วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2012


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            การฉลองคริสต์มาสที่วัดของเราก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทั้งในแง่ของการจัดงานรื่นเริงภายนอก และ การร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณสมโภชพระคริสตสมภพ อย่างที่พ่อได้กล่าวไปแล้วว่า งานคริสต์มาสปีนี้ค่อนข้างมีบรรยากาศที่เอื้ออำนวย เพราะมีลมเย็นพัดโชยมาถึงพอดี ทำให้เข้ากับบรรยากาศเฉลิมฉลองได้เป็นอย่างดี พ่อมองดูโดยภาพรวมแล้ว กิจกรรมต่างๆที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ ช่วงก่อนพิธีบูชาขอบพระคุณ ไม่ว่าจะเป็นการจับสลากสอยดาว การเล่นบิงโก เกมการละเล่นต่างๆ และ บ้านลมสำหรับเด็ก การจัดประกวดถ้ำพระกุมาร รวมไปถึงขนมขบเคี้ยวต่างๆที่มีผู้มีน้ำใจดีบริจาคมาเพื่อช่วยเสริมสร้างให้บรรยากาศต่างๆครบสมบูรณ์ยิ่งขึ้นนั้น มีส่วนทำให้ค่ำคืนวันคริสต์มาสที่วัดของเราช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจ สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะความร่วมมือกันของทุกๆคนที่เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อทำให้งานคริสต์มาสของวัดเราเป็นงานพิเศษสำหรับทุกคนจริงๆ แม้จะมีข้อขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราได้เรียนรู้เพื่อจะหาทางปรับปรุงทำให้ดีขึ้นในโอกาสต่อๆไป งานคริสต์มาสปีนี้มีคนมาร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณเยอะมาก หลายคนบอกกับพ่อว่า มีคนมามากกว่าทุกปี ซึ่งอาจเป็นความบังเอิญหรือด้วยสาเหตุใดๆก็แล้วแต่ พ่อถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะแสดงว่าคริสตชนจำนวนมากมีจิตใจผูกพันอยู่กับวันคริสต์มาส ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญที่จะขาดเสียมิได้ มีสิ่งหนึ่งที่พ่อสังเกตเห็นก็คือ มีพี่น้องต่างความเชื่อจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาร่วมฉลองวันคริสต์มาสด้วยกันกับเรา พ่อเชื่อมั่นว่า ภาพของความศรัทธา ภาพของความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสตชน เสียงเพลงไพเราะ และ บรรยากาศแห่งความชื่นชมยินดี คงจะนำมาซึ่งความประทับใจให้กับทุกๆคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์สำคัญนี้ เราจึงต้องโมทนาคุณพระเจ้ามิได้ขาด เพราะพระคุณยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้ประทานมาให้กับเรามนุษย์ทุกคน นั่นคือ พระบุตรของพระองค์ลงมาบังเกิดและประทับอยู่ท่ามกลางเรา พระองค์คือความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่นำความหวังในชีวิตมาให้กับเราทุกคน พ่อขอถือโอกาสนี้ขอขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่ได้เสียสละหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้งานฉลองการบังเกิดของพระกุมารเยซูเป็นงานฉลองที่น่าประทับใจยิ่งอีกครั้งหนึ่ง
