วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2014

พี่น้องที่รัก
            เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพี่น้องหลายท่านคงได้ติดตามรับชมการถ่ายทอดสดพิธีประกาศสถาปนานักบุญ ยอห์นที่ 23 และ นักบุญยอห์นปอลที่ 2 พระสันตะปาปากันไปแล้ว คงจะได้เห็นภาพที่น่าประทับใจกับพิธีกรรมที่จัดขึ้นที่ลานหน้าพระวิหารนักบุญเปโตรไปแล้ว วันนี้พ่ออยากเก็บเอาประเด็นสำคัญๆที่เกิดขึ้นมาเล่าสู่กันฟังสักหน่อย ประการแรก จำนวนผู้แสวงบุญที่เดินทางเข้ามาร่วมพิธีมีจำนวนมากมายจริงๆ เพราะเอ่อล้นไปถึงบริเวณริมแม่น้ำไทเบอร์ หลายคนกะประมาณว่า น่าจะมีจำนวนผู้มาร่วมงานถึง 1 ล้านคนเลย ในจำนวนนี้มีบุคคลสำคัญที่เป็นตัวแทนจากประเทศต่างมากกว่า 100 ประเทศ ในระดับกษัตริย์ก็มีจาก ประเทศเสปน เบลเยี่ยม ลิกเตนไสตน์ ลักแซมเบิร์ก และผู้นำประเทศต่างๆอีกหลายท่าน รวมไปถึง ผู้ได้รับอัศจรรย์หายจากโรคสองท่าน โดยการวอนขอผ่านทางนักบุญยอห์นปอลที่สอง คือ ฟลอรีเบท โมราดีอาส และ ซิสเตอร์ อเดล ลาบีอังกา
            เรามีโอกาสได้เห็นภาพของพระสันตะปาปาสี่พระองค์ในงานพิธีสถาปนานักบุญครั้งนี้ นั่นคือ นักบุญพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 นักบุญพระสันตะปาปายอห์นปอลที่สอง พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ และ พระสันตะปาปาฟรังซิส นอกจากนี้ยังมีพระคาร์ดินัลอีกกว่า 150 ท่านที่มาร่วมในพิธี พระสังฆราชจำนวนมาก และ พระสงฆ์อีกหลายพันองค์ พิธีเริ่มด้วย พระคาร์ดินัล แองเจโล อมาโต ร้องขอให้พระสันตะปาปาฟรังซิส ได้จารึกชื่อของบุญราศีพระสันตะปาปาทั้งสองท่านในสารบบนักบุญ หลังจากนั้นก็มีการนำพระธาตุของนักบุญทั้งสองท่านมาแสดงต่อพระสันตะปาปา พระธาตุของพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 เป็นชิ้นส่วนของผิวหนังซึ่งนำออกมาจากพระศพของพระองค์ในช่วงของการประกาศพระองค์เป็นบุญราศี ในส่วนของนักบุญพระสันตะปาปายอห์นปอลที่สองเป็นเลือดของพระองค์ที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ในช่วงที่พระองค์เจ็บป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
         หลังจากนั้นพิธีมิสซาก็ดำเนินไปอย่างสง่างาม พระสันตะปาปาฟรังซิส ได้ให้บทเทศน์ที่น่าประทับใจ และสรุปว่า ขอให้นักบุญใหม่ทั้งสอง ผู้เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้า ได้เสนอวิงวอนเพื่อพระศาสนจักร เพื่อว่าพระศาสนจักรจะได้เปิดรับพระจิตเจ้าในงานอภิบาลด้านครอบครัว และ ขอท่านนักบุญโปรดสอนเราให้ครองตนอยู่ในคุณงามความดี และมีเมตตา รู้จักให้อภัย และ รักกันและกันเสมอ
  
            เมื่อพิธีบูชาขอบพระคุณจบลง พระสันตะปาปาฟรังซิส เสด็จโดยรถยนต์ที่เรียกกันว่า โป๊ปโมบาย ออกทักทายและอวยพรผู้แสวงบุญทั่วลานพระวิหาร และ ตรงออกไปตามถนนที่มุ่งไปยังแม่น้ำไทเบอร์ด้วย
            ภาพที่น่าประทับใจเหล่านี้คงตราตรึงอยู่ในใจของเราไปอีกนานแสนนาน แม้ว่าใจของผู้คนมากมายอยากจะไปอยู่ร่วมสัมผัสเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเองก็ตาม แต่ครั้นเมื่อประเมินดูแล้ว นอนดูการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์อยู่ที่บ้านสบายกว่าเยอะครับ

พ่อสุพจน์
....................................................................................................................................
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 3
เทศกาลปัสกา
วันนี้สานุศิษย์ของพระเยซูเจ้าสองคน คนหนึ่งชื่อ เคลโอปัส อีกคนหนึ่งไม่ทราบชื่อ เดินทางไปยังเมืองเอมมาอูส เมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเยรูซาเล็มประมาณ 11 กิโลเมตร ศิษย์สองคนนี้กำลังหัวใจสลาย ผิดหวัง สิ้นหวัง เพราะพระเยซูเจ้าต้องตายอย่างทรมานและน่าอดสู แทนที่จะเป็นกษัตริย์อย่างที่พวกเขาคาดคิดไว้ เขาไม่อยากอยู่ในเมือง ที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะความกลัว เลยตัดสินใจเดินทางไปที่อื่น จนกระทั่งมีชายแปลกหน้ามาร่วมเดินทางด้วย ชายแปลกหน้าคนนี้ได้มาอธิบายพระคัมภีร์ให้พวกเขาเข้าใจ พร้อมทั้งได้ทานอาหารด้วยกัน และอาหารมื้อนั้นเอง ทำให้พวกเขาจำพระองค์ พระเยซูเจ้าได้
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ เป็นข้อคิดให้กับเราอย่างดี ถึงเรื่องของพระเยซูเจ้า ที่พระองค์ทรงเดินเคียงข้างกับศิษย์สองคนไปยังหมู่บ้านเอมมาอูส ศิษย์อยู่ในความเศร้า หมดหวัง แต่พระเยซูเจ้าทรงเตือนสติพวกเขา ด้วยการอธิบายพระคัมภีร์ และการบิขนมปังของพระองค์ ทำให้ศิษย์จำพระองค์ได้ จิตใจของเขาจึงมีความเร่าร้อน มีกำลังใจ และเปี่ยมไปด้วยความหวัง

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราก็คือ องค์พระเยซูเจ้า เราต้องมีพื้นที่หัวใจของเราในการรับพระองค์เข้ามาอยู่ในดวงใจเรา พระองค์ทรงเป็นความหวังสำหรับผู้ที่หมดหวัง และเป็นผู้ที่ทำให้เราชื่นชมยินดีและเบิกบานใจ หลายครั้งความยากลำบากในชีวิต ทำให้เราจำพระเยซูเจ้าไม่ได้ หรือเราเองอาจจะปิดหูปิดตา ไม่ยอมมองและฟังพระองค์ เราไม่ใส่ใจและไม่พร้อมเปิดหัวใจรับพระองค์หรือ.. ดังนั้น ขอให้เราได้เปิดตา เปิดดวงใจของเรา พร้อมที่จะให้พระองค์เข้ามาสู่ชีวิตของเราเสมอไป

“เพราะถ้าพระองค์อยู่เคียงข้างเราแล้ว เราไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีกต่อไป”
คพ.วิทยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น