วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม 2017

พี่น้องที่รัก
            27 วัน ไม่ถึงเดือนแล้ว
            งานยังไม่เสร็จ แต่ก็ขอขอบคุณได้ พ่อเห็นน้ำพักน้ำแรงของสภาภิบาลวัดหลายท่านที่เอาจริงเอาจังกับงาน 60 ปีของวัด โดยเฉพาะงานเดินการกุศลวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคมนี้ที่สวนลุมพินียังชักชวนลูกหลานญาติพี่น้องมาช่วยกัน และยังผสมผสานกับพี่น้องที่มาวัดก็ช่วยกัน น่ารักดี งานการที่ทำยังมีผู้อยู่เบื้องหลังอีกมากมายมีผู้สนับสนุนรายจ่ายหรือสปอนเซอร์หลายบริษัทยินดีสนับสนุนเต็มที่ ก็ทำให้เรื่องภาระหนัก กลายเป็นแอกที่อ่อนนุ่มไป หวังในพระเมตตาของพระ
            ส่วนการเตรียมจิตใจฉลองวัด อาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม ถึงแม้ว่ารูปแบบการฉลองเหมือนทุกปี แต่จุดประสงค์ก็พิเศษมากหน่อยคือ 60 ปีของตัววัด ที่ยังคงสวยงาม และยังใหม่อยู่เสมอๆ การเตรียมจิตใจ 9 วัน เอาแบบก้าวต่อไปด้วยมิสซาทุกเย็นเวลา 17.30 น. ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคมเป็นต้นไป จนถึงวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคมก่อนวันฉลอง พ่อขอเชิญชวนพี่น้องพาครอบครัวมาร่วมกันเตรียมจิตใจ น่าจะเป็นเวลาที่ดี ให้ทุกเย็นเรามาขอบพระคุณพระเจ้าด้วยกัน
            อาทิตย์นี้ ช่วงสายๆ 8.00-12.00 น.พ่อต้องไปประกอบพิธีแต่งงานที่วัดนักบุญมาร์โก จ.ปทุมธานี เป็นวัดที่เคยเป็นเจ้าวัดที่นั่น 7 ปี จึงขอประชาสัมพันธ์แบบตัวหนังสือแทนตัวจริงเสียงจริง แต่ทั้งหมดอยู่ในการประชาสัมพันธ์ที่ลงในสารวัดฉบับนี้ และที่เคยประชาสัมพันธ์อาทิตย์ก่อนๆ ด้วย รบกวนพี่น้องหยิบสารวัดไปติดประกาศที่ฝาบ้านด้วยนะ
            ในเดือนหน้า บริเวณรอบวัดต้องมีการเร่งรัด และจัดการงานที่ยังไม่เรียบร้อยให้แล้วเสร็จ เพื่อให้เวลากับการเตรียมฉลองวัดอย่างสะอาดตาและสะอาดใจ ขอคำภาวนาและความร่วมมือจากทุกท่านด้วย


พ่อเจ้าวัด
........................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
                แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้ในทุ่งนา เมื่อมีผู้ได้พบแล้วก็กลับซ่อนเสียอีก และเพราะความยินดีจึงไปขายสรรพสิ่งซึ่งเขามีอยู่แล้วไปซื้อที่นานั้นจุดประสงค์ก็เพื่อสร้างและชี้ให้ประชากรของพระเจ้าเห็นและให้ถือว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้ เพื่อเร่งและหนุนใจให้สมาชิกทุกคน อุทิศตัวเพื่อแผ่นดินของพระเจ้าคงไม่มีใครปฏิเสธว่า ไม่อยากได้ ไม่อยากมี และ มีคนจำนวนมากพยายามตลอดชีวิตเพื่อจะได้ในสิ่งที่เรียกว่า สมบัติ ทรัพย์สมบัติในโลกนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่น่าปรารถนาเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนธรรมดาทั่วไป แต่ในทัศนของคริสตชนนั้น ทรัพย์สมบัติในโลกนี้เป็นอย่างไร และ เราควรจะทำอย่างไรกับการหาสมบัติทรัพย์สมบัติ คืออะไร คือสิ่งที่มนุษย์ถือว่ามีค่า มีราคา เงิน ทอง ของเก่า วัตถุโบราณ เพชร เครื่องประดับของกษัตริย์ ตำราต่างๆ พระคัมภีร์ อะไรๆ ที่หายากและมีน้อยประโยชน์ของมันคืออะไร เป็นแหล่งแห่งทรัพย์นำมาซึ่งความสุขสบาย สุขใจ คือ เกียรติศักดิ์ศรี ฐานะ ความมั่นคงปลอดภัยทางเศรษฐกิจ พระเยซูทรงให้สาวกออกไปประกาศการกลับมาถึงของแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าแล้ว แผ่นดินสวรรค์ คือ พระเยซูคริสต์ได้มาแล้ว เพราะพระองค์ตรัสว่า เราคือทางนั้น (ทางแห่งความรอด) เป็นความจริง  และเป็นชีวิต ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดมาถึงพระเจ้าได้ยกเว้นมาทางเราสมบัติที่ซ่อนอยู่ หมายถึงอะไร มีนักโบราณคดี ไปขุดค้นสมบัติในสุสานของฟาโรห์ เขาขุดไปลึกมาก จนเงินหมดไปมากมาย แต่ผลสุดท้ายเขาได้พบกับสมบัติ คนที่พบสมบัติย่อมยินดีปรีดามากแต่สมบัติที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ หมายถึง แผ่นดินของพระเจ้า หรือความรอด ที่พระเจ้าประทานทางพระเยซูคริสต์ เป็นสิ่งที่มาแล้ว โดยพระเยซูคริสต์ แต่ถูกปิดบังไว้จากโลก เพราะมนุษย์ไม่สามารถค้นหาพระเจ้าโดย ความรู้ สติปัญญาอันจำกัดของมนุษย์เอง หรือโดยการใช้วิธีการต่างๆของมนุษย์ เช่น การภาวนา การทำบุญทำทาน การเข้าจำศีลพลีกรรม  การปลีกวิเวก มัธยัสถ์ หรือแม้กระทั้งทำความดีต่างๆ นานา
