วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2013


พี่น้องที่รัก
            ดนตรีเป็นศิลปะที่งดงาม สร้างความไพเราะรื่นรมย์ให้กับผู้ฟัง ดนตรีมีมนต์เสน่ห์ในตัวของมันเอง เพราะเป็นสื่อที่สามารถสร้างอารมณ์ ความรู้สึกให้กับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี เรามนุษย์จึงใช้ดนตรีเป็นสื่อสร้างจินตนาการ ความสงบ ความเข้มแข็ง ความฮึกเหิม หรือ ความอ่อนหวาน ความลึกลับ ความเคร่งขรึม รวมไปถึง ความศักดิ์สิทธิ์ ได้อีกด้วย
            พิธีกรรมในคริสตศาสนาของเรามีดนตรีเป็นส่วนประกอบมาช้านานแล้ว ดนตรีที่เราใช้ขับร้อง และ บรรเลงในพิธีกรรมมีชื่อเรียกเฉพาะว่า “ดนตรีศักดิ์สิทธิ์” อย่างที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “sacred music” หรือภาษาละตินใช้คำว่า “musica sacra” เอกลักษณ์สำคัญของดนตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้บรรเลงหรือขับร้องในพิธีกรรม ก็คือช่วยยกจิตใจของผู้ร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ขึ้นหาพระเจ้าได้ง่ายขึ้น แต่เดิมดนตรีศักดิ์สิทธิ์ในพิธีมิสซาเป็นทำนองภาษาละตินล้วนๆ เพราะมีแหล่งกำเนิดมาจากศูนย์กลางของพระศาสนจักรที่กรุงโรม ต่อมาในการสังคายนาวาติกันครั้งที่สอง พระศาสนจักรหันมาให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมท้องถิ่นมากขึ้น จึงมีการเปิดโอกาสในแปลบทพิธีจากภาษาละตินมาเป็นภาษาท้องถิ่น รวมไปถึงการแต่งบทเพลงประกอบพิธีกรรมเป็นภาษาท้องถิ่นอีกด้วย นับตั้งแต่นั้นมาการร้องเพลงภาษาละตินในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆลดบทบาทลง เปิดทางให้กับ บทเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่เป็นภาษาท้องถิ่นแต่ละที่มากขึ้น อย่างที่เราร้องเพลงไทยในพิธีบูชาขอบพระคุณในทุกวันนี้ จึงทำให้บทเพลงที่ใช้ประกอบในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นั้น มีมิติของวัฒนธรรมแต่ละท้องถิ่นเป็นกลิ่นอายเฉพาะเข้ามาผนวกเป็นเนื้อเดียวกันด้วย
            อยากเรียนพี่น้องให้ทราบว่า ในวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม มิสซารอบ 12.00 น. จะมีคณะนักดนตรีจากประเทศเยอรมันนี ชื่อว่า International Mosel Valley Concert Band มาร่วมบรรเลงเพลงศักดิ์สิทธิ์ ในพิธีมิสซาที่วัดของเรา นักดนตรีคณะนี้มีจำนวนประมาณ 30-40 ท่าน เขาเหล่านี้เป็นนักดนตรีสมัครเล่นที่มีถิ่นอาศัยอยู่แถบหุบเขาโมเซลในเขตแดนประเทศเยอรมันนีซึ่งอยู่เชื่อมต่อกับเมืองลักซ์แซมเบิร์ก กลุ่มนักดนตรีนี้รวมตัวกันเพื่อเดินทางมาบรรเลงเพลงคอนเสิร์ตเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีทางดนตรีของท้องถิ่นของเขาในประเทศไทย และถือโอกาสมาเยี่ยมชมประเทศไทยของเราอีกด้วย นอกเหนือไปจากการมาบรรเลงเพลงประกอบพิธีมิสซาที่วัดเซนต์หลุยส์ของเราแล้ว เขายังมีโปรแกรมการแสดงดนตรีอีกหลายแห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด  จึงเรียนเชิญพี่น้องทุกท่านที่สนใจมาร่วมในพิธีมิสซาดังกล่าวครับ

คุณพ่อ สุพจน์
...................................................................................................
เราเชื่ออะไร

เราจะแสดงออกถึงความเชื่อ หรือตอบรับพระเจ้าได้อย่างไร


ทุกคนที่ปรารถนาจะตอบรับพระเจ้าโดยการเชื่อ ต้องมีหัวใจพร้อมที่จะรับฟัง พระเจ้าทรงแสวงหาที่จะติดต่อกับเรามนุษย์ในหลายวิธี ทุกครั้งที่มนุษย์พบปะกัน ทุกครั้งที่มีประสบการณ์ตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติ ทุกความสุข ความทุกข์ และความท้าทายในทุกเหตุการณ์ ในสิ่งเหล่านี้ล้วนมีสารซ่อนเร้นจากพระเจ้ามาถึงเราเสมอ พระองค์ตรัสกับเราชัดเจนมากขึ้นเมื่อพระองค์เสด็จมาหาเราในพระวาจาของพระองค์ หรือในเสียงมโนธรรมในตัวเรา ดังนั้น เราสามารถตอบรับพระองค์ได้ด้วยการเชื่อ และไว้วางใจในพระองค์ พยายามเรียนรู้เพื่อจะเข้าใจพระองค์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และยอมรับน้ำพระทัยของพระองค์อย่างที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ

ผู้มีความเชื่อจะแสวงหาความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า และพร้อมที่จะเชื่อทุกสิ่งที่พระองค์ทรงเปิดเผยแก่เขา เมื่อบุคคลเริ่มต้นมีความเชื่อ บ่อยครั้งที่อาจเริ่มจากความรู้สึกหวั่นไหว หรือความไม่สบายใจ รู้สึกว่าโลก และสรรพสิ่งต่างๆ ที่มองเห็นได้นี้ไม่ได้เป็นทุกอย่างของชีวิต เขาเริ่มรู้สึกว่าได้สัมผัสกับความเร้นลับ และอยากจะติดตามที่มาของสิ่งเหล่านี้ แล้วเขาจะค่อยๆ ค้นพบการประทับอยู่ของพระเจ้า และค่อยๆ มีความมั่นใจที่จะพูดถึงพระเจ้า และในที่สุด ตัวเขาเองก็ได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อย่างอิสระ

ในพระวรสาร นักบุญยอห์นกล่าวว่า “ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย แต่พระบุตรเพียงพระองค์เดียว ผู้สถิตอยู่ในพระอุระของพระบิดานั้นได้ทรงเปิดเผยให้เรารู้” (ยน 1:18) นี่คือเหตุผลที่เราต้องมีความเชื่อในพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระเจ้า หากเราต้องการทราบว่าพระเจ้าทรงปรารถนาสื่อสารสิ่งใดกับเรา  ดังนั้น ความเชื่อจึงหมายถึงการยอมรับองค์พระเยซูเจ้า และวางจุดมุ่งหมายตลอดทั้งชีวิตไว้กับพระองค์


“เราเชื่ออะไรนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นอีกคือ เราเชื่อใคร”
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น