วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2014

พี่น้องที่รัก
                สัปดาห์นี้วัดเซนต์หลุยส์ของเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ต้อนรับ พระอัครสังฆราช ซาวีโอ ฮอน ไต ไฟ เลขาธิการสมณกระทรวงเผยแผ่ข่าวดีสู่ปวงชน  และ  บรรดาพระสังฆราชจากสังฆมณฑลต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยของเรา รวมไปถึงตัวแทนคณะนักบวชชายหญิง และ องค์กรฆราวาส ที่มาร่วมกันในพิธีบูชาขอบพระคุณพระเจ้าในรอบ 10.00 . ของวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน
                พ่อในนามของสภาภิบาล และ พี่น้องสัตบุรุษวัดเซนต์หลุยส์ขอต้อนรับบรรดาพระคุณเจ้า พระสงฆ์ นักบวชชายหญิง และพี่น้องสัตบุรุษจากองค์กรฆราวาสทุกท่านด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะวันนี้เป็นวันที่เราทุกคนได้มีโอกาสหวนกลับมารำลึกถึงบทบาทหน้าที่ที่สำคัญที่พระเยซูได้ทรงมอบให้ไว้กับศิษย์ของพระองค์ทุกคนนั่นก็คือ การประกาศข่าวดีของพระเจ้าไปทั่วทุกแห่งหน ทุกมุมโลก ภารกิจสำคัญประการนี้พระอาจารย์เจ้าของเราทรงมอบให้กับศิษย์ของพระองค์ทุกคนไม่เว้นใครเลย ดังนั้นการมาร่วมชุมนุมกันภาวนาในพิธีบูชาขอบพระคุณครั้งนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเราทุกคนที่เป็นสมาชิกของพระศาสนจักรท้องถิ่น พร้อมใจกันประสานร่วมมือกันกับพระศาสนจักรส่วนกลางในการเผยแผ่ข่าวดีของพระเจ้าในทุกมิติ และทุกโอกาส เพื่อพระนามของพระเจ้าจะได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทุกหนทุกแห่ง

พ่อสุพจน์

ความมหัศจรรย์ของพิธีบูชาขอบพระคุณ
(ต่อจากคราวที่แล้ว)
บทที่ 4
โปรแตสแตนท์คนหนึ่งกลับใจเพราะพิธีบูชาขอบพระคุณ

                มีเรื่องเล่าว่า มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นโปรแตสแตนท์ทั้งหมด เดินทางมาเที่ยวชมอาสนวิหารแห่งเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ซึ่งตอนนั้นในอาสนวิหารพิธีบูชาขอบพระคุณกำลังดำเนินอยู่ พระสงฆ์ผู้ประกอบพิธีประกอบพิธีด้วยความตั้งใจเปี่ยมด้วยความศรัทธา โดยที่ไม่ทันได้รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เวลาผ่านไปสักครู่นักท่องเที่ยวบางคนเริ่มหันเหความสนใจไปดูการตกแต่งทางด้านสถาปัตยกรรม จึงเดินออกจากบริเวณพระแท่นไปยังมุมอื่นๆของวิหาร มีเพียงคนเดียวที่ยังคงสนใจสังเกต อากัปกิริยาทุกท่วงท่าของพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธี จนกระทั่งพิธีบูชาขอบพระคุณจบลง
                นักท่องเที่ยวผู้นี้ประทับใจอย่างลึกซึ้งกับอากัปกิริยาที่เปี่ยมด้วยความเชื่อและความชื่นบานที่ปรากฏบนใบหน้าของพระสงฆ์ผู้นั้น ที่เขาสังเกตเห็นในขณะที่พระสงฆ์ผู้นั้นเดินจากพระแท่นบูชากลับไปยังห้องแต่งอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนักท่องเที่ยวผู้นี้เดินทางกลับไปยังประเทศอังกฤษ เขาไปขอเรียนคำสอนและกลับใจมาเป็นคาทอลิกที่ศรัทธา
                ในยามที่พี่น้องต่างความเชื่อศรัทธา ต่างจารีตนิกาย ได้มีโอกาสเข้ามาในวัดและร่วมอยู่ในพิธีบูชาขอบพระคุณที่ถวายด้วยความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมของพระสงฆ์ผู้ประกอบพิธี เราเชื่อมั่นว่า คงมีหลายคนทีเดียวที่มีความประทับใจเหมือนกับความประทับใจที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษผู้นั้นที่เรากล่าวถึงข้างต้น (ยังมีต่อ)
...............................................................................................................................................

วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา
เงินตะลันต์  >  “พระพร พรสวรรค์”
                       
               
“อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับบุรุษผู้หนึ่งกำลังจะเดินทางไกล เรียกผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้  ให้คนที่หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คนที่สามหนึ่งตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วจึงออกเดินทางไป”

พี่น้องครับพระวาจาของพระเจ้าวันนี้พูดถึง เงินตะลันต์  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวละครเอกในอุปมาเรื่องนี้อยู่ที่ ผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ ซึ่งพระเยซูเจ้าต้องการหมายถึง บรรดาธรรมาจารย์และฟาริสี    ธรรมาจารย์และฟาริสี นำบัญญัติที่พระเจ้าประทานให้โดยผ่านทางโมเสส และนำคำสอนของพระองค์ที่ทรงสอนผ่านทางบรรดาประกาศกไปฝังดินไว้  โดยหวังว่าจะนำทั้งบัญญัติและคำสอนของพระเจ้าส่งคืนพระองค์ในสภาพเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงพยายามป้องกันบัญญัติและคำสอนต่างๆ ด้วยการห้ามเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือพัฒนาปรับปรุงใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น ประชาชนจึงถูกปิดกั้น ไม่รู้จักพระเจ้าและความรักของพระองค์

ดังนั้น อุปมาเรื่องนี้พระเยซูเจ้าต้องการสอนเราว่า  พระเจ้าประทานพระพรแก่เราแตกต่างกัน  บางคนอาจได้ห้าตะลันต์ บางคนสองตะลันต์ บางคนหนึ่งตะลันต์ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า เราได้ใช้ตะลันต์ หรือ พระพร หรือ พรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานให้กับเราอย่างไร “ใช้อย่างไร ไม่ใช่ ได้เท่าไร
เพราะพระเจ้าไม่เคยเรียกร้องให้เราทำสิ่งที่เราไม่มีความสามารถ  แต่สิ่งใดที่เรามีความสามารถ พระองค์ต้องการให้เราทำและใช้ความสามารถนั้นอย่างเต็มที่เพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์  ดังนั้น เราอาจมีพรสวรรค์ไม่เท่ากัน แต่สิ่งที่เรามีนั้น เราได้ใช้มันออกมาเต็มความสามารถของเราหรือไม่ นั่นแหละที่สำคัญครับ

“จงใช้..ในสิ่งที่เรามีและเป็น.. อย่ามองว่าคนอื่นมีดีกว่าเรา รวยกว่าเรา เก่งกว่าเรา
แต่จงมองว่าเราได้ใช้ในสิ่งที่เรามีและเป็น..เต็มที่แล้วหรือยัง”


คพ.วิทยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น