            สมบัตินี้ถูกซ่อนไว้จากคนที่ฉลาดที่สุด คนที่รอบรู้ นักปราชญ์ ร่องรอยของสมบัตินี้ถูกซ่อนไว้ในจิตใจส่วนลึกที่สุดของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนอยากได้สิ่งนี้ พระเจ้าได้ทรงซ่อนเรื่องการรับรู้ถึงแผ่นดินของพระเจ้า (แผ่นดินสวรรค์) และความกระหายหาพระเจ้าไว้ในจิตใจของมนุษย์ทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ทำไมมันถึงต้องซ่อนสมบัติ - ตลอดทั่วยุคสมัยของมนุษย์มีการศึกสงคราม การสู้รบระหว่างเผ่า เมือง และการจลาจล คนร่ำรวย เมื่อจะหนี หากเอาสมบัติไปด้วย คงลำบาก ถูกปล้น ฆ่า ลัก จึงต้องฝังไว้ ความกลัว แผ่นดินอิสราเอล ถูกปกครองโดยอาณาจักรต่างๆ คือ อัสซีเรีย บาบิโลน เปอร์เซีย กรีก โรมัน คนอิสราเอลทุกชั่วอายุ คุ้นเคยกับการฝังสมบัติไว้ในที่ที่คิดว่าคนคิดไม่ถึง เผื่อมีชีวิตรอดกลับมาจะได้มาขุดเอา แต่หลายครั้งเขาไม่สามารถกลับมาขุดได้เนื่องจาก ความตาย และการพลัดพราก ทรัพย์สมบัตินี้ หมายถึง ความรอดของพระเจ้าสำหรับคนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ ที่พระเจ้าทรงซ่อนไว้ในที่ต่างๆ ในโลก พระเยซูได้มาตามหาทรัพย์ของพระองค์ มนุษย์ตกอยู่ในความบาป กระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ ตั้งแต่สมัยหอบาเบล พระเยซูคริสต์ทรงเสียสละทุกสิ่งที่พระองค์มี จนถึงความตายเพื่อจะได้ไถ่คืนผู้ที่พระองค์ทรงเลือกไว้ เขาขายทุกสิ่งที่มีอยู่เพื่อไปซื้อนานั้น หมายความว่าอย่างไรเมื่อคนนี้ได้ค้นพบและทราบว่าสิ่งที่เขาพบเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เขาจึงยอมที่จะขายทุกอย่างที่เขามีอยู่ เพื่อจะได้ครอบครองสมบัติที่ซ่อนอยู่นั้น ความรอดนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลก คือ ความรอดในพระเยซูคริสต์ คนที่รู้จักพระเยซูคริสต์จะยอมทนทุกข์ทรมาน การถูกข่มเหงนานับประการ เพื่อจะรักษาความรอดที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์ หลายคนยอมเสียสละ ครอบครัว คนรัก ความสุขสบาย ทรัพย์สมบัติ เสรีภาพถูกคุมขัง แม้กระทั่งยอมถูกฆ่าตายเพื่อจะรักษาความเชื่อในพระเยซูไว้จนลมหายใจสุดท้าย ท่านเสียสละอะไรบ้างในการที่จะไปรับเอาทรัพย์สมบัติอันมั่นคงถาวร ที่โลกไม่สามารถให้ท่านได้ นั่นคือ ชีวิตนิรันดร์ ที่พระเยซูคริสต์มอบให้กับทุกคนที่เชื่อในพระองค์ ด้วยความสัตย์ซื่อและจริงใจต่อพระองค์ ท่านได้ขายบางอย่างในชีวิตของท่าน เพื่อท่านจะเป็นผู้คู่ควรกับการเป็นลูกของพระเจ้าหรือไม่
คพ.พงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฏาคม 2017

พี่น้องที่รัก
                การประชุมถือเป็นเรื่องสำคัญ
                เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีการประชุมสภาภิบาลของวัด และวาระสำคัญคือการเตรียมฉลองวัด ทั้งอาทิตย์เดินการกุศล ในวันที่ 20 สิงหาคม ที่สวนลุมพินี (06.00-08.00 น.)และการฉลองวัดในวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม มิสซาเวลา 10.00 น. ทั้งสองวันอาทิตย์ มีพระคาร์ดินัลฟรังซิส เกรียงศักดิ์ เป็นประธาน ซึ่งรูปแบบการฉลองวัดเหมือนทุกปีที่ผ่านมา มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงบ้าง
                การเดินการกุศลถือเป็นการรวมพลังประกาศข่าวดีด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน คนอื่นเขารู้ว่าเราเป็นคริสตังคือพวกเรารักกัน ช่วยเหลือกัน และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่กันและกัน เพียง 1.8 กม. ไม่ถึง 11 กม. เราก็สามารถช่วยพระเยซูประกาศข่าวดีได้เช่นกัน ดังนั้น ใครซื้อบัตรเดิน ก็น่าไปรวมตัวเดินด้วยกันนะ 555
                การฉลองวัดในปีนี้เป็นปีที่ 60 มีบรรดาผู้อาวุโสหลายท่านยังคงเป็น family tree ที่มีลูกหลานแตกกิ่งก้านร่มไม้ชายคาให้ความร่มรื่นชื่นหัวใจเบิกบานหลายครอบครัวด้วยกัน สังเกตเวลามาวัดบรรดาลูกหลานพาปู่ย่าตายายมาวัดร่วมมิสซาในแต่ละรอบ เป็นภาพที่น่าดูและขอชื่นชม ดังนั้นในวันฉลองวัด หากไม่เหนื่อยเกินไปขอเชิญพามาขอบพระคุณพระเจ้าด้วยกันเป็นพิเศษ และจะเป็นสิ่งที่ดีหากมาวัดในช่วง 9 วันก่อนการฉลองวัด นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคมเป็นต้นไปจนถึงวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม มิสซาเวลา 17.30 น.เป็นการขอบพระคุณพระเจ้า 9 วันก่อนการฉลอง วันสุดท้ายจะเป็นวันฉลองภายในและมีอัญเชิญรูปนักบุญหลุยส์ในบุษบกใหม่แห่รอบวัด...เพื่อขอพรจากท่านนักบุญอุปถัมภ์ค้ำชู...กลุ่มคริสตชนของวัดให้เข้มแข็งและเจริญก้าวหน้าต่อๆไป
                ขอท่านนักบุญหลุยส์คุ้มครองบรรดาผู้สูงอายุให้เป็นขวัญและกำลังใจลูกหลาน และขอให้แต่ละครอบครัวร่ำรวยด้วยพระพรแห่งความสุขใจ ตลอดจนลูกเด็กเล็กแดงให้เป็นเหมือนกุมารน้อยที่ว่านอนสอนง่ายด้วยเทอญ
                บัดนี้สมควรนับถอยหลังได้แล้ว .... 34 วัน....