            ปีใหม่ 2013 ก็ก้าวเข้ามารอเราอยู่ตรงหน้าแล้ว พ่อขอถือโอกาสนี้ส่งความสุข ความชื่นชมยินดี สันติสุข ที่พระกุมารเยซูนำมาให้กับพี่น้องทุกๆท่าน ขอให้พระพรนี้ดำรงอยู่กับพี่น้องทุกๆวันตลอดปีใหม่ พ.. 2556 สุขสันต์วันคริสต์มาส และสวัสดีปีใหม่ครับ
พ่อสุพจน์
................................................................................................................................................................                                                                            
พี่น้องที่รักทุกท่าน
                สุขสันต์วันพระคริสตสมภพแด่พี่น้องสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ทุกๆ ท่าน เราได้ผ่านช่วงเวลาของการสมโภชวันพระคริสตสมภพมาแล้วเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา พ่อรู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เห็นพี่น้องสัตบุรุษทั้งหลายได้มาร่วมฉลองพระคริสตสมภพกันอย่างมากมาย ทั้งผู้ที่มาร่วมสนุกสนานในกิจกรรมต่างๆ ที่ทางวัดได้จัดขึ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทุกๆ ฝ่าย กลุ่มของสภาภิบาลของวัดที่ได้ร่วมกันจัดเตรียมและจัดหาของรางวัลต่างๆ พ่อแม่ของผู้ปกครองของเด็กช่วยมิสซาที่ได้มาช่วยกันจัดเตรียมของรางวัล กลุ่มผู้สูงอายุที่ได้จัดหาอาหารและเครื่องดื่มมาบริการในงานรื่นเริง พี่น้องสัตบุรุษที่น้ำใจดีร่วมบริจาคปัจจัยหรือสิ่งของเพื่อเป็นของรางวัล พนักงานและเจ้าหน้าที่ของวัดที่ได้จัดเตรียมสถานที่ของการจัดงาน ฯลฯ อีกมากมาย ขออภัยหากไม่สามารถกล่าวถึงได้ทั้งหมด นอกจากนี้ในส่วนของกิจกรรมส่งเสริมความศรัทธาพ่อก็รู้สึกดีใจที่พี่น้องสัตบุรุษได้มารับศีลอภัยบาปกันมากมายอีกเช่นกันเพื่อเตรียมจิตใจของเราแต่ละคนสำหรับการฉลองพระคริสตสมภพ  ขอบคุณคุณพ่อทั้งหลายที่ได้มาช่วยฟังแก้บาปและบริการศีลมหาสนิทให้กับพี่น้องสัตบุรุษ การจัดประกวดทำถ้ำพระกุมารก็มีผู้ที่ร่วมส่งประกวดกันมากมายถึง 18 ทีมด้วยกัน ขอบคุณสำหรับผู้ที่จัดเตรียมสถานที่ การตกแต่ง การสร้างบรรยากาศของวัด ทำถ้ำพระกุมารในวัด จัดเตรียมพิธีกรรมได้อย่างสง่างาม สมกับการฉลองการบังเกิดมาของพระองค์ จะเห็นได้ว่าในการจัดงานแต่ละครั้งเราจะเห็นถึงความร่วมมือร่วมใจกันของพี่น้องสัตบุรุษทั้งหลาย ทุกส่วนต่างช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบ ทำให้กิจการงานต่างๆ ดำเนินไปและสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดตกบกพร่องไปบ้างก็เป็นเหตุสุดวิสัยที่ทุกคนพร้อมที่จะให้อภัยกัน และจะแก้ไขให้ดีขึ้นในโอกาสต่อๆ ไป จึงทำให้งานฉลองพระคริสตสมภพในปีนี้สำเร็จผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
            และขอถือโอกาสนี้สวัสดีปีใหม่ ค.ศ. 2013 แด่พี่น้องสัตบุรุษทุกท่าน ขอให้ปีใหม่นี้มีแต่สิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิตของเรา สิ่งไม่ดีทั้งหลายขอให้ทิ้งมันไปข้างหลัง และก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความชื่นชมยินดี สวัสดีปีใหม่นะครับ

