พี่น้องที่รัก
มีเรื่องน่ายินดีที่จะเล่าสู่กันฟัง คือเมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
นิตยสารไทม์แมกกาซีน
ซึ่งเป็นนิตยสารที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลต่อสังคมอย่างสูงฉบับหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา
ได้ประกาศว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลแห่งปี ประจำปี ค.ศ. 2013 ของนิตยสารฉบับดังกล่าว
เหตุผลที่นิตยสารฉบับดังกล่าวให้ไว้คือ "พระองค์เป็นพระสันตะปาปาที่ติดดิน
พระองค์นำองค์กรพระศาสนจักรที่ใหญ่ที่สุดนี้ให้อุทิศตนด้วยการเผชิญกับปมปัญหาต่างๆบนพื้นฐานของความเมตตาเพื่อรักษาดุลยภาพในการอยู่ร่วมกันไว้" บรรณาธิการบริหารของนิตยสารฉบับนี้
ให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า "พระองค์เลือกนามของนักบุญฟรังซิส
ซึ่งเป็นนักบุญที่สุภาพถ่อมตนมาเป็นพระนามของพระองค์ และ
ประกาศว่าพระศาสนจักรมีหน้าที่ในการเยียวยารักษาบาดแผลเรื้อรังต่างๆ"
วาติกัน ดูเหมือนจะไม่ตื่นเต้นนักกับข่าวใหญ่นี้ คุณพ่อ เฟเดริโก
ลอมบาร์ดี โฆษกของสำนักวาติกันกล่าวว่า "พระสันตะปาปาไม่ได้ปรารถนาจะได้รับการยกย่องให้เกียรติเป็นพิเศษแต่อย่างใด
เพราะพระองค์ไม่ได้ต้องการเป็นผู้มีชื่อเสียงด้วยการยกย่องให้เกียรติเหล่านี้
แต่ถ้าการได้รับการเลือกให้เป็นบุคคลแห่งปีจะเป็นหนทางช่วยให้การประกาศข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้าเผยแผ่ไปยังทุกๆคนในโลกได้
พระสันตะปาปาก็คงจะทรงพอพระทัยเกี่ยวกับเรื่องนี้"
ด้วยเวลาเพียง 9 เดือนเท่านั้น
ที่พระสันตะปาปาฟรังซิส ขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้นำพระศาสนจักรคาทอลิก
พระองค์ทำอะไรเล่าถึงได้รับการยอมรับจากผู้คนพ่อเชื่อว่า
เหตุผลต่างๆต่อไปนี้คงจะพอช่วยให้เราเข้าใจว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้พระองค์ได้รับเลือกเป็นบุคคลแห่งปี
1.
พระองค์อาจเป็นพระสันตะปาปาที่ทันสมัยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ใช้ทวิตเตอร์ในการแสดงสถานะของพระองค์เอง
ด้วยการโพสต์ภาพถ่ายของพระองค์ และมีผู้ติดตามมากมาย
นอกจากนี้พระองค์ยังไม่ทิ้งวิธีการสื่อสารแบบเดิมๆด้วยการโทรศัพท์ไปหาบุคคลบางคนด้วยพระองค์เอง
2.
พระองค์สื่อสารถึงมุสลิมทั่วโลก เมื่อจบเทศกาลถือศีลอดของชาวอิสลาม
พระองค์ทรงมีสาส์นถึงชาวมุสลิมเพื่อร้องขอให้ชาวมุสลิมและชาวคริสต์ร่วมมือกันช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกันโดยผ่านทางการศึกษาอบรม
3.
พระองค์
ให้เกียรติและทรงฟังความเห็นของบุคคลที่แม้แต่จะต่อต้านเรื่องความเชื่อในพระเจ้า
4.
พระองค์แสดงจุดยืนของพระศาสนจักรในเรื่องกลุ่มคนรักร่วมเพศว่า
ถ้ามีใครสักคนที่เป็นเกย์ แต่เขายังเชื่อในพระเจ้าและเป็นคนดี
ข้าพเจ้าเป็นใครที่จะไปตัดสินคนเหล่านี้เล่า
5.
