วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2015

พี่น้องที่รัก
            เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วัดเซนต์หลุยส์ของเรามีโอกาสได้ต้อนรับตัวแทนบางส่วนของผู้เข้าร่วมประชุมใหญ่ของ AsIPA ครั้งที่ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นที่บ้านผู้หว่านสามพราน มีตัวแทนจาก 18 ประเทศ เข้าร่วมประชุมจำนวนกว่าร้อยท่าน   โดยมีตัวแทนทั้งหมดจำนวน 13 ท่านในจำนวนนี้มี พระสังฆราช 2 องค์ พระสงฆ์ 7 องค์ ซิสเตอร์ 1 รูป และ ฆราวาส จำนวน 4 ท่าน จากหลาย8 ประเทศ ที่มาเยี่ยมชมการประชุมกลุ่มวิถีคริสตชนที่เป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นโดยพี่น้องสัตบุรุษภายในเขตวัดของเรา ได้แก่กลุ่มวิถีคริสตชนที่ซอยประจักษ์สิน กับกลุ่มวิถีคริสตชนที่หมู่บ้านกลางกรุง ถนนพระราม 3
            AsIPA ซึ่งเป็นหน่วยงานแผนกฆราวาสภายใต้การดูแลของสหพันธ์สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งเอเซีย จัดการประชุมใหญ่ครั้งนี้ในหัวข้อ Small Christian Communities/Basic Ecclesial Communities Living with People of Different Faiths and Beliefs” ดังนั้นการประชุมครั้งนี้จึงมุ่งหวังที่จะให้มีการแบ่งปันประสบการณ์ อุปสรรค แนวทางแก้ไขปัญหา และ ทรัพยากรที่มีประโยชน์สำหรับงานการจัดตั้งกลุ่มวิถีคริสตชนในท้องถิ่นที่ประชากรมีความหลากหลายทางความเชื่อและศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกัน
            การมาเยี่ยมชมและดูงานดังกล่าว ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเริ่มต้นการจัดตั้งกลุ่มวิถีคริสตชนขึ้นภายในเขตวัดของเรา ในกลุ่มของผู้พักพิงอาศัยอยู่ในละแวกบ้านเดียวกัน โดยยึดเอาพระวาจาของพระเจ้ามาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และดำรงชีวิตประจำวันโดยอาศัยพระวาจาของพระเจ้ามาช่วยให้เกิดความร่วมมือกันในทางที่เสริมสร้างต่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกยั่งยืน แม้ว่าเรื่องกลุ่มวิถีคริสตชนยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับพี่น้องสัตบุรุษ และยังเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องช่วยให้เจริญเติบโตเข้มแข็งกันต่อๆไปในอนาคต แต่การเริ่มต้นที่ดี แบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆก้าว เป็นสิ่งที่สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งก็ว่าได้ ความสม่ำเสมอ ในการมีส่วนร่วมถือเป็นก้าวสำคัญก้าวต่อไปที่แต่ละกลุ่มจะต้องจับมือกันก้าวต่อไป ปัจจุบัน พี่น้องที่มาวัดเซนต์หลุยส์ของเรามีการจัดตั้งกลุ่มวิถีคริสตชนขึ้นแล้ว 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ซอยประจักษ์สิน กลุ่มที่หมู่บ้านกลางกรุง กลุ่มที่เซนต์หลุยส์ซอย2 และ กลุ่มที่บางบอน
            หลายๆประเทศมีประสบการณ์ในเรื่องกลุ่มวิถีคริสตชนนี้มานานแล้ว หลายๆประเทศกำลังศึกษาหาวิธีที่จะนำไปแนะนำและปลูกฝังให้กับพี่น้องคริสตชนในท้องถิ่นของตน ส่วนประเทศไทยของเราก็กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น อย่างไรก็ดี พ่ออยากจะบอกว่า กลุ่มวิถีคริสตชนถือเป็นความหวังใหม่ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยที่จะรื้อฟื้นความเชื่อที่เข้มแข็งให้กลับคืนมาอีกครั้ง
            พ่อถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการจัดเตรียม การต้อนรับ แขกจากต่างบ้านต่างเมืองที่มาเยี่ยมเยียนดูงานในเขตวัดของเราครั้งนี้ ขอบคุณสภาภิบาลทุกท่านที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทำให้งานนี้สำเร็จไปอย่างราบรื่น น่าประทับใจครับ


คพ.สุพจน์
..........................................................................

