วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2017

พี่น้องที่รัก
            การต้อนรับพระสงฆ์ใหม่ทั้งสามของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯผ่านพ้นไปแล้ว เป็นการสมโภชพระตรีเอกภาพอย่างสมบูรณ์แบบทั้งของพระเป็นเจ้าและพวกเราคริสตชนที่มาร่วมมิสซาในวัดเซนต์หลุยส์
            และวันนี้เองเป็นวันแห่ศีลมหาสนิท พ่อก็ใช้คำเดิมๆ ที่ติดปากมาตั้งแต่เล็ก เพราะคุ้นตาและคุ้นเคยที่มีสัตบุรุษมาร่วมมิสซาจำนวนมากมายพร้อมกับแห่ศีลมหาสนิทรอบบริเวณวัดเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพระเยซูเจ้า ที่ยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อมอบชีวิตของพระองค์เลี้ยงดูเราด้วยพระกายของพระองค์  บางทีก็นึกถึงวันเป็นเด็กช่วยมิสซาที่หัวเต็มไปด้วยดอกไม้ของเพื่อนๆ เด็กหญิง ที่ถวายดอกไม้โปรยตลอดการแห่ศีลมหาสนิท มีทั้งมะลิ กลีบกุหลาบ ดอกไม้หลากหลายชนิดเพื่อการต้อนรับพระองค์ และยังเก็บภาพทรงจำที่ดูเป็นพิธีการที่สง่างามเมื่อเวลาอัญเชิญศีลมหาสนิทไปยังพลับพลาที่ประดับประดาด้วยซุ้มดอกไม้และใบไม้ จนมาถึงวันนี้ภาพก็ยังคงให้ความหมายดังเดิมยังคงมีผู้คนและบรรยากาศชวนให้ระลึกถึงการเลี้ยงดูของพระเจ้าต่อชาวเราทุกคน
            พ่อกับพ่อวีรยุทธได้เข้ามาทำหน้าที่หนึ่งเดือนกับห้าวันแล้ว กินอิ่มนอนหลับสบาย งานอภิบาลอาจมีมากทั้งผู้เป็นและผู้ตาย แต่มีผู้ร่วมทำงานทั้งพระสงฆ์ประจำที่วัด 3 ท่าน โรงพยาบาล 1 ท่าน เสริมเพิ่มเติมจากบ้านเณรเล็กและใหญ่สลับกันมาอีก 2 ท่านยังมีมาเซอร์ ซิสเตอร์ และพี่น้องฆราวาสหลายหมู่คณะ รวมทั้งทีมงานของวัดทั้งสำนักงานวัด หลังวัดและหลังบ้าน ในเวลาเดียวกันยังมีโรงเรียนของวัดที่มีมาเซอร์และคุณครูช่วยทำหน้าที่บริหารจัดการ ก็ทำให้งานมากมายกลายเป็นงานที่ดำเนินไปอย่างดี สิ่งที่ช่วยทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีก็คือ “ภาวนา” งานกับภาวนาต้องไปด้วยกัน ภาวนาคือมิสซาและการอยู่กับพระ ผู้ใหญ่ท่านย้ำเสมอ ๆ ว่า “พระไม่ทิ้งเรา” แต่เราอย่าทิ้งพระองค์หรือลืมพระองค์เท่านั้นเอง
            ภารกิจสำคัญของวัด คืองานฉลองวัดเซนต์หลุยส์ 60 ปี วันฉลองตรงวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม มิสซาเวลา 10.00 น.พระคาร์ดินัลฟรังซิสเกรียงศักดิ์ เป็นประธาน และจะมีงานภายนอกคือเดินการกุศลที่สวนลุมฯ ในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ระยะทางที่เดินแบบการกุศล กิโลเมตรเศษๆ เพื่อให้เป็นเดินแบบคริสตชน(ชิวๆ) โอกาสหน้า 75 ปีต้องเดินแบบเอมมาอุส 11 กิโลเมตร เดินไปกับพระเยซูเจ้าเหมือนกับศิษย์สองคนนั้น แต่ตอนนี้พ่อต้องรบกวนขอผู้สนับสนุน(sponser)เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายจัดงานครั้งนี้ ขอพี่น้องติดต่อกับพ่อโดยตรงได้
            “ทุกคนช่วยกันทำงาน แม้ว่าความสามารถและหน้าที่ความรับผิดชอบต่างกัน แต่เมื่อรวมกันคือเรื่องเดียวกัน”
พ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
..............................................................................................

