วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016

พี่น้องที่รัก
                สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงเชิญชวนให้คริสตชนทั่วโลก เข้ามารับพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางพิธีเคารพศีลมหาสนิท การเฝ้าศีลมหาสนิท การรับศีลอภัยบาป คำเชิญของพระองค์นี้ได้รับการตอบรับจากวัดคาทอลิกทุกแห่งทั่วโลก โดยที่พระสันตะปาปาฟรังซิสเองจะเป็นผู้ประกอบพิธีนมัสการศีลมหาสนิทที่มหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม ในวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม ถึงวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม
                เพื่อร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับสมเด็จพระสันตะปาปาและพระศาสนจักรทั้งครบ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช จึงเชิญชวนให้ทุกวัดได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในพระประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปา และ พระศาสนจักรทั่วโลก ที่จะเชิญชวนหมู่มวลสัตบุรุษให้เข้ามาพึ่งพาพระเมตตาของพระเจ้าในโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมนี้
                นี่จึงเป็นโอกาสพิเศษที่พระศาสนจักรเชิญชวนพี่น้องคริสตชน โดยเฉพาะผู้ที่เหินห่างพระศาสนจักรไป หรือขาดการรับศีลศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลานาน บัดนี้พระเยซูเจ้าทรงเปิดประตูรอคอยทุกคนอยู่ พระเมตตาของพระองค์เปิดหนทางกว้างต้อนรับทุกคนแล้ว
                สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงเรียกร้องให้คริสตชนทุกคนอุทิศเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อเข้ามาเฝ้าพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า "การเฝ้าศีล 24 ชั่วโมง" เป็นกิจศรัทธาที่พระองค์ปรารถนาให้ทุกเขตสังฆมณฑลจัดขึ้นในระหว่างวันศุกร์และวันเสาร์ ของอาทิตย์ที่4 ในเทศกาลมหาพรต เพื่อว่าสัตบุรุษรวมถึงบรรดาเยาวชน จะกลับมาสู่การรับศีลอภัยบาป เพื่อเขาเหล่านั้นจะมีประสบการณ์ในการค้นพบเส้นทางของการกลับมาคืนดีกับพระเจ้า ด้วยการภาวนาอย่างเข้มข้น และค้นหาความหมายของชีวิต ให้เราหันมาให้ความสำคัญกับศีลอภัยบาปว่าเป็นศูนย์กลางของชีวิตที่ช่วยเราให้สามารถเข้าถึงพระเมตตาของพระเจ้าด้วยตัวของเขาเอง เพื่อทุกคนจะสามารถเข้าถึงแหล่งที่มาของสันติสุขภายในใจของตนได้อย่างแท้จริงอีกครั้งหนึ่ง
                เพื่อให้สอดคล้องกับพระประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปา และ เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักรพ่อจึงขอแจ้งกำหนดการพิธีกรรมในวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม และ ในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม ที่วัดเซนต์หลุยส์ดังนี้
                วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม (วันศุกร์ต้นเดือน)
                19.00 . พิธีเดินรูป 14 ภาค
                                 พระสงฆ์โปรดศีลอภัยบาปที่ตู้โปรดศีลอภัยบาป
                19.30 . พิธีนมัสการศีลมหาสนิท อวยพรศีลมหาสนิท
                20.00 . พิธีบูชาขอบพระคุณ
                วันเสาร์ 5 มีนาคม
                17.00 . พิธีนมัสการศีลมหาสนิท 
                                 พระสงฆ์โปรดศีลอภัยบาป ที่ตู้โปรดศีลอภัยบาป
                17.30 . วจนพิธีกรรมพระมารดานิจจานุเคราะห์
                                 อวยพรศีลมหาสนิท
                17.45 . พิธีบูชาขอบพระคุณ อาทิตย์สัปดาห์ที่ 4 ในเทศกาลมหาพรต
               
                พ่อจึงขอเรียนเชิญพี่น้องทุกท่านมาร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพิธีกรรมดังกล่าว เพื่อเข้ามาสัมผัสพระเมตตารักของพระเจ้าเป็นพิเศษในเทศกาลมหาพรต และ ในปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมนี้อย่างใกล้ชิดครับ
พ่อสุพจน์
...............................................................................................................................
               
