วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2018

พี่น้องที่รัก
“จงภูมิใจในไม้กางเขน นี่คือชัยชนะเหนือความตายต่อบาปทั้งปวง”
ในที่สุด เราได้พบความจริงแล้ว พระเยซูเจ้าคือความจริงของชีวิต ความตายไม่ใช่จุดจบสุดท้าย แต่เป็นหนทาง ความจริงและชีวิต ที่เราได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไปในบ้านของพระองค์
เมื่อวันศุกร์ที่ 9 และและเสาร์ที่ 10 มีนาคมวัดเซนต์หลุยส์ได้จัด 24 ชั่วโมงเพื่อพระคริสตเจ้า เป็นการนมัสการศีลมหาสนิทภายในวัดพระจิตของโรงพยาบาล 24 ชั่วโมงและการรับศีลอภัยบาป เป็นเวลาพิเศษแห่งพระหรรษทานของการเดินทางมหาพรต พระสันตะปาปาปรารถนาให้เปิดประตูวัด 24 ชั่วโมง เพื่อการกลับใจเดินเข้ามาหาพระองค์ “อีกครั้งหนึ่ง” และคงจะเป็นเวลาแบบนี้(ก่อนสัปดาห์ที่สามมหาพรต)ทุกปีไป เพื่อเป็นการก้าวเข้าไปหาพระแบบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ENCOUNTER WITH GOD
ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกัน “เปิดโอกาส” คือการเปิดประตูใจของกันและกัน ทำให้หลายคนกล้าเดินเข้ามาหาพระองค์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ  พระองค์ให้เวลาเสมอๆ ถึงแม้ว่าวัดจัดเพียงแค่ 24 ชั่วโมง แต่เราก็ยังสามารถไปเฝ้าศีลที่วัดและรับศีลอภัยบาปได้อย่างสม่ำเสมอต่อๆไป คงไม่จำเป็นที่วัดเซนต์หลุยส์หรือวัดพระจิตเจ้า
ในวันนี้ มีคู่มือเตรียมสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์มอบให้ทุกคนเพื่อเราจะมีส่วนร่วมกับพิธีสำคัญๆได้อย่างเข้าใจเพื่อนำไปใช้ควบคู่ไปกับหนังสือพิธีสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ของวัด(ฉบับใหม่)ซึ่งจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันอาทิตย์ใบลานและตรีวารปัสกาคือพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ ศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ และเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ จุดประสงค์คือการมีส่วนร่วม เข้าใจ และไม่พะวงกับความสั้นยาวของพิธี เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องพิธีสำคัญของเวลาช่วงสุดท้ายของพระเยซูเจ้าไถ่บาปบนโลกนี้
เนื่องจากปีนี้ใบจาก ใบตาล ใบลาน เริ่มลดน้อยลง เจ้าของต้นไม้เหล่านี้ต่างหวงและปรารถนาจะรักษาพืชผลของเขาไว้ จึงต้องปรับแนวทางการใช้ใบไม้สกุลปาล์มกันใหม่ ดังนั้นในปีนี้ทางวัดเริ่มเสริมใบหมากเข้ามาเพราะเป็นต้นๆและไม้ประดับตบแต่ง จึงเริ่มนำมาใช้มีทั้งใบและต้น ใบสามารถวางไว้บนแท่นพระหรือในที่เหมาะสม ส่วนเป็นต้นก็นำไปปลูกหรือดูแลไว้ มีความหมายดี (ใบทางวัดมอบให้) ส่วนเป็นต้นๆก็ช่วยค่าใช้จ่ายเพื่อร่วมด้วยช่วยกัน ใครที่ห่วงเรื่องเสกแล้ว ก็ขอจัดสิ่งเหล่านี้ไว้ในที่เหมาะสม ไม่ทิ้งขว้างหรือวางไว้ในที่ไม่เหมาะสม บางทีต้นหมากเขียวก็สามารถปลูกไว้หน้าบ้านเพื่อเตือนใจถึงการต้อนรับพระเยซูเจ้าเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่า เราจะได้ภูมิใจในชีวิตคริสตัง
ค่ำคืนวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์พิธีล้างเท้าในมิสซาให้กับตัวแทนพี่น้อง 12 คน พ่อจะปรึกษาหารือผู้เกี่ยวข้องเพื่อเลือกผู้แทนของพี่น้องที่มาวัดเป็นประจำจากแต่ละรอบของเสาร์อาทิตย์แบบครอบครัวสม่ำเสมอสัก 12 บ้าน เพื่อให้มีบรรยากาศของชุมชนคริสตชนที่ชวนครอบครัวกันมาหาพระเยซูเจ้าในวันเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระองค์
ในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ การนมัสการไม้กางเขนใหญ่ใช้เพียงไม้เดียวจะกระทำในวัด ส่วนการจูบกางเขนในพิธีให้คณะสงฆ์ ตัวแทนอัครสาวกและผู้สูงอายุซึ่งมากับรถก่อน สำหรับสัตบุรุษทั่วไปให้เดินมาจูบ หลังจบพิธีอวยพรภาวนารับศีลมหาสนิทแล้ว

พ่อเจ้าวัดเซนต์หลุยส์
..............................................................................
                    