บอกกล่าว เล่าเรื่อง
 ครั้งหนึ่งตอนยังเป็นเณรจำได้ว่าด้านหลังห้องพักมีบ่อเล็กๆ เมื่อตอนย้ายเข้าไปแรกๆ ก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำอะไรหลังห้อง นอกจากเอาไว้ตากผ้าแล้วก็ปล่อยโล่ง ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก จากไม่คิดจะทำอะไรกับพื้นที่หลังห้อง ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะเกิดงานอดิเรกที่ไม่อยากจะทำ นั่นคือสะสมมูลนกพิราบ แม้จะล้างไปกี่ครั้งมันก็มาถ่ายให้เห็นทุกวัน เวลานั้นพ่อจึงต้องเริ่มคิดที่จะทำอะไรกับพื้นที่ว่าง ๆ หลังห้อง เพื่อต้องการบอกนกพิราบเหล่านี้ว่า พื้นที่นี้มีเจ้าของไม่ใช่ส้วมสาธารณะอย่างที่พวกมันคิด ภารกิจเลี้ยงปลาตัวน้อย ๆ จึงเกิดขึ้น ปลาหางนกยุงและปลาคราฟ ตัวน้อย ๆ จึงมีโอกาสว่ายวนเวียนในอ่างน้อย ๆ หลังห้องของผม จากสะสมมูลนกพิราบก็เปลี่ยนเป็น สะสมลูกปลาตัวน้อย ๆ ที่ถือกำเนิดอีกหลาย ๆ ชีวิต และนกพิราบก็ไม่มาถ่ายมูลของมันบริเวนนั้นอีก พ่อเริ่มมีโอกาสเฝ้ามองมัน ทุกๆ เช้ามันจะว่ายขึ้นมารวมกัน เหมือนรู้ว่าเป็นเวลาที่พ่อจะให้อาหาร ก็เป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ได้มองเวลามองหลาย ๆ วัน ก็เกิดคำถามขึ้นในหัว "ปลามันจะรู้ไหมว่ามันกำลังว่ายอยู่ในน้ำ มันเห็นน้ำไหม"หรือมันคงเคยชินกับสภาพที่เป็นจนไม่รู้ก็เป็นได้ ต้องยอมรับว่าหลายครั้งเราก็อยู่กับสภาพเดิม ๆ ทุก ๆวันทำสิ่งเดิมจนเป็นความเคยชิน หรือหลาย ๆ ครั้งความเคยชินก็ทำให้เราชินชาและทำสิ่งต่าง ๆ เพราะต้องทำโดยลืมคิดถึงคุณค่าหรือความหมายที่แท้จริงไป
ชีวิตคริสตชนของเราก็อาจจะไม่ต่างจากเรื่องที่พ่อได้เล่ามา เราผ่านเทศกาลต่างๆใน พระศาสนจักร จนเวลานี้เราจบเทศกาลปัสกาไปแล้วอีกหนึ่งปี และเข้าสู่เทศกาลธรรมดา ชีวิตคริสตชนของเราก็วนเวียนเปลี่ยนผ่านไปตามกาลเวลา บางทีอาจจะผ่านแบบไม่รู้ตัว ผ่านการร่วมพิธีกรรม ร่วมมิสซาแต่ละสัปดาห์ด้วยความเคยชิน มาวัดมาร่วมพิธีกรรมเพราะต้องมา มาแก้บาปรับศีลเพราะกลัวจะเป็นบาป จนเราลืมความหมายหรือคุณค่าที่แท้จริงไป เหมือนกับปลาที่อาจจะไม่รู้ว่ามันกำลังว่ายอยู่ในน้ำ บางทีอาจต้องเป็นปลาที่ว่ายขึ้นมาเหนือน้ำบ้าง เพื่อจะได้เห็นว่าน้ำที่ว่ายอยู่ทุกวันเริ่มเสียหรือเปล่า เพื่อจะได้ไม่ตายอยู่ในสภาพนั้น เช่นกัน ช่วงเวลาที่ผ่านไปแต่ละเทศกาลแต่ละปี เป็นโอกาสที่เราน่าจะหยุดคิดทบทวนดูชีวิตของเราบ้างเหมือนกัน เราเป็นคริสตชนที่ร้อนรนในความเชื่อความศรัทธาอยู่หรือเปล่า หรือเรากำลังเป็นคริสตชนที่กำลังปฏิบัติศาสนกิจด้วยความเคยชิน จนลืมจนพลาดสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือหัวใจและความตั้งใจดีที่เคยมีไป

                                                                                                                ปลัดวัดสาทร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น