วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2017

พี่น้องที่รัก
                พ่อเริ่มคุ้นชินแล้วครับ
พ่อชอบเขียนสารวัดตั้งแต่เมื่อมีสารวัดฉบับแรก ๆ ของแต่ละวัดแล้ว สมัยก่อนๆโน้นเมื่อ 40 ปีที่แล้วพ่อเป็นนักเรียน พอถนัดเรื่องการวาดรูปบ้าง ครูผู้รับผิดชอบได้ขอให้ช่วยวาดรูปสารวัดลงในกระดาษไขเพื่อทำโรเนียว เวลานั้นต้องใช้ปากกาเหล็กแหลมเขียนลงในกระดาษไขผิดแล้วลบยาก ต้องประณีต น้ำยาลบคล้ายๆกับยาทาเล็บผู้หญิง สีชมพูกลิ่นหอมๆหน่อย นับตั้งแต่นั้นมาจนมาถึงใช้ปากการ็อตติ้งออกแบบก็เริ่มง่ายขึ้น ประกอบกับมีสติกเกอร์ตัวหนังสือ และสุดท้ายปัจจุบันนี้แหละก็ทำลงในคอมพิวเตอร์ สบายมาก ผิดทำใหม่ จึงทำให้ง่าย ใช้เวลาแป๊บเดียวก็เสร็จ แต่ถ้าวันไหนอารมณ์บ่อจอย ก็ฝืดหน่อย
เขียนก่อนขึ้นแท่นก็เพื่อย่อย ๆ พระวาจาประจำสัปดาห์ออกมาเป็นกรอบความคิดเพื่อใช้เป็นแนวเทศน์ในมิสซา และพี่น้องที่รักก็เพื่อบอกเล่าเก้าสิบในฐานะเจ้าวัดสนทนากับพี่น้องที่รัก (ชูวับชูวับ)
            อารัมภบทเพื่อเข้าเรื่องที่ต้องพูดแบบอ้อน ๆ อ่อนหวานหน่อยไม่รู้ว่าน่าสงสารหรือน่าส่งสารบอกว่า “อย่าทำ” เรื่องการฉลองวัดทั้งสองแบบคือเดินการกุศลในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม เวลา 06.00 น. ถึง 08.00 น.พระคาร์ดินัล ฟรังซิส เกรียงศักดิ์ มาเป็นประธานและเดินด้วย เราสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์คงไม่ปล่อยให้พระคุณเจ้าเดินลำพังรำพึง 60 ปีแห่งความหลังคนเดียวนะ มีสัตบุรุษบางท่านบอกว่าไปเดินและไม่ต้องไปวัดหรือ มาวัดได้ครับในรอบ 10.00 น. ต่อเลยถ้าไหว ถ้าไม่ไหวก็เที่ยงหรือไปตอนเย็น 17.30 น. ส่วนใครไม่ได้ไปเดินมิสซารอบ 06.00 น.และ 08.00 น.มีตามปกติ 
                สำหรับวันฉลองวัดอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม มิสซาเวลา 10.00 น. พระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ มาเป็นประธาน ร่วมกับบรรดาพระสงฆ์ราว 20 คน เราทุกคนเป็นทั้งเจ้าภาพและแขกเหรื่อผู้ถูกรับเชิญให้มาร่วมในงาน 60 ปีแห่งความหลังครั้งนี้ ด้วย 60 ปีมีครั้งเดียวไม่มีอีกแล้ว จะมีก็เฉพาะ 75 ปี และ 100 ปี ใครจะมองการณ์ไกลไปถึงเวลานั้นก็เชิญ
                ขอออกตัวเลย เชิญร่วมกันซื้อบัตรเดินการกุศล และร่วมทำบุญฉลองวัด (ใช้ซองขอมิสซาระบุว่าร่วมทำบุญฉลองวัด 60 ปี) มากน้อยไม่สำคัญ ขอให้ใส่เต็มความสามารถ ที่โต๊ะหน้าวัดและทางประตูมุกซ้ายขวา...