พ่อเจ้าวัด
.................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
                แผ่นดินโลก มีทั้งข้าวสาลีพันธุ์ดีและข้าวละมาน เติบโตไปด้วยกัน บุตรแห่งมนุษย์หว่านเมล็ดพันธุ์ดี และปีศาจก็หว่านข้าวละมานได้ด้วย อุปมานี้โลกของเรามีทั้งคนดีและคนไม่ดี เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับจริงๆ แต่เราไม่ได้มีชีวิตเพียงโลกนี้แต่มีโลกหน้าด้วย เรายังมีชีวิตและอนาคตที่จะก้าวต่อไปอีก และยังมีข้าวละมานอีกต่อไปในโลก ข้าวละมานก็เติบโตโดยถูกหว่านเหวี่ยงไปทั่วเช่นเดียวกันตามหย่อมหญ้า ทุกมุมของโลก  สิ่งหลายอย่างที่เป็นผลจากข้าวละมานที่ศัตรูได้หว่านไว้ จอมวายร้าย มันซ่อนตัวในดิน ขุดเท่าไรก็ยากที่จะชนะ และมันกินลึก แย่งอาหารกันถึงราก ต้น ข้าวดีๆ ต้นไม้ดีๆ โตยาก เพราะข้าวละมาน” (มารจริงๆ) สังคมของเราระบบเครือข่าย สังคม การเมืองเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ศิลปะ ศาสนา เพราะเครือข่ายของกระแสโลก กระแสข้าวละมานจากมารร้ายมันก็เหนียวแน่นเครือข่ายคอรัปชั่น โกงกิน กินราก กินต้น กินใบ กินใต้โต๊ะ กินในเซฟเฮาส์ กินในองค์กร กินในพรรคเครือข่ายยากเสพติด อบายมุข  เกาะกินกันจนชาติบ้านเมืองต้องแห้วไปตามๆกัน ขุดเท่าไรก็ไม่หมด ขุดไปเจอตอชนตอแล้วจบ หยุดเงียบ เจอหัวตอเข้ากำจัดยาก ต้องปล่อยให้มันโตไปด้วยกัน แล้วจัดการเช็คบิลไปทีเดียวเลย
                พระเยซูเจ้าตรัสว่าผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ดีคือบุตรแห่งมนุษย์ ทุ่งนาคือโลก เมล็ดพันธุ์ดีคือพลเมืองแห่งพระอาณาจักร ข้าวละมานคือพลเมืองของมารร้าย ศัตรูที่หว่านคือปีศาจ ฤดูเก็บเกี่ยวคือเวลาอวสานแห่งโลก ผู้เก็บเกี่ยวคือทูตสวรรค์พระเยซูเจ้าทรงทราบดีว่า โลกที่พระเจ้าสร้างมีมารร้าย ถ้าเราได้ตระหนัก และรวบรวมพลังความคิด จิตใจทุ่มเท ทำให้เมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีพันธุ์ดีที่พระเจ้าได้หว่านไว้ในชีวิตเราทุกคน ได้บังเกิดผล ด้วยความเพียรทน ยืนหยัด อดทน และกล้าหาญทั้งนี้เพื่อจะทำให้แผ่นดินโลก สังคม ได้มีโอกาส มีอนาคต และมีการรอคอยการเก็บเกี่ยวสิ่งดี สวยงาม งดงาม เปี่ยมไปด้วยความสุขในชีวิตของเราคริสตชน ชุมชนวัดและพระศาสนจักรของเราโลกไม่ได้มีแต่มารร้าย โลกเรามีพระเจ้าและมีเราคริสตชนและคนดีอีกมากที่จะต้องสร้างเครือข่ายเข็มแข็งเช่นกัน ในความรักความ เมตตา ความดี ความเชื่อ การให้อภัย และช่วยกันขจัดมารร้ายให้สิ้นซาก  ความแตกต่างระหว่างคนที่เป็นคริสตชน และไม่เป็นคริสตชนนั้น มันมีอยู่ไม่ใช่น้อยเลยเราต่างทราบว่า จากความบาปที่เราทำ จากคนที่จะต้องถูกพิพากษาให้ลงไปในสู่ก้นบึงไฟนรก เราทุก ๆ คนกลับได้รับพระเมตตาที่เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ ทรงเลือกและเรียกไว้ ทรงชำระความบาปให้กับเราทั้งหลายด้วยพระโลหิตประเสริฐของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ และทรงให้เราทั้งหลายเข้าสู่พันธสัญญาใหม่ตามพระประสงค์ของพระองค์ เพื่องานพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ซึ่งครอบคลุมไปถึงชีวิตของมนุษย์ทุก ๆ คน ทุก ๆ ชนชาติในโลกนี้ เป็นงานใหญ่ที่ต้องการคนงานที่มีความรับผิดชอบสูง และอีกด้านหนึ่งก็เป็นสงครามฝ่ายวิญญาณที่ต้องการพลชำนาญศึกที่มีระเบียบมีวินัย มีความพร้อมในการสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดอยู่ตลอดเวลา หากเราไม่เชื่อฟัง ไม่ปฏิบัติตามในสิ่งที่พระเจ้าตรัสสั่งไว้ เราเองก็จะกลายเป็นแพะ และเป็นข้าวละมาน ซึ่งจะถูกแยกออกในวันสุดท้าย ข้าวละมานกับต้นข้าวสาลีคล้ายคลึงกันมาก แต่จะสังเกตได้จากผลครับ ดูจากเมล็ดที่รวงข้าว "เราจะรู้จักต้นด้วยผลของมัน" ขอพระเจ้าเสริมกำลังต้นข้าวสาลีทุกๆต้น ให้เข้มแข็งในความดีของพระเถิด


คพ.พงษ์เกษม

วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2017

พี่น้องที่รัก
                พ่อเริ่มคุ้นชินแล้วครับ
