วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม 2013


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            ข้อความบทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโล ถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง ในวันนี้ช่วยทำให้เราได้เข้าใจถึงความหลากหลายของพระพรของพระจิต ที่มีมากมายนานัปประการ พูดง่ายๆว่าแต่ละคนต่างก็ได้รับพระพรพิเศษแตกต่างกันออกไป พระจิตเจ้าทรงประทานพระพรของพระองค์ให้กับแต่ละคนตามที่พระองค์ทรงพอพระทัย ดังนั้นเราแต่ละคนต้องหันมาพิจารณาหาพระพรของพระจิตเจ้าที่ทรงประทานให้กับเราให้พบ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก หันมามองดูว่าเรามีความถนัดในสิ่งใดบ้าง บางคนมีความถนัดในการสอน บางคนมีความถนัดในการพูด บางคนมีความถนัดในการเล่นดนตรีชนิดต่างๆ บางคนมีความถนัดในการฟัง บางคนมีความถนัดในการปลอบประโลมใจผู้อื่น บางคนมีความถนัดในการวาดภาพ บางคนมีความถนัดในการถ่ายภาพ บางคนมีความถนัดในการร้องเพลง ฯลฯ หากเรานำความถนัดของแต่ละคนมารวมเข้าด้วยกันในกลุ่มของเรา เราจะพบว่าความถนัดต่างๆนี้ต่างก็เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมทั้งสิ้น และถ้าเราสามารถนำความถนัดต่างๆเหล่านี้มาหลอมรวมเข้าด้วยกัน ก็จะทำให้เกิดความเข้มแข็งในทุกๆด้านของสังคมนั้นๆ
            ข้อคิดจากบทอ่านที่สองในวันอาทิตย์นี้จึงเป็นประโยชน์ต่อเราอย่างยิ่ง สุภาษิตไทยกล่าวว่า "ความสามัคคีคือพลัง" ความหมายของคำสุภาษิตดังกล่าว หมายความถึงการนำเอาความสามารถและความถนัดของแต่ละคนมารวมเข้าด้วยกันทำให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่
            พ่อมีความคิดว่า ถ้าวัดของเราสามารถนำความสามารถ และ ความถนัดของหมู่มวลพี่น้องออกมารวมกันเพื่อทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมในวัดของเรา เราทุกคนก็จะพบว่า พลังของหมู่มวลสัตบุรุษของเรานั้นมีมากมายมหาศาลและก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆได้มากมายสำหรับทุกคน เพียงแต่ว่าถ้าเราแต่ละคนจะเปิดตัวเอง และ ให้เวลากับกันและกันมากขึ้น พลังที่ว่านี้ก็จะปรากฏเด่นชัด และ เป็นพลังที่สร้างสรร ก่อให้เกิดคุณประโยชน์มากมาย พ่อคิดของพ่ออย่างนี้แหละ เพราะหวังจะให้สังคมของพี่น้องชาววัดเซนต์หลุยส์ของเรานั้นมีความสนิทสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ช่วยเหลือกันมากขึ้น แล้วสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นอย่างที่เราคาดไม่ถึงครับ
พ่อสุพจน์
......................................................................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            ในปีแห่งความเชื่อที่พระศาสนจักรมีความต้องการให้เราได้มาทบทวนบทบาทของตัวเราเองมากขึ้น ในการเป็นประจักษ์พยาน การประกาศพระวรสาร และการออกไปสู่ชุมชนของเราที่ขยายกว้างออกไป ไม่ใช่แค่วงคาทอลิกของเราเท่านั้น แต่เป็นคนทุกชนชั้น ทุกศาสนา กลุ่มคนที่ต้องทบทวนมากที่สุด พ่อคิดว่าต้องเป็นพระสงฆ์เองนี่แหละ เพราะพวกเราอยู่แต่กับคริสตชนคาทอลิกส่วนใหญ่ พบเจอกันมากในวันอาทิตย์เท่านั้น แต่ก็มีงานศพงานแต่งงานที่จะได้มีโอกาสพูดคุย เทศน์สอนในวงคนต่างศาสนาบ้าง
