วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2013


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
                   วันหนึ่งมีพี่น้องสัตบุรุษของวัดเราท่านหนึ่ง พาเพื่อนมาแนะนำให้พ่อรู้จักภายหลังจากพิธีมิสซาประจำวันตอนเย็น ทั้งคู่อยู่ร่วมในพิธีมิสซาตั้งแต่ต้นจนจบ ในระหว่างมิสซาพ่อสังเกตเห็นว่า เพื่อนท่านนี้ของพี่น้องสัตบุรุษของเรา ร่วมพิธีด้วยใจสงบ หลับตาผายมือออก อธิษฐานภาวนาตามที่เขาเคยปฏิบัติเวลานมัสการพระเจ้าที่โบสถ์ที่เขาเป็นสมาชิกอยู่ เมื่อพิธีมิสซาจบลง เราจึงได้มีโอกาสสนทนากันสั้นๆ เพื่อนของพี่น้องสัตบุรุษของวัดเราท่านนี้กล่าวแนะนำตัวว่า เขามาเยี่ยมเพื่อนรักคนนี้เพราะสนิทสนมกัน ทั้งสองรู้จักกันในพิธีนมัสการในโบสถ์แห่งหนึ่ง แต่ต่อมาเกิดความไม่ราบรื่นในโบสถ์แห่งนั้นทั้งคู่จึงออกแสวงหาสถานที่แห่งใหม่เพื่อนมัสการพระเจ้า เพื่อนของเขามาพบความสงบและความสุขในการภาวนาในวัดเซนต์หลุยส์ของเราและได้เข้ามาเรียนคำสอนและรับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิก ส่วนเขาเองก็ไปเป็นสมาชิกใหม่ของโบสถ์อีกแห่งหนึ่ง วันนี้เขาถือโอกาสมาเยี่ยมเพื่อนรักคนนี้ และ มาดูว่าวัดเซนต์หลุยส์ของเรานี้มีบรรยากาศในการร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณเป็นอย่างไร เขาดีใจที่เพื่อนของเขาค้นพบความสุขสงบในจิตวิญญาณในการมาสวดภาวนาและร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณที่วัดเซนต์หลุยส์แห่งนี้
            วันนี้เป็นวันสมโภชพระจิตเจ้าเสด็จมา พระเยซูทรงสัญญากับบรรดาสาวกว่า พระองค์จะเสด็จกลับไปหาพระบิดา และ จะส่งพระจิตมา วันสมโภชพระจิตเจ้าเป็นวันฉลองการเสด็จมาขององค์พระจิตเจ้าที่เสด็จมายังโลกของเรา เพื่อสานต่อภารกิจการเสริมสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
            ดูเหมือนบทบาทหนึ่งขององค์พระจิตเจ้าที่เข้าใจได้ไม่ยากสำหรับเราทุกคนคือ การดลใจ การส่องสว่าง ในวันนี้เองมีพิธีบวชพระสงฆ์ใหม่ที่บ้านเณรยอแซฟ สามพราน พระจิตเจ้าทรงดลใจให้ชายหนุ่มสองคนตัดสินใจที่จะเข้ามาเป็นผู้รับใช้พระเจ้าอย่างใกล้ชิดในฐานะพระสงฆ์ เพื่อจะเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการเป็นผู้นำจิตใจของหมู่มวลสัตบุรุษของพระองค์
            พระจิตเจ้ายังคงส่องสว่างจิตใจของเรามนุษย์อยู่เสมอ พระองค์ทรงนำพาเรามนุษย์ทุกคนให้พบหนทางในการเข้าใกล้ชิดกับองค์พระเจ้า พระจิตเจ้ายังคงทำงานอยู่เสมอ อย่างที่พระเยซูทรงตรัสกับเราไว้ว่า "เราจะอยู่กับท่านเสมอไปจนสิ้นพิภพ" การประทับอยู่ของพระเยซูท่ามกลางเรานั้น นอกเหนือจากโดยทางพระวาจาของพระเจ้าในพระคัมภีร์ และ ศีลศักดิ์สิทธิ์แล้ว พระองค์ยังคงอยู่กับเราโดยผ่านทางการดลใจขององค์พระจิตเจ้าที่มาประทับอยู่ท่ามกลางเรานี้แหละ ถ้าเราเปิดใจของเราฟังเสียงดลใจและการส่องสว่างของพระจิตเจ้า เราจะค้นพบสันติสุขที่เที่ยงแท้ในใจของเราในที่สุด
            เรื่องที่พ่อกล่าวถึงในตอนต้นของบทความนี้ทั้งสองเรื่อง เป็นเรื่องที่พ่อมั่นใจว่านั่นคือตัวอย่างที่ชัดเจนของภารกิจของการดลใจ และ การส่องสว่างของพระจิตเจ้า ที่ให้ผลเป็นความดีงามต่อบุคคลที่น้อมรับการดลใจนั้นและ ยังผลให้เกิดความดีงามต่อประชาคมสัตบุรุษโดยส่วนรวมอีกด้วย
คุณพ่อสุพจน์
................................................................................................................................



