วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2015

พี่น้องที่เคารพ
            เดือนตุลาคมเป็นเดือนแม่พระลูกประคำ วันนี้พ่อเลยอยากนำเอาเกร็ดประวัติเกี่ยวกับที่มาของการสวดสายประคำมาเล่าสู่กันฟังให้พี่น้องทราบครับ เรื่องมีอยู่ว่า....
            ต้นกำเนิดสายประคำนั้นเกิดจาก นักบุญดอมินิกผู้ก่อตั้งคณะดอมินิกันในปี ค.. 1214 ตามประวัติเล่าว่า แม่พระได้ประทานสายประคำแด่ท่านนักบุญ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการภาวนาอุทิศให้พวกอัลบีเยน และ คนบาปได้กลับใจ โดยที่ท่านนักบุญได้ไปจำศีลภาวนาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเพื่อให้คนบาปกลับใจ คนบาปเหล่านี้นอกจากจะต่อต้านพระศาสนจักรอย่างหัวชนฝาแล้ว ยังเป็นอุปสรรคต่อการกลับใจของพวกอัลบีเยนด้วย แม่พระได้ประจักษ์มากับท่านนักบุญพร้อมกับทูตสวรรค์สามองค์ ตรัสว่า “ดอมินิก เธอรู้ไหมว่า พระตรีเอกภาพทรงพระประสงค์ให้ใช้อาวุธชนิดใดเป็นเครื่องมือปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเช่นนี้”  ดอมินิกตอบว่า “โอ้พระแม่มารีอา พระแม่ทราบดีกว่าลูก เพราะว่าต่อจากพระเยซูเจ้า พระแม่เป็นหนทางเดียวแห่งความรอดพ้นของเรา” พระมารดาได้ตรัสต่อไปว่า “ถ้าเธอต้องการที่จะทำให้คนบาปหนาเหล่านั้นกลับใจ จงเทศนาเกี่ยวกับสายประคำ ให้เป็นที่แพร่หลายเถิด” ในเวลาต่อมา นักบุญดอมินิกได้เพียรพยายามเผยแผ่การสวดสายประคำนี้จนกระทั่งได้รับความนิยมแพร่หลาย และในที่สุดพวกเฮเรติกได้กลับใจมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรอีกครั้งหนึ่ง
            สายประคำมีความหมายอย่างไร? ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Rosary มีความหมายถึง “มงกุฎกุหลาบ”  หมายความว่า ถ้าใครที่มีโอกาสได้สวดสายประคำอย่างศรัทธา เท่ากับว่าเขาได้วางดอกกุหลาบขาว 153 ดอก และ ดอกกุหลาบสีแดงอีก 16 ดอก เป็นเครื่องประดับบนพระเศียรของพระเยซูเจ้า และพระนางมารีย์ ดอกไม้นี้เป็นดอกไม้สวรรค์ ที่จะไม่มีวันเหี่ยวแห้ง หรือ สูญสิ้นความงามเลย พระมารดาได้ทรงยืนยันความจริงข้อนี้ด้วยพระนางเอง พระนางได้เผยแสดงกับผู้คนมากมายว่า แต่ละครั้งที่เขาสวดบทวันทามารีย์ เขาก็ได้ถวายดอกกุหลาบสวย ๆ ร้อยเป็นพวงมาลัยที่งดงามให้กับพระนาง บราเดอร์อัลฟองโซแห่งคณะเยสุอิต ได้สวดสายประคำอย่างดี และท่านได้เห็นนิมิตว่ามีดอกกุหลาบสีแดงปรากฏออกมาเวลาที่ท่านสวดบทข้าแต่พระบิดา และมีดอกกุหลาบสีขาวปรากฏออกมาในยามที่ท่านสวดบทวันทามารีย์ ดอกกุหลาบทั้งสองสีมีความงดงามและหอมกรุ่นเท่าเทียมกันต่างกันที่สีของดอกกุหลาบเท่านั้น
            ยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งว่า มีนักบวชผู้หนึ่งชอบสวดสายประคำเสมอ ๆ ก่อนรับประทานอาหารค่ำ อยู่มาวันหนึ่งท่านเกิดลืมที่จะสวดสายประคำเสียสนิท ท่านจึงขออนุญาตใช้เวลาอื่นเพื่อสวดสายประคำชดเชย แต่ท่านได้สวดภาวนาเป็นเวลานาน ผู้ใหญ่จึงส่งให้คนมาตาม เพื่อนนักบวชที่ไปตามท่านก็พบว่าในห้องของท่านนั้นเจิดจ้าไปด้วยแสงสว่างแห่งสวรรค์จากรูปแม่พระ มีเทวทูตสององค์บรรจงเก็บดอกกุหลาบสวย ๆ ที่หล่นออกมาจากปากของท่านดอกแล้วดอกเล่า และนำดอกกุหลาบนั้นไปประดับบนพระเศียรของพระมารดา ซึ่งพระมารดาก็ได้ทรงพระสรวลด้วยความพอพระทัย  ผู้ใหญ่เห็นว่าคนที่ถูกส่งไปตามนั้นหายไปเป็นเวลานาน ก็ส่งอีกคนหนึ่งมาตาม คนที่มาภายหลังก็ได้เห็นเช่นเดียวกันจนกระทั่งการสวดสายประคำสิ้นสุดลง
            ดังนั้นสายประคำคือ พวงมาลาแห่งดอกกุหลาบที่เรามอบถวายแด่พระเยซูเจ้าและพระมารดา ดอกกุหลาบเป็นราชินีแห่งดอกไม้ทั้งหลายฉันใด การสวดสายประคำก็เป็นกิจศรัทธาที่สำคัญของคริสตชนคาทอลิกที่จะมอบถวายเกียรติอย่างสูงส่งแด่พระเยซูเจ้าและพระนางมารีย์ฉันนั้น
คพ.สุพจน์
.............................................................................................................