สวัสดีครับพี่น้อง
            ในความมืดมุ่งหมายได้สว่าง สุดปลายทางที่หวังตั้งใจได้ หนทางนี้ทุกคนมีที่รวมใจ เพื่อประชาธิปไตยไทยทุกคน อย่ายอมท้อต่อความมืดที่อึดอัด มองให้ชัดแสงสว่างทางข้างหน้า ไปให้ถึงไปทางอย่างศรัทธา ในไม่ช้าปวงประชาชนพาพบชัย เมื่อมีความมืดย่อมมีความสว่าง เมื่อมีหนทางย่อมมีจุดหมาย ทะเลที่ไร้คลื่นดูแล้วฝืนธรรมชาติ คนที่มีความฉลาด ไม่บังอาจฝืนตนได้ ทะเลอันกว้างใหญ่ ดังใจที่แสนกว้าง ทั่วทิศทุกเส้นทาง ไม่อ้างว้างไร้น้ำใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจุดหมายนั้น จะมีแสงสว่างที่น่าชื่นชม  ไม่ใช่ไฟที่คอยเผาผลาญให้ทุกคนจมดับไหม้ อยู่ในวังวนแห่งความเลวร้าย คนที่ยังต้องทนทุกข์ คือคนที่ต้องการและแสวงหาอยู่ร่ำไป  ไม่รู้จักพอ  ไม่รู้จักอิ่ม
            จะโชคดีมีสุขมีอยู่กับเพื่อนสมาชิกร่วมจิตวิญาณเดียวกัน บางคนมามืด ไปมืด  แต่บางพวก มาสว่าง แต่อยากไปมืด มีทรัพย์ศฤงคารมาก แต่ใช้ สร้างอกุศลกรรม โกงกิน เห็นแก่ตัว คงไม่มีไปสว่างได้ เมื่อวานเราก็รู้สึกแย่มากๆๆๆๆๆๆๆ ท้อ กับอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความยุติธรรมในสังคมไทยตอนนี้ คนที่มีความรู้สึกท้อกว่าเราคงเป็นเจ้าหน้าที่ ความดีต้องชนะความชั่ว!!! อย่างน้อยชาวโลกจะได้รับรู้แล้วว่าใครดีใครเลวจริงๆ เมื่อใจคนปนริษยา ย่อมส่อออกมาแลเห็นได้ ว่าชีวิตมีแต่ร้อนรุ่ม ปนทุกข์ สุขยากเย็น ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นช่างเข็ญใจ ไม่มีใครในโลกที่ไม่เคยมีทุกข์ แต่จงอย่าจมกับความทุกข์นั้น มองทะลุความทุกข์  จะเห็นแสงสว่างของความจริงที่ซ่อนอยู่
            จงอย่าบิดเบือนความจริง จงอย่าแหกกฎ จงอย่าทำผิดคิดกบฏ หรือคิดเปลี่ยนกฎที่พระเจ้าทรงสร้าง ถ้าปราชญ์มีเรื่องโต้เถียงกับคนโง่ ไม่ว่าจะดุเดือดหรือหัวเราะ ก็ไม่มีวันสงบลงได้ คนที่กระหายเลือด ย่อมเกลียดความเที่ยงธรรม คนโง่มักปล่อยความคิดของตนให้พุ่งออกมาเต็มที่ แต่ปราชญ์จะยับยั้งความปราดเปรื่องเอาไว้ในใจเสมอ ไม้เรียวและคำตักเตือนทำให้เกิดปัญญา ผู้ที่ฟังและปฏิบัติตามจะไม่อับอายเลย คนที่สักแต่สอน แต่ไม่ฝึกฝนในสิ่งที่ตนสอนจะไปเข้าใจคำสอนได้อย่างไร ความสว่างได้เข้ามาในโลก แต่มนุษย์รักความมืด แทนที่จะรักความสว่าง เพราะการกระทำของพวกเขาชั่วร้าย  ทุกคนที่ทำชั่วก็เกลียดความสว่าง และจะไม่เข้ามาในความสว่างเพราะกลัวว่าการกระทำของตนจะถูกเปิดโปง  แต่ผู้ใดที่มีชีวิตอยู่โดยความจริงย่อมมาสู่ความสว่าง เพื่อให้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่ตนทำนั้นได้ทำไปโดยพึ่งพระเจ้าองค์ความสว่างและองค์แห่งความจริง

คพ. พงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น