                                                                                                                                    คุณพ่อศวง

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม 2012


สวัสดีครับพี่น้อง
พระคุณนี้ใหญ่หลวงยิ่งนักสำหรับเรามนุษย์ทุกคน เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์มาประทับอยู่ท่ามกลางชาวเรา เพื่อไถ่เรามนุษย์ให้พ้นจากบาป และ มอบชีวิตให้กับชาวเรา พระองค์มาเพื่อฟื้นฟูสภาพของเราทุกคนให้กลับมาสู่สถานภาพที่สมบูรณ์และประทานความหวังให้กับเรา พระองค์ได้ปลดปล่อยเราให้ได้รับอิสรภาพ และ มอบเกียรติและศักดิ์ศรีคืนให้กับเรา เพื่อเราจะได้นมัสการพระองค์จากก้นบึ้งแห่งหัวใจของเราด้วยความจริงใจ เราจึงเฉลิมฉลองการเสด็จมาของพระองค์อย่างยิ่งใหญ่ เพราะการเสด็จมาของพระองค์ทำให้เราได้ค้นพบสันติสุข  เราเฉลิมฉลองการเสด็จมาของพระองค์อย่างยิ่งใหญ่ เพราะการเสด็จมาของพระองค์ทำให้เราทุกคนบรรลุถึงความบริบูรณ์ได้

            เราน้อมกราบถวายการนมัสการแด่พระองค์จากก้นบึ้งของหัวใจของเรา ด้วยการเทิดเกียรติสูงสุดแด่พระองค์
            เพราะพระองค์คือ องค์พระผู้สร้าง องค์พระผู้ไถ่ ผู้ประกาศข่าวดี
            เพราะพระองค์คือ พระสงฆ์สูงสุด กษัตริย์ เจ้าชายแห่งสันติภาพ
            เพราะพระองค์คือ ความงดงาม ผู้บรรเทาใจ พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ
            เพราะพระองค์คือ กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย ต้นกำเนิด และ ที่บรรจบของสรรพสิ่ง
            เพราะพระองค์คือ องค์แห่งความจริง ศิลาหัวมุม คนกลางระหว่างเรามนุษย์กับพระบิดาเจ้า
            เพราะพระองค์คือ หนทาง ความจริง และ ชีวิตนิรันดร
            เพราะพระองค์คือ แสงสว่างส่องโลก ที่ขจัดความมืดมนให้สูญสิ้นไป
            การเสด็จมาของพระองค์เปลี่ยนแปลงสรรพสิ่ง ทำให้เรามีความชื่นชมยินดี และ น้อมใจเทิดพระเกียรติแด่พระองค์อย่างสูงสุดตลอดไป
            องค์ความรอด ได้เสด็จมาแล้ว !!!
                        สุขสันต์วันคริสต์มาส แด่พี่น้องวัดเซนต์หลุยส์ทุกๆท่านครับ
พ่อสุพจน์
                                                                            
