วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2015

พี่น้องที่รัก
            พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงทำหน้าที่ในการปกครองดูแลพระศาสนจักรมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ตามปกติแล้วพระสันตะปาปาทุกพระองค์ จะทำหน้าที่ในการสอนเตือนใจเหล่าคริสตชนโดยออกจดหมายเวียน หรือ ที่เรียกเป็นศัพท์เฉพาะว่า “พระสมณสาส์น” ที่มีเนื้อหาสอนใจพี่น้องสัตบุรุษในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้เราคริสตชนทราบถึงคำสอนของพระศาสนจักรที่แนะนำไว้ในประเด็นต่าง ๆ  เพื่อนำไปปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ตามธรรมประเพณีแล้วจดหมายเวียน หรือ พระสมณสาสน์นี้จะถูกเขียนเป็นภาษาลาตินก่อน และพระสมณสาส์นแต่ละฉบับจะมีชื่อที่ใช้เรียกพระสมณสาส์นฉบับนั้น โดยใช้คำสองสามคำแรกที่ขึ้นต้นจดหมายเวียนนั้นมาเป็นชื่อของจดหมายเวียนของพระสันตะปาปา พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ออกพระสมณสาส์นฉบับแรกเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2013 มีชื่อว่า  Lumen Fidei แปลเป็นภาษาไทยว่า “แสงสว่างแห่งความเชื่อ” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความเชื่อ อันเป็นคำสอนที่ช่วยให้ พระสมณสาส์นของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่เคยออกพระสมณสาส์น เรื่องความรัก (Deus caritas est) และ พระสมณสาส์นเรื่องความหวัง (Spe Salvi) มีเนื้อความที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเมื่อไม่กี่วันมานี้พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ออกพระสมณสาส์นฉบับใหม่มีชื่อพระสมณสาส์นฉบับนี้ว่า Laudato Si ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “คำสรรเสริญจงมีแด่พระองค์”
            เนื้อหาของพระสมณสาส์น Laudato Si น่าสนใจมากเพราะเป็นเนื้อหาที่กล่าวถึงสภาวะแวดล้อมในธรรมชาติ หรือ กล่าวได้ว่าเป็นพระสมณสาส์นที่จูงใจเราทุกคนให้มองเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และ ธรรมชาติรอบตัวเรา พระองค์เตือนทุกคนเกี่ยวกับการเผชิญกับความล่มสลายของระบบนิเวศน์อันจะนำไปสู่ผลกระทบอันร้ายแรงที่คาดไม่ถึงมาสู่เรามนุษย์ทุกคน ถ้ามวลมนุษย์ล้มเหลวในการร่วมใจกันหาหนทางปฏิบัติเพื่อแก้ไขต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนในโลกปัจจุบัน
            สาระสำคัญของพระสมณสาส์นฉบับนี้อยู่บนประเด็นที่ว่า แล้วเราจะมอบโลกที่อยู่ในสภาพไหนไว้ให้กับประชากรในอนาคตดำเนินชีวิต?
           พระสมณสาส์นฉบับนี้ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจาก เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ประธานกรรมการบริหารธนาคารโลก อันมีผลในทางปฏิบัติในการจัดสัมมนาในโครงการเกี่ยวกับการหารือเรื่องสภาวะภูมิอากาศของโลก

            จะเห็นได้ว่าคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้วนเวียนอยู่แต่เพียงคำสอนด้านศีลธรรมเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตแค่บาป บุญ คุณ โทษ อย่างที่เคยเป็นมาในอดีตแล้ว แต่ขยายตัวไปสู่เรื่องของการธำรงรักษาธรรมชาติ และ สภาพแวดล้อม ให้อยู่ในความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย เพราะสรรพสิ่งในโลกผูกพันเชื่อมโยงกันหมด ในทุกระบบชีวิต รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่มุ่งเน้น แต่การแสวงหากำไร โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะมีต่อคนจน โดยการทำลายล้างผลาญธรรมชาติ
            พระสันตะปาปาทรงเรียกร้องให้ทุกคนในโลกนี้ มองสิ่งต่างๆด้วยหนทางใหม่ ซึ่งเป็นการท้าทาย และปฏิรูปวัฒนธรรมที่ห้าวหาญ เพราะโลกของเรากำลังกลายเป็นขยะกองโต ดังนั้นเราต้องลุกขึ้น และหาทางผลักดันให้มีการขับเคลื่อนไปสู่การเสวนาเชิงนิเวศ เพื่อธำรงรักษาไว้เพื่อความดีส่วนรวมของโลกของเรา
            “ขอคำสรรเสริญจงมีแด่พระองค์”  จะไม่มีที่ยืนสำหรับคนที่เห็นแก่ตัว หรือ คนที่เย็นชาเพิกเฉย เราไม่อาจพิทักษ์ธรรมชาติได้ “หากหัวใจเรา ขาดความอ่อนโยน การเห็นอกเห็นใจ และ ความห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์ของเรา”

พ่อสุพจน์
............................................................................................                


ข้างบัลลังก์นักบุญหลุยส์ : CAUTION!!!

ระวัง!!

คนออกแบบกรวย
ออกแบบมาเป็น 'กล้วย'
สร้างสรรค์ดี สะดุดตาดี

กล้วยเป็นสัญลักษณ์แทนการลื่น
ฝรั่งมักมีมุขที่เหยียบกล้วยลื่น
เอากล้วยมาตั้งเป็นกรวยเลยบอกว่า
ระวังนะ แถวแถวนี้ มันลื่น

คนไทยใช้กล้วยแทนอะไรง่ายง่าย
เรื่องกล้วยกล้วย คือเรื่องง่ายง่าย

เอาความคิดแบบไทยกะฝรั่งมาผสมกัน

ทำให้คิดได้ว่า
เรื่องยากยาก เรื่องใหญ่ใหญ่
เรามักจะไม่ค่อยพลาดไม่ค่อยผิด
เพราะเราจะระวัง เราจะละเอียด
แต่ในเรื่องเล็กเล็ก เรื่องง่ายง่าย
เรามักพลาดบ้างผิดบ่อย
เพราะระวังน้อย เพราะละเอียดน้อย

เรื่องกล้วยกล้วย
เลยทำให้เราลื่นล้มได้บ่อยบ่อย
บางที เราอาจจะต้องตั้งกรวยกล้วยนี้
ในชีวิตเราบ้าง ไว้ต่อยเตือนตัวเอง

เพราะปีศาจมันฉลาดกว่า
และรู้ว่าเราจะพลาดในเรื่องแบบไหน
ก็เท่านั้นเอง

#กล้วย_กรวย_กันพลาด


Shutter Lover : เรื่องและภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น