พ่อชอบเขียนสารวัดตั้งแต่เมื่อมีสารวัดฉบับแรก ๆ ของแต่ละวัดแล้ว สมัยก่อนๆโน้นเมื่อ 40 ปีที่แล้วพ่อเป็นนักเรียน พอถนัดเรื่องการวาดรูปบ้าง ครูผู้รับผิดชอบได้ขอให้ช่วยวาดรูปสารวัดลงในกระดาษไขเพื่อทำโรเนียว เวลานั้นต้องใช้ปากกาเหล็กแหลมเขียนลงในกระดาษไขผิดแล้วลบยาก ต้องประณีต น้ำยาลบคล้ายๆกับยาทาเล็บผู้หญิง สีชมพูกลิ่นหอมๆหน่อย นับตั้งแต่นั้นมาจนมาถึงใช้ปากการ็อตติ้งออกแบบก็เริ่มง่ายขึ้น ประกอบกับมีสติกเกอร์ตัวหนังสือ และสุดท้ายปัจจุบันนี้แหละก็ทำลงในคอมพิวเตอร์ สบายมาก ผิดทำใหม่ จึงทำให้ง่าย ใช้เวลาแป๊บเดียวก็เสร็จ แต่ถ้าวันไหนอารมณ์บ่อจอย ก็ฝืดหน่อย
เขียนก่อนขึ้นแท่นก็เพื่อย่อย ๆ พระวาจาประจำสัปดาห์ออกมาเป็นกรอบความคิดเพื่อใช้เป็นแนวเทศน์ในมิสซา และพี่น้องที่รักก็เพื่อบอกเล่าเก้าสิบในฐานะเจ้าวัดสนทนากับพี่น้องที่รัก (ชูวับชูวับ)
            อารัมภบทเพื่อเข้าเรื่องที่ต้องพูดแบบอ้อน ๆ อ่อนหวานหน่อยไม่รู้ว่าน่าสงสารหรือน่าส่งสารบอกว่า “อย่าทำ” เรื่องการฉลองวัดทั้งสองแบบคือเดินการกุศลในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม เวลา 06.00 น. ถึง 08.00 น.พระคาร์ดินัล ฟรังซิส เกรียงศักดิ์ มาเป็นประธานและเดินด้วย เราสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์คงไม่ปล่อยให้พระคุณเจ้าเดินลำพังรำพึง 60 ปีแห่งความหลังคนเดียวนะ มีสัตบุรุษบางท่านบอกว่าไปเดินและไม่ต้องไปวัดหรือ มาวัดได้ครับในรอบ 10.00 น. ต่อเลยถ้าไหว ถ้าไม่ไหวก็เที่ยงหรือไปตอนเย็น 17.30 น. ส่วนใครไม่ได้ไปเดินมิสซารอบ 06.00 น.และ 08.00 น.มีตามปกติ 
                สำหรับวันฉลองวัดอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม มิสซาเวลา 10.00 น. พระคาร์ดินัล ฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ มาเป็นประธาน ร่วมกับบรรดาพระสงฆ์ราว 20 คน เราทุกคนเป็นทั้งเจ้าภาพและแขกเหรื่อผู้ถูกรับเชิญให้มาร่วมในงาน 60 ปีแห่งความหลังครั้งนี้ ด้วย 60 ปีมีครั้งเดียวไม่มีอีกแล้ว จะมีก็เฉพาะ 75 ปี และ 100 ปี ใครจะมองการณ์ไกลไปถึงเวลานั้นก็เชิญ
                ขอออกตัวเลย เชิญร่วมกันซื้อบัตรเดินการกุศล และร่วมทำบุญฉลองวัด (ใช้ซองขอมิสซาระบุว่าร่วมทำบุญฉลองวัด 60 ปี) มากน้อยไม่สำคัญ ขอให้ใส่เต็มความสามารถ ที่โต๊ะหน้าวัดและทางประตูมุกซ้ายขวา...
พ่อเจ้าวัด
.............................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
            เราจะนำใจหินออกจากใจเนื้อของเจ้า และให้ใจเนื้อแก่เจ้า (อสค.36:26) แผนการของพระเจ้าสำหรับเราคือ ให้มีใจรัก มิใช่ใจหิน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันที่แสนงดงาม ขอพระองค์ทรงเปิดตา เปิดหูของลูก ให้เห็น และได้ยินแต่สิ่งดี ที่มาจากพระองค์  ในยามทุกข์ยากจงอธิษฐาน ในยามสุขสบายก็จงอธิษฐานภาวนา พระเยซูเจ้าสอนให้ศิษย์ของพระองค์ตระหนักชัดว่าถ้าปรารถนาจะรับรู้ ความจริงไม่เพียงแค่ เปิดตาหู เพื่อรู้ความแต่จำเป็นต้อง เปิดใจแล้วไปให้ถึง ความจริงแท้ การพบปะของพระเจ้า กับ โมเสสเพื่อให้ประชากรได้มีโอกาสเห็น ฟัง มีประสบการณ์กับพระเจ้าตามความจริง เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อฟัง สิ่งที่โมเสสสอนในนามของพระเจ้า แล้วนำไปปฏิบัติตาม ศิษย์แท้อุทิศชีวิต เพื่อปฏิรูปพระศาสนจักรตามความจริง ในเรื่องศีลธรรม การประกาศข่าวดี และได้เป็นตัวอย่างในการอบรมบุตรของตนอย่างดี จนเกิดมีสมาชิกในครอบครัวได้รับการเลือกสรรให้เป็นนักบุญต่อๆ กันไป พระเยซูเจ้าตรัสว่า เราเป็น หนทาง ความจริง และชีวิต (ยน.14:6) สำหรับคนดื้อด้าน เพื่อไม่ต้องมองด้วยตา ไม่ต้องฟังด้วยหูจะได้ไม่เข้าใจจะได้ไม่ต้องกลับใจ เราจะได้ไม่ต้องรักษาเขา” (มธ 13:10-17 ) มีสักกี่ครั้งที่เราเห็น และผ่านไปโดยไม่คิดอะไร มีอีกสักกี่ครั้งที่เราได้ยินแล้วเราก็ไม่คิดอะไร มีสักกี่ครั้งที่มีเหตุการณ์หลายอย่าง น่าคิด น่าไตร่ตรอง เกิดขึ้น แล้วเราก็ไม่คิดอะไร ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่คิด จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบและอาณาจักรของพระเจ้า ความรักและสันติสุข จะบังเกิดขึ้นได้หรือไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็นเพราะไม่อยากรับผิดชอบ ไม่ต้องฟังพระวาจาของพระเจ้า ไม่ต้องศึกษาความจริงเกี่ยวกับศีลธรรม ไม่ต้องมองและวิเคราะห์สังคมมากนัก จะได้ไม่ต้องรู้สำนึกถึงความรักผิดชอบต่อพี่น้อง ต่อสังคมของเรา นี่คงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ในการหล่อหลอมมโนธรรมของเรา นี่คงไม่ใช่จิตวิญญาณของผู้ที่เป็นคริสตชนแท้จริง ลูกของพระเจ้าที่ได้รับแรงผลักดันจากความรักและความอ่อนโยนต้องแสดงออกสุดชีวิตของตนเอง
