วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2013


พี่น้องที่รัก
                ครั้งหนึ่งมีทหารยศนายร้อยผู้หนึ่ง ชื่นชมจ่าคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา จ่าคนนี้เป็นคนมีความสามารถและไว้วางใจได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่นายร้อยผู้นั้นไม่ถูกใจในตัวจ่าคนนี้ นั่นคือเขาเป็นคริสตชนที่เคร่งครัด ดำเนินชีวิตตามความเชื่อที่เขามีอย่างจริงจัง นายร้อยผู้นี้จึงคิดหาแผนการณ์ที่จะทำให้จ่าคนนี้ลดระดับความเข้มข้นในความเอาจริงเอาจังในเรื่องศาสนาของเขาลงบ้าง วันรุ่งขึ้น ขณะที่นายร้อยทำการตรวจแถวทหารตามกิจวัตร เขาเรียกจ่าผู้นั้นให้ออกมายืนข้างหน้าแถว และเริ่มถามจ่าผู้นั้นว่า
                “จ่าเห็นท้องฟ้าไหม?” นายร้อยถาม
                “เห็นครับ”
                “จ่าเห็นดวงอาทิตย์ และ ลานสวนสนามนี้ไหม?”
                “เห็นครับ"
                “จ่าเห็นพระเจ้าไหม?”
                “ไม่เห็นครับ"
                “ถ้ายังงั้นก็ แสดงว่า ไม่มีพระเจ้า”
                ถึงตอนนี้ จ่าผู้นั้น กล่าวขออนุญาตต่อนายร้อยว่า ถ้าเขาจะมีโอกาสได้ถามคำถามนายร้อยสองสามประการจะได้หรือไม่
                “ว่าไปเลยจ่า” นายร้อยกล่าวตอบเป็นเชิงอนุญาต
                จ่า หันไปยังแถวของทหารที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา และถามพวกทหารที่ยืนเข้าแถวอยู่ว่า
                “พวกนาย เห็น นายร้อย ..... เห็นเท้า.... เห็นศีรษะ.... เห็นแขนของเขาหรือไม่?”
                “เห็นครับ” พวกทหารตะโกนตอบ
                “พวกนาย เห็นสมองของนายร้อยหรือไม่?”
                “ไม่เห็นครับ”
                “ถ้ายังงั้นก็ แสดงว่า ไม่มีสมอง”
                ได้ยินอย่างนี้พวกทหารต่างหัวเราะกันยกใหญ่ แม้แต่นายร้อยผู้นั้นก็หัวเราะด้วยไม่ได้
                ถึงตอนนี้จ่าผู้นั้น หันมาแสดงความเคารพต่อผู้บังคับบัญชาและกล่าวขออภัยต่อผู้บังคับบัญชาว่า “ผมขอโทษครับ ที่ผมทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะท่าน”
                “ดีมาก จ่ามีปฏิภาณไหวพริบยอดเยี่ยม” นายร้อยกล่าวชื่นชม “ฉันก็ต้องขอโทษจ่าด้วยเหมือนกัน ที่ได้กล่าวล่วงเกินจ่าไป”

                                                                                                                               คุณพ่อสุพจน์
........................................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน
                อาทิตย์นี้เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกาแล้ว เร็วใช่มั้ยครับ อาทิตย์นี้ยังเป็นอาทิตย์พระเมตตาของพระเจ้าอีกด้วยตามที่บุญราศีพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ได้กำหนดขึ้น การฉลองปัสกาเป็นการฉลองธรรมล้ำลึกแห่งความรักและความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์โดยอาศัยการถวายบูชาบนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า หลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์เสด็จไปพบกับบรรดาศิษย์ของพระองค์เพื่อยืนยันการกลับคืนชีพของพระองค์ พระเยซูเจ้ามาพบกับพวกเขาที่ห้องชั้นบน ที