วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2013


พี่น้องที่รัก
                คราวนี้พ่อขอนำเรื่องเล่าของชาวฮินดู จากประเทศอินเดียมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า  มีผู้ทรงศีลคนหนึ่งอาศัยอยู่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อลูกศิษย์หลายคนมาเล่าให้ฟังว่า มีเด็กหญิงชาวบ้านคนหนึ่งที่ดูแลฝูงแกะอยู่ฝูงหนึ่ง ทุกๆวันเธอจะรีดนมแกะใส่โถใบใหญ่ แล้วก็แบกโถใส่นมนั้นเดินบนพื้นน้ำ ข้ามแม่น้ำนั้นมายังอีกฝั่งหนึ่งเป็นประจำ ผู้ทรงศีลผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นเกิดความฉงนสงสัยว่าเป็นไปได้จริงหรือ เขาจึงให้คนไป เรียกเด็กหญิงคนนั้นมาถามว่าเรื่องที่ผู้คนเขาเล่ากันนั้นเป็นความจริงหรือไม่? เด็กหญิงคนนั้นตอบว่า “จริงสิ”
            ผู้ทรงศีลถามต่อไปว่า “แล้วหนูคิดว่า ฉันจะทำอย่างนั้นบ้างได้หรือไม่?”
            “ได้สิ” เธอตอบ “ขอเพียงแต่ท่านเปล่งพระนามของพระเจ้าตลอดเวลาอย่างที่ดิฉันทำ แล้วท่านจะสามารถเดินบนน้ำข้ามฝั่งมาได้ปลอดภัยอย่างแน่นอน”
            ผู้ทรงศีลผู้นั้น ตัดสินใจจะลองทำตามคำแนะนำของเด็กหญิงคนนี้ดูสักครั้ง แล้วทั้งสองก็เริ่มที่จะเดินข้ามแม่น้ำนั้นด้วยกัน โดยที่เด็กหญิงผู้นั้นเดินนำหน้า ส่วนผู้ทรงศีลเดินตามหลัง เขาก้าวเท้าตามเด็กหญิงคนนั้นอย่างสม่ำเสมอ โดยเปล่งพระนามของพระเจ้าซ้ำไปซ้ำมา แต่แล้วทันใด เขาก็เกิดความกังวลว่าชายเสื้อคลุมยาวสีเหลืองสวยงามของเขาจะเปียกน้ำ เขาจึงก้มลงยกชายเสื้อคลุมยาวให้สูงขึ้นอีก เพื่อให้พ้นน้ำ ณ เวลานั้นเอง เท้าของเขาเริ่มที่จะจมลงไปในน้ำลึกขึ้นลึกขึ้นทุกๆก้าวที่เขาก้าวไป เด็กหญิงคนนั้นหันกลับมามอง เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ทรงศีลผู้นั้น เธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ได้ เธอจึงหันไปกล่าวกับผู้ทรงศีลนั้นว่า
            “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ท่านอาจารย์ ไม่ใช่แบบนั้น! ปากของท่านเปล่งพระนามพระเจ้าก็จริงอยู่ แต่ใจของท่านยังมาเป็นห่วงถือชายเสื้อคลุมไว้ในมืออีก ... นี่ไม่ใช่วิธีการข้ามแม่น้ำที่ถูกต้อง”
            ในที่สุดแล้วผู้ทรงศีลผู้นั้นก็เดินข้ามแม่น้ำสายนั้นไม่สำเร็จ
            คำพูดของเด็กหญิงคนนั้นมีความหมายว่า การสวดภาวนาแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนั้น ไม่ใช่การภาวนาที่แท้จริง เพราะการภาวนานั้นคือความเชื่อ ความเชื่อคือความมั่นใจ ความมั่นใจคือเชื่อเต็มหัวใจ เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็จะไม่มีความมั่นใจใดๆเลย ดังนั้นถ้าท่านมีความมั่นใจ ก็จงอย่ากังวลเรื่องชายเสื้อ ให้ละมือจากชายเสื้อนั้นเสีย และมุ่งมั่นก้าวเดินไปในชีวิตอย่างเข้มแข็งในพระนามของพระเจ้า
            วันนี้พระเยซูทรงสอนเราให้ภาวนา ด้วยบทข้าแต่พระบิดา ขอให้เราภาวนาด้วยความเชื่อที่เต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจเสมอ
คุณพ่อ สุพจน์
.......................................................................................................................
เราเชื่ออะไร
ทำไมพระศาสนจักรจึงเฉลิมฉลองพิธีกรรมบ่อยๆ

พระเยซูเจ้าทรงสอนให้บรรดาศิษย์ของพระองค์สวดภาวนา และเรียกพวกเขามารวมกันในห้องชั้นบนเพื่อเฉลิมฉลองการมอบพระองค์เองในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย คำสั่งที่เราทุกคนได้รับจากพระเยซูเจ้าก็คือ  “จงทำการนี้ เพื่อระลึกถึงเราเถิด” (1คร.11: 24)
มนุษย์ต้องการอากาศหายใจ เพื่อมีชีวิต เช่นเดียวกัน พระศาสนจักร ก็มีชีวิตและลมหายใจด้วยการเฉลิมฉลองพิธีกรรมดังกล่าว พระเจ้าเองทรงเป็นผู้มอบลมหายใจแก่พระศาสนจักรทุกวัน และทรงบำรุงเลี้ยงพระศาสนจักรด้วยพระพรต่างๆ โดยทางพระวาจาของพระองค์ และด้วยศีลศักดิ์สิทธิ์ ภาพลักษณ์อีกประการหนึ่งก็คือ พิธีกรรมเป็นเหมือนการนัดพบรัก ซึ่งพระเจ้าทรงเขียนไว้ในปฏิทินของเรา ผู้ใดที่มีประสบการณ์ความรักของพระเจ้าแล้ว ก็จะไปวัดด้วยความยินดี และตื่นเต้นกับความรู้สึกของการได้มาพบกับพระเจ้าที่ทรงประทับอยู่ภายใต้เครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์นี้
ระหว่างที่พระเยซูเจ้าทรงมีชีวิตอยู่นั้น ประชาชนจำนวนมากต่างพากันไปหาพระองค์ เพราะพวกเขาแสวงหาการรักษาจากพระองค์ ปัจจุบัน เรายังพบพระองค์ได้ เพราะพระองค์ทรงดำรงชีวิตอยู่ในพระศาสนจักรของพระองค์ และทรงให้ความมั่นใจแก่เราว่า พระองค์ประทับอยู่ในสถานภาพสองประการ คือในการช่วยเหลือผู้ยากจน และในศีลมหาสนิท ณ ที่ซึ่งเราตรงดิ่งสู่อ้อมอกของพระองค์ และเมื่อเรายอมให้พระองค์อยู่ใกล้ชิดเรา พระองค์จะทรงสอนเรา เลี้ยงดูเรา เปลี่ยนแปลงเรา รักษาเรา และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเราในการถวายบูชามิสซา
“ท่านไม่รู้หรือว่า คริสตชนดำเนินชีวิตเพื่อศีลมหาสนิท และศีลมหาสนิทมีไว้เพื่อคริสตชน”
(Martyr Saturninus)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น