พี่น้องที่รัก
ความมั่งคั่งทางโลกและ อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า นักปฏิบัติที่ไม่สุรุ่ยสุร่ายและทำงานหนักเพื่อจัดหาความสะดวกสบายทางวัตถุให้กับครอบครัวแต่พอเพียง จะไม่ให้จิตใจของเขาหมกมุ่นกับเรื่องทางโลก บ่อยครั้งที่เรามักจะให้ความรัก ความเอาใจใส่มากเกินไปกับสิ่งที่เน่าเปื่อยและไม่สลักสำคัญอะไร ความโง่เขลาที่สุดในใจของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง คนที่ยิ่งใหญ่ และผู้ที่น่าจะเป็นคนฉลาด คน ดีและมีเกียรติ เมื่อเห็นพวกเขาเกลือกกลั้วในความตายช้าเพื่อให้ได้มาซึ่งความร่ำรวย ความอยาก ความกระหาย ความปรารถนา และการแข่งขันเพื่อให้ได้ทรัพย์สิ่งของในชีวิตนี้ น่าจะคิดว่า ความโง่เขลาที่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งของในชีวิตนี้!ชายหรือหญิงที่ให้ความมั่งคั่งของโลกนี้ และสิ่งของในชีวิตนี้มีความสำคัญกว่าเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าและปัญญาแห่งนิรันดร ไม่มีตาที่จะมองเห็น ไม่มีหูที่จะได้ยิน และไม่มีใจที่จะเข้าใจในเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าหรอก
มองดูโลกของมนุษยชาติและเห็นพวกเขากอบโกย ช่วงชิง แข่งขัน ทุกคนแสวงหา เพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งให้กับตัวเอง และบรรลุถึงจุดมุ่งหมายของตัวเอง โดยไม่สนใจชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่ เดินคอแข็งไม่สนใจเพื่อนบ้าน ทุกคนกำลังแสวงหา วางแผน คิดค้นและกระสับกระส่ายในยามนอน หากนอนหลับก็จะฝันว่า ฉันจะเอาเปรียบเพื่อนบ้านได้อย่างไร”? ฉันจะแย่งชิงความมั่งคั่งมาจากเขาได้อย่างไร ฉันจะไต่เต้าขึ้นไปสู่การมีชื่อเสียงได้อย่างไร นี่คือแนวความคิดที่ผิดอย่างสิ้นเชิง ผู้ที่แสวงหาเกียรติและรัศมีของตัวเองโดยทำให้เพื่อนมนุษย์ต้องหมดคุณค่าในการอยู่ร่วมกันในสังคมกับผู้มีปัญญา เป็นความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด อูฐจะรอดรูเข็มยังง่ายกว่าใจของเขา ก็เพราะใจที่หมกมุ่น ห้อมล้อมด้วยข้าทาส บริวาร สมุน และข้าวของทรัพย์สินมากมายเสียจนไม่มีหัวใจเหลือไว้ เขาจึงมีแต่ความทุกข์  เราเป็นคนในพวกนี้ด้วยหรือเปล่า ชีวิตที่แห้งแล้ง ในใจที่โหยหาและแสวงหาความดีบริบูรณ์ เหมือนหนุ่มคนนี้ มาพบพระเยซูเจ้าแล้ว แต่ยังยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ชีวิตนิรันดรเพราะละทิ้งไม่ได้ ตัดใจไม่ได้ ยังยึดหลงกับสิ่งที่เป็นของโลก โดยที่มิได้ใช้มันแค่เป็นอุปกรณ์ไปสวรรค์ กลับไปยึดว่าตัวมันเป็นสวรรค์เสียเอง ก็ช่างน่าสมเพช และน่าสงสาร
การเป็นเจ้าของความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียวทำให้เกิดความสุขไม่ได้ มันอาจจะให้ความ สะดวกสบาย ในยามที่เราเปลี่ยนมันเป็นสิ่งจำเป็นและความฟุ่มเฟือยในชีวิต เมื่อความมั่งคั่งเกิดจากการคดโกง หรือเป็นไปในลักษณะที่ไม่ยุติธรรมและไร้เกียรติ ความกลัวการตรวจสอบและการลงโทษก็จะช่วงชิงความสุขจากผู้ครอบครองความสุขของมนุษย์ทุกคน แม้ความมั่งคั่งจะได้มาอย่างมีเกียรติ การเป็นเจ้าของมันก็ยังก่อให้เกิดสำนึกอันขมขื่น ว่าในไม่ช้าความตายจะมาปลดเปลื้องมันไปจากเขา และคนอื่นจะเข้ามาครอบครองมัน พวกเขามีความหวังอะไรหรือในอนาคต หลังจากที่ผ่านโลกแห่งความเศร้าโศกนี้ไปแล้ว? พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอนาคต พวกเขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความตายและนรก ความสุขแบบสมบูรณ์และความปีติยินดีที่บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก พวกเขากำลังพรากจากพระเป็นเจ้าแท้ แก่นแท้ของชีวิตจริง และความบริบรูณ์ของความดี


คุณพ่อพงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น