดยเฉพาะค่ำคืนที่ 26 สิงหาคม ซึ่งพระคาร์ดินัลมีชัย กิจบุญชู มาเป็นประธานมิสซาฉลองภายใน เดินแห่รูปนักบุญรอบวัดและมาเสกศาลาหลุยส์มารีย์และโถงเอนกประสงค์ใหม่ บรรยากาศสวยงามและชวนศรัทธาดี ถึงแม้ว่ายามดึกฝนจะเทลงมาจนน่าเป็นห่วงงานในวันรุ่งขึ้น แต่ที่สุดทุกอย่างพร้อมแล้วในวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม บรรดาสภาภิบาลวัด ผู้เกี่ยวข้องทุกองค์กรมาต้อนรับพระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิชอย่างอบอุ่น และงานฉลองวัดอย่างเต็มรูปแบบพร้อมกับแห่รูปนักบุญออกไปนอกวัดที่ริมถนนสาทรใต้เพื่อผ่านเข้าไปในโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์และกลับมาที่โถงเอนกประสงค์เพื่อภาวนาขอบพระคุณพระเจ้าด้วยกันต่อหน้ารูปนักบุญ ทุกอย่างจบลงด้วยคำชื่นชมและรอยยิ้มกว้าง “สมกับงานฉลองวัด 60 ปี” ยิ่งใหญ่ทั้งในวัดและเรียบร้อยในการจัดบรรยากาศรอบวัด
                ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง ขอเก็บชื่อไว้ในใจแต่บอกออกมาภายนอกว่า “สิ่งที่ท่านได้ทำพระจดจำได้หมด” แม้แต่ผู้ดูแลความสะอาดทั้งห้องน้ำและบริเวณสถานที่ตลอดงาน งานเล็กพระเจ้าถือยิ่งใหญ่ และยังพอพระทัยในความรับผิดชอบงานใหญ่ๆ และสำคัญไว้ทั้งหมด
                ขออภัยในข้อบกพร่อง งานสิ่งใดๆในส่วนที่ขาดๆเกินๆย่อมมี จะละไว้ก็ไม่ใช่ ขอนำไปปรับปรุงเพื่อทำให้งานฉลองวัดปีหน้าดียิ่งขึ้น  ใครมีอะไรที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ขอเชิญแนะนำได้ที่พ่อ
                ก้าวต่อไปอย่างมุ่งมั่นคือการสร้างชุมชนศิษย์พระคริสต์วัดเซนต์หลุยส์ให้เจริญเติบโตด้วยความเชื่อและเป็นประจักษ์พยานให้กับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะครอบครัวที่อบอุ่น พระกระแสเรียกที่งอกงามเพิ่มขึ้น และทุกองค์กรของวัดช่วยพระเยซูเจ้าประกาศข่าวดีของพระองค์ 75 ปีของวัดกับวันที่รอคอย....


พ่อเจ้าวัด
................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
                คำสอนหลักที่พระเยซูเจ้าตรัสถึงบ่อยที่สุด คือเงื่อนไขในการติดตามพระองค์ซึ่งมี 3 ประการด้วยกัน (เทียบ มธ10:37-39; มก 8:34-37; ลก 9:23-27; 14:25-27; 17:33; ยน12:25)
                1.    เลิกคิดถึงตนเอง หรือบางคนเรียกว่า ปฏิเสธตนเอง” (self-denial)  ส่วนใหญ่เรามักคุ้นเคยกับการปฏิเสธตนเองแบบจำกัด โดยเฉพาะบางเวลา เช่น ละเว้นไม่กินเนื้อวันศุกร์  พลีกรรมช่วงมหาพรต ฯลฯแต่นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของการเลิกคิดถึงตนเองตามความหมายของพระเยซูเจ้า  เพราะสำหรับพระองค์การเลิกคิดถึงตนเองหมายถึงการพูด ไม่กับตัวเองและ ใช่กับพระเจ้าทุกลมหายใจตลอดชีวิต  ไม่ใช่ ใช่กับพระองค์เพียงช่วงใดช่วงหนึ่งเป็นการลดบทบาทตนเองหรือปลดตนเองลงจากบัลลังก์ชีวิต แล้วอัญเชิญพระองค์ขึ้นสู่บัลลังก์เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของเราตลอดไป
                2.    แบกไม้กางเขนของตน นั่นคือยอมรับภาระทุกอย่างอันเกิดจากการรับใช้ด้วยความเสียสละ  เช่นยอมละทิ้งความทะเยอทะยานส่วนตัวเพื่อรับใช้พระเยซูเจ้า ยอมสละเวลาว่างและความบันเทิงส่วนตัวเพื่อเยี่ยมเยียนหรือรับใช้ผู้สูงอายุ เด็กกำพร้า ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการรับใช้พระเจ้าที่ดีที่สุด
                3.    ติดตามพระเยซูคริสตเจ้า คือยอมรับพระองค์เป็นผู้นำของเรา และพร้อมนบนอบเชื่อฟังพระองค์ทั้งด้านความคิด วาจา และกิจการเรียกว่าพร้อมเดินตามรอยพระองค์ทุกย่างก้าวนอกจากเงื่อนไขในการติดตามพระองค์ทั้ง 3 ข้อแล้ว พระองค์ยังแยกแยะให้เราเห็นความแตกต่างระหว่าง คนเป็นและ คนมีชีวิต” (existing vs living) อีกด้วยผู้ใดมีปอดที่ยังหายใจได้และหัวใจที่ยังเต้นอยู่ก็ได้ชื่อว่า คนเป็นแล้ว  แต่คนที่ มีชีวิตจำเป็นต้องมีคุณค่ามากกว่านี้แน่ เช่น มีดวงวิญญาณที่สงบสุข มีจิตใจที่ร่าเริงเบิกบาน หรือมีความตื่นเต้นซาบซึ้งอยู่ทุกขณะจิตวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงประทานตำราหรือคาถาทำให้ คนเป็นมีชีวิต กล่าวคือ