พ่อเจ้าวัด
.............................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
            เราจะนำใจหินออกจากใจเนื้อของเจ้า และให้ใจเนื้อแก่เจ้า (อสค.36:26) แผนการของพระเจ้าสำหรับเราคือ ให้มีใจรัก มิใช่ใจหิน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันที่แสนงดงาม ขอพระองค์ทรงเปิดตา เปิดหูของลูก ให้เห็น และได้ยินแต่สิ่งดี ที่มาจากพระองค์  ในยามทุกข์ยากจงอธิษฐาน ในยามสุขสบายก็จงอธิษฐานภาวนา พระเยซูเจ้าสอนให้ศิษย์ของพระองค์ตระหนักชัดว่าถ้าปรารถนาจะรับรู้ ความจริงไม่เพียงแค่ เปิดตาหู เพื่อรู้ความแต่จำเป็นต้อง เปิดใจแล้วไปให้ถึง ความจริงแท้ การพบปะของพระเจ้า กับ โมเสสเพื่อให้ประชากรได้มีโอกาสเห็น ฟัง มีประสบการณ์กับพระเจ้าตามความจริง เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อฟัง สิ่งที่โมเสสสอนในนามของพระเจ้า แล้วนำไปปฏิบัติตาม ศิษย์แท้อุทิศชีวิต เพื่อปฏิรูปพระศาสนจักรตามความจริง ในเรื่องศีลธรรม การประกาศข่าวดี และได้เป็นตัวอย่างในการอบรมบุตรของตนอย่างดี จนเกิดมีสมาชิกในครอบครัวได้รับการเลือกสรรให้เป็นนักบุญต่อๆ กันไป พระเยซูเจ้าตรัสว่า เราเป็น หนทาง ความจริง และชีวิต (ยน.14:6) สำหรับคนดื้อด้าน เพื่อไม่ต้องมองด้วยตา ไม่ต้องฟังด้วยหูจะได้ไม่เข้าใจจะได้ไม่ต้องกลับใจ เราจะได้ไม่ต้องรักษาเขา” (มธ 13:10-17 ) มีสักกี่ครั้งที่เราเห็น และผ่านไปโดยไม่คิดอะไร มีอีกสักกี่ครั้งที่เราได้ยินแล้วเราก็ไม่คิดอะไร มีสักกี่ครั้งที่มีเหตุการณ์หลายอย่าง น่าคิด น่าไตร่ตรอง เกิดขึ้น แล้วเราก็ไม่คิดอะไร ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่คิด จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบและอาณาจักรของพระเจ้า ความรักและสันติสุข จะบังเกิดขึ้นได้หรือไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็นเพราะไม่อยากรับผิดชอบ ไม่ต้องฟังพระวาจาของพระเจ้า ไม่ต้องศึกษาความจริงเกี่ยวกับศีลธรรม ไม่ต้องมองและวิเคราะห์สังคมมากนัก จะได้ไม่ต้องรู้สำนึกถึงความรักผิดชอบต่อพี่น้อง ต่อสังคมของเรา นี่คงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ในการหล่อหลอมมโนธรรมของเรา นี่คงไม่ใช่จิตวิญญาณของผู้ที่เป็นคริสตชนแท้จริง ลูกของพระเจ้าที่ได้รับแรงผลักดันจากความรักและความอ่อนโยนต้องแสดงออกสุดชีวิตของตนเอง
                คำสำคัญที่อยากนำให้เราไตร่ตรองในโอกาสนี้คือ พระอาณาจักรพระเจ้าอาณาจักรแห่งความรักและสันติสุข พระวาจาวันนี้ ไม่ได้หมายถึงอะไรอื่น นอกจากการเปิดหัวใจของเราให้พระเจ้าเข้ามาครอบครอง อาณาจักรของพระเจ้า คืออาณาจักรแห่งความรักและสันติสุขครับ พระเจ้าทรงเรียกเราคริสตชนเป็นพิเศษนั่นเอง ให้เราฟังพระองค์ ให้เราเปิดหัวใจของเราออก เพื่อพระองค์จะสามารถเข้ามาปกครองหัวใจของเรา เหมือนพระเจ้าทรงเสด็จมาหาอิสราเอล พวกเขาจะได้ฟังพระองค์ และเชื่อ ฟังและเชื่อครับ” (เทียบ อพย. 19:1-2,9-11,16-20) มีสำนึกว่า เราต้องมีส่วนอย่างไรในการปกครองของพระเจ้าโลกเราวันนี้เราเห็นอะไรบ้าง เราได้ยินอะไรบ้างเรามีท่าทีอย่างไรต่อสิ่งที่เราเห็น ต่อสิ่งที่เราได้ยิน หรือเมื่อเห็น เมื่อได้ยินแล้ว เราไม่อยากรับรู้ เพราะที่สุดแล้ว ธรรมชาติของเราคริสตชน คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะตอบสนองโลกและสังคม แบบลูกของพระเจ้า เราต้องมีส่วนไม่มากก็น้อย เท่าที่สามารถ ในความรับผิดชอบต่อโลกและสังคม รับผิดชอบต่อความยากจนของพี่น้องของเรา รับผิดชอบต่อความยากลำบากต่อพี่น้องของเรา รับผิดชอบต่อความทุกข์โศกของพี่น้องของเรา คำว่า ไม่ใช่หน้าที่ย่อมไม่ใช่สำนึกของลูกของพระแน่นะครับ เราต้องมีใจแข็งกระด้าง โลกเราวันนี้คืออุปมาที่พระเยซูเจ้าทรงเล่า ลูกพระต้องไวต่อสิ่งที่ได้เห็น ไวต่อสิ่งที่ได้ยิน และอยู่นิ่งๆ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้เด็ดขาด แต่เราต้องมีส่วนช่วยเหลือ และทำอะไรสักอย่าง เพราะประโยคที่เจ็บมากในวันนี้คือ จะได้ไม่เข้าใจจะได้ไม่ต้องกลับใจ เราจะได้ไม่ต้องรักษาเขาจะได้ไม่ต้องเข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจก็ไม่ต้องรับรู้อะไร เมื่อไม่รับรู้อะไร ก็ไม่ต้องทำอะไร และเมื่อไม่ทำอะไร นั่นคือ การไม่กลับใจและความเลวร้ายที่สุดอยู่ที่ว่า เมื่อเราไม่กลับใจ เราก็ไม่ได้รับการรักษา เมื่อเราไม่กลับใจ ไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เราก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นเลย ความรอดพ้น ความรักและสันติสุข อาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเราได้อย่างไร


คพ.พงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น