วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2015

พี่น้องที่รัก
            “สันติสุข จงอยู่กับท่าน"
            ภายหลังจากที่พระเยซูเสด็จกลับคืนชีพจากความตาย ในพระวรสารนักบุญลูกา และ พระวรสารนักบุญยอห์นเล่าว่า สิ่งแรกที่พระเยซูตรัส เมื่อพระองค์ปรากฏพระองค์มาท่ามกลางกลุ่มอัครสาวกพระองค์ตรัสว่า "สันติสุข จงอยู่กับท่าน" พระองค์ต้องการสื่อความหมายอะไรกับพวกสาวกกันแน่ หรือ อาจเป็นเพียงต้องการบอกว่า "อย่ากลัวไปเลย ทุกอย่างจะเรียบร้อยในที่สุด" เพราะในพระวรสารนักบุญยอห์นให้ข้อสังเกตว่า เวลานั้นพวกสาวกแอบซ่อนกำบังตัวอยู่ภายในห้องที่ปิดประตูแน่นหนา "เพราะกลัวพวกยิว" แต่นั่นก็ไม่ใช่ความหมายที่แสดงเนื้อความที่สมบูรณ์ตามคำที่ใช้
            แม้ว่าพระวรสารจะถูกบันทึกไว้เป็นภาษากรีก แต่พระเยซูคงไม่ได้พูดภาษากรีกกับบรรดาสาวกแน่ พระองค์น่าจะพูดกับพวกเขาเป็นภาษาอารามาอิกว่า "ชาลามา" (เทียบเท่ากับคำว่า "ชาโลม" ในภาษายิว" คำคำนี้สามารถนำมาใช้เป็นคำทักทายได้ก็จริงอยู่ แต่ถ้าใช้ในใจความนั้นจะมีความหมายเพียง การส่งความปรารถนาให้ได้รับพรมากมาย บริบูรณ์ แต่ในกรณีของพระเยซู พระองค์ไม่ได้ต้องการเพียงส่งความปรารถนาดีเท่านั้น เพราะพระองค์มีอำนาจที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ตรัสได้อยู่แล้ว ดังนั้นพระองค์ไม่ได้เพียงแค่ปรารถนาดี แต่พระองค์ประทานให้ตามที่พระองค์ตรัสเช่นนั้น
            คำว่า "ชาโลม" มีความหมายที่กินขอบเขตกว้างขวางเลยโพ้นไปจาก "สันติสุข" อันเนื่องมาจากบ้านเมืองสงบสุข คำว่า "ชาโลม"ในภาษฮิบรู มีความหมายถึง ความสมบูรณ์ ความบริบูรณ์ สุขภาพที่ดี สันติสุข ความมั่นคง ความปลอดภัย ปราศจากความกังวล มั่งคั่ง สงบสุข กลมกลืน ปราศจากภัยอันตราย  ดังนั้นจึงหมายถึง ชีวิตที่สมบูรณ์ อย่างที่ช่วงนี้เราชอบพูดกันว่า "ชีวิตดี๊ดี" ดังนั้นจึงหมายถึง ชีวิตที่ดีพร้อม ทั้งทางด้านวัตถุปัจจัย และทางด้านจิตใจที่งดงาม ในความสัมพันธ์กับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์
            สันติสุขเช่นนี้แหละที่พระเจ้าประทานให้ อย่างที่นักบุญเปาโลเคยกล่าวเอาไว้ว่า "เกินสติปัญญาจะเข้าใจได้" และ "จะคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่านไว้ในองค์พระคริสตเยซู" (ฟป 4:7) ดังนั้น สันติสุขนี้จึงเป็นสันติสุข แบบเหนือธรรมชาติ เป็นสภาวะที่จิตใจที่บรรลุถึงความบริบูรณ์ ด้วยพระพรที่เปี่ยมล้น เป็นความสุขภายในอย่างที่พระเยซูตรัสไว้ว่า "จงมาหาเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน ท่านจะพบกับการพักผ่อนสำหรับวิญญาณของท่าน" (มธ 11:28-29) และนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมพระเยซู จึงกล่าวทักทายกับสานุศิษย์ว่า "เรามอบสันติสุขให้กับท่าน เราให้สันติสุขกับท่าน สันติสุขนี้ไม่เหมือนกับที่โลกให้" (ยน. 14:27) สันติสุขของพระองค์นั้นล้ำลึก เยียวยา และ รักษาเราให้เข้มแข็ง และ อยู่คงทนนานกว่า สิ่งใดๆที่โลกให้กับเราได้
            วันนี้พ่อก็ขอให้สันติสุขของพระเยซูสถิตอยู่กับพี่น้องทุกท่านที่รักพระองค์ครับ