พระสันตะปาปาเป็นผู้สมถะ ดำรงชีวิตเรียบง่าย ไม่ถือพระองค์
ปฏิเสธที่จะพำนักในพระราชวังวาติกัน พระองค์พำนักอยู่ในห้องที่แสนจะธรรมดา ที่บ้านพักรวมของพระสงฆ์ที่ชื่อว่า
ซานตามาร์เธ ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งพระคาร์ดินัล
ก็ไม่ได้เดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถยนต์ใหญ่โต แต่ ใช้รถเมล์ รถใต้ดิน และ
รถยนต์เรโนลต์เก่าๆที่มีพระสงฆ์องค์หนึ่งยกให้
คงมีเหตุผลอีกมากมายที่สามารถจะยกมากล่าวถึงความเหมาะสมว่าทำไม
นิตยสารไทม์แมกกาซีนถึงได้เลือกที่จะยกตำแหน่งบุคคลแห่งปีให้กับพระสันตะปาปา
เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พระสันตะปาปาพระองค์นี้มีบุคคลิกภาพที่น่ารัก
เข้าถึงง่าย และเป็นมิตรกับผู้คนทุกเพศทุกวัย และ
มีปฏิภาณไหวพริบต่อปัญหาท้าทายพระศาสนจักรที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันรวดเร็ว
ขอบพระคุณพระเจ้าที่โปรดทรงประทานพระสันตะปาปาที่น่ารักเช่นนี้ให้มาเป็นผู้นำพระศาสนจักรของพระองค์
คุณพ่อ สุพจน์
................................................................................................
เราเชื่ออะไร
พระนางมารีย์มีบุตรคนอื่นๆ นอกจากพระเยซูเจ้าหรือไม่
แม้พระศาสนจักรตั้งแต่สมัยแรกถูกเย้ยหยันในเรื่องความเชื่อที่ว่า
พระนางมารีย์เป็นพรหมจารี แต่พระศาสนจักรยังคงเชื่ออยู่เสมอว่า
ความเป็นพรหมจารีของพระนางเป็นความจริง มิใช่เป็นเพียงตำนานเทพ หรือนิยายชวนศรัทธา
แต่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตของพระเยซูเจ้า
พระองค์ทรงบังเกิดจากสตรีผู้หนึ่งที่เป็นมนุษย์ แต่ต้องไม่ใช่จากบิดาที่เป็นมนุษย์
นักบุญมัทธิวเริ่มต้นพระวรสารของตนด้วยการลำดับเชื้อพระวงศ์ของพระเยซูเจ้า
เพียงเพราะต้องการเรียงเรื่องกำเนิดของพระเยซูเจ้าไว้ให้ถูกที่
เพราะผ่านทางนักบุญยอแซฟ บิดาทางนิตินัยนี้
พระเยซูเจ้าจึงทรงเป็นสมาชิกของราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด แต่พระองค์ทรงมาจากเบื้องบน
จากการปฏิสนธิเดชะพระจิตเจ้า จึงมิได้ทรงบังเกิดจากบุรุษคนใดคนหนึ่ง
ความเป็นพรหมจรรย์ตลอดกาลของพระนางมารีย์นี้
ได้รับการยอมรับกันมาตั้งแต่สมัยพระศาสนจักรยุคแรกแล้ว
ซึ่งเป็นการตัดเรื่องความเป็นไปได้ที่ว่า
พระเยซูทรงมีพี่น้องชายหญิงที่เกิดจากมารดาเดียวกันออกไป
ภาษาอาราเมอิคซึ่งถือเป็นภาษาแม่ของพระเยซูเจ้าในขณะนั้น คำว่า “พี่น้อง” และคำว่า
“ลูกพี่ลูกน้อง” ใช้คำเดียวกัน ดังนั้น เมื่อพระวรสารของนักบุญมาร์โก
กล่าวถึงพี่น้องชายหญิงของพระเยซูเจ้า พวกเขาได้หมายถึงญาติใกล้ชิดของพระองค์
นักบุญมัทธิวเล่าว่า ชาวนาซาเร็ธในศาลาธรรมได้กล่าวถึงพระเยซูเจ้าว่า
“เป็นลูกช่างไม้มิใช่หรือ แม่ของเขาชื่อมารีย์ พี่น้องของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ
ซีโมน และยูดาหรือ” (มธ 13: 55)
แต่ในพระวรสารอีกตอนหนึ่ง นักบุญมัทธิวก็เล่าด้วยว่า
ในบรรดาสตรีที่อยู่เชิงไม้กางเขนเมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์นั้น “มีมารีย์ชาวมักดาลา
และมารีย์มารดาของยากอบและของโยเซฟ และมารดาของบุตรเศเบดี” (มธ 27: 56)
ถ้ามารีย์มารดาของยากอบและของโยเซฟในที่นี้เป็นคนคนเดียวกันกับพระมารดามารีย์
คงเป็นเรื่องแปลกที่ผู้เขียนกลับไม่ได้เรียกสตรีคนนี้อย่างชัดเจนว่า
“พระมารดาของพระเยซูเจ้า” นี่แสดงชัดเจนว่ามารีย์ในที่นี้ย่อมเป็นคนละคนกัน
“เมื่อความเชื่อในพระมารดาของพระเจ้าลดน้อยลง
ความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าก็จะลดน้อยลงด้วยเช่นกัน”
Ludwig Feuerbach (1804-1872)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น