                คำสำคัญที่อยากนำให้เราไตร่ตรองในโอกาสนี้คือ พระอาณาจักรพระเจ้าอาณาจักรแห่งความรักและสันติสุข พระวาจาวันนี้ ไม่ได้หมายถึงอะไรอื่น นอกจากการเปิดหัวใจของเราให้พระเจ้าเข้ามาครอบครอง อาณาจักรของพระเจ้า คืออาณาจักรแห่งความรักและสันติสุขครับ พระเจ้าทรงเรียกเราคริสตชนเป็นพิเศษนั่นเอง ให้เราฟังพระองค์ ให้เราเปิดหัวใจของเราออก เพื่อพระองค์จะสามารถเข้ามาปกครองหัวใจของเรา เหมือนพระเจ้าทรงเสด็จมาหาอิสราเอล พวกเขาจะได้ฟังพระองค์ และเชื่อ ฟังและเชื่อครับ” (เทียบ อพย. 19:1-2,9-11,16-20) มีสำนึกว่า เราต้องมีส่วนอย่างไรในการปกครองของพระเจ้าโลกเราวันนี้เราเห็นอะไรบ้าง เราได้ยินอะไรบ้างเรามีท่าทีอย่างไรต่อสิ่งที่เราเห็น ต่อสิ่งที่เราได้ยิน หรือเมื่อเห็น เมื่อได้ยินแล้ว เราไม่อยากรับรู้ เพราะที่สุดแล้ว ธรรมชาติของเราคริสตชน คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะตอบสนองโลกและสังคม แบบลูกของพระเจ้า เราต้องมีส่วนไม่มากก็น้อย เท่าที่สามารถ ในความรับผิดชอบต่อโลกและสังคม รับผิดชอบต่อความยากจนของพี่น้องของเรา รับผิดชอบต่อความยากลำบากต่อพี่น้องของเรา รับผิดชอบต่อความทุกข์โศกของพี่น้องของเรา คำว่า ไม่ใช่หน้าที่ย่อมไม่ใช่สำนึกของลูกของพระแน่นะครับ เราต้องมีใจแข็งกระด้าง โลกเราวันนี้คืออุปมาที่พระเยซูเจ้าทรงเล่า ลูกพระต้องไวต่อสิ่งที่ได้เห็น ไวต่อสิ่งที่ได้ยิน และอยู่นิ่งๆ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้เด็ดขาด แต่เราต้องมีส่วนช่วยเหลือ และทำอะไรสักอย่าง เพราะประโยคที่เจ็บมากในวันนี้คือ จะได้ไม่เข้าใจจะได้ไม่ต้องกลับใจ เราจะได้ไม่ต้องรักษาเขาจะได้ไม่ต้องเข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจก็ไม่ต้องรับรู้อะไร เมื่อไม่รับรู้อะไร ก็ไม่ต้องทำอะไร และเมื่อไม่ทำอะไร นั่นคือ การไม่กลับใจและความเลวร้ายที่สุดอยู่ที่ว่า เมื่อเราไม่กลับใจ เราก็ไม่ได้รับการรักษา เมื่อเราไม่กลับใจ ไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เราก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นเลย ความรอดพ้น ความรักและสันติสุข อาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเราได้อย่างไร


คพ.พงษ์เกษม

วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฏาคม 2017

พี่น้องที่รัก
            นับแต่วันนี้...พ่อคงพูดเรื่องการฉลองวัด และขอพูดบ่อยๆเพื่อเตรียมตัวและเตรียมใจ เพราะงานฉลองวัด 60 ปี ถือเป็นแซยิดใหญ่เหมือนกัน ถ้าเป็นคนก็เริ่มเข้าสู่วัยผู้สูงอายุต้องพร้อมอยู่เสมอๆอะไรที่คว้าได้ก็ต้องรีบคว้าไว้ก่อน เดี๋ยวจะสายเกินแก่(ไม่ต้องเคืองนะ)แก้
            เรื่องแรกสภาภิบาลวัดออกตัวหลายครั้ง ขอให้พ่ออัดเครื่องหนักๆหน่อย โดยเฉพาะเดินการกุศล บัตรยังไม่ถึงเป้าหมาย ผู้สนับสนุนยังน้อยไป เรื่องอย่างนี้ไม่ช่วยกันและจะไปช่วยใคร ขออีกนิดเพื่อทำให้เส้นทางเดินการกุศลราบรื่นและเรียบร้อย พาครอบครัวไปออกกำลังกายรวมพลังวัดเซนต์หลุยส์  พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์มาเดินด้วยในวันที่ 20 สิงหาคม ณ สวนลุมฯ ผู้คนน้อยเดี๋ยวหลอนวังเวง พ่อขอส่งเสียงตามสารวัดนี้แหละ วันนี้น่าจะสัก 200 คน มิสซา 6 รอบ ๆ ละ ประมาณ 40 คนเสาร์อาจน้อยหน่อย เช้าอาทิตย์อาจได้บ้าง รอบสาย ๆ วันอาทิตย์น่าจะเดินพาเหรดได้ ส่วนรอบเที่ยงคือความหวังของเรา รอบเย็นวันอาทิตย์เกรงใจเหลือเกิน สรุปแล้วพูดอ้อนถึงขนาดนี้ สงสัย??? คงไม่รักกันจริง
