วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2016

พี่น้องที่รัก
                วันนี้มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องหนึ่งครับ
                ในตลาดขายของเก่าแห่งหนึ่ง เจ้าของร้านชายได้หยิบไวโอลินเก่าๆ ตัวหนึ่งขึ้นมาประกาศขาย
                "ไวโอลินเก่าตัวนี้ราคา 1,000 บาทขาดตัว ลูกค้าท่านใดสนใจ เดินตรงเข้ามาเลยครับ"

                ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา และหยิบไวโอลินทั้งเก่าทั้งโทรมตัวนั้นขึ้นมาดู เขาลองสีดู ปรากฏว่าเสียงของมันน่าเกลียดและบาดหูมาก เขาจึงตัดสินใจวางมันลงไว้ที่เดิม เมื่อผ่านเวลาไปได้ครึ่งชั่วโมง เจ้าของร้านก็ได้ประกาศขึ้นอีกครั้งว่า
                "ไวโอลินเก่าตัวนี้ ราคา 500 บาทขาดตัว ลูกค้าท่านใดสนใจเดินตรงเข้ามาเลยครับ"
                แต่ก็ยังไร้วี่แววคนสนใจ จนเจ้าของร้านได้ประกาศเป็นรอบที่ 3 ว่า
                "ไวโอลินเก่าตัวนี้ราคา 100 บาทขาดตัว ลูกค้าท่านใดสนใจ เดินตรงเข้ามาเลยครับ"

                ชายชราผมขาวคนหนึ่งเดินมาหยุดหน้าร้าน จากนั้นก็หยิบไวโอลินขึ้นมาดู เขาใช้ผ้าที่อยู่ในมือของเขาบรรจงเช็ดลงไปที่ไวโอลินเครื่องนั้นด้วยความทนุถนอม ครู่ต่อมาไวโอลินตัวนั้นก็มีสีสันมันวาวขึ้นมา มันดูดีขึ้นมาในทันที ชายชราทำการปรับสายของไวโอลินแต่ละเส้นด้วยความตั้งใจ จากนั้นก็นำมันทาบขึ้นที่คางของตัวเอง แล้วบรรจงสีไวโอลินนั้น เสียงไวโอลินกังวานก้องจนเจ้าของร้านประหลาดใจ
                "คุณทำได้ยังไง?” เขาเอ่ยถามชายชรา
                "ทุกสิ่งในโลกใบนี้ล้วนมีคุณค่าในตัวของมันเอง อยู่ที่ว่าใครจะเห็นคุณค่าของมันก็เท่านั้นเอง" ชายชราตอบ             "คุณลุงช่วยสีไวโอลินนี้ให้ผมอีกครั้งได้ไหมครับ" ชายชราพยักหน้า จากนั้นก็สีไวโอลินให้ผู้คนที่เดินเลือกซื้อของเก่าในตลาดฟัง
                “ผมให้ราคาหนึ่งพันบาทตามที่คุณประกาศตอนแรก" ลูกค้าชายคนหนึ่งเสนอขึ้น
                “ผมให้ราคาสองพันบาทมากกว่าที่คุณประกาศตอนแรก" ลูกค้าคนที่สองเอ่ยขึ้น
                “ฉันให้ราคาสามพันบาท สามีของฉันต้องชอบมันแน่ๆ" ลูกค้าสตรีผู้หนึ่งเสนอราคา
                จนสุดท้าย ราคาไวโอลินตัวนี้ถูกขายในราคา 5,999 บาทจากราคาเดิมที่ 100 บาท

                ชาวยิวมีทรรศนะเช่นนี้ว่า คนทุกคนเปรียบเสมือนไวโอลิน อารมณ์ของคุณเสมือนสายไวโอลิน หากคุณปรับอารมณ์ของคุณได้ดี ก็ไม่มีใครกล้าดูแคลนคุณค่าของคุณได้ ไวโอลินเก่าตัวหนึ่งเมื่อมันอยู่ในมือของนักเล่นที่มีชื่อเสียง มันกลายเป็นไวโอลินที่ทรงคุณค่าและมีราคา กลับกัน หากมันอยู่ในร้านขายของเก่า มันก็ไม่ต่างอะไรจากไวโอลินเก่าๆ ธรรมดาตัวหนึ่งที่หาราคาค่างวดอะไรไม่ได้
                ม้าตัวหนึ่ง เมื่อมันอยู่กับชาวไร่ คุณค่าของมันก็คือพาหนะที่ช่วยขนย้ายพืชผล แต่หากมันอยู่กับแม่ทัพ มันก็จะกลายเป็นม้าศึกคู่ใจแม่ทัพ คุณค่าของมันก็คือม้านักรบ
                "ของที่มีคุณค่า ต้องอยู่กับคนที่เห็นคุณค่า เช่นนี้จึงก่อเกิดคุณค่าอันมหาศาล"
                (เครดิต : นุสนธิ์บุคส์)
                พระเจ้ามองเห็นคุณค่าในตัวของเราทุกคนเสมอ ถ้าเราอยู่ในอ้อมพระหัตถ์ของพระ คุณค่าของเราก็มากมายมหาศาลจริงๆครับ