พ่อสุพจน์
..................................................................................................................................... 
พี่น้องที่รัก
พระเยซูเจ้าได้ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด”   บรรดาศิษย์ที่ได้ยินเสียงของพระเยซูเจ้าต่างตกใจกลัว  พระองค์มาอยู่ท่ามกลางพวกเขาโดยไม่คาดคิด พระองค์ได้ตรัสอีกว่า ท่านวุ่นวายใจทำไม”  เพราะอะไรท่านจึงมีความสงสัยขึ้นในใจ  ความสงสัยและความกลัวของบรรดาศิษย์ทำให้พระองค์ได้แสดงพระวรกายของพระองค์  เพื่อให้เกิดความชัดเจนด้วยรอยตะปูที่พระหัตถ์และพระบาท   บรรดาศิษย์มีความยินดีและแปลกใจจนไม่อยากเชื่อ  และพระองค์ได้ตรัสอีกว่า  ท่านมีอะไรกินบ้าง”  เขาได้ถวายปลาย่างชิ้นหนึ่งแด่พระองค์  และเพื่อเปิดดวงปัญญาของบรรดาศิษย์ให้เข้าใจในพระคัมภีร์ที่มีเขียนไว้ว่า  พระคริสตเจ้าจะต้องรับทนทรมานและจะกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม  การประกาศในพระนามของพระองค์  เพื่อให้นานาชาติได้กลับใจ  โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม   ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี้  และสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับพระเยซูเจ้า  เราทุกคนซึ่งเป็นลูกของพระองค์จะปล่อยโอกาสที่พระองค์ได้มอบแก่เราทุก ๆ คนสูญไปหรือ  เราต้องมีความเชื่อ  ถึงแม้เราจะไม่เห็นและไม่กล้า   เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นแก่บรรดาศิษย์  เราต้องมีจิตใจเข้มแข็งแน่วแน่   เราจะไม่เป็นเหมือนกับศิษย์   กว่าที่พวกเขาจะได้เห็นและได้เชื่อ ผีไม่มีเนื้อไม่มีกระดูก อย่างที่เรามี ท่านมีอะไรกินบ้าง เขาจึงถวายปลาย่างชิ้นหนึ่งให้พระองค์ พระองค์รับมาเสวยต่อหน้าพวกเขา ผลงานที่ประสบความสำเร็จระยะสั้น  ไม่สามารถนำสันติแท้จริงมาสู่ชีวิตได้  ผลงานที่ยั่งยืนกว่า  คือ  การพัฒนางานต้นแบบที่สามารถให้คนอื่นนำไปปฏิบัติได้   ผลงานที่ยั่งยืนที่สุดคือ  แบบอย่างชีวิตของท่านนักบุญต่างๆ ชื่อและชีวิตของท่านได้ถูกจารึกอยู่บนสวรรค์   ใครที่ดำเนินตามนั้นก็จะเป็นอมตะตามแบบท่าน หากในเวลานี้ใครที่กำลังมีความวิตกกังวลหรือตกใจกลัว เนื่องด้วยสถานการณ์หนึ่งใดของชีวิตอยู่ ก็จงระลึกถึงพระเยซูเจ้า และจงมีสันติสุขที่เกิดขึ้นในใจของเรา ถึงแม้พระองค์จะจากไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว สันติสุขนั้นยังคงอยู่ในใจเรา ในศีลศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าได้เยียวยารักษาจิตใจผู้ที่ผิดหวังหมดกำลังใจ พระองค์จุดประกายความหวังขึ้นใหม่เป็นสันติสุขของผู้ที่ได้เผชิญกับวิกฤติการณ์ในชีวิต หรือเต็มไปด้วยความผิดหวัง ก็จะเข้าใจได้ดีถึงสภาพแห่งความผิดหวังดังกล่าว แล้วในขณะที่เราอยู่ในความทุกข์โศกนั้นในเวลาที่เราผิดหวังและเศร้าโศกเสียใจนั้น    เราอาจเตือนกันและกันได้ถึงสันติสุขของพระเจ้า  ที่จะนำเราผ่านช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดในชีวิตไปสู่สันติสุขของพระเจ้าได้  พระคริสตเจ้าจะต้องรับทนทรมาน และกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม จะต้องประกาศพระนามของพระองค์ให้นานาชาติได้กลับใจเพื่อรับอภัยบาปโดยเริ่มจากกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี้” (ลก 24:46-48)ชีวิตของเรามีบาปด้วยกันทุกคน บางคนมาก บางคนน้อย และยังมีความบกพร่องที่ไม่ได้รับการแก้ไขไปตลอดชีวิต หรือบางทีอะไร ๆ อาจจะเลวร้ายลงเสียด้วยซ้ำ แต่ปัญหาและความอ่อนแอของเราก็เป็นอยู่แค่ชั่วคราวเพราะพระองค์ทรงเป็นเครื่อง บูชาชดเชยบาปของเรา และไม่เพียงแต่ชดเชยเฉพาะบาปของเราเท่านั้น แต่ชดเชยบาปของมนุษย์ทั้งโลกด้วย หากในอดีตเราเคยพ่ายแพ้ต่อบาป การคาดหวังถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้กับเรา อาจทำให้มีความหวังขึ้นในหัวใจของเราได้  ความหวังทำให้เรามีจุดยืน และทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้ด้วยกำลังที่มาจากข้างใน เพราะเรารู้ว่าวันหนึ่งเราจะเปลี่ยนไปจากที่เราเป็นอยู่นี้โดยสิ้นเชิง ไม่มีต้นแบบใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่ใครบางคนยอมทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเท่ากับพระเยซู   แล้วทำไมพระองค์ต้องดิ้นรนทำตามพระประสงค์ของพระบิดาให้ได้หรือนั่นก็เพราะพระองค์ต้องการรับแบกโทษบาปของโลกทั้งหมด ถ้าเราแบกบาปของตัวเราเองและของโลก ดำรงชีวิตในความซื่อสัตย์มั่นคงในความเชื่อ เป็นพยานด้วยชีวิต สันติสุขก็จะดำรงอยู่ในชีวิตของท่าน


พ่อพงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น