วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2562

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2019


สารวัดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน2019
สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์
พี่น้องที่รัก...
        กำหนดการสัปดาห์สิทธิ์ 2019
        วันอาทิตย์ใบลาน 14 เมษายน ระลึกถึงการเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า
มิสซาทุกรอบเวลาตามปกติ  เฉพาะมิสซาเสกใบลานหน้าศาลาหลุยส์มารีย์คือรอบ 08.00 น.มีใบลานทั้งมอบให้ท่านละ 1 ใบ และถักสวยงามจำหน่ายช่อราคาละ 20 บาทเป็นต้นไป
***ขณะเสกใบลาน ให้ถือไว้กับมือ  ทางวัดขอสงวนเหลือเก็บไว้เพื่อสัตบุรุษรอบอื่นๆ
เฉพาะวันอาทิตย์นี้ไม่มีเดินรูป 14 ภาค
วันจันทร์ อังคารและพุธสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ มิสซาเช้าเย็นตามปกติ 06.00 และ 17.30 น.
        วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ 18 เมษายน ระลึกถึงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้า
              ***มิสซาเวลา 09.30 น.พิธีเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญและรื้อฟื้นศีลบวช
                มิสซาเวลา 19.00 น.พิธีล้างเท้าผู้แทนสัตบุรุษ 12 ท่าน ตื่นเฝ้าศีลมหาสนิท
                หลังบทภาวนารับศีลแล้ว เชิญชวนเงียบต่อหน้าที่พักศีลมหาสนิทสักครู่ใหญ่ 5 นาที
(หลังพิธีมิสซาเชิญศีลไปวัดพระจิตเจ้า โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ตื่นเฝ้าถึง 23.00)น.
ขณะแห่ศีลไปวัดพระจิตเจ้าเชิญชวนร่วมขับร้องเพลงแห่ศีลไปด้วยกัน       
21.00-21.30 น.    พลมารีไทยนำกลุ่มเฝ้าศีล
21.30-22.00น.     คณะพระสงฆ์และนักบวชนำกลุ่มเฝ้าศีล
22.00-22.30 น.    สภาภิบาลวัดและองค์กรต่างๆของวัดนำกลุ่มเฝ้าศีล
22.30-23.00 น.    อิสระส่วนตัว
        วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ 19 เมษายน ระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า
            กรุณาแต่งกายอย่างเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องชุดสีดำ
                เดินรูป 14 ภาค เวลา 18.30 น.
                พิธีนมัสการไม้กางเขนเวลา 19.00 น.
                 การนมัสการไม้ จูบหรือสัมผัส เดินเข้ามาแถวคู่กลางวัดอย่างเรียบร้อยเหมือนรับศีลไม่ต้องคุกเข่า
              ***เงินถวายนมัสการไม้กางเขนวันนี้เพื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์
        วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ 20 เมษายน ระลึกถึงการตื่นเฝ้า
พิธีเสกไฟและเทียนปัสกาหน้าศาลาหลุยส์ เวลา 19.00 น. 
พิธีเสกน้ำและล้างบาป ศีลล้างบาปผู้ใหญ่จำนวน 21 ท่าน
และสมโภชค่ำคืนปัสกา
***การรับน้ำเสก รับได้ที่ด้านหน้าประตูวัดทั้งสามด้าน กรุณารับอย่างเรียบร้อยครอบครัวละ 1 ขวด
เนื่องจากหน้าพระแท่นใหญ่เพื่อคริสตชนใหม่จะได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับครอบครัวหลังจากจบพิธี
มีข้าวต้มบริเวณหลังศาลา
        วันอาทิตย์ปัสกา 21 เมษายน สมโภชปัสกา
มิสซาตามปกติ 06.00/08.00/10.00/12.00และ17.30 น.
***หลังมิสซาทุกรอบเสกและมอบไข่ปัสกา
วันนี้ถุงเงินวินเซนต์เพื่อจิตตารมณ์มหาพรตจะได้รวบรวมส่งให้สภาพระสังฆราชเพื่อผู้ยากไร้
       

