วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2013

พี่น้องที่รัก
            สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ได้อธิบายเกี่ยวกับการสวดภาวนาเอาไว้น่าฟังว่า “กุญแจที่สามารถไขประตูไปสู่ความเชื่อได้คือ การภาวนา” พระองค์กล่าวเตือนว่า “คริสตชนที่ละทิ้งการภาวนา ก็ตั้งตนอยู่ในความเสี่ยงของการเป็นผู้ยโส หลงตนเอง ขาดความอ่อนน้อม มุ่งสนใจแต่ความต้องการส่วนตนเท่านั้น” พระองค์ยังกล่าวเน้นถึงการภาวนาว่า “สำหรับคริสตชนที่ฝึกปฏิบัติ ในการภาวนา เขาก็ไม่อยู่ห่างไกลจากความเชื่อ เพราะเขารู้จักสนทนากับพระเยซู” พระองค์เน้นว่า “การภาวนา ไม่ใช่การท่องบ่นบทภาวนา เพราะในสมัยของพระเยซู มีพวกคัมภีราจารย์มากมายที่ท่องบ่นบทภาวนาเยอะแยะ เพื่อให้คนอื่นเห็น” พระเยซูจึงสอนว่า “เมื่อท่านภาวนา จงเข้าไปในห้อง และภาวนาต่อพระบิดาในที่ลับ จากใจถึงใจ” ดังนั้น การภาวนา กับการท่องบ่นบทภาวนาจึงไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
            พ่อคิดว่า คำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ให้ความกระจ่างกับเรามากมายทีเดียวในเรื่องนี้ ดังนั้นการภาวนาจึงเป็นวัตรปฏิบัติสำคัญที่ขาดเสียไม่ได้ของคริสตชนทุกคน หลายครั้งเราก็มักคิดว่า การภาวนาคือ การท่องบทสวดที่พระศาสนจักรเรียบเรียงขึ้นเท่านั้น แท้ที่จริงแล้ว บทภาวนาต่างๆเป็นเพียงแนวทางที่ช่วยให้ผู้ที่ยังไม่รู้จะเริ่มภาวนาอย่างไรได้เริ่มต้นก้าวแรกในการภาวนาต่างหาก ซ้ำร้ายไปกว่านั้น การท่องบทสวดแต่ปาก แต่ใจล่องลอยไปตามความคิดในเรื่องต่างๆ ก็ยิ่งทำให้ห่างไกลไปจากเนื้อแท้แห่งการภาวนาที่แท้จริงออกไปอีก ซึ่งคนทั่วไปมักใช้คำว่า “วักแวก” มาสื่อถึง การภาวนาที่ปากกับใจไม่ตรงกันนี้ อย่างไรก็ดีตามที่พ่อได้กล่าวไว้ว่า การภาวนาต้องเป็นวัตรปฏิบัติของเราคริสตชนนั้น หมายความว่า เราต้องรู้จักหาเวลาสำหรับการภาวนาในชีวิตประจำวันนั่นเอง
            มาถึงตรงนี้พ่อก็ขอประชาสัมพันธ์กับพี่น้องว่า ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน เราจะจัดให้มีการฝึกปฏิบัติ “จิตภาวนา” เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกจะสามารถฝึกฝนการภาวนาด้วยจิต เพื่อเข้าถึงความสงบ สมาธิ และ ค้นพบลมปราณของพระเจ้าในตัวเรา เป็นการภาวนาอีกรูปแบบหนึ่งที่ช่วยให้เราภาวนาด้วยใจ มากกว่าที่จะภาวนาด้วยสมอง ใครที่ต้องการเข้ารับการฝึกอบรมครั้งนี้จะจัดขึ้นสำหรับ 30 ท่านเท่านั้น ผู้ใดสนใจจะเข้ารับการอบรมฝึกปฏิบัติ สามารถจองที่ด้วยการลงชื่อไว้ล่วงหน้าได้ ที่บริเวณทางเข้าออกวัดฝั่งประตูตู้ศีล โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถ้ามีผู้สนใจจำนวนมาก ก็จะจัดเป็นรุ่นๆ ในโอกาสต่อไป กิจกรรมครั้งนี้ดำเนินการโดย สภาภิบาลวัดเซนต์หลุยส์ วิทยากรผู้อบรมคือ คุณอำนวยพร สิริวรนาค
คุณพ่อ สุพจน์
....................................................................................................................................................................
เราเชื่ออะไร
สวรรค์คือสถานที่ใด

สวรรค์เป็นสถานที่พำนักของบรรดาทูตสวรรค์และผู้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นจุดหมายปลายทางของสิ่งสร้าง สวรรค์มิใช่สถานที่แห่งหนึ่งในจักรวาล แต่เป็นสภาพของชีวิตหน้า สักวันหนึ่งด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า เราจะไปยังสวรรค์ และได้รับพระพรในอย่างที่ชีวิตเราไม่สามารถพบได้ในโลกนี้ “สิ่งที่ตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยิน และจิตใจของมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์” (1 คร.2:9)

ทูตสวรรค์  เป็นสิ่งสร้างของพระเจ้าที่มีสติปัญญาและเจตจำนง เพราะพวกเขาเป็นสิ่งสร้างที่เป็นจิต จึงไม่มีร่างกาย ไม่สามารถมองเห็นได้ และไม่รู้จักตาย ทูตสวรรค์ นอกจากจะเป็นผู้นำพระประสงค์ของพระเจ้ามาสู่มนุษย์แล้ว ยังมอบการปกปักรักษาของพระเจ้าให้แก่มนุษย์ด้วย พวกเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยไฟแห่งความรักที่จะคอยรับใช้พระเจ้าทั้งวันทั้งคืน ทูตสวรรค์สามารถปรากฎออกมา แล้วให้มนุษย์สามารถมองเห็นพวกเขาอย่างที่พวกเขาอยากให้เห็นได้ในบางครั้ง ในฐานะเป็นผู้ส่งสารจากพระเจ้า หรือผู้ชี้แนวทางดำเนินชีวิตให้แก่เรา

นักบุญบาซิล ปิตาจารย์ของพระศาสนจักรสอนว่า “ข้างกายของผู้มีความเชื่อ มีทูตสวรรค์อยู่เคียงข้าง เป็นผู้พิทักษ์ และอภิบาลเพื่อนำทางผู้นั้นไปสู่ชีวิตนิรันดร” มนุษย์ทุกคนจึงมีอารักขเทวดาที่พระเจ้าประทานให้ จึงเป็นสิ่งดี และสมควรที่จะสวดภาวนาขอความคุ้มครองดูแลจากพวกท่านเพื่อตัวเรา และสำหรับผู้อื่นเสมอ
“ก้าวเดินบนแผ่นดิน แต่ใจถวิลสู่สวรรค์”
นักบุญ ยอห์น บอสโก (1815-1888)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น