 .................................................................................................................................................................
ขอสันติสุขของพระกุมารเจ้าสถิตอยู่กับพี่น้องทั้งหลาย
            พี่น้องครับ พ่ออยากจะรอให้ถึงวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012เสียก่อน ค่อยเขียนสารวัดฉบับนี้ แต่คงทำไม่ได้ เพราะคงจะส่งต้นฉบับไม่ทันเป็นแน่ อีกอย่างก็เห็นว่าในบทความต่างๆ หนังสือพิมพ์บ้างก็ใช้ตัวเลขเหล่านี้มาสร้างความน่าสนใจให้กับบทความ เป็นการเกริ่นนำไปสู่เนื้อความ ครั้งนี้พ่อขอใช้ตามแนวทางของพ่อบ้าง
            กระแสเรื่องวันสิ้นโลกที่มีมาแต่นมนานมาแล้วก็สร้างความฮือฮาให้คนในยุคนี้ได้ดีทีเดียว ทำให้พ่อต้องมาคิดว่าประโยชน์ที่เราได้จากเรื่องเหล่านี้มีอะไรกับตัวเราบ้าง เชื่อว่าหลายคนคงได้เตรียมฉลองการบังเกิดมาของพระคริสตเจ้าด้านภายในจิตใจด้วยการแก้บาปกันแล้วในวันนั้น หากวันสิ้นโลกทำให้เรากลัวตาย กลัวโลกจะดับมืด กลัวพระอาทิตย์ไม่ส่องสว่างอีก กลัวภัยพิบัติต่างๆ มาคร่าชีวิตเราไป แล้วจึงใช้โอกาสนี้เพื่อตื่นเฝ้า เตือนตัวเองให้ทำแต่ความดี เตรียมตัวเตรียมใจสำนึกผิดแก้บาป และทำกิจใช้โทษบาปแล้วล่ะก็ เรื่องวันสิ้นโลกนี้ก็ช่วยเราได้ดีทีเดียว แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าและอยากจะบอกก็คือ อย่าให้โอกาสนี้เป็นแค่ครั้งเดียวที่เราจะมาขอการอภัยบาปจากพระ และขอพระพรต่างๆ สำหรับตนเอง แต่ว่าเมื่อผ่านวันไปได้แล้วก็เป็นอันจบกัน พ่อขอให้พี่น้องทุกคนได้ยึดมั่นในการปฏิบัติแก้บาปรับศีลฯ อยู่เป็นประจำไว้ด้วยเถิด
            เรื่องราวคำทำนายถึงองค์พระกุมาร น.ยอห์นบัปติสตา แม่พระและนักบุญยอแซฟเศคาริยาห์และนางเอลิซาเบ็ธ บุคคลเหล่านี้ได้ถูกกล่าวขานตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงวันอาทิตย์นี้ด้วย ประกาศกมีคาห์ ภาษาฮีบรูว่า “Mikayahu” แปลว่า “ใครเล่าจะเทียมเท่าพระยาห์เวห์” ท่านมีคาห์เป็นชาวนาชาวไร่ที่อยู่ในยุคสมัยที่ความเหลื่อมล้ำทางสังคมมีสูง บรรดาเจ้าของที่ดินร่ำรวยคอยกดขี่พวกชาวไร่ชาวนา พระสงฆ์และประกาศกทำตัวเป็นพ่อค้าวานิชและนักกฎหมายที่เห็นแก่สินบน เรื่องศาสนาก็ปฏิบัติกันแต่เพียงผิวๆ ภายนอก แต่ละเลยเรื่องภายในจิตใจอันเป็นคุณธรรมทางศาสนา มีคาห์จึงต้องออกมาพูดเตือนสังคมให้ได้ตระหนัก พอจะเห็นภาพของคนในสมัยนี้เป็นอย่างนี้บ้างไหมครับ พ่อก็ต้องมาตรวจสอบตัวเองเหมือนกันครับ ว่าได้ทำอย่างพวกพระสงฆ์สมัยของมีคาห์หรือเปล่า? พี่น้องล่ะครับ คิดว่าอย่างไร???
            ส่วนวันนี้เราได้ยินคำทำนายของมีคาห์ว่า “ผู้ปกครองจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด จะถือกำเนิดมาในเมืองเบธเลเฮม เอฟราธาห์ ท่านจึงแนะนำให้ประชาชนมีความอดทนและรอคอยจนกว่า “หญิงผู้เจ็บครรภ์จะคลอดบุตร” พระผู้ไถ่นี้จะปกครองเลี้ยงดูประชากรและนำสันติสุขมาให้
            คืนพรุ่งนี้ก็จะเป็นคืนคริสตมาสอีฟแล้ว เชิญชวนพี่น้องได้พากันเข้ามานมัสการองค์พระกุมารที่เรารอคอยมาตลอดสี่อาทิตย์นี้ ขอส่งความสุขวันคริสตมาสและสวัสดีปีใหม่พี่น้องทุกคน ขอพระเจ้าอวยพร
                                                                                                  คุณพ่อปลัดองค์เล็ก