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์: สายตายาว, นักบุญ, และคนบาป

ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
เป็นคนสายตายาว ยาวมากจริงจริง

เพราะผู้คนจำนวนไม่น้อยทีเดียว
ที่มักจะมองเห็นเป้าหมายและความสำเร็จ
ที่ยังไม่เกิดขึ้นที่ยังไม่มาถึงหรือที่ยังอยู่ไกล
ได้ดีและคมชัดกว่า
เส้นทางวิถีทางหรือวิธีการ
ที่นำไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จ

จนเราหลงลืมไปว่า
กว่าที่ใครสักคนจะก้าวไปถึงจุดที่เรียกว่า
ประสบความสำเร็จ
เขาจำเป็นต้องผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต

วันนี้เราสมโภชนักบุญทั้งหลาย

แน่นอนว่าเราไม่ได้ฉลองบรรดานักบุญเหล่านี้
เพราะท่านเป็นยอดมนุษย์สุดพิเศษเหนือมนุษย์ทั่วไป
หรือเพราะท่านเป็นคนดีบริสุทธิ์ผ่องแผ้วไร้ราคีไม่มีหม่นหมอง
หรือเพราะท่านเป็นผู้ปราบอริราชศัตรูคือซาตานจนหมดจด

แต่เราฉลองชีวิตมนุษย์ที่เรียบง่ายธรรมดาและเป็นคนบาปเหมือนเหมือนกันกับเรา
ที่ได้อุทิศในการติดตามพระจนบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ในพระอาณาจักรสวรรค์

การสมโภชในวันนี้จึงเป็นกำลังใจให้กับเราผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ด้วย

เพราะบรรดานักบุญก็เคยอยู่บนโลกนี้มีชีวิตและเป็นธรรมดาธรรมดาแบบเรา
ผ่านความยุ่งยากลำบากน้ำ้ตาและความทุกข์ทรมานในการดำเนินชีวิตแบบเรา
มีเวลาแห่งสุขสมมีเวลาแห่งความเศร้าไม่ต่างกันกับที่เราต้องเผชิญ

ก่อนจะเป็นนักบุญได้เราล้วนเคยเป็นคนบาปมาด้วยกันทั้งนั้น





Shutter Lover : เรื่องและภาพ

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 25 คุลาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            "กลุ่มวิถีคริสตชน" อาจเป็นคำที่หลายคนเคยได้ยินมาแล้วบ้าง สำหรับบางคนอาจเป็นคำใหม่ ไม่แน่ใจว่าความหมายของคำ ๆ นี้ จะมีความหมายชัดเจนอย่างไร วันนี้พ่ออยากจะขอกล่าวถึงเรื่องนี้สักหน่อย คำว่า "กลุ่มวิถีคริสตชน" ถูกแปลมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า "Basic Ecclesial Community” หรือ เรียกคำย่อว่า "BEC” พ่อคงไม่ท้าวความไปถึงว่า BEC มีความเป็นมาอย่างไร แต่อยากจะเจาะเข้าสู่ประเด็นหลักแบบตรงไปตรงมาว่า BEC หรือ กลุ่มวิถีคริสตชน เป็นการรวมกลุ่มกันของ คริสตชนที่อยู่ในละแวกบ้านเดียวกัน เพื่อการอ่านพระคัมภีร์ด้วยกัน ยึดเอาข้อความในพระคัมภีร์มาตีความให้เข้ากับบริบทของสังคมปัจจุบัน แล้วแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตให้กับกันและกัน เพื่อสนับสนุนกันและกันให้มุ่งเจริญหน้าในคุณงามความดี โดยมีพระคัมภีร์เป็นต้นกำเนิดของแสงสว่างนำทางชีวิต ให้จาริกไปบนเส้นทางที่พระเยซูเจ้าทรงสอนไว้
            สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้มีนโยบายสนับสนุนให้มีการจัดตั้งกลุ่มวิถีคริสตชน เพื่อฟื้นฟูความศรัทธา ความเชื่อ ให้กับเหล่าคริสตชนทั่วประเทศ สังฆมณฑลกรุงเทพฯ จึงได้นำแนวคิดนี้มาแนะนำและส่งเสริมให้มีการใช้วิธีการของกลุ่มวิถีคริสตชนอย่างจริงจังในเขตวัดต่าง ๆ มาเป็นลำดับ  เมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว วัดของเราเริ่มจัดตั้งกลุ่มวิถีคริสตชนเป็นกลุ่มแรกที่ซอยประจักษ์สิน โดยการริเริ่มของคริสตชนที่อยู่อาศัยใกล้ๆกันในละแวกนั้น โดยมีการประชุมกันเดือนละครั้ง ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 18 ท่านที่เข้าร่วมประชุมเป็นประจำ กลุ่มนี้จะประชุมกันในทุกวันอังคารที่ 3 ของเดือน เวลา 19.30 . นอกจากนี้ ในปีถัดมามีการจัดตั้งกลุ่มวิถีคริสตชนที่เซนต์หลุยส์ซอย 2 ตามมา กลุ่มนี้มีสมาชิกจำนวน 16 ท่าน ประชุมกัน ในวันอังคารสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เวลา 10.30 . และ เมื่อปีที่แล้ว มีการจัดตั้งกลุ่มวิถีคริสตชน ที่หมู่บ้านกลางกรุง กลุ่มนี้มีสมาชิกจำนวน 17 ท่าน ประชุมกันทุกวันพุธที่ 3 ของเดือน เวลา 19.15 . และ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ มีกลุ่มวิถีคริสตชนย่านบางบอน รวมตัวกันจัดประชุม ในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน เวลา 15.00 . มีจำนวนสมาชิกมากถึง 38 ท่าน
            ข้อดีที่เห็นได้ชัดจากการที่ทุกคน มาเปิดพระคัมภีร์อ่านร่วมกัน ศึกษาหาความหมายในทางปฏิบัติ และ แบ่งปันประสบการณ์ชีวิตร่วมกัน ช่วยให้เกิดความสมัครสมานแน่นแฟ้น ในการดำเนินชีวิตเป็นพี่เป็นน้องกัน โดยยึดเอาพระคัมภีร์เป็นศูนย์กลาง หลายครั้งช่วยแก้ปัญหาพื้นฐานในชุมชน ที่เรื้อรังให้สำเร็จได้ หลายครั้งช่วยบรรเทาปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นกับสมาชิกในกลุ่มได้ ซึ่งแน่นอนทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ก็เพราะทุกคนเปิดใจกว้างรับเอาคำสอนของพระเจ้าเข้ามาเป็นแนวทางดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการดำเนินชีวิตเยี่ยงคริสตชนที่แท้จริง
            วันอาทิตย์นี้ 25 ตุลาคม กลุ่มวิถีคริสตชนในเขตวัดของเรา จะมีโอกาสได้ต้อนรับ ตัวแทนกลุ่มวิถีคริสตชนจากประเทศเพื่อนบ้านในย่านอาเซียน ซึ่งมีทั้ง พระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวช และ ฆราวาสชายหญิงที่เดินทางมาประชุมใหญ่ประจำปีที่บ้านผู้หว่าน เลยถือโอกาสนี้มาเยี่ยมเยียน ศึกษาดูงานในเชิงปฏิบัติ เพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ในแง่ของอุปสรรค และ ปัญหาในการ จัดตั้งกลุ่มวิถีคริสตชนในบริบทของสังคมไทย เพื่อนำไปปรับใช้กับงานด้านกลุ่มวิถีคริสตชนในท้องถิ่นของแต่ละประเทศ เพื่อปรับปรุงพัฒนา และ หาหนทางที่เหมาะสมสำหรับส่งเสริมงานด้านกลุ่มวิถีคริสตชนให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
            พ่อจึงหวังว่า กลุ่มวิถีคริสตชน จะเป็นความหวังสำคัญของเราคริสตชนไทยในอนาคต ที่จะช่วยให้ชีวิตคริสตชนของเรา สื่อออกมาถึงการดำเนินชีวิตแห่งความรักในภาคปฏิบัติ อย่างชัดเจน ในการรักกันและกันเหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราไว้