                1.    “ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวิตนิรันดร”  มัทธิว เขียนพระวรสารระหว่างปีค.ศ. 80-90 ซึ่งเริ่มมีการเบียดเบียนศาสนาแล้ว ท่านจึงนำคำสอนของพระเยซูเจ้ามาบันทึกไว้เพื่อเตือนใจคริสตชนว่า หากท่านละทิ้งความเชื่อ จริงอยู่ท่านอาจรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ก็เจริญชีวิตก็เพื่อรอวันตายและเป็นความตายชั่วนิรันดร  ตรงกันข้ามหากท่านรักษาความเชื่อไว้ ก็อาจตาย แต่ก็ตายเพื่อจะได้มีชีวิตนิรันดรแม้ว่าทุกวันนี้โอกาสตายเพื่อยืนยันความเชื่อจะเหลือน้อยเต็มที แต่หากเรามัวสลวนอยู่กับการแสวงหาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตหรือดำเนินชีวิตที่ง่ายๆสะดวกสบาย หรือตัดสินใจตามมาตรฐานและแรงจูงใจแบบชาวโลก  เรากำลังทำให้ชีวิตของเราด้อยค่า หย่อนยาน เห็นแก่ตัว และยึดติดอยู่กับสิ่งของของโลกและหากเราดำเนินชีวิตดังเช่นที่กล่าวมา เราไม่ใช่ มนุษย์อีกต่อไป เพราะมนุษย์ถูกสร้างมาตามฉายาของพระเจ้า
                2.    “ผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวิตนิรันดร ในอดีตที่ผ่านมา เราได้พบเห็นผู้คนมากมายที่ยอมเสี่ยงหรือยอมสูญเสียทุกสิ่งเพื่อพระเยซูเจ้า ต่างได้รับการจารึกชื่อไว้อย่างยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์หากไม่มีใครยอมสละความมั่นคงปลอดภัยส่วนตน หรือไม่ยอมเสี่ยงเพื่อค้นคว้ายารักษาโรคร้าย หรือคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ  ชีวิตของเราคงยากลำบากหรืออาจจบสิ้นไปแล้วก็เป็นได้หรือหากแม่กลัวเจ็บไม่ยอมเสี่ยงคลอดบุตร เราจะเกิดมาได้อย่างไรกัน ?ทุกคนที่พร้อมเดิมพันชีวิตของตนเพื่อพระเจ้าเท่านั้นแหละ ที่จะพบชีวิตนิรันดร!
                3.    “มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิตหากเรามีตำแหน่งสูง มีอำนาจวาสนาและบารมีล้นเหลือ ผู้คนนับหน้าถือตา ไปไหน ๆ ก็มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง แล้วอยู่มาวันหนึ่งเราเกิดค้นพบว่าชีวิตของตนไร้ค่า มีทางใดหรือที่เราจะได้ชีวิตกลับคืนมา?ทุกครั้งที่เราตัดสินใจกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เรากำลังทำให้ตัวของเรามีรูปแบบบุคลิกลักษณะเฉพาะและกลายเป็นนิสัยติดตัวตลอดไป จนกลายเป็นว่าเราสามารถทำสิ่งหนึ่งได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ไม่สามารถทำสิ่งอื่นได้อีกเลย  ตัวอย่างเช่น หากเราเป็นคนเห็นแก่ตัวมาทั้งชีวิต ไม่เคยฟังหรือคิดถึงผู้อื่นเลย  ย่อมคาดหวังไม่ได้เลยว่าในบั้นปลายของชีวิตเราจะกลับกลายเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรือรู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเมื่อวาระสุดท้ายมาถึง เราไม่อาจนำสิ่งใดติดตัวไปได้เลยนอกจากตัวของเราเอง  หากเราลดตัวลงไปยึดติดกับสิ่งที่เป็นของโลกมันจะน่าเศร้าและขมขื่นสักเพียงใด?และกฎเกณฑ์ในการตัดสินคือ ผู้ที่เห็นแก่ตัว ผู้ที่แสวงหาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต ผู้ที่ชอบยศถาบรรดาศักดิ์และความสะดวกสบายที่โลกหยิบยื่นให้ อาจถือว่าประสบความสำเร็จในสายตาของชาวโลก แต่สอบตกในสายตาของชาวสวรรค์ส่วนผู้ที่อุทิศตนด้วยความเสียสละเพื่อผู้อื่น อาจเป็นคนโง่เง่าในสายตาของชาวโลก แต่เป็นที่ชื่นชอบของชาวสวรรค์และสมกับรางวัลที่พระเจ้าจะประทานให้ !
คพ. พงษ์เกษม