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 20142


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            วันคริสต์มาสใกล้เข้ามาอีกนิดหนึ่งแล้ว เหลือเวลาอีกเพียง 8 วัน ก็จะเป็นวันฉลองวันคริสต์มาสประจำปี ค.. 2012 นับเป็นวันฉลองครบรอบการบังเกิดมาครั้งที่ 2012 ขององค์พระเยซูเจ้า ในวันที่พ่อเขียนบทความนี้ ตรงกับวันที่ 12 ธันวาคม 2012 ถ้าจะดูให้เป็นเลขสวยๆหน่อยก็ต้องเขียนว่า 12 12 12 นั่นก็คือ วันที่ 12 เดือน 12 แล้วก็ปีที่ลงท้ายเป็นเลข 12 อีกด้วย ข่าวในหน้าจอโทรทัศน์วันนี้ก็พูดถึงเลขนี้กันยกใหญ่ ว่าจะมีความหมายในทำนองเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่ก็ออกแนวทำนองว่า เป็นกระแสของเรื่องวันสิ้นโลก เหมือนกับกระแสเรื่องปฏิทินของชาวมายา มาหยุดอยู่ที่วันที่ 21 ธันวาคม 2012 ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็วนเวียนอยู่กับเลข 12 นั่นเอง ซึ่งหลายคนก็ตีความว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์ หรือ ลางบอกเหตุ ถึงหายนะของโลกและจักรวาล แต่ก็นั่นแหละ คำทำนายทำนองนี้ก็ก่อให้เกิดประเด็นที่จะพูดกันไปหลากหลายทรรศนะ บ้างก็เชื่อบ้าง บ้างก็ไม่เชื่อบ้าง ก็ว่ากันไป แต่สิ่งหนึ่งที่พ่อเห็นว่ากระแสเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ช่างเหมาะเจาะกับช่วงเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเสียจริงๆ เพราะเป็นเรื่องที่ชวนให้เราคิดถึง วันเวลาสุดท้ายของโลก และ การเสด็จมาของพระเยซูเจ้า ทั้งในแง่ของการมาเพื่อพิพากษาประมวลพร้อม และ รำลึกถึงการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระกุมารเยซูที่เราเฉลิมฉลองและระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญนี้ในเทศกาลคริสต์มาสทุกๆปี
            เทศกาลคริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งความสุข ความยินดี การเฉลิมฉลอง บรรยากาศในเทศกาลนี้คือความงดงามของการประดับประดาตกแต่งด้วยสายรุ้ง ดวงไฟระยิบระยับ เพื่อสื่อถึงบ่อเกิดแห่งความยินดีของเรามนุษย์คือ องค์พระกุมารเยซู ผู้นำความหวัง ความยินดีมาสู่ชาวเรา เพราะพระองค์ทรงนำความรอดพ้นมาให้กับเรามนุษย์ ความรอดพ้นนี้คือ สันติสุข ซึ่งเป็นสุขที่ยืนยาว ไม่เสื่อมคลาย ไม่มีวันจืดจาง ซึ่งดวงวิญญาณของเราทุกคนใฝ่ฝันหา ขอให้เราเตรียมตัวฉลองเทศกาลคริสต์มาสด้วยการประดับประดาจิตวิญญาณของเราแต่ละคน ด้วยการเตรียมจิตใจให้บริสุทธิ์พร้อม เพื่อการมาบังเกิดของพระเยซูจะสร้างความหมายที่ยิ่งใหญ่ในใจของเราทุกคน

พ่อสุพจน์

......................................................................................................................................................... 

สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน
                 เวลานี้เรามาถึงหัวใจของบูชามิสซาแล้ว คือ “บทขอบพระคุณ” (Prex eucharistica) ซึ่งเริ่มด้วยการโต้-ตอบรับระหว่างพระสงฆ์กับสัตบุรุษ ตามมาด้วย “บทเริ่มขอบพระคุณ” (Praefatio) และจบด้วยบทยอพระเกียรติท้ายบท (doxology) ขณะที่พระสงฆ์สวดบทขอบพระคุณเราคริสตชนควรทำอะไร? ขอตอบว่าเราคริสตชนที่ร่วมในพิธีควรร่วมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าในการคิดถึงการกินเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวก พระองค์ทรงภาวนาเหนือขนมปังและเหล้าองุ่นซึ่งเป็นธรรมเนียมของชาวยิวเรียกว่า berakah ซึ่งเราแปลว่า “คำภาวนาขอบพระคุณ” เป็นคำภาวนาถวายพระพรและขอบพระคุณพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้กระทำทุกสิ่งเพื่อมนุษยชาติตลอดประวัติศาสตร์แห่งความรอด เมื่อครั้งรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายพระเยซูเจ้าทรงภาวนาเหนือขนมปังและเหล้าองุ่นและแจกจ่ายให้บรรดาศิษย์ได้รับประทาน ซึ่งต่อมาหมายถึงพระกายและพระโลหิตของพระองค์ที่สละเพื่อเป็นบูชา การรับพระกายและพระโลหิตนี้เป็นการแสดงถึงความสนิทสัมพันธ์ในบูชาแห่งการไถ่บาปซึ่งมีพระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่ท่ามกลางเรา นอกจากนี้บทขอบพระคุณยังเป็นการประกาศยืนยันความเชื่อความศรัทธาที่พระศาสนจักรมีต่อศีลมหาสนิท บทขอบพระคุณมาหลายบทด้วยกัน เพราะว่าไม่มีบทใดสามารถแสดงออกถึงความเข้าใจของพระศาสนจักรเกี่ยวกับศีลมหาสนิทได้อย่างเพียงพอในทุกๆ แง่มุมได้
            บทตอบโต้ระหว่างพระสงฆ์กับสัตบุรุษเป็นถ้อยคำอันประเสริฐที่ใช้กันมาอย่างน้อยปี ค.ศ. 200 เป็นต้นมาแล้ว คำว่า “พระเจ้าสถิตกับท่าน” เป็นคำทักทายของคริสตชนดั้งเดิมมาก จากพระคัมภีร์(วนฉ 6:12, ลก 1:28) เป็นการยืนยันว่าพระเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาชุมนุมกัน ส่วนคำว่า “จงสำรวมจิตใจคิดถึงพระเจ้า” เป็นคำเชื้อเชิญให้ยกจิตใจไปยังพระบัลลังก์แห่งพระหรรษทาน ซึ่งเป็นที่ที่พระเยซูเจ้ากำลังถวายพิธีกรรมแห่งสวรรค์ โดยถวายพระองค์เองแก่พระบิดาเจ้าเพื่อเรา และคำว่า “จงขอบพระคุณพระเจ้าพร้อมกันเถิด” เป็นการปฏิบัติตามสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงให้ปฏิบัติเพื่อขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้าสำหรับกิจการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยเฉพาะการกอบกู้มนุษยชาติ บทตอบโต้ระหว่างพระสงฆ์กับสัตบุรุษนี้จึงเป็นการเตือนเราให้ละสิ่งที่เป็นความกังวลในใจของเราทั้งหมด และยกจิตใจขึ้นหาสิ่งที่ควรคารวะสูงสุดของเราเป็นการสรรเสริญ ขอบพระคุณและวอนขอต่อพระบิดาพร้อมกับพระเยซูเจ้า
            ช่วงเวลาที่เราคริสตชนกำลังรอคอยการเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูคริสตเจ้าในเทศกาลเตรียมพระคริสตสมภพอยู่นี้ เป็นโอกาสดีที่เราจะคิดถึงความรักของพระเจ้าและขอบพระคุณพระองค์ ด้วยการปรับเปลี่ยนชีวิตของเราให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นเพื่อสรรเสริญพระเจ้าและมอบถวายตัวของเราแด่พระองค์ตลอดไป
                                                                                                            ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
                                                                                                                        คุณพ่อศวง

วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2012


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
                นี่ก็เพิ่งผ่านวันพ่อไปหมาดๆ อดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงภาพที่น่าประทับใจที่พสกนิกรชาวไทยกว่าสองแสนคนพร้อมใจกันใส่เสื้อเหลืองไปเฝ้ารับเสด็จในหลวง ในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา แม้ว่าพ่อจะชมภาพอันน่าประทับใจนี้ผ่านจอโทรทัศน์ โดยไม่ได้มีโอกาสที่จะไปอยู่ร่วมกับผู้คนจำนวนมากที่ลานพระบรมรูปทรงม้าก็ตาม ก็มีความรู้สึกปลาบปลื้มปิติเป็นอย่างมากเพราะสัมผัสได้ถึงหัวใจของคนไทยจำนวนมากที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อในหลวงของเรา พระพักตร์ของในหลวงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความผ่องใส แสดงถึงพระพลานามัยที่ยังสมบูรณ์ตามอัตภาพ ยิ่งได้เห็นใบหน้าของผู้คนจำนวนมากที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีเป็นล้นพ้นในยามที่ได้ชื่นชมพระบารมีในโอกาสนี้ยิ่งทำให้รู้ว่า ในหลวงของเราคือศูนย์รวมดวงใจของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง
                โอกาสวันพ่อ พ่อก็คิดถึงบิดาของพ่อเองเหมือนกัน เลยถือโอกาสขับรถไปเยี่ยมเยียนท่านที่บ้าน ครอบครัวของเรามีพี่น้องชายหญิงรวมกัน 5 คน แต่ปีนี้สมาชิกพี่น้องของเราหายไปหนึ่งเสียแล้ว เพราะน้องสาวคนหนึ่งของพ่อซึ่งเป็นสมาชิกภคิณีคณะพระหฤทัยพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ ต้องมาด่วนจากทุกคนไปด้วยอายุขัยเพียง 45 ปีเท่านั้น ด้วยโรคมะเร็ง "ซิสเตอร์ปุ๊ก" ซึ่งเป็นชื่อที่เราเรียกกันในหมู่พี่น้องมักจะเป็นคนคอยโทรตามนัดพี่น้องทุกคนให้กลับไปบ้านในโอกาสวันพ่อเสมอๆ แต่ปีนี้ไม่มีใครทำหน้าที่นี้อย่างเคย โอกาสวันพ่อปีนี้พ่อเลยสอบถามน้องๆที่เหลืออีก 3คน ว่ามีใครสามารถกลับไปเยี่ยมบิดาที่บ้านในวันพ่อได้บ้าง แต่ปรากฏว่าปีนี้ทุกคนติดภารกิจการงานหน้าที่ที่รับผิดชอบกันซะหมด พ่อเลยเป็นตัวแทนน้องๆทุกคนกลับไปเยี่ยมบิดาที่บ้าน ในวัย 83 ปีของท่าน ท่านก็ยังแข็งแรงตามวัย เดี๋ยวนี้ต้องใช้ไม้เท้าช่วยในยามเดินเหินไปไหนมาไหน อยู่อาศัยกับคุณแม่เพียงสองคนที่บ้านเจ้าเจ็ด ส่วนน้องๆต่างก็ไปทำงานกันตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง ตั้งแต่มาปฏิบัติหน้าที่ที่วัดเซนต์หลุยส์แห่งนี้ พ่อไม่ค่อยได้มีโอกาสเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านได้บ่อยเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่วันพ่อวันนี้ที่บ้านของเรายังคงอบอุ่น เพราะแม้ว่าลูกๆจะไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ใจของเรายังคงเป็นหนึ่งเดียวกันในความรัก ความกตัญญูรู้คุณต่อท่านเสมอ

พ่อสุพจน์
............................................................................................................