            เรื่องที่สองคือฉลองวัด 27 สิงหาคม มิสซาเวลา 10.00 น.พระคาร์ดินัลเกรียงศักดิ์มาเป็นประธานในมิสซา งานฉลองเหมือนกันทุกปี แต่ก็เตรียมให้ดียิ่งขึ้นรักษามาตรฐานของวัดเซนต์หลุยส์ไว้ สู้อุตส่าห์รักษามายาวนานถึง 59 ปี ปีที่ 60 ต้องไม่ตกม้าตายนะ แต่ถ้าตก...ขอให้ตกม้าแบบนักบุญเปาโลดีกว่า ฮาๆๆ กลับใจๆๆๆ...สภาภิบาลวัดฟันธงว่า ปีนี้ต้องเตรียมใจ 9 วัน ดูจะเป็นนัย ๆ ว่านพวารนักบุญหลุยส์ พ่อเจ้าวัดพร้อมปักธงให้(ในใจ)เลย ตั้งแต่วันที่ 18-26 สิงหาคม มิสซา เย็นเวลา 17.30 น.ร่วมมิสซาวันดังกล่าวได้รับพรพิเศษมากมาย ธรรมเนียมของวัด ใครช่วยมากช่วยน้อยและปานกลางเพื่อสนับสนุนต้อนรับทุกคนที่มาร่วมฉลองทั้งอาหารหวานคาวและเครื่องดื่ม ฉลองใจทั้งทีต้องฉลองกายอิ่มด้วย แต่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ เหลือเฟือไป คนมาฉลองวัดประมาณ 1500 คน ของรับประทานอิ่มอย่างมาก คนละ 4 ชามรวม ๆ กัน ขอแค่พอดี ดีกว่า ใครสนับสนุนค่าอาหารหรือสนับสนุนอาหารติดต่อกับพ่อหรือสภาภิบาลวัดได้เลย ตั้งแต่เดี๋ยวนี้
            สุดท้ายขอเสริมเรื่องสอนคำสอนเด็กๆหน่อย เกินคาดมาจำนวนเกือบ 20 คน ต้องแบ่งกลุ่มและจัดสถานที่ให้เหมาะสม จะสอนทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 11.30 น. ที่บ้านพักพระสงฆ์ เจอกันตรงบ้านพักเลย อย่าไปที่วัดเพราะการจราจรผู้คนมากมายไม่สามารถติดต่อกันได้ วันกำหนดรับศีลมหาสนิทครั้งแรกประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน เผื่อขาด เหลือวันหยุดเรียนไว้บ้าง ใครมาช้ากว่านี้ต้องรอไปเดือนเมษายนปิดเทอมใหญ่
พ่อเจ้าวัด
..........................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
            ความเชื่อเป็นพระพรที่ไม่มีผู้ใดสามารถเก็บเอาไว้สำหรับตนเองแต่เพียงผู้เดียว แต่ต้องได้รับการแบ่งปันให้ออกไป ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย (มธ 11:25) ขอพระเจ้าประทานข้อคำสอนหล่อเลี้ยงท่านให้มีความเชื่อเสมอ และขอพระองค์โปรดให้ท่านหมั่นปฏิบัติกิจการที่ดีตลอดไปเทอญ สุภาษิต 18  ข้อ 7 ปากของคนโง่เป็นสิ่งทำลายตัวเขาเอง และริมฝีปากของเขาก็เป็นบ่วงดักตนเอง ถ้อยคำของผู้กระซิบนินทาก็เหมือนชิ้นอาหารอร่อยมันทะลวงเข้าไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายคนที่น่าคบคือบุคคลที่ ไม่ก้าวก่าย ยุ่งเรื่องผู้อื่น ไม่นินทา ว่าร้าย ช่วยเหลือยามจำเป็น ห่วงใยมากกว่าคอยตำหนิ แม้ช่วยได้เล็กน้อย แต่ก็จริงใจและจริงจัง ความรักเป็นพลัง เกลียดทำให้สิ้นหวังความรักจะสร้างสรรค์ เกลียดจะทำลายความรักจะทำให้ยิ้มได้ ความเกลียดจะทำร้องไห้จงเลือกรักและอภัยย่อมได้ชีวิตที่ดีของเราคืนกลับมา ลักษณะคนมีปัญญา รักการเรียนรู้ ชอบฟังวิเคราะห์  ถ่อมใจ ให้เกียรติผู้อื่น และสร้างสันติ สุภาษิต 1:7 ความยำเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน การยกตัวสร้างความแตกแยก การพูดมากหาใช่คนฉลาดไม่  บางคนเหมาะจะเป็นเพื่อนคุย แต่ไม่เหมาะเป็นเพื่อนสนิท บางคนแม้สนิทแต่เป็นคนรักไม่ได้ บางคนอาจรักใคร่ แต่ไม่ควรแต่งงานด้วย จงหักห้ามใจรักให้ถูกคนและให้ถูกต้องด้วย เอเฟซัส 5:2 "และจงดำเนินชีวิตในความรัก เหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงรักเราทั้งหลาย และทรงประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า "ชีวิตคริสตชนถูกนำทางโดยพระจิตของพระเจ้า หรือจิตของตัวเราเองกันแน่ ถ้าเป็นจิตของพระเจ้า เราจะไม่กลัวที่จะเผชิญกับสิ่งใดๆ  แม้ความตายก็ตาม เพราะจิตของพระเจ้าจะห่มใจของเราไว้ให้อบอุ่นเสมอ แต่ถ้าเป็นจิตของเราเอง  ความกลัว ความเหงา ความไม่เข้าใจ ความเศร้าหมองจะเข้ามาแทนที่ สุดท้ายชีวิตก็มีแต่ความทุกข์อยู่ร่ำไป ชาวยิวมีทัศนะว่าคนทุกคนเปรียบเสมือนไวโอลิน อารมณ์ของคุณเสมือนสายไวโอลิน หากคุณปรับอารมณ์ของคุณได้ดี ก็ไม่มีใครกล้าดูแคลนคุณค่าของคุณได้ ไวโอลินเก่าตัวหนึ่ง เมื่อมันอยู่ในมือของนักเล่นที่มีชื่อเสียง มันกลายเป็นไวโอลินที่ทรงคุณค่าและมีราคา กลับกัน หากมันอยู่ในร้านขายของเก่า มันก็ไม่ต่างอะไรจากไวโอลินเก่าๆ ธรรมดาตัวหนึ่งที่หาราคาค่างวดอะไรไม่ได้ ม้าตัวหนึ่ง เมื่อมันอยู่กับชาวไร่ คุณค่าของมันก็คือพาหนะที่ช่วยขนย้ายพืชผล แต่หากมันอยู่กับแม่ทัพ มันก็กลายเป็นม้าศึกคู่ใจแม่ทัพ คุณค่าของมันก็คือม้านักรบของที่มีคุณค่า ต้องอยู่กับคนที่เห็นคุณค่า เช่นนี้จึงก่อเกิดคุณค่าอันมหาศาล ความเชื่อที่เรามีก็เช่นเดียวกัน แม้เราจะมีภาระหนัก มีปัญหาเยอะแยะ แต่ถ้าเราวางใจในพระองค์ มอบทุกสิ่งไว้กับพระองค์ คุณค่าแห่งความเชื่อจะบังเกิดผลทวีตาม สันติสุขจะตามมาเองมีพระเจ้าอยู่ในชีวิตทุกสิ่งเป็นไปได้และบังเกิดผลดีเสมอ ถ้าหากเราไม่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำเนินชีวิตด้วยพระจิตของพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดจะต้านทานได้ เพราะพระเจ้าผู้ทรงชีวิตจะทรงกำจัดธรรมชาติฝ่ายต่ำของเราให้สิ้นซาก เราจะพบแต่สันติสุขที่แท้จริงในองค์พระเจ้าอย่างแน่นอน