คุณพ่อชาญชัย  ทิวไผ่งาม



บอกกล่าว เล่าเรื่อง
ตามทันอาจไม่ได้หมายถึง เท่าทัน
            พ่อเรื่องนี้เป็นอย่างไร? เรื่องนี้จริงไหม? พ่อรู้เรื่องนี้หรือยัง? และสารพัดคำถามที่ถาโถมมาผ่านช่องทางการติดต่อที่สามารถทำได้ พร้อมภาพข่าวหรือเรื่องราวต่างๆ ที่ถูกส่งต่อกันมาในแต่ละวัน จากต้นทางจนถึงมือของเราแต่ละคน พ่อไม่รู้ว่าข่าวเหล่านั้นถูกส่งผ่านมากี่คน ข่าวสารยังคงมีเนื้อความถูกต้องครบถ้วนไหม ถูกเพิ่มถูกลดไปมากน้อยเพียงใด ไม่สามารถรู้หรือยืนยันได้เลยทันทีในเวลานั้น หรือทุกวันนี้พ่อเองเวลาอ่านและฟังสารพัดข่าว บางทีก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วใครพูดจริง ใครพูดความจริงไม่หมด ใครโกหก สารพัดสารเพ ทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมของสื่อเทคโนโลยี และเราก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะรับรู้เรื่องราวข่าวสารตามสื่อต่างๆ จากอดีตเราที่เป็นผู้รับสื่อจากช่องทางต่างๆ ที่อาจมีช่องทางไม่มากนัก
พ่อยังจำได้ว่าเวลาที่เป็นนักเรียนหรืออยู่ในช่วงวัยรุ่นต้นๆ เวลาที่มีแข่งขันฟุตบอลจากสโมสรในต่างประเทศ เป็นต้นทีมที่เราชอบเรามักอยากรู้ผลการแข่งขันเร็วที่สุด และสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในเวลาที่สื่อยังมีไม่มากนักก็คือ เช้าตื่นมารีบไปที่ห้องสมุดโรงเรียนเพื่อดูผลบอลจากหนังสือพิมพ์ ดูจะเป็นช่องทางรับสื่อที่เร็วที่สุดสำหรับพ่อในเวลานั้น แต่ทุกวันนี้แค่ลืมตามา ข่าวทุกอย่างอยู่แค่ในมือของเรา เรารับรู้เรื่องราวทั้งโลกเพียงแค่จิ้มนิ้วในเครื่องมือสื่อสารของเรา ดูเหมือนอะไรๆ ก็ง่ายขึ้น จากเคยเป็นผู้รับสารอย่างเดียวก็กลายเป็นทั้งผู้รับและผู้ส่งสารในเวลาเดียวกัน บางทีรับสารแบบยังไม่ได้อ่าน ไตร่ตรองก็ส่งต่อทันทีแล้ว กลายเป็นยุคที่ใครส่งเร็วกว่าได้เปรียบ ใครส่งได้ไวกว่ารู้มากกว่า ตามทันข่าวสารดีกว่า จนหลายครั้งขาดการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ว่าถูกหรือผิด ควร ไม่ควร เหมาะสม หรือไม่เหมาะสม เอาไว เอาเร็ว ถือว่าเป็นคนตามทันสื่อสุดๆ ทันสมัยสุดๆ
พ่อเล่าเรื่องนี้เพราะรู้สึกว่าในโลกที่สื่อสารรวดเร็ว สะดวก ง่าย มันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสื่อสารต่อการติดต่อสัมพันธ์ แต่หลายครั้งมันกลายเป็นพิษ ถ้าเราไม่ได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เวลาที่เราคนใดคนหนึ่งรับรู้เรื่องราวต่างๆ มักมีลักษณะ 4 ประการที่สำคัญๆ พี่น้องลองสำรวจดูว่าเราอยู่ในลักษณะหรือขั้นไหน
1. ตื่นตระหนก(shock) ซึ่งอาจแสดงออกมา ด้วยอาการ นิ่ง ปฏิเสธ หรือหวาดกลัว
2. ถอยเพื่อตั้งรับ(defensive retreat) เกิดอาการ โกรธ ตัดพ้อ ขัดแย้งในตนเองในความคิดความรู้สึก
3. รับรู้(acknowledgement) ปล่อยวาง เริ่มสำรวจ (จริง เท็จ หาข้อมูล)
4. ยอมรับและปรับตัว (acceptance and adaption)ปรับตัว ยอมรับ เดินหน้าต่อ
แต่หลายครั้งคนเราก็หยุดอยู่แค่ลักษณะที่ 2 คือ ตื่นตระหนก ขัดแย้งในความรู้สึก และหลากหลายอารมณ์ความรู้สึกจนขาดการไตร่ตรอง ใช้เหตุผล ในโลกที่สื่อสาร ข่าวสารมาไว จนบางทีอาจอยู่ในภาวะสำลักข่าวสาร ถ้าเราเพียงแค่ตามทัน นั่นคือเรื่องของการรับรู้ข่าวสาร ซึ่งเราแต่ละคนไวมากอย่างที่ได้บอกไป รับปุ๊บ ส่งปั๊บ ถูกผิดอีกเรื่อง
แต่ยังไม่เท่าทัน ก็คือในเรื่องของการมีสติ การใช้เหตุผล ในเรื่องการแยกแยะ เราก็กำลังตกเป็นเครื่องมือของสื่อของข่าวสารแทนที่สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือของเรา เร็วที่จะมีสติ ช้าที่จะไตร่ตรอง ช้าที่จะแยกแยะ ช้าที่จะคิดสักนิดก่อนจะเป็นผู้ส่งสาร คงไม่ทำให้เราเป็นคนไม่ทันสมัย ไม่ทันโลกไปหรอกครับแต่ตรงกันข้ามมันทำให้เรา เท่าทันและมีสติที่จะรับรู้มากขึ้น

                                                                                                            ปลัดวัดสาทร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น