            พื้นฐานความคิดของการที่ออกไปในชุมชน ไปเทศน์สอน เยี่ยมเยียนสัตบุรุษนั้น คิดเพื่อต้องการนำพระเจ้าไปมอบให้กับคนในชุมชน และพ่อก็เทศน์สอนกับพี่น้องเช่นนั้นจริงๆ แต่เมื่อไปแล้วพ่อพบว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายให้แต่เพียงอย่างเดียว แต่พระพรของพระเจ้ากลับหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย เมื่อได้ออกจากตนเองไปหาผู้อื่น กิจกรรมวิถีชุมชนวัดหรือ BEC ที่ซอยประจักษ์สิน ได้เริ่มต้นกันมาจะครบ 1 ขวบปีแล้ว เมื่อวันอังคารนี้พ่อก็ไปร่วมชุมนุมที่นั่น และพบว่าได้รับมากกว่าได้ให้จริงๆ ครั้งนี้มีมาเซอร์จากโรงพยาบาลไปด้วย และเราก็แบ่งปันเรื่องการสร้างชุมชนเครือข่ายให้เข้มแข็ง มีเรื่องที่เราคิดไตร่ตรองและแบ่งปันกันดังนี้ พี่น้องได้อ่านแล้วคิดตามไปด้วยนะครับ
            ปัญหาของชุมชนที่อ่อนแอ สถาบันครอบครัวที่ไม่เข้มแข็งคืออะไร? สาเหตุมาจากความเหินห่างไม่รู้จักกัน ไม่มีใครสนใจใคร ต่างมองแต่ประโยชน์ของตัวเอง และการไม่สนใจเรื่องวัดวา มาฟังมิสซา ฟังเทศน์ฟังธรรม..... ชุมชนของเราเป็นเช่นนี้ไหม???
            ทางกลับกัน ครอบครัว ชุมชนจะน่าอยู่ หมู่บ้านจะน่าชื่นชมได้อย่างไร? สาเหตุมาจากมีคนพบเห็นปัญหาและอยากแก้ไข มีพระสงฆ์เจ้าอาวาสที่เอาใจใส่ออกเยี่ยมเยียนบ้านคริสตชนเพื่อกระตุ้นความร่วมมือกัน วัฒนธรรมไทยเราให้ความสำคัญกับบทบาทของเสื้อขาวของพระสงฆ์นักบวชจริงๆ และนี่คือประเด็นหนึ่งที่พ่อได้รับ แม้ร่ำเรียนเรื่องนี้จากแสงธรรมมาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับการยืนยันจากปากพี่น้องเองว่า หากพระสงฆ์ออกเยี่ยมอย่างไม่ย่อท้อ มีความหวังดีต่อชุมชน บุคคลในหมู่บ้านเมื่อเห็นจะเกรงใจและมีที่รวมจิตใจเขาให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ปัญหาอะไรไม่ว่า ก็สามารถจะหาทางออกได้เสมอ...... เห็นด้วยไหมครับ???
            เบื้องหลังจากข้อไตร่ตรองมาจากพระวาจาพระเจ้าจาก (1คร 12:11-17)  นั่นคือ เราแต่ละคนมีพระพรพิเศษต่างกันอันเป็นผลงานของพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน พ่อจึงอยากจะบอกกับพี่น้องว่า พระพรเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อตนเอง เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัวเท่านั้น ซึ่งสักวันหนึ่งพระเจ้าจะริบคืนไปหากเราไม่ใช้เพื่อสังคมเพื่อนพี่น้องของเรา หรือแม้แต่คนที่ไม่อยากจะพึ่งพาใคร ไม่มีความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเลยก็เช่นกัน วันที่เขาจากโลกนี้ไปจะเป็นวันที่น่าเวทนามากที่สุด เพราะปราศจากคนเหลียวแลเขา
            พี่น้องครับ นักบุญเปาโลบอกเราว่า “ร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะส่วนเดียว แต่มีอวัยวะหลายส่วน... ถ้าร่างกายทั้งหมดเป็นดวงตาหรือเป็นหูแล้ว... ร่างกายนั้นขาดความสมบูรณ์เป็นแน่
            วิถีชุมชนวัดเป็นเครื่องมือที่พระศาสนจักรไทยเราปรารถนาให้ใช้เพื่อฟื้นฟูชุมชนคริสตชน โดยเฉพาะในโอกาสปีแห่งความเชื่อนี้ และหากพี่น้องกลุ่มใดที่พอจะรวมกันได้บอกกับคุณพ่อที่วัดได้นะครับ พ่อยินดีที่จะไปอยู่ท่ามกลางชุมชนของพี่น้อง เพื่อให้ชุมชนใหญ่วัดเซนต์หลุยส์ของเราเข้มแข็ง
                                                                                    คุณพ่อปลัดองค์เล็ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น