คพ.พงษ์เกษม

วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฏาคม 2017

พี่น้องที่รัก
            ขอบคุณในการฉลองศาสนนามนักบุญ วันฉลองนักบุญยอห์นบัปติสต์ของพ่อ ยังมีคุณพ่อยอห์นบัปติสต์เกรียงชัยตรีมรรคา คุณพ่อเคยเป็นผู้ช่วยเจ้าวัดเซนต์หลุยส์ในอดีต และปัจจุบันยังคงมาช่วยถวายมิสซาในวันอาทิตย์บ่อยๆ ขอร่วมยินดีตามน้ำ(พระทัย)ด้วยนะครับ และในวันนี้ พระศาสนจักรยังให้เราฉลองนักบุญเปโตรและเปาโล พ่อขอร่วมยินดีกับคุณพ่อเปโตรสมภพ เรืองวุฒิชนะพืช คุณพ่อช่วยงานอภิบาลเสาร์และอาทิตย์และงานสำคัญๆของวัดอย่างสม่ำเสมอ ขอทุกท่านช่วยภาวนาและสนับสนุนงานประจำของพ่อที่วิทยาลัยเซนต์หลุยส์และในโรงพยาบาลด้วย
            เริ่มเตรียมฉลองวัดแล้ว หลายท่านคงเห็นกรรมการสภาภิบาลวัดเริ่มประชาสัมพันธ์งานเดินการกุศลวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม เอาเหงื่อก่อนยกจิตใจฉลองวัดวิหารภายในใจ 27 สิงหาคม เชิญชวนนะครับ มีอะไรช่วยได้บอกเจตนาได้เลยที่โต๊ะกรรมการและส่วนตัวกับพระสงฆ์ท่านใดก็ได้ ขอการสนับสนุนโดยเฉพาะผู้สนับสนุนรายการเดินการกุศล(สปอนเซอร์ตั้งแต่ 30,000-50,000 บาท)เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ส่วนบัตรเดิน มีของอภินันทนาการเสริมให้ด้วย จะมามอบให้ในอีกไม่ช้า และมีส่งท้ายของงานเดินจะมีรางวัลเซอร์ไพรซ์มอบให้ อันนี้ ขออุบบบส์ไว้ก่อนเดี๋ยวลุ้นเองหน้างานในวันนั้น
            การฉลองวัด ในวันอาทิตย์ที่ 27 มิสซาเวลา 10.00 .โดยพระคุณเจ้าพระคาร์ดินัลฟรังซิสเกรียงศักดิ์ เป็นประธาน ก่อนหน้านั้น 9 วัน มิสซาเวลา 17.30 .ทุกวันดังกล่าวจะเป็นมิสซาเตรียมจิตใจตั้งแต่เย็นวันที่ 18-26 สิงหาคม โอกาสฉลองวัดครบ 60 ปี 2500-2560 (1957-2017) ใครมีรูปภาพเก่าน่าสนใจให้คนอื่นดูโปรดติดต่อกับพ่อด่วนหรือมาที่สำนักงานวัดได้ พ่อต้องการทำสำเนาและขยายเพื่อให้คนอื่นดูว่า 60 ปีมีเรื่องราวมากมายชวนคิดให้ฟิตร่างกายและจิตใจเพื่อฉลองวัด 100 ปีต่อไป ใครอยากร่วมฉลองยกมือขึ้น (ขอให้ยกไหวๆ ถ้ายกไม่ไหวก็ตัวใครตัวมัน)
            “60 ปีแห่งความหลัง รวมพลังขอบพระคุณพระเจ้าด้วยความหวังเดียวกันคือความรักของพระอันยิ่งใหญ่

พ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
..................................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
            พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกการพลีชีพเป็นมรณสักขีของนักบุญเปโตรและเปาโล รวมถึงอัครสาวกองค์อื่นๆ ยกเว้นนักบุญยากอบบุตรของเศเบดี (กจ12:1-2) แต่เป็นที่รับรู้ในหมู่คริสตชนว่า ท่านทั้งสองได้พลีชีพเป็นมรณสักขีที่กรุงโรมตามคำสั่งของจักรพรรดิเนโร (ค.ศ. 54-68) เปโตร ถูกตรึงกางเขนเอาหัวลง ในปี ค.ศ. 64 บนเนินวาติกันอันเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปโตรในปัจจุบัน ส่วน เปาโล ในฐานะที่เป็นพลเมืองโรมัน ถูกตัดศีรษะด้วยดาบประมาณปี ค.ศ. 67 บนเนินน้ำพุนอกกรุงโรม ที่กลายมาเป็นที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงเมืองในปัจจุบัน
                นักบุญเอากุสตินกล่าวเอาไว้ในบทเทศน์ของท่านว่า อัครสาวกทั้งสองมีวันฉลองวันเดียวกัน เพราะว่าท่านทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่าจะพลีชีพเป็นมรณสักขีคนละวันก็ตามดังนั้น พระศาสนจักรจึงเฉลิมฉลองอัครสาวกทั้งสองในวันเดียวกัน ในฐานะที่เป็น ศิลารากฐานของพระศาสนจักรสากล ซึ่งท่านทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการยืนยันความเชื่อถึงพระคริสตเจ้าสืบต่อมา อีกทั้ง ยังสั่งสอนหลักความจริงของพระคริสตเจ้า และสละชีวิตของตนเป็นพยานยืนยันความจริงนั้น
