วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2013

พี่น้องที่รัก
วันอาทิตย์นี้เป็นวันแพร่ธรรมสากล สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงมอบสารวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากลไว้ให้กับเรา โดยทรงเน้นย้ำว่าการเผยแพร่ความเชื่อเป็นหน้าที่ที่จำเป็น ที่คริสตชนทุกคนต้องกระทำสังคายนาวาติกันที่สองได้เน้นถึงลักษณะพิเศษของงานธรรมทูตว่าการขยายขอบเขตของความเชื่อเป็นของทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปเป็นของชุมชนคริสตชนทุกแห่ง พระองค์ยังทรงกล่าวอีกว่าบ่อยครั้งที่งานการประกาศข่าวดีมักจะพบกับอุปสรรคต่างๆไม่เพียงแต่อุปสรรคภายนอกเท่านั้นแต่จากภายในชุมชนพระศาสนจักรเองด้วย”  “บางครั้งขาดความร้อนรน ความยินดี ความกล้าและความหวังในการประกาศสารของพระคริสตเจ้าให้กับทุกคนและในการให้ความช่วยเหลือกับผู้คนในสมัยของเราให้ได้พบปะกับพระองค์พระองค์ทรงให้ความหนักแน่นกับความต้องการพลังในงานแพร่ธรรม อย่างไรก็ตามพระองค์ทรงยืนยันว่าการประกาศข่าวดีไม่ควรใช้แรงกดดันหรือการบังคับ การประกาศข่าวดีเป็นงานของพระศาสนจักรที่ต้องอาศัยความร่วมมือกัน สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสอีกว่าการประกาศข่าวดีไม่ใช่กิจการที่โดดเดี่ยวของแต่ละบุคคลหรือส่วนบุคคล  แต่เป็นของพระศาสนจักรเสมอ สารของสมเด็จพระสันตะปาปายังได้ให้คำอธิบายอย่างง่ายๆถึงความต้องการในการประกาศข่าวดีขึ้นใหม่ว่ามากยิ่งกว่านั้นอีกในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เป็นภูมิภาคของธรรมประเพณีคริสตชนจำนวนของคนแปลกหน้าทางความเชื่อหรือผู้ไม่แยแสในมิติทางศาสนาหรือความเคลื่อนไหวของผู้มีความเชื่ออื่นๆมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นบ่อยครั้งที่ผู้ได้รับศีลล้างบาปแล้วเลือกวิถีการดำเนินชีวิตที่นำพวกเขาให้ออกห่างจากความเชื่อจึงทำให้พวกเขาต้องการ การประกาศข่าวดีขึ้นใหม่
ในขณะที่ การประกาศข่าวดีขึ้นใหม่ นั้นดำเนินไปในพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งมีคาทอลิกอยู่เป็นจำนวนมากสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเตือนเราอีกด้วยว่ายังมีส่วนต่างๆอีกมากมายในโลก ที่ยังไม่เคยได้ยินสารของข่าวดีของพระเจ้า พวกเขาก็เช่นเดียวกันที่ต้องการการประกาศข่าวดีเช่นเดียวกับพระศาสนจักรที่ยังเยาว์ที่ซึ่งความเชื่อพึ่งจะหยั่งรากลงไปไม่นานนัก สมเด็จพระสันตะปาปายังทรงให้ข้อสังเกตในหลายๆกรณีว่าพระศาสนจักรที่ยังเยาว์เหล่านี้ก็ต้องมีส่วนร่วมอย่างไม่เห็นแก่ตัวในการส่งธรรมทูตไปยังพระศาสนจักรที่อยู่ในความยากลำบากซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักกับพระศาสนจักรที่เป็นคริสตชนดั้งเดิม... และให้นำความสดใหม่และความกระตือรือร้นไปสู่ชีวิตความเชื่อของพวกเขาก่อนจบสารวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากลสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ทรงนำเราให้มุ่งความสนใจไปยังบรรดาพี่น้องคริสตชนผู้มีชีวิตอยู่ในสังคมที่ถูกจำกัดในเรื่องของเสรีภาพในการนับถือศาสนาและบ่อยครั้งต้องได้รับความทุกข์ยากเพราะความเชื่อของพวกเขาพวกเขาเป็นพี่น้องชาย-หญิงของเราเป็นประจักษ์พยานที่กล้าหาญ... แม้กระทั่งมีมรณสักขีมากขึ้นกว่าในศตวรรษแรกๆ... เป็นผู้ที่อดทนในการทำงานแพร่ธรรมกับรูปแบบต่างๆของการถูกเบียดเบียนในปัจจุบัน
ประโยคสำคัญจากสารวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากล 2013         
 • “ความเชื่อเป็นพระพรอันประเสริฐของพระเจ้าซึ่งเปิดจิตใจของเราให้รู้จักและรักพระองค์ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะเข้าสู่ความสัมพันธ์กับเราและทรงยอมให้เรามีส่วนร่วมในชีวิตของพระองค์เพื่อที่จะทำให้ชีวิตของเรามีความหมายมากขึ้น ดีขึ้นและงดงามมากขึ้นพระเจ้าทรงรักเรา”         
 • “ความเชื่อเป็นพระพรที่ไม่ได้สงวนไว้สำหรับคนไม่กี่คนแต่ต้องมอบออกไปด้วยความใจกว้าง ทุกคนควรได้รับประสบการณ์ของความชื่นชมยินดีในการได้รับความรักจากพระเจ้า ความชื่นชมยินดีแห่งการช่วยให้รอดพ้น ความเชื่อเป็นพระพรที่ไม่มีผู้ใดสามารถเก็บไว้สำหรับตนเองแต่เพียงผู้เดียวแต่ต้องได้รับการแบ่งปันออกไป”          
• “จำเป็นที่จะต้องประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้าด้วยความกล้าหาญในความเป็นจริงทั้งหมด ซึ่งเป็นสารแห่งความหวัง การคืนดีความเป็นหนึ่งเดียวกันและการประกาศความใกล้ชิดของพระเจ้า ของพระเมตตาของพระองค์ และการช่วยให้รอดพ้นของพระองค์ประกาศว่าอำนาจความรักของพระเจ้าสามารถเอาชนะความมืดของความชั่วร้าย และนำเราไปสู่หนทางแห่งคุณความดี มนุษยชาติในสมัยของเรามีความต้องการความสว่างที่เชื่อถือได้เพื่อส่องสว่างหนทางแห่งความเชื่อ และเฉพาะในการพบปะกับพระคริสตเจ้าเท่านั้นที่สามารถให้ได้ ให้เรานำไปให้โลกโดยผ่านทางการเป็นประจักษ์พยานของเราด้วยความรักความเชื่อที่ให้ความหวัง