พ่อสุพจน์
.................................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
            ยอห์นคือผู้ที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวถึงให้เป็นทุกข์ถึงบาป กลับใจ และเปลี่ยนแปลงตนเอง  ยอห์นเป็นเสียงร้องของพระเจ้าในถิ่นทุรกันดารเตือนประชาชนและเรียกร้องให้กลับใจแบบถอนรากถอนโคน (Metanoia) ด้วยการเปลี่ยนแปลงจิตใจและวิธีดำเนินชีวิตจากที่เคยกระทำในอดีต ซึ่งการกลับใจนี้มิใช่การกระทำเพียงครั้งเดียว แต่ต้องกระทำทุกวันตลอดชีวิต ยอห์นมีความกล้าหาญในการประณามความชั่วอย่างเปิดเผยในทุกที่ทุกเวลาที่พบได้ตำหนิกษัตริย์เฮโรดที่เอานางเฮโรเดียด ภรรยาของน้องชายมาเป็นภรรยาของตน (มธ 14:4) และได้ว่ากล่าวชาวฟาริสีและสะดูสีแบบไม่ไว้หน้า อันเนื่องมาจากความหน้าซื่อใจคดของพวกเขาที่ปฏิบัติตามจารีตพิธีแต่ภายนอก เจ้าสัญชาติงูร้าย” (มธ 3:7) สารที่ยอห์นประกาศคือ จงกลับใจเถิดอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” (มธ 3:2) ซึ่งเป็นถ้อยคำเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าทรงใช้เมื่อเริ่มพันธกิจในการประกาศเทศน์สอนของพระองค์ (มธ 10:7)ยอห์นถูกส่งมาล่วงหน้าเพื่อเตรียมทางของพระเจ้าและชี้ไปที่พระเยซูเจ้าโดยตรง จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด” (มธ3:3)  ยอห์นได้ประกอบพิธีล้างด้วยน้ำเพื่อเป็นเครื่องหมายของการกลับใจ และสำนึกในบทบาทของตนเองในการเตรียมทางสำหรับผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง แต่ผู้ที่จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า” (มธ3:11) โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยปลุกเร้าจิตใจเราให้เตรียมฉลองการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าในหนทางที่ถูกต้อง
            ประการแรก เราต้องกลับใจอยู่เสมอ เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ เป็นช่วงเวลาของการเตรียมตนเองด้วยการกลับใจใช้โทษบาป เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราผ่านทางการภาวนา การรับศีลอภัยบาป และแบ่งปันพระพรของพระเจ้ากับผู้อื่น การบังเกิดมาของพระคริสตเจ้าจะไม่มีประโยชน์อะไร หากพระองค์มิได้บังเกิดในจิตใจของเรา เพื่อเราจะได้นำความรัก ความเมตากรุณา การให้อภัย และการรับใช้ที่ถ่อมตนของพระองค์ไปสู่ทุกคน
            ประการที่สอง เราต้องน้อมรับการเรียกที่ท้าทายของยอห์นบัปติสต์ ที่เรียกให้เราดำเนินชีวิตในความถูกต้องชอบธรรม เป็นมโนธรรมของสังคม ยอห์นใช้ชีวิตเข้มงวดด้วยการนุ่งห่มผ้าขนอูฐ รัดเอวด้วยสายหนัง กินตั๊กแตนกับน้ำผึ้งป่า ประพฤติตนเคร่งครัดด้วยปฏิเสธตนเองและมัธยัสถ์ตัว เพื่อนำประชาชนให้หันมาหาพระคริสตเจ้า เราจะต้องประกาศการเสด็จมาของพระองค์ไม่ใช่ด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ด้วยแบบอย่างความเชื่อและตัวอย่างชีวิตที่ดีงามของเราเช่นเดียวกับยอห์น
            ประการที่สาม เราจะต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงผู้ที่ได้กลับใจแล้ว จงประพฤติตนให้สมกับที่ได้กลับใจแล้วเถิด” (มธ 3:8) เราจะต้องไม่หันกลับไปเดินในหนทางแห่งบาปที่เคยกระทำ เช่น ความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษยา ความโลภ หรือการทะเลาะเบาะแว้ง ทั้งนี้ เพื่อพระคริสตเจ้าจะได้บังเกิดในจิตใจของเรา และชีวิตของเราจะได้เป็นเครื่องหมายแห่งการประทับอยู่ของพระองค์อย่างแท้จริง
            พระศาสนจักรได้เชื้อเชิญเรา ให้กลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง และปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตในทางตรงข้ามกับที่เคยกระทำในอดีต ไปสู่การดำเนินชีวิตในหนทางแห่งความสว่างตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า ความยินดีแห่งการบังเกิดของพระคริสตเจ้า จะต้องแสดงออกให้เห็นความกล้าหาญ และการยืนหยัดมั่นคงในความถูกต้องชอบธรรมในความรักต่อกันด้วยจริงใจ อดทนต่อความบกพร่องของกันและกัน และให้อภัยด้วยใจกว้างในการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

คพ.พงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น