วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2015

พี่น้องที่รัก
                พ่อจำได้ว่าเมื่อประมาณสี่สิบปีที่แล้ว  วัดเซนต์หลุยส์ของเรามีจำนวนสามเณรในบ้านเณรยอแซฟ
มากเป็นอันดับสองของเณรจากวัดต่าง ๆ ทั้งหมด แม้จะจำไม่ได้ชัดเจนว่ามีจำนวนเท่าไรกันแน่ แต่ก็มีไม่น้อยกว่า 15 คนซึ่งนับว่าเป็นจำนวนมากทีเดียว ในเวลานั้นสามเณรส่วนใหญ่ของวัดเซนต์หลุยส์ก็เริ่มต้นมาจากการเป็นเด็กช่วยมิสซา ช่วยพิธีกรรม นักขับร้อง ที่สุดเมื่อคุณพ่อเจ้าอาวาสเห็นว่าเหมาะสม ก็ส่งให้เด็กเหล่านั้นเข้าไปฝึกฝนตัวเองในบ้านเณร เพื่อเป็นพระสงฆ์
                เรื่องที่น่ายินดีก็คือ ในปีนี้มีพระสงฆ์ลูกวัดเซนต์หลุยส์ของเราที่บวชเป็นพระสงฆ์มาครบ 25 ปี จำนวนถึงสามองค์ครับ ซึ่งได้แก่ คุณพ่อปิยะชาติ มะกรครรภ์ คุณพ่อสุรนันท์ กวยมงคล และ คุณพ่ออนุรัตน์ ณ สงขลา คุณพ่อทั้งสามท่านเคยเป็นเด็กช่วยมิสซาที่วัดแห่งนี้ และ เจริญเติบโตขึ้นภายใต้การเอาใจใส่ของพระสงฆ์ในสมัยก่อน ตั้งแต่สมัยคุณพ่อลังเยร์ คุณพ่อลาบอรี่ และ พ่อเจ้าวัดองค์ต่อ ๆ มา อาทิ คุณพ่อลออ สังขรัตน์ คุณพ่อดาเนียล
                พ่อเองมีความเห็นว่า การที่บุคคลคนหนึ่งตอบรับกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ที่พระเจ้าประทานให้ ด้วยการเริ่มต้นจากการสมัครเข้าบ้านเณรเพื่อฝึกฝนตัวเอง และ พิจารณาตนอย่างถ่องแท้ถึงภารกิจที่พระเจ้าจะประทานให้ ก็เป็นสิ่งที่น่ายกย่องแล้ว แต่สำหรับสามเณรที่สามารถตอบรับเสียงเรียกของพระเจ้าและก้าวต่อจนไปถึงขั้นการสมัครใจขอรับศีลบวชเป็นพระสงฆ์นั้นเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญ และยิ่งไปกว่านั้น สำหรับพระสงฆ์ที่ดำเนินชีวิตรับใช้พี่น้องสัตบุรุษ โดยสละละความปรารถนาส่วนตัวทิ้งไปเสียเป็นเวลานานถึง 25 ปีนั้น เป็นเรื่องที่เราสมควรที่จะแสดงออกอย่างชัดเจนออกมาภายนอกว่า ขอขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระองค์โปรดประทานพระสงฆ์ให้กับเรา เพื่อเป็นผู้นำฝ่ายจิตใจของเรา เป็นคนกลางระหว่างเรากับพระเจ้า นำการอภัยของพระองค์มาสู่เรา เป็นผู้ช่วยนำพาเราให้ก้าวไปบนเส้นทางแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงเรียกเราทุกคนให้ก้าวไป เป็นผู้ช่วยประคับประคองเราให้ผ่านเส้นทางชีวิตบนโลกนี้ ไปสู่ชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์ทุกคน
                ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สภาภิบาลวัดเซนต์หลุยส์ของเราจึงร่วมใจกันจัดงาน ฉลองครบรอบ 25 ปีชีวิตสงฆ์ให้กับคุณพ่อลูกวัดของเราทั้งสาม รวมไปถึงพระสงฆ์ร่วมรุ่นที่ได้รับศีลบวชพร้อมกันอีกสี่องค์ ซึ่งได้แก่ คุณพ่อพงศ์เทพ ประมวลพร้อม คุณพ่อพรชัย บรัศวกุล คุณพ่ออนุรักษ์ ประจงกิจ และ ตัวพ่อเอง พ่อสุพจน์ ฤกษ์สุจริต  ทั้งนี้เราจะมีพิธีบูชาขอบพระคุณ โมทนาคุณพระเจ้า ในเย็นวันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2558 เวลา 17.30 . หลังจากพิธีจบแล้ว จะมีการทานอาหารโต๊ะจีนร่วมกันในบริเวณโรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษาครับ
                พ่อจึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องทราบโดยทั่วกัน และขอเรียนเชิญพี่น้องทุกท่านครับ
คพ.สุพจน์
..........................................................................................................................................