เราเชื่ออะไร
เชื่อในพระจิตเจ้า หมายความว่าอะไร

เชื่อในพระจิตเจ้า หมายถึง การกราบนมัสการพระองค์ ในฐานะพระเจ้า เช่นเดียวกับพระบิดาและพระบุตร เรายังมีความเชื่อว่าพระจิตเจ้าทรงสถิตในหัวใจของเรา ทำให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า และทำให้เรารู้จักพระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์

ก่อนสิ้นพระชนม์ พระเยซูเจ้าทรงสัญญากับบรรดาศิษย์ของพระองค์ว่า เมื่อพระองค์ทรงจากพวกเขาไปแล้ว พระองค์จะทรงส่ง “ผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่ง”(ยน 14:16) มาให้พวกเขา ดังนั้น ห้าสิบวันหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า พระองค์ได้ทรงส่งพระจิตเจ้าจากสวรรค์มายังบรรดาศิษย์ พวกเขาจึงเข้าใจสิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ มีความมั่นใจอย่างลึกซึ้งในความเชื่อ และได้รับพระพรพิเศษที่จะสามารถประกาศพระวาจา รักษาโรค และกระทำอัศจรรย์ต่างๆ ได้ เหตุนี้ ยุคสมัยของพระศาสนจักรจึงเริ่มขึ้น พระจิตเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงบรรดาสาวกที่หวาดกลัว ให้กลายเป็นพยานที่กล้าหาญถึงพระคริสตเจ้า และในเวลาไม่นาน มีผู้รับศีลล้างบาปเป็นพันๆ คน วันสมโภชพระจิตเจ้า จึงแสดงให้เห็นว่า พระศาสนจักร นับตั้งแต่สมัยแรกเริ่มนั้นเป็นของประชาชาติทั้งมวล เป็นสากล (คำว่า คาทอลิก มาจากภาษากรีก ที่มีความหมายว่า เปิดรับทุกคน)

ทุกวันนี้ พระจิตเจ้ายังคงทำงานอยู่เสมอ พระองค์คอยรักษาพระศาสนจักรให้อยู่ในความจริง นำสู่ความรู้เรื่องพระเจ้าอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ทั้งทรงทำงานในศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และทำให้พระคัมภีร์เป็นชีวิตสำหรับเรา รวมทั้งจะประทานพระพรแห่งพระหรรษทาน แก่ผู้ที่เปิดรับพระองค์อย่างเต็มใจ นักบุญออกัสตินเรียกพระจิตเจ้าว่า “แขกรับเชิญผู้เงียบสงบในจิตวิญญาณของเรา”  เมื่อเป็นเช่นนี้ ร่างกายของเราจึงเปรียบเหมือนห้องรับแขกของพระเจ้า ยิ่งเราเปิดรับพระจิตเจ้าในตัวเรามากเท่าใด พระองค์ก็จะทรงเป็นอาจารย์ในชีวิตของเราได้มากเท่านั้น

“โปรดเถิดพระเจ้าข้า โปรดให้พระจิตเจ้าหลั่งพระพรฝ่ายจิตลงมายังข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อจะได้ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น