วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            ช่วงนี้พ่อได้รับเชิญให้ไปถวายมิสซาตามวัดต่างๆหลายแห่ง เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี แห่งศีลบวชที่ได้รับมาโดยผ่านทางพระสังฆราชประมุขของสังฆมณฑลผู้โปรดศีลบวชให้ ซึ่งเมื่อ 25 ปีมาแล้ว วันที่ 3 มิถุนายน ค.. 1990 พระคุณเจ้ามีชัย กิจบุญชู เป็นผู้โปรดศีลบวชเป็นพระสงฆ์ให้กับเราพระสงฆ์ 7 องค์ ตามที่พี่น้องพอจะทราบบ้างแล้วว่ามีใครกันบ้าง เวลาที่ได้รับเชิญไปถวายพิธีบูชาขอบพระคุณพระเป็นเจ้าในวัดต่างๆ เมื่อถึงช่วงพิธีการแสดงความยินดีกับเราพระสงฆ์ พิธีกรก็มักจะเชิญให้พระสงฆ์แต่ละองค์มีการกล่าวอะไรสักเล็กน้อยกับพี่น้องสัตบุรุษ พ่อแต่ละองค์ก็มักจะกล่าวกันในประเด็นต่าง ๆ บ้างก็กล่าวถึงประสบการณ์ในอดีตที่เคยทำงานอยู่ในวัดแห่งนั้นๆ บ้างก็กล่าวถึงความประทับใจที่พี่น้องสัตบุรุษในวัดแห่งนั้นมีเป็นจุดเด่นที่น่าชื่นชม  แต่มีประเด็นหนึ่งที่พ่ออยากนำมาเล่าให้พี่น้องฟัง  คือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราพระสงฆ์ 7 องค์ ได้รับเชิญให้ไปถวายพิธีบูชาขอบพระคุณ โมทนาคุณพระเจ้า ที่วัดนักบุญอันนา ท่าจีน ตอนท้ายพิธีพระสงฆ์แต่ละองค์ก็ได้รับเชิญให้กล่าวอะไรสั้น ๆ กับพี่น้องสัตบุรุษ ประเด็นที่พ่อจะเล่าคือ เรื่องที่คุณพ่ออนุรักษ์ ประจงกิจ กล่าวกับพี่น้องสัตบุรุษที่วัดท่าจีนว่า วันนี้พี่น้องมาแสดงความยินดีกับพระสงฆ์ ที่บวชมาครบ 25 ปี พี่น้องมาฉลองอะไรกันแน่ มาฉลองตัวพระสงฆ์ หรือ มาฉลองศักดิ์สงฆ์ ที่พระสงฆ์ได้รับมากันแน่ แล้วคุณพ่อก็กล่าวต่อไปว่า ถ้าไม่ใช่เป็นคุณพ่อ แต่เป็นเพียงนายนั่นนายนี่ พี่น้องจะมาฉลองให้ไหมพวกสัตบุรุษต่างพากันส่ายหน้า ยังงั้น พี่น้องมาฉลองศีลบวชในตัวพระสงฆ์ใช่ไหม? สัตบุรุษพากันพยักหน้าเห็นด้วย พ่ออนุรักษ์ก็กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันฉลองศีลบวชที่พระเยซูเจ้าตั้งขึ้น และ โดยอาศัยศีลบวชนี้แหละที่ทำให้ คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ได้รับศักดิ์สงฆ์มาทำหน้าที่เป็นพระสงฆ์เพื่อรับใช้พระเจ้า รับใช้พี่น้องสัตบุรุษ วันนี้เราจึงมาโมทนาคุณพระเจ้าเพราะพระองค์ประทานศักดิ์สงฆ์ให้กับพระสงฆ์นั่นเอง
            พ่อเองรู้สึกประทับใจที่ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องสัตบุรุษทุกวัดเป็นอย่างดี และเล็งเห็นอย่างชัดเจนว่า พี่น้องสัตบุรุษทุกแห่งรักพระสงฆ์ และ เอาใจใส่ดูแลพระสงฆ์เสมือนญาติพี่น้องใกล้ชิด ทั้งนี้ก็เพราะ พระสงฆ์เป็นเครื่องหมายของชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า และ เป็นผู้ที่ชี้ทางแห่งชีวิตที่สงบสุขให้กับพี่น้องสัตบุรุษได้ก้าวเดิน ดังนั้น พ่อจึงอยากให้พี่น้องเล็งเห็นความสำคัญของการเพาะบ่มกระแสเรียกในการเป็นพระสงฆ์ให้กับลูกหลานของเรา เพราะพระศาสนจักรในอนาคต ยังต้องการพระสงฆ์ที่อุทิศตัวเพื่อพี่น้องสัตบุรุษ อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากอีกมากครับ ลองมาจินตนาการดูสิว่าถ้าในอีกสิบปี ยี่สิบปีข้างหน้า เราขาดแคลนพระสงฆ์ที่ทำงานตามวัด ตามโรงเรียน พี่น้องสัตบุรุษคงมีความยากลำบากในการได้รับการบริการทางด้านศีลศักดิ์สิทธิ์ การประกอบพิธีกรรม การให้การอบรมสั่งสอนทางด้านศีลธรรมเป็นแน่แท้ ดังนั้นถ้าเราไม่เริ่มตื่นตัวเรื่องการสนับสนุนให้มีกระแสเรียกในการเป็นพระสงฆ์ นักบวช เพิ่มขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้แล้วละก็ พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยคงถึงยุคที่ขาดแคลนพระสงฆ์ในอีกไม่ช้า
พ่อสุพจน์
...................................................................................................................                

ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : ดอเอ๋ยดอเด็ก

ไม่มีใครเกิดมาแล้วแก่เลย
คนเราจึงเคยเป็นเด็กกันมาก่อนทั้งนั้น

วัยที่ความผิดพลาดถือเป็นเรื่องที่ใครก็อภัยให้ได้ง่ายง่าย
วัยที่ลองผิดลองถูกได้โดยไม่มีใครว่าอะไร
วัยที่ทำอะไรก็ดูจะน่ารักไปซะหมด

แต่เมื่อโตมา บางทีก็ไม่เป็นเช่นนั้น
ทำให้หลายคนโหยหาอยากกลับไปเป็นเด็ก

เพราะประสบการณ์ที่ฉาบเราทีละเล็กละน้อย
จนทำให้เราถูกตีตราด้วยค่าประสบการณ์ที่มากขึ้น
ว่า ต้องเป็นผู้ใหญ่ ต้องผิดพลาดน้อยลง ต้องล้มลงน้อยขึ้น

หกล้มเวลาที่เป็นเด็กเด็กมีแต่คนประคับประคอง
หกล้มเมื่อเติบใหญ่บางทีก็ถูกย่ำยีกระหน่ำซ้ำเติม

เมื่อโตขึ้น หลายคนจึงโหยหาอดีต
และอยากกลับไปเป็นเด็กเด็ก แต่อดีตก็คืออดีต
เราล้วนรู้ความจริงข้อนี้

บางทีสังคมก็ออกระเบียบและกฎ เพื่อกะเกณฑ์บางอย่าง
ออกมาเป็นมาตรฐานเดียว มาตรการเดียวเพื่อใช้กะทุกคน
โดยละเลยความเป็นปัจเจกของแต่ละคน

บางอย่างใช้ได้ บางอย่างใช้ไม่ได้

ถ้ามองกันตามประสบการณ์ที่ถูกฉาบ
ถ้ามองกันตามจำนวนปีที่เติบใหญ่ ก็คงจะใช่ ก็อาจจะได้
แต่หากลองลอกสิ่งที่ฉาบออก เราก็เป็นเด็กน้อยคนนึงเท่านั้น

ยังคงผิดพลาด ยังคงต้องการเรียนรู้ ลองผิดและถูก
ยังคงต้องการโอกาส และการอภัย
และยังคงน่ารักเหมือนเดิม

ถ้าคุณเคยเป็นเด็ก คุณจะเข้าใจคนรอบข้างได้ดีขึ้น

Shutter Lover : เรื่องและภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น