พี่น้องที่รัก
ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้ แต่เราเองสมัครใจสละชีวิตนั้น” (ยน. 10:18)จากพระวาจาของพระเจ้าประโยคนี้ เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงแยกความแตกต่างระหว่างคนเลี้ยงแกะสองประเภทอยู่ตรงที่ คนเลี้ยงแกะจริง ๆ เกิดมาเพื่อเลี้ยงแกะโดยเฉพาะ ทันทีที่มีอายุพอสมควร พวกเขาจะถูกส่งออกไปอยู่กับฝูงแกะ และคลุกคลีอยู่กับแกะ จนแกะกลายเป็นเพื่อนและเป็นเหมือนหุ้นส่วนชีวิต ที่พวกเขาคิดถึงก่อนจะคิดถึงตัวเองเสียอีก ส่วนคนเลี้ยงแกะที่เป็นลูกจ้างนั้น... พวกเขาไม่ได้มีกระแสเรียกเป็นคนเลี้ยงแกะตั้งแต่เริ่มแรก สาเหตุเดียวที่ทำให้พวกเขาเข้าสู่วงการเลี้ยงแกะคือความต้องการ "งานและเงิน" พวกเขาจึงขาดสำนึกและความรับผิดชอบต่อหน้าที่อันสูงส่งเช่นนี้ ดังนั้น หากสุนัขป่าเข้าโจมตีฝูงแกะ ลูกจ้างเลี้ยงแกะจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างหมด นอกจากการวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น  สิ่งที่พระองค์ทรงสะท้อนให้กับเรา คือ หากเราทำงานเพียงเพราะหวัง "รางวัล" เราจะคิดถึง "เงิน"เป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเราทำงานเพราะ "ใจรัก" เราจะคิดถึง "คน" ที่เราตั้งใจรับใช้ ดังนั้น แบบอย่างของพระองค์ซึ่ง เป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ทำให้เราได้ ใคร่ครวญ 2 ประการด้วยกัน คือ
           1. พระเยซูเจ้าคือผู้เลี้ยงแกะที่ดี คำว่า "ดี" ในภาษากรีกใช้ 2 คำ คือ
- agathos (อากาธอส) หมายถึงสิ่งที่มีคุณภาพ หรือ มีคุณสมบัติทางด้านศีลธรรมอยู่ในเกณฑ์ดี
- kalos (คาลอส) หมายถึงนอกจาก "ดี" แบบ "อากาธอส" แล้ว ยังมีความน่ารัก น่าชื่นชมแฝงอยู่ด้วย
และพระองค์ทรงเลือกใช้คำ "คาลอส" เพื่อบอกว่าทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ "ดี" หมายความว่า พระเยซูเจ้านอกจากจะเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี มีประสิทธิภาพและซื่อสัตย์ต่อการปกป้องฝูงแกะของพระองค์แล้ว พระองค์ยังมีความน่ารักอีกด้วย เหมือนเวลาเราบอกว่า "คุณพ่อคนนี้ดี" หรือ "คุณหมอคนนั้นดี" เราไม่ได้หมายความเพียงว่า คุณพ่อหรือคุณหมอคนนั้นเก่งเพียงอย่างเดียว แต่เราคิดถึงความใจดี ความเอื้ออาทร ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น อันเป็นคุณสมบัติที่น่ารัก น่าชื่นชมของท่านเหล่านั้นด้วย
2. คนรับจ้างเลี้ยงแกะคืออันตรายใหญ่สุด ฝูงแกะคือพระศาสนจักร อันตรายของพระศาสนจักร (ครอบครัวของเรา) มีทั้งจากภายนอก คือสุนัขป่า ขโมย และโจร จากภายใน คือ คนรับจ้างเลี้ยงแกะที่ไม่รับผิดชอบและพร้อมทอดทิ้งแกะให้เผชิญภยันตรายตามลำพัง หากผู้เลี้ยงแกะมองกระแสเรียกของตนเป็น "อาชีพ" มากกว่าเป็น "การรับใช้" แกะย่อมตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง เพราะศัตรูจากภายนอกสามารถจู่โจมเข้าทำลายฝูงแกะได้โดยง่าย
สิ่งที่เป็นข้อคิดสำหรับเราแต่ละคน คือ ให้เราได้ตระหนักถึงพระพรของพระ (ตามแบบอย่างขององค์พระเยซูเจ้า ผู้เลี้ยงแกะที่ดี) ที่เรียกเรามาเป็นคริสตชน (ให้เรามีหน้าที่บทบาทต่างๆ เป็นพ่อแม่ อาชีพต่างๆของเรา พระสงฆ์ นักบวช กระแสเรียก คือ สิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้มาทำหน้าที่ต่างๆ) ซึ่งนี่มิใช่เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น แต่เป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่ เราจะได้ดำเนินชีวิตคริสตชนของเราได้อย่างดี ด้วยการรักและรับใช้ดังที่องค์พระเยซูเจ้าได้กระทำเป็นแบบอย่างแก่เรา จงรู้จักฟังเสียงของพระองค์ แล้วตามพระองค์ไปเสมอแล้วจะไม่มีใครเอาชีวิตเราไปได้นอกจากพระเจ้า ผู้ทรงเป็นชีวิตแท้ของเรา


พ่อพงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น