                เปโตร เดิมชื่อ ซีโมนเป็นชาวประมงธรรมดาคนหนึ่งในตำบลเบทไซดา  (ลก 5:3; ยน1:44) ไม่ได้มีการศึกษาอะไรมากนัก สิ่งที่ท่านรู้ดีที่สุดคือการจับปลา ต่อมาได้ย้ายมาตั้งหลักแหล่งที่เมืองคาร์เปอร์นาอุม (มก 1:21-29) แต่ยังคงเลี้ยงชีพด้วยการจับปลาเช่นเดิม มีน้องชายชื่อ อันดรูว์ ซึ่งเป็นคนแนะนำให้ท่านติดตามพระเยซูเจ้า (ยน1:42)    เป็นไปได้ว่า ยอห์น แบปติสต์ คือผู้ที่เตรียมจิตใจท่านสำหรับการพบปะครั้งสำคัญกับพระเยซูเจ้า และท่านได้ละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์ทันที
                พระเยซูเจ้าได้ทรงเปลี่ยนชื่อของท่านจาก ซีโมนเป็น เคฟาสหรือ เปโตร ซึ่งแปลว่า ศิลา  (มธ16:17-19) เพื่อทำหน้าที่เป็นศิลาที่พระองค์จะตั้งพระศาสนจักร และเป็นหัวหน้าของอัครสาวก (ยน21:15-17) ท่านเป็นคนหนึ่งในบรรดาพยานที่พบพระคูหาว่างเปล่า (ยน20:6) พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่ท่านด้วยหลังจากทรงกลับคืนพระชนม์แล้ว (ลก 24:34; 1คร15:5) จะเห็นว่า เปโตรแม้จะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนอาชีพแล้ว แต่ยังอ่อนแอ พลาดพลั้ง และท้อถอย (เคยปฏิเสธพระเยซูเจ้า 3 ครั้ง เคยหนีจากกรุงโรมจนได้พบกับพระเยซูเจ้าอีกครั้ง “Quo vadis?: ท่านกำลังจะไปไหน”)
                บทเรียนที่เราได้จากชีวิตของเปโตร สะท้อนธรรมชาติของมนุษย์เราแต่ละคนซึ่งมี 2 ลักษณะ คือ ธรรมชาติที่เป็นพระและที่เป็นคน  1) ธรรมชาติที่เป็นคน คือ ซีโมนชื่อเดิม คนเดิม ที่ขี้คุย กลับกลอก และอ่อนแอ 2) ธรรมชาติที่เป็นพระ คือ เคฟาสหรือ เปโตรที่ร้อนรน กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ธรรมชาติทั้งสองอย่างนี้มีอยู่ในตัวเราอย่างเต็มเปี่ยม แต่สิ่งที่ทำให้เปโตรสามารถเอาชนะธรรมชาติที่เป็นซีโมนได้ จนกลายเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่คือ การกลับใจ หลังจากปฏิเสธพระเยซูเจ้าเป็นครั้งที่สามต่อหน้าหญิงรับใช้ที่บ้านของคายาฟาส เปโตรรู้สึกสำนึกได้ และออกไปข้างนอกร้องไห้อย่างขมขื่น (ดู มธ26:69-75)
                เปาโล เดิมชื่อ เซาโลเกิดที่เมืองทาร์ซัส ในแคว้นซิลีเซีย อยู่ในตระกูลเบนยามิน เป็นฟาริสีชั้นแนวหน้าในการตามล่าศิษย์ของพระเยซูเจ้า ซึ่งท่านคิดว่าเป็นพวกมิจฉาทิฐิที่ต้องกำจัดให้หมดสิ้นไป แต่เมื่อพระคริสตเจ้าทรงสำแดงพระองค์ให้ท่านเห็น ขณะที่กำลังเดินทางไปจับกุมคริสตชนที่เมืองดามัสกัสมารับโทษ ท่านเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า บรรดาคริสตชนเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในพระกายทิพย์ของพระคริสเจ้า ท่านได้กลับใจรับศีลล้างบาปจากอานาเนีย และกลายมาเป็นธรรมทูตผู้ยิ่งใหญ่ของพระคริสตเจ้า เปาโลได้รับเลือกให้เป็นธรรมทูตพร้อมกับบาร์นาบัส ออกเดินทางไปประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้าอย่างกว้างขวาง เราทราบรายละเอียดพอสมควร เกี่ยวกับการเดินทางแพร่ธรรมทั้งสามครั้งของท่าน จากหนังสือกิจการอัครสาวกตั้งแต่บทที่ 13 เป็นต้นไป ท่านประกาศพระนามของพระคริสตเจ้าทั้งแก่ชาวยิวและคนต่างศาสนา ตั้งกลุ่มคริสตชนขึ้นในเมืองต่างๆ ทำให้ท่านเป็น อัครสาวกของคนต่างศาสนาเป็น เครื่องมือนำพระนามของพระเยซูเจ้าไปประกาศแก่ชนต่างศาสนา (เทียบ กจ9:15) อย่างแท้จริง บทเรียนที่เราได้จากชีวิตของเปาโล จากผู้เบียดเบียนตัวยง พระเยซูเจ้าทรงเรียกและเลือกให้เป็นผู้ประกาศพระนามของพระองค์ และท่านได้กระทำเช่นนั้นตลอดชีวิต ด้วยการพลีชีพเพื่อพระเยซูเจ้าด้วยความกล้าหาญ แง่คิดที่เราได้คือ การเบียดเบียนพระศาสนจักรหรือคริสตชนเท่ากับเป็นการเบียดเบียนพระคริสตเจ้าเองดังนั้น พระเจ้าสามารถเรียกและเลือกใช้ผู้ที่พระองค์ทรงปรารถนาและไม่มีใครที่จะสามารถขัดพระประสงค์ของพระองค์ได้ ให้เราทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอเถิด
                                                                                    คพ.พงษ์เกษม