คพ.สุพจน์
................................................................................

พี่น้องที่รัก
สิ่งที่ลูกจะนำมาช่วยพ่อแม่ได้นั้น ลูกได้ถวายพระเสียแล้วผู้นั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องช่วยเหลือพ่อแม่อีกต่อไป ความตาบอดมาถึงเราเพราะเราใจบอด เราเชื่อว่าพวกเธอทุกคนสามารถช่วยพระเจ้าทำให้โลกนี้ เป็นสถานที่มีความสุขน่าอยู่กว่า เยาวชนเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากเพราะคนหนึ่งอาจรู้สึกโดดเดี่ยวมาก ทั้งๆ ที่แวดล้อมด้วยผู้คนมากมาย พ่อแม่คู่หนึ่งได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงบรรดาผู้ปกครอง และนักเรียนในระดับมัธยมปลายในเมืองแห่งหนึ่ง ได้มีพิธีปลงศพลูกชายของเธอ เมื่อวันพฤหัส  ลูกเธอเข้านอนวันอังคารและใช้ปืนจ่อขมับฆ่าตัวตาย  เขาเป็นคนฉลาด  หล่อ  ขี้อาย  และเป็นคนดีที่โรงเรียน  มีเพื่อนๆ โทรศัพท์หาเขา มาเยี่ยมเขาที่บ้านบ่อยๆ รายงานของตำรวจแสดงผลว่าเขาไม่ติดยาเสพติด เขามีเพื่อนมาก  อย่างไรก็ดี แต่ละคนก็มีความคิดของตนเอง
 คืนวันอาทิตย์เขาได้ดื่มเหล้าจนเมา  บรรดาผู้ใหญ่จึงได้ตักเตือนยาวและเป็นครั้งแรกที่พวกเราตระหนักว่าที่เราคิดเกี่ยวกับชีวิตของเขามิได้เป็นเช่นนั้น  เขามีความทุกข์มาก เขารู้สึกว่าเพื่อนๆ ไม่แคร์เขา ทั้ง ๆ ที่เรารู้ว่าเพื่อน ๆ ดีต่อเขา ที่สำคัญมากเพราะคนหนึ่งอาจรู้สึกโดดเดี่ยวมาก  ทั้ง ๆ ที่แวดล้อมด้วยผู้คนมากมาย บางคนในโรงเรียนไม่มีเพื่อนสักคน  ไม่เคยมีเสียงโทรศัพท์ และไม่มีเพื่อนมาหา โปรดเป็นเพื่อนกับเขา เขาโดดเดียวจริงๆ หากเขารู้สึกหมดหวัง ถ้าไม่มีเพื่อนมาเยี่ยมเขา  ลองคิดดูอีกหลายคนต้องรู้สึกเศร้าและโดดเดี่ยวสักแค่ไหน พระเจ้าทรงให้เราแต่ละคนเกิดมาในโลก เพื่อทำดีและนำความยินดี  โปรดช่วยทำให้การจากไปของเขา  นำความรักและความยินดีมาสู่สังคมด้วยวิธีที่จับต้องได้ ชายขอทานตาบอดพยายามไปหาพระเยซูเจ้า แต่แทนที่บุคคลรอบข้างจะช่วยกลับตรงข้าม โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิดหลายคนดุเขาให้เงียบ  พระเยซูเจ้าทรงได้ยินเสียงประชาชนดุชายขอทานตาบอด พระองค์ตรัสให้ไปเรียกเขา ประชาชนจึงเปลี่ยนท่าที  กลับพาคนตาบอดมาหาพระองค์ ยังมีคนตาบอดขอทานมากไหมในสังคมปัจจุบัน มีคนตาบอดขอทานที่พยายามมาหาพระเยซูเจ้าไหมผู้คนปฏิบัติต่อคนขอทานตาบอดเหมือนในพระวรสารไหม บางครั้งเราเองก็อาจทำให้คนขอทาน  คนตาบอดท้อใจบ้างไหม ใครคือคนขอทาน ใครคือตาบอดในชีวิตของเรา เราจะช่วยเขาไปหาพระเยซูเจ้าได้อย่างไร พระเจ้าทรงสร้างเรามาให้ทำดี  และนำความสุขมาให้ ข้าแต่พระเจ้า  โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นเครื่องมือแห่งสันติภาพ ที่ใดมีความเกลียดชังให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความรัก ที่ใดมีความเจ็บแค้นให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำการอภัย ที่ใดมีความสงสัย ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความเชื่อเพราะว่าพระเจ้าได้ทรงรักโลก จึงได้ประทานพระบุตรแต่เพียงองค์เดียวของพระองค์เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร ใครเล่าเป็นพระอาจารย์ของเรา เงินทอง ทรัพย์สิน ผู้มั่งคั่ง ใครเล่าเป็นผู้ทรงอำนาจของเราในชีวิต ใครเล่าที่ทำให้เราตาบอด และใครเล่าที่ทำให้เราตาสว่างและเป็นสุขแท้ จงเชื่อผู้นั้นเถิด