พี่น้องที่รัก
            พระเยซูเจ้าทรงมีคำตอบ และความคิดเห็นของพระองค์ก็แตกต่างออกไป  ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาวกาลิลีทุกคนหรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นกัน” (ลก.13:2-3)  พระองค์ทรงเชิญชวนให้เรากลับใจ เปลี่ยนแปลงตนเอง  คนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมทับตาย  เป็นการลงโทษของพระเจ้าหรือพระเยซูเจ้าทรงตอบว่า ไม่ใช่”  ทรงตรัสว่า  มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน” (ลก.13:5)  พวกเขาไม่กลับใจ พระองค์ทรงสอนให้เราค้นพบเสียงเรียกของพระเจ้าผ่านทางเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของเรา  พระองค์ทรงอุปมาให้เราได้คิดและค้นพบแผนการของพระเจ้า  ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน เขามามองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ” (ลก.13:6)  และบ่อยครั้งที่พระเยซูเจ้าทรงอุปมาเรื่องสวนองุ่นเพื่อเตือนใจเราถึงความรับผิดชอบที่เราควรมีต่อความรักของพระเจ้า  เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผลพระองค์จะทรงตัดทิ้ง กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิดเพื่อให้เกิดผลมากขึ้น” (ยน.15:1-2)  พระบิดาคือเจ้าของสวน พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ตกแต่งเถาองุ่น  พระองค์ทรงยืนยันเพื่อขอเวลาจากพระบิดาสำหรับการกลับใจ
ผู้ใดจะเสมอเหมือนองค์พระเจ้า   พระเจ้าของเรา  พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์ในที่สูง แต่ทรงน้อมพระองค์ทอดพระเนตรลงมายังสวรรค์และแผ่นดิน ทรงยกคนยากจนขึ้นมาจากฝุ่นดิน ทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขยะ(สดด.113:5-7)พระเจ้าจะไม่ทรงโค่นเราทิ้งเสีย สมัยที่ปีลาตปกครองแคว้นยูเดียระหว่างปี ค.ศ. 26-36  เกิดขาดแคลนน้ำอย่างหนักในกรุงเยรูซาเล็ม ปีลาตจึงตัดสินใจสร้างระบบส่งน้ำโดยใช้งบประมาณจากเงินในคลังของพระวิหารต้องยอมรับว่าโครงการของปีลาตดี แต่ชาวยิวยอมรับไม่ได้ที่จะนำเงินจากพระวิหารซึ่งเป็นของพระเจ้าออกมาใช้จ่าย  พวกเขาจึงรวมตัวกันจับอาวุธขึ้นต่อต้านปีลาตสั่งให้ทหารปลอมตัวโดยสวมเสื้อคลุมทับชุดทหาร พร้อมกับซ่อนตะบองไว้ใต้เสื้อคลุมแทนการใช้ดาบ แล้วให้ทหารปะปนไปกับฝูงชน เมื่อได้รับสัญญาณ พวกทหารพยายามสลายฝูงชน  แต่เพราะทำรุนแรงเกินกว่าคำสั่ง จึงมีประชาชนจำนวนหนึ่งต้องสังเวยชีวิตให้กับการต่อต้าน ครั้งนี้คาดว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตคงมีชาวกาลิลีรวมอยู่ด้วย เพราะพวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องรักชาติ และพร้อมจะเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองทุกรูปแบบอยู่แล้ว ในบท ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลายที่ก่อนหน้านี้เราเคยสวดว่า โปรดยกหนี้ของเรา เหมือนเรายกหนี้แก่เขา”“ผู้บริสุทธิ์เคยพินาศหรือ ?” (โยบ4:7)“คนดีต้องได้ดี  เพราะฉะนั้นการที่คนเราตกทุกข์ได้ยากย่อมแปลว่าเขาได้ทำบาปผิดต่อพระเจ้า เท่ากับว่าคำสอนของชาวยิวคือ ความทุกข์ยากและความตายเป็นผลของบาป หรือไม่ก็เกี่ยวเนื่องกับบาปชนิดแยกออกจากกันไม่ได้นับเป็นคำสอนที่โหดร้ายและทารุณจิตใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากเป็นจริงตามคำสอนนี้ ย่อมเข้าใจเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่า เศรษฐีทุกคนคือคนดี และคนจนที่ตกทุกข์ได้ยากทุกคนคือคนชั่วแต่พระเยซูทรงเล็งเห็นว่าบาปไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการถูกฆ่าหรือถูกหอล้มทับตาย  พระองค์ยังตรัสย้ำถึงสองครั้งสองคราว่า ถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นกันตรงกันข้ามพระองค์ทรงสอนว่า ผู้มีใจยากจน หรือถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา” (มธ 5:3,10; ลก 6:20,22) ที่สำคัญ พระองค์ทรงกำหนดเงื่อนไขในการติดตามพระองค์ไว้ว่า ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็ให้เขาเลิกนึกถึงตนเอง ให้แบกไม้กางเขนของตน และติดตามเรา
หากพวกเขายอมกลับใจและเปลี่ยนชีวิตตามคำเตือนของพระเยซูเจ้า พวกเขาคงไม่ต้องประสบกับความทุกข์ยากและความหายนะเช่นนี้      

พ่อพงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น