ขอสันติสุขของพระกุมารเจ้าสถิตอยู่กับพี่น้องทั้งหลาย
            ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวงของปวงชนชาวไทย คริสตชนไทยเราได้เจริญขึ้นมาได้ทุกวันนี้ ก็ด้วยอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ผู้ประกอบด้วยทศพิศราชธรรมผู้นี้ ด้วยเหตุนี้ ทั่วทุกหัวระแหงในเมืองไทยจึงพร้อมใจกันสดุดีพระองค์ จุดเทียนชัยถวายพระพร ริเริ่มกิจการดีอันเป็นกุศลถวายแด่พระองค์ เท่าที่พอจะนึกได้ คาทอลิกไทยเราก็ได้มีการจัดคอนเสิร์ต การเดิน-วิ่งเฉลิมพระเกียรติ การฉลองวัดพระมารดานิจจานุเคราะห์ในวันพ่อที่ผ่านมาก็มีพิธีอาศิรวาทฯ พวกเราต่างแสดงออกในกิจกรรมที่ตนเองถนัด พ่อเองก็เชื่อว่าพี่น้องคริสตชนไทยเราจงรักภักดี และอยากจะทำดีเพื่อในหลวงของเราเช่นกัน
            เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (ADVENT) แล้ว ทำให้พ่อนึกถึงความหมายของเทศกาลนี้ที่เราได้รอคอย เตรียมตัว และเฝ้ารับเสด็จพระคริสตเจ้า เรารอคอยโดยรู้ว่าพระองค์จะมาแน่นอน แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไร สีม่วงในเทศกาลนี้ ตามที่อาจารย์พิธีกรรมได้ให้ความรู้ไว้ เป็นสีม่วงอ่อน เพราะเตือนให้เป็นทุกข์ถึงบาปกลับใจ แต่น้ำหนักน้อยกว่าในเทศกาลมหาพรต ที่เป็นพรตใหญ่กว่า อย่างไรก็แล้วแต่ พระวาจาวันนี้กล่าวถึงนักบุญยอห์นบัปติสตา ผู้เป็นเสียงร้องในถิ่นทุรกันดารว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมให้เต็ม ภูเขาและเนินทุกแห่งจะถูกปรับให้ต่ำลง ทางคดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง ทางขรุขระจะถูกทำให้ราบเรียบ แล้วมนุษย์ทุกคนจะเห็นความรอดพ้นจากพระเจ้า”
            แค่คำว่าเสียงร้องในถิ่นทุรกันดารก็มีความหมายมากแล้ว “ถิ่นทุรกันดาร” ทำให้เรานึกถึงที่สงบเงียบ ที่เราสามารถฟังเสียงต่างๆ ได้อย่างชัดเจน เหตุนี้ยอห์นถึงต้องไปร้องประกาศในถิ่นทุรกันดาร แต่ว่าก็น่าแปลก เพราะหากเป็นพวกเราคงไม่ไปร้องที่นั่นแน่ เพราะคงไม่มีใครอยู่  ไม่รู้จะร้องให้ใครฟัง แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่คน แต่อยู่ที่การฟังต่างหาก และนี่คือจุดประสงค์ของพระวาจาในวันนี้ เปิดหูของเราฟังพระวาจาของพระเจ้า เปิดใจของเราเพื่อทบทวนความบาปผิดบกพร่องของเรา เปิดตาของเรามองไปที่คนยากจนขัดสนและทุกข์ยากกว่าเราเพื่อช่วยเหลือเขา เมื่อนั้นเราจะร่วมกันเปิดโลกใบนี้ด้วยกันให้เห็นถึงข่าวดีที่พระกุมารมาบังเกิดเพื่อเราทุกคนจริงๆ
            พี่น้องครับ หากช่วงปลายปีนี้ยังวุ่นวายกับเรื่องต่างๆ มากเกินไป ลองหยุดบ้าง ไม่ต้องถึงกับเข้าป่า ออกทะเล หรือไปกลางทะเลทรายจริงๆ แต่ขอให้หยุดนิ่ง เพื่อสวดภาวนา ฟังพระวาจาพระเจ้า เพื่อทบทวนดูความเชื่อของเราว่าเป็นอย่างไร ความเชื่อควรมาจากการฟัง สังเกตดูตอนล่ามภาษามือออกมาแปลคำว่าความเชื่อ หรือข้าพเจ้าเชื่อสิครับ เขาจะชี้มือไปที่หู เพราะถ้าไม่ฟังก็ไม่มีทางมีความเชื่อแน่นอน
                                                                                 ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
                                                                                    คุณพ่อปลัดองค์เล็ก