วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2019
สมโภชพระตรีเอกภาพ


พี่น้องที่รัก...
        พ่อขอเชิญชวนพี่น้องทุกท่านมาร่วมชุมกันเพื่อเคารพสักการะศีลมหาสนิท ในวันอาทิตย์หน้าที่ 23 เป็นวันอาทิตย์สมโภชพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้ามิสซา รอบ 10.00 น.จะเป็นมิสซาอัญเชิญศีลมหาสนิทรอบวัด(แห่)เพื่อร่วมชุมนุมและนมัสการศีลมหาสนิทพร้อมเพรียงกัน
        บริเวณหน้าวัดพระจิตเจ้า หน้าศาลาหลุยส์มารีย์ และพระแท่นใหญ่ของวัดเซนต์หลุยส์ ในมิสซาขอบพระคุณพระเจ้า บรรดาเด็กๆและเยาวชนจะช่วยพิธีกันเพื่อให้บรรยากาศของความเป็นชุมชนที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งโรงพยาบาล วัด โรงเรียนและวิทยาลัย  การร่วมแห่แหนและออกมาต้อนรับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทซึ่งเป็นเหตุการณ์พระธรรมล้ำลึกที่พระองค์ประทับอยู่และทรงเลี้ยงดูชาวเราด้วยพิธีมิสซาประจำวันทั้งพระวาจาทรงชีวิตและอาหารศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ศิษย์คริสตชน “รัก รับใช้ ช่วยเหลือและแบ่งปันกัน”ดั่งที่พระองค์กำลังเทศนาสั่งสอนกับบรรดาผู้คนมากมายที่มีทั้งผู้สูงอายุ ชายหญิง เยาวชนและเด็กๆล้อมรอบพระองค์
        ในโอกาส 350 ปีที่พระศาสนจักรไทยกำลังเจริญเติบโต เป็นเวลาที่ดีที่เรามาพร้อมกันโมทนาคุณพระเพื่อลุกก้าวเดินออกไปกระจายเรื่องราวที่พระองค์สั่งสอนและขอให้เรากระทำดังนี้เพื่อระลึกถึงพระองค์ เรื่องพันธะกิจแห่งความรักและการรับใช้ ดูจะเป็นเรื่องที่พระองค์ย้ำกับศิษย์ก่อนเสด็จสู่สวรรค์
        พระองค์จะยังคงประทับอยู่ในชุมชนของเราด้วยศีลมหาสนิท HOLY COMMUNION ในพิธีขอบพระคุณพระเจ้าในวันของพระองค์
        ขอบคุณพ่อแม่และบรรดาผู้ใหญ่ที่ให้ความสำคัญ นำพาลูกหลานมาวัดและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน เพื่อให้เด็กๆเหล่านี้กลายเป็น “ศิษย์ที่เจริญวัย ก้าวออกไป” เพื่อนำความรักของพระเจ้าซึ่งสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรมกิจการรักและช่วยกัน”
        อีก 50 ปี บรรดาเด็กๆเหล่านี้ก็จะพูดคุยกันถึงเรื่องราวที่เรากำลังทำกันในวันนี้ เหมือนบรรดามิชชันนารี บรรพชนของครอบครัวเราต่างได้เคยร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันมาอย่างยาวนาน 350 ปี
        เชิญชวนพ่อแม่แต่งตัวลูกให้สวยงามและเตรียมตัวอย่างเต็มที่เพื่อมาร่วมพิธีขอบพระคุณในวันอาทิตย์หน้า สมกับการมานมัสการพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงรักเราทุกคน
       
คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม


บอกกล่าว เล่าเรื่อง
รักตนเองได้ก็รักผู้อื่นเป็น
เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสได้อ่านบทความสั้นๆของวัยรุ่นคนหนึ่งโดยเธอใช้ชื่อบทความนี้ว่า ทฤษฏีหน้ากากออกซิเจนบนเครื่องบิน โดยวัยรุ่นคนนี้ได้นิยามเรื่องนี้ไว้ว่า ทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบิน จะได้ยินกฎข้อหนึ่งเสมอว่าเมื่อหน้ากากออกซิเจนตกลงมา ให้ใส่ให้ตัวเองก่อนแล้วค่อยใส่ให้เด็กที่นั่งข้างๆ
ถ้าเรายังไม่ได้ใส่หน้ากากแล้วใส่ให้คนข้างๆก่อน สิ่งที่อาจเกิดขึ้น คือ เราอาจจะขาดอากาศหายใจไปก่อนโดยที่อาจยังไม่ทันใส่ให้เขา สุดท้ายใส่ให้ตัวเองก็ยังไม่ได้ คนข้างๆ ก็ยังไม่ทันใส่ให้ได้ กลายเป็นแย่กันไปหมดแต่ถ้าเราใส่ให้ตัวเองแล้ว หายใจได้แล้ว จะใส่ให้อีกกี่คนจะช่วยใครอีกกี่คนก็ทำได้ ทฤษฏีนี้ก็ไม่ต่างจากความรัก จะรักคนอื่นได้ดีก็ต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้ดีก่อน ด้วยการยอมรับ ด้วยความเข้าใจ ให้อภัยตัวเองให้ได้แล้วจึงมอบความรักนั้นให้คนอื่น ถ้าเรายังรักตัวเองไม่เป็นถึงเจอความรักที่ดีแค่ไหน เราก็ไม่เข้าใจ ยิ่งแย่ไปกว่าเราอาจจะทำลายความรักนั้นกับมือก็เป็นได้และตอนท้ายๆ ของบทความเธอก็สรุปสั้นๆว่าให้ท่องไว้ว่า 1. ต้องรักตัวเองให้ดีก่อน ถึงจะรักคนอื่นให้ดีได้ 2. ต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน ถึงจะดูแลคนอื่นให้ดีได้
บทความนี้อาจไม่ใช่บทความที่ดีที่สุดอะไร อาจจะไม่ได้ให้นิยามความรักที่สวยงามอะไรนัก แต่เวลาที่พ่อได้อ่านก็ทำให้กลับมาคิดบางสิ่งบางอย่าง ถึงการรักตนเองแบบที่ควรจะเป็น และพ่อคิดว่าเราทุกคนโดยธรรมชาติ เราก็มีแนวโน้มรักตนเองอยู่แล้ว แต่รักแบบที่ควรเป็นหรือรักแบบที่เราคิดว่ารัก ลองย้อนมองดูตัวเราแต่ละคน เรารักตนเองเพียงพอหรือยัง
รักตนเองด้วยการเรียนรู้ที่จะดูแลสุขภาพกายและใจให้ดี พักบ้าง มีเวลานั่งหายใจสงบๆ เฉยๆ บ้าง ได้ทบทวนชีวิตบ้าง ออกจากหน้าจอโทรศัพท์มาอยู่ต่อหน้าต่อตาคนข้างหน้าเราบ้าง การพักเป็นหน้าที่ อย่าปล่อยให้ตัวเองอ่อนล้า ทำงานหนักได้ แต่ต้องมีขอบเขต ไม่อย่างนั้นสุดท้ายเราจะไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงของคนอื่น แต่จะกลายเป็นภาระของคนรอบข้างแทน เราอาจได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงบ่อย ที่บอกว่า เก็บเงินมาทั้งชีวิตแทบตายกะสบายในวัยชราแต่สุดท้ายเก็บเงินทั้งหมดมาให้หมอซะงั้น เรียนรู้ที่จะรักตนเองมากขึ้น รักแบบที่ควรรัก แบบที่ควรเป็น ไม่ใช่รักแบบเห็นแก่ตัวหรือเอาแต่ได้
            พ่อก็มานึกถึงสิ่งที่พระเยซูบอก รักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง รักคนอื่นให้เหมือนรักตนเองมันเห็นภาพชัดเจนที่สุด ว่าควรจะรักขนาดไหน ถ้ารักได้เหมือนที่เรารัก และสนใจตนเองอย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ใช่รักแบบเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ เราจะเข้าใจว่าควรจะรักคนอื่นอย่างไร อย่างเพียงพอ อย่างที่ควรเป็น ลองกลับมาย้อนดูตัวเราแต่ละคน รักตนเองดีพอหรือยัง กลับมาสนใจ ใส่ใจให้เวลากับตนเอง กับคนรอบตัวมากขึ้น รักตนเองอย่างถูกต้องเพื่อจะรักคนอื่นได้อย่างเหมาะสม
ปลัดวัดสาทร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น