คุณพ่อพงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            อย่าลืมว่าตลอดเดือนตุลาคมนี้ เป็นช่วงเวลาพิเศษที่เราคริสตชนจะร่วมใจกันสวดสายประคำเป็นพิเศษ ดังนั้นพ่อจึงอยากย้ำเตือนกับพี่น้องอีกครั้งเพื่อจะไม่ลืมการสวดสายประคำ สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เคยกล่าวกับพี่น้องสัตบุรุษที่มาร่วมสวดลูกประคำกับพระองค์ที่มหาวิหารเซนต์แมรี่เมเจอร์ ที่กรุงโรมว่า "วันนี้ เรามาร่วมใจกันยืนยันว่า การสวดลูกประคำนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงกิจศรัทธาที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแต่โบราณเท่านั้น แต่การสวดลูกประคำเป็นประสบการณ์แห่งความสดชื่นในหัวใจ ที่แม้แต่เยาวชนคนรุ่นใหม่ในยุคนี้สามารถเข้าถึงประสบการณ์ของความศรัทธาที่มีต่อพระเยซู และแม่พระได้ เพราะการสวดภาวนาแบบนี้ช่วยเราให้ยึดมั่นพระเยซูคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิต เหมือนอย่างที่พระนางมารีย์ได้เคยทำเช่นนี้เสมอมา ในยามที่เราสวดลูกประคำ เรายังมีโอกาสได้รำลึกถึงช่วงเวลาสำคัญๆที่มีความหมาย ของประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้นอีกด้วย เรามีโอกาสได้พิจารณาถึงภารกิจที่พระเยซูเจ้าได้ทรงกระทำ เหมือนอย่างที่พระนางมารีย์มีหัวใจที่ยึดมั่นในพระธรรมล้ำลึกของพระเยซูพระบุตรของพระนางนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ พระเยซูคริสต์จึงมาเป็นศูนย์กลางของชีวิตของเรา ของยุคของเรา และของสถานที่ที่เราอาศัยอยู่  โดยอาศัยการรำพึงถึงพระธรรมล้ำลึกศักดิ์สิทธิ์ ในภาคชื่นชมยินดี ภาคแสงสว่าง ภาคมหาทรมาน และ ภาคสิริมงคล
            ขอพระนางมารีย์ช่วยเราให้เปิดใจรับพระพรของพระเจ้าที่จะหลั่งไหลมาสู่เราโดยผ่านทางการรำพึงถึงพระธรรมล้ำลึกของพระเยซู เพื่อว่าเราแต่ละคนจะสามารถเป็นทางผ่านแห่งพระพรเหล่านั้นไปสู่สังคมในวงกว้าง โดยการที่เราจะเริ่มต้นสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีในแต่ละวันกับคนรอบข้าง และพระพรนั้นจะหลั่งไหลไปสู่บุคคลรอบข้างเพื่อชำระเขาเหล่านั้นให้บริสุทธิ์และปกป้องเขาจากความชั่วร้าย  และเป็นจุดเริ่มต้นที่พี่น้องรอบข้างเราจะได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้า การสวดลูกประคำอย่างตั้งใจจะช่วยให้เรามีสันติและพบกับการคืนดี การสวดลูกประคำทำให้เราได้รับพลังสูงสุดแห่งการบำบัดรักษาในพระนามของพระเยซู ที่เราเปล่งพระนามของพระองค์ด้วยความเชื่อและความรัก ในทุกๆบทวันทามารีย์"
            พ่อหวังว่า ตุลาคมนี้คงจะเป็นเดือนที่เราจะสวดสายประคำกันเป็นพิเศษทั่วหน้ากันนะครับ และเพื่อเป็นไปตามโครงการ"คาทอลิกไทย พร้อมเพรียง ไม่สิ้นเสียงสายประคำ" เราจะมีการตั้งกล่องรวบรวมจำนวนสายประคำที่เราสวดได้ตลอดเดือนนี้ เพื่อส่งไปทำสถิติที่ส่วนกลางด้วยครับ ขอเชิญพี่น้องที่สวดสายประคำกรอกชื่อและนามสกุล พร้อมทั้งระบุจำนวนสายประคำที่สวดไปตลอดเดือนว่าสวดไปจำนวนกี่สาย และหย่อนกระดาษบันทึกนั้นลงในกล่องรวบรวมด้วยครับ นอกจากนี้ขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่านมาร่วมแห่แม่พระในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พิธีมิสซาเวลา 17.30 . หลังพิธีแห่พระรูปแม่พระรอบวัดเซนต์หลุยส์ของเราครับ

คพ.สุพจน์
...................................................................................

