วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2013


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            พ่อมาทำงานที่วัดเซนต์หลุยส์ได้ครบหนึ่งปีพอดี แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ยาวนานนัก แต่ก็มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดและทำความรู้จัก ทักทาย กับพี่น้องที่นี่พอสมควร นอกเหนือจากพี่น้องที่มาร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณในวันเสาร์และวันอาทิตย์แล้วเป็นประจำแล้ว พี่น้องที่มาร่วมพิธีกรรมทุกๆวันเป็นประจำสม่ำเสมอ ก็มีไม่น้อย นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเจ้าหน้าที่และบุคคลากรของวัดเซนต์หลุยส์นี่แหละ ที่พ่อพบปะเห็นหน้ากันอยู่เสมอๆทุกวัน บุคคลหนึ่งที่เป็นผู้ที่อยู่ในความสังเกตของพ่อเสมอคือ "ลุงเชิด" ด้วยความที่ลุงเชิดเป็นชายสูงอายุ ที่มีอายุถึง 86 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นคนจัดวัดของเราเสมอมา นับตั้งแต่สมัยคุณพ่อลออ สังขรัตน์เป็นเจ้าอาวาส โดยส่วนตัวพ่อไม่ทราบประวัติ ปูมหลังเกี่ยวกับลุงเชิดมากนัก แต่สิ่งที่พ่อสังเกตเห็นและสะกิดใจพ่อทุกครั้งคือ เวลาพระสงฆ์เสกศีลบนพระแท่น ลุงเชิดจะคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อแสดงความเคารพอย่างสูงสุดของการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทบนพระแท่น แม้ว่าขณะนั้นลุงเชิดจะเฝ้าติดตามพิธีกรรมอยู่ที่ห้องหลังวัดก็ตาม ลุงเชิดจะทำเช่นนี้เสมอ แสดงออกให้เห็นถึงความเชื่อที่แน่วแน่มั่นคงในองค์พระเจ้าอย่างที่ลุงเชิดมีตามประสาคริสตัง หน้าที่ประจำของลุงเชิดนอกเหนือจากการจัดเตรียมพระแท่น และ เครื่องใช้ในพิธีกรรม รวมไปถึงการตีระฆังประจำเวลาในแต่ละวันแล้ว ลุงเชิดยังเป็นเด็กช่วยมิสซาอยู่ข้างพระแท่นเสมอๆในมิสซาประจำวันเวลาเช้า ทำให้พ่อคิดอยู่ในใจเสมอเวลาที่พ่อถวายมิสซาเช้าประจำวัน และมีลุงเชิดคอยช่วยพิธีกรรมอยู่ข้างพระแท่นว่า วัดเซนต์หลุยส์อาจเป็นเพียงวัดเดียวในโลกกระมังที่มีเด็กช่วยมิสซาอายุมากที่สุด ในสมุดบัญชีศีลล้างบาปของวัดมีรายละเอียดบอกว่า "เปโตร เชิด ภู่ทอง" เกิดที่จังหวัดระนอง และได้รับศีลล้างบาป เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2519 โดยคุณพ่อลออ สังขรัตน์ ขณะที่ลุงเชิด มีอายุได้ 49 ปี แสดงว่าลุงเชิดเป็นคริสตังยืน แต่เดิมนับถือศาสนาพุทธ ลุงเชิดได้สมรสกับ โยนออฟอาร์ค ศิริวิไล พวงเพชรัตน์ ทำให้ลุงเชิดได้มีโอกาสมาเรียนคำสอน และ ได้เปิดใจรับความเชื่อในพระเจ้า นับแต่นั้นมาลุงเชิดก็ดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับพระมาตลอด ลุงเชิดเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนเคยเป็นคนขับรถแท็กซี่ ต่อมาคุณพ่อลออชวนให้มาทำงานกับวัด ลุงเชิดก็ตัดสินใจมาทำงานอยู่กับวัดเรื่อยมา จากวันนั้นถึงวันนี้ ลุงเชิด ทำงานอยู่กับวัดเซนต์หลุยส์ของเรามากว่า 30 ปีแล้ว อยู่ภายใต้การดูแลของพ่อเจ้าอาวาสที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมารับหน้าที่ที่วัดเซนต์หลุยส์แห่งนี้ 9 องค์ คุณพ่อทวีศักดิ์ กิจเจริญ อดีตเจ้าอาวาสวัดของเรา เล่าให้พ่อฟังว่า ลุงเชิด สม่ำเสมอกับการปฏิบัติหน้าที่ทุกวัน ไม่เคยหยุดงานไปธุระที่ไหน ถ้าจะมีก็สักเพียง 1 วันต่อปีเท่านั้น  แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ รับผิดชอบ ต่อหน้าที่ที่ได้รับ เป็นอย่างดียิ่ง
            เมื่อสักสองสามเดือนที่ผ่านมา ลุงเชิด เกิดอาการเหนื่อยง่าย ไปหาหมอตรวจพบว่า มีเส้นเลือดสองเส้นตีบ จึงต้องรักษาด้วยการใส่บอลลูน ต่อมาไม่นานลุงเชิดเกิดอาการไอมากผิดปกติ จึงไปให้หมอตรวจรักษา หมอบอกเป็นโรคปอดติดเชื้อต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อค่อยยังชั่วก็กลับมาบ้านพักผ่อน แต่ดูเหมือนว่า อวัยวะในร่างกายของลุงเชิดจะพร้อมใจกันป่วย เพราะกลับมาได้ไม่นาน ลุงเชิดก็ไม่สบายอีกคราวนี้ลุงเชิดมีปัญหาที่ลำไส้ต้องเข้ารับการผ่าตัด และต้องพำนักอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานทีเดียว สิ่งที่ลุงเชิดบ่นเสมอคือ อยากกลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน อยากมาทำงานที่วัดตามปกติ เป็นห่วงว่าคนอื่นต้องมาทำงานแทนตัวเอง พ่อได้แต่บอกกับลุงเชิดว่า ขอให้ลุงเชิดพักผ่อนให้หายดีเสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน ลุงเชิดก็น้อมรับ เมื่อวันที่ 25เมษายน ดูเหมือนอาการของลุงเชิดจะดีขึ้นพอที่จะกลับบ้านได้ ลูกสาวคนเดียวของลุงเชิดที่อยู่ที่จังหวัดระนอง ก็ตัดสินใจมาพาลุงเชิดไปดูแลที่บ้านที่จังหวัดระนอง แต่ลุงเชิดก็มีโอกาสได้ไปนอนพักที่บ้านที่จังหวัดระนองกับลูกสาวได้เพียงคืนเดียว ลุงเชิดก็สิ้นใจในตอนเช้าของวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2556
            ดูเหมือนชีวิตของลุงเชิด จะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรในสายตาของผู้คนในสังคมทั่วไป แต่ในสายตาของพ่อ ลุงเชิด เป็นเหมือนคนปิดทองหลังพระ ทำงานอยู่หลังพระแท่น ความรับผิดชอบ ความเอาใจใส่ ความสม่ำเสมอ ของลุงเชิดต่างหาก ที่ทำให้ชีวิตธรรมดาๆของลุงเชิดมีคุณค่า ไม่น้อยกว่าใครๆ
            ขอพระเจ้าทรงประทานการพักผ่อนตลอดนิรันดรให้กับดวงวิญญาณของ เปโตร เชิด ภู่ทอง ด้วยเถิด
คุณพ่อสุพจน์
หมายเหตุ พิธีปลงศพของลุงเชิด จัดขึ้นที่วัดเซนต์หลุยส์ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 9.00 . บรรจุศพ ณ สุสานวัดนักบุญเปโตร สามพราน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น