คุณพ่อ สุพจน์
..............................................................................................
เราเชื่ออะไร
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาทำไม

มนุษย์ แตกต่างจากสิ่งสร้างอื่นๆ ที่มีชีวิตทั้งหมด เพราะมนุษย์เป็นบุคคลที่มีจิตวิญญาณ คุณลักษณะนี้ทำให้มนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า มากกว่าสิ่งสร้างอื่นๆ ที่มองเห็นได้ มนุษย์สามารถมองมนุษย์ด้วยกันว่าเป็นบุคคล เช่นเดียวกับที่มองว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบุคคล ด้วยเหตุนี้ ในบรรดาสิ่งสร้างที่มองเห็นได้ จึงมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถรู้จัก และรักพระผู้สร้างของตนได้
พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งมาก็เพื่อมนุษย์ มนุษย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อได้รับการอวยพร และให้ได้รับความรักของพระองค์ และเจริญชีวิตสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ ดังนั้น จุดมุ่งหมายของมนุษย์คือ การดำเนินชีวิตอยู่ในมิตรภาพกับพระองค์ กตัญญูรู้คุณต่อพระผู้สร้างของตน ยอมเป็นเครื่องมือแห่งความรักของพระเจ้า
ตลอดชีวิตของคุณแม่เทเรซา แห่งกัลกัตตา ท่านพยายามคิดในแนวทางนี้คือ “ฉันเป็นเพียงดินสอแท่งเล็กๆ ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระองค์อาจจะเหลาดินสอแท่งนี้ เพื่อจะใช้เขียนหรือวาดสิ่งใดก็ได้ในเวลาที่พระองค์ปรารถนา หากผลงานการเขียน หรือวาดรูปออกมาดูดี เราไม่ได้ยกย่องดินสอหรือวัสดุที่ใช้ แต่ยกย่องชื่นชมผู้ที่ใช้มัน”  
“พระเจ้าผู้สร้างท่าน ย่อมทรงทราบว่า พระองค์ทรงต้องการทำสิ่งใดกับตัวท่าน”

                                             นักบุญออกัสติน (354-430)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น