พี่น้องที่รัก
นางซาโลเม ซึ่งเป็น มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์” (มธ 20:20-23)มัทธิวคงเห็นว่าการทูลขอเช่นนี้จะทำให้ภาพพจน์ของอัครสาวกเสีย อีกทั้งยากอบและยอห์นจะพลอยเสียชื่อเสียงไปด้วย จึงยกให้มารดาเป็นผู้มีความทะเยอทะยานและเป็นผู้ทูลขอตำแหน่งให้แก่บุตรของตนแทนมาระโกน่าจะบันทึกได้ถูกต้องมากกว่ามัทธิว เพราะว่าขณะนั้นบรรดาอัครสาวกไม่ใช่นักบุญ  พวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ๆ เหมือนกับเราและอาศัยมนุษย์ธรรมดาๆ แบบเรานี้เอง ที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกและเลือกให้มาเปลี่ยนโลกใบนี้ ให้เป็นพระอาณาจักรของพระองค์ !เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง จากความทะเยอทะยานความทะเยอทะยานดังกล่าวเกิดจากความรู้สึกว่าเป็น คนใกล้ชิดของพระเยซูเจ้า เพราะมีหลายครั้งที่พระวรสารระบุว่าพระองค์ทรงเรียกเปโตร ยากอบและยอห์น ให้ติดตามพระองค์ใกล้ชิดมากกว่าอัครสาวกท่านอื่น คราวที่พระองค์ทรงตรัสเรียกพวกเขา เขาทั้งสองคนก็ละทิ้งเศเบดีบิดาของตนไว้ในเรือกับลูกจ้าง แล้วตามพระองค์ไปทันที” (มก 1:20)เมื่อคิดว่ามีฐานะร่ำรวยกว่า เลยพลอยทำให้ทั้งสองเกิดความทะเยอทะยานที่จะมีตำแหน่งดีกว่าตามไปด้วย ทั้งสองไม่เข้าใจพระเยซูเจ้าเอาเสียเลย  ขอตำแหน่งต้องถือว่าเลวร้ายมากแล้ว แต่ทั้งคู่ดันไปขอตำแหน่งทันทีที่พระองค์ทรงทำนายถึงพระทรมานและการสิ้นพระชนม์เป็นครั้งที่3แล้ว (มก 10:32-34)
สิ่งที่พระองค์พร่ำสอนมาเป็นเวลานาน มิได้ช่วยให้พวกเขาเข้าใจพระองค์ดีขึ้นแต่ประการใดเลย ต้องรอจนเห็นพระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนแล้วหรือ พวกเขาจึงเข้าใจพระองค์จริงๆ แม้จะมีข้อบกพร่องและหลงผิด แต่ทั้งคู่ยังมั่นคงและเชื่อมั่นว่าพระองค์ผู้ซึ่งขัดแย้งและเป็นศัตรูกับบรรดาผู้นำทางศาสนาของชาวยิวอย่างรุนแรง  ซ้ำร้ายกำลังมุ่งหน้าไปสู่ความตายบนไม้กางเขนอีก ไม่ว่าสถานการณ์ของพระเยซูเจ้าและของบรรดาอัครสาวกจะเลวร้ายลงสักเพียงใด  จิตใจของเขาทั้งสองก็ไม่เคยหวั่นไหวหรือเปลี่ยนแปลง ท่านจะดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่ ถ้วยเป็นคำเปรียบเทียบหมายถึง ชีวิตและประสบการณ์ เพื่อบรรยายถึงชีวิตและประสบการณ์แห่งความสุขที่พระเจ้าทรงโปรดประทานแก่มนุษย์ด้วยการไถ่บาป ประกาศกอิสยาห์กล่าวถึงความหายนะที่กำลังมาเยือนชาวอิสราเอลว่า พวกเขากำลังดื่ม ถ้วยแห่งพระพิโรธของพระเจ้า” (อสย 51:17) ถ้วยจึงหมายถึง ประสบการณ์แห่งความหายนะที่พวกเขากำลังจะได้รับจากพระเจ้า การล้าง”  ตรงกับภาษากรีกbaptizein (บัพติเซน) หมายถึง จุ่ม, จมลง”  โดยทั่วไปใช้ในความหมาย จุ่ม หรือจมลงในประสบการณ์ใดประสบการณ์หนึ่งพวกท่านพร้อมจะทนและฟันฝ่าประสบการณ์อันเลวร้ายที่เราจะต้องประสบหรือไม่  พวกท่านพร้อมจะจมลงในความเกลียดชัง ความเจ็บปวด และความตายเหมือนเราหรือไม่ ไม่มีกางเขน ก็ไม่มีความยิ่งใหญ่ ตลอดทั้งชีวิตของพระองค์คือการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าเท่านั้น มาตรฐานของโลก ผู้เป็นใหญ่วัดกันที่ อำนาจ” แต่มาตรฐานของพระเยซูเจ้าคือ ผู้เป็นใหญ่ให้วัดกันที่ การรับใช้ผู้ที่เป็นใหญ่จริงคือผู้ที่สามารถลดตัวเองไปรับใช้ผู้อื่น ไม่ใช่ลดผู้อื่นให้มารับใช้ตัวเอง คนใหญ่จริงจะไม่ถามว่ามีบริการอะไรบ้าง แต่จะถามว่าตนสามารถช่วยอะไรได้บ้าง และรับใช้ได้ทุกอย่างโดยไม่ปริปาก


คุณพ่อพงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2015

พี่น้องที่เคารพ
            เดือนตุลาคมเป็นเดือนแม่พระลูกประคำ วันนี้พ่อเลยอยากนำเอาเกร็ดประวัติเกี่ยวกับที่มาของการสวดสายประคำมาเล่าสู่กันฟังให้พี่น้องทราบครับ เรื่องมีอยู่ว่า....
            ต้นกำเนิดสายประคำนั้นเกิดจาก นักบุญดอมินิกผู้ก่อตั้งคณะดอมินิกันในปี ค.. 1214 ตามประวัติเล่าว่า แม่พระได้ประทานสายประคำแด่ท่านนักบุญ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการภาวนาอุทิศให้พวกอัลบีเยน และ คนบาปได้กลับใจ โดยที่ท่านนักบุญได้ไปจำศีลภาวนาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อให้คนบาปกลับใจ คนบาปเหล่านี้นอกจากจะต่อต้านพระศาสนจักรอย่างหัวชนฝาแล้ว ยังเป็นอุปสรรคต่อการกลับใจของพวกอัลบีเยนด้วย แม่พระได้ประจักษ์มากับท่านนักบุญพร้อมกับทูตสวรรค์สามองค์ ตรัสว่า “ดอมินิก เธอรู้ไหมว่า พระตรีเอกภาพทรงพระประสงค์ให้ใช้อาวุธชนิดใดเป็นเครื่องมือปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเช่นนี้”  ดอมินิกตอบว่า “โอ้พระแม่มารีอา พระแม่ทราบดีกว่าลูก เพราะว่าต่อจากพระเยซูเจ้า พระแม่เป็นหนทางเดียวแห่งความรอดพ้นของเรา” พระมารดาได้ตรัสต่อไปว่า “ถ้าเธอต้องการที่จะทำให้คนบาปหนาเหล่านั้นกลับใจ จงเทศนาเกี่ยวกับสายประคำ ให้เป็นที่แพร่หลายเถิด” ในเวลาต่อมา นักบุญดอมินิกได้เพียรพยายามเผยแผ่การสวดสายประคำนี้จนกระทั่งได้รับความนิยมแพร่หลาย และในที่สุดพวกเฮเรติกได้กลับใจมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรอีกครั้งหนึ่ง
            สายประคำมีความหมายอย่างไร? ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Rosary มีความหมายถึง “มงกุฎกุหลาบ”  หมายความว่า ถ้าใครที่มีโอกาสได้สวดสายประคำอย่างศรัทธา เท่ากับว่าเขาได้วางดอกกุหลาบขาว 153 ดอก และ ดอกกุหลาบสีแดงอีก 16 ดอก เป็นเครื่องประดับบนพระเศียรของพระเยซูเจ้า และพระนางมารีย์ ดอกไม้นี้เป็นดอกไม้สวรรค์ ที่จะไม่มีวันเหี่ยวแห้ง หรือ สูญสิ้นความงามเลย พระมารดาได้ทรงยืนยันความจริงข้อนี้ด้วยพระนางเอง พระนางได้เผยแสดงกับผู้คนมากมายว่า แต่ละครั้งที่เขาสวดบทวันทามารีย์ เขาก็ได้ถวายดอกกุหลาบสวย ๆ ร้อยเป็นพวงมาลัยที่งดงามให้กับพระนาง บราเดอร์อัลฟองโซแห่งคณะเยสุอิต ได้สวดสายประคำอย่างดี และท่านได้เห็นนิมิตว่ามีดอกกุหลาบสีแดงปรากฏออกมาเวลาที่ท่านสวดบทข้าแต่พระบิดา และมีดอกกุหลาบสีขาวปรากฏออกมาในยามที่ท่านสวดบทวันทามารีย์ ดอกกุหลาบทั้งสองสีมีความงดงามและหอมกรุ่นเท่าเทียมกันต่างกันที่สีของดอกกุหลาบเท่านั้น
            ยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งว่า มีนักบวชผู้หนึ่งชอบสวดสายประคำเสมอ ๆ ก่อนรับประทานอาหารค่ำ อยู่มาวันหนึ่งท่านเกิดลืมที่จะสวดสายประคำเสียสนิท ท่านจึงขออนุญาตใช้เวลาอื่นเพื่อสวดสายประคำชดเชย แต่ท่านได้สวดภาวนาเป็นเวลานาน ผู้ใหญ่จึงส่งให้คนมาตาม เพื่อนนักบวชที่ไปตามท่านก็พบว่าในห้องของท่านนั้นเจิดจ้าไปด้วยแสงสว่างแห่งสวรรค์จากรูปแม่พระ มีเทวทูตสององค์บรรจงเก็บดอกกุหลาบสวย ๆ ที่หล่นออกมาจากปากของท่านดอกแล้วดอกเล่า และนำดอกกุหลาบนั้นไปประดับบนพระเศียรของพระมารดา ซึ่งพระมารดาก็ได้ทรงพระสรวลด้วยความพอพระทัย  ผู้ใหญ่เห็นว่าคนที่ถูกส่งไปตามนั้นหายไปเป็นเวลานาน ก็ส่งอีกคนหนึ่งมาตาม คนที่มาภายหลังก็ได้เห็นเช่นเดียวกันจนกระทั่งการสวดสายประคำสิ้นสุดลง
            ดังนั้นสายประคำคือ พวงมาลาแห่งดอกกุหลาบที่เรามอบถวายแด่พระเยซูเจ้าและพระมารดา ดอกกุหลาบเป็นราชินีแห่งดอกไม้ทั้งหลายฉันใด การสวดสายประคำก็เป็นกิจศรัทธาที่สำคัญของคริสตชนคาทอลิกที่จะมอบถวายเกียรติอย่างสูงส่งแด่พระเยซูเจ้าและพระนางมารีย์ฉันนั้น
คพ.สุพจน์
.............................................................................................................

พี่น้องที่รัก
ความมั่งคั่งทางโลกและ อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า นักปฏิบัติที่ไม่สุรุ่ยสุร่ายและทำงานหนักเพื่อจัดหาความสะดวกสบายทางวัตถุให้กับครอบครัวแต่พอเพียง จะไม่ให้จิตใจของเขาหมกมุ่นกับเรื่องทางโลก บ่อยครั้งที่เรามักจะให้ความรัก ความเอาใจใส่มากเกินไปกับสิ่งที่เน่าเปื่อยและไม่สลักสำคัญอะไร ความโง่เขลาที่สุดในใจของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง คนที่ยิ่งใหญ่ และผู้ที่น่าจะเป็นคนฉลาด คน ดีและมีเกียรติ เมื่อเห็นพวกเขาเกลือกกลั้วในความตายช้าเพื่อให้ได้มาซึ่งความร่ำรวย ความอยาก ความกระหาย ความปรารถนา และการแข่งขันเพื่อให้ได้ทรัพย์สิ่งของในชีวิตนี้ น่าจะคิดว่า ความโง่เขลาที่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งของในชีวิตนี้!ชายหรือหญิงที่ให้ความมั่งคั่งของโลกนี้ และสิ่งของในชีวิตนี้มีความสำคัญกว่าเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าและปัญญาแห่งนิรันดร ไม่มีตาที่จะมองเห็น ไม่มีหูที่จะได้ยิน และไม่มีใจที่จะเข้าใจในเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าหรอก
มองดูโลกของมนุษยชาติและเห็นพวกเขากอบโกย ช่วงชิง แข่งขัน ทุกคนแสวงหา เพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งให้กับตัวเอง และบรรลุถึงจุดมุ่งหมายของตัวเอง โดยไม่สนใจชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่ เดินคอแข็งไม่สนใจเพื่อนบ้าน ทุกคนกำลังแสวงหา วางแผน คิดค้นและกระสับกระส่ายในยามนอน หากนอนหลับก็จะฝันว่า ฉันจะเอาเปรียบเพื่อนบ้านได้อย่างไร”? ฉันจะแย่งชิงความมั่งคั่งมาจากเขาได้อย่างไร ฉันจะไต่เต้าขึ้นไปสู่การมีชื่อเสียงได้อย่างไร นี่คือแนวความคิดที่ผิดอย่างสิ้นเชิง ผู้ที่แสวงหาเกียรติและรัศมีของตัวเองโดยทำให้เพื่อนมนุษย์ต้องหมดคุณค่าในการอยู่ร่วมกันในสังคมกับผู้มีปัญญา เป็นความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด อูฐจะรอดรูเข็มยังง่ายกว่าใจของเขา ก็เพราะใจที่หมกมุ่น ห้อมล้อมด้วยข้าทาส บริวาร สมุน และข้าวของทรัพย์สินมากมายเสียจนไม่มีหัวใจเหลือไว้ เขาจึงมีแต่ความทุกข์  เราเป็นคนในพวกนี้ด้วยหรือเปล่า ชีวิตที่แห้งแล้ง ในใจที่โหยหาและแสวงหาความดีบริบูรณ์ เหมือนหนุ่มคนนี้ มาพบพระเยซูเจ้าแล้ว แต่ยังยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ชีวิตนิรันดรเพราะละทิ้งไม่ได้ ตัดใจไม่ได้ ยังยึดหลงกับสิ่งที่เป็นของโลก โดยที่มิได้ใช้มันแค่เป็นอุปกรณ์ไปสวรรค์ กลับไปยึดว่าตัวมันเป็นสวรรค์เสียเอง ก็ช่างน่าสมเพช และน่าสงสาร
การเป็นเจ้าของความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียวทำให้เกิดความสุขไม่ได้ มันอาจจะให้ความ สะดวกสบาย ในยามที่เราเปลี่ยนมันเป็นสิ่งจำเป็นและความฟุ่มเฟือยในชีวิต เมื่อความมั่งคั่งเกิดจากการคดโกง หรือเป็นไปในลักษณะที่ไม่ยุติธรรมและไร้เกียรติ ความกลัวการตรวจสอบและการลงโทษก็จะช่วงชิงความสุขจากผู้ครอบครองความสุขของมนุษย์ทุกคน แม้ความมั่งคั่งจะได้มาอย่างมีเกียรติ การเป็นเจ้าของมันก็ยังก่อให้เกิดสำนึกอันขมขื่น ว่าในไม่ช้าความตายจะมาปลดเปลื้องมันไปจากเขา และคนอื่นจะเข้ามาครอบครองมัน พวกเขามีความหวังอะไรหรือในอนาคต หลังจากที่ผ่านโลกแห่งความเศร้าโศกนี้ไปแล้ว? พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอนาคต พวกเขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความตายและนรก ความสุขแบบสมบูรณ์และความปีติยินดีที่บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก พวกเขากำลังพรากจากพระเป็นเจ้าแท้ แก่นแท้ของชีวิตจริง และความบริบรูณ์ของความดี


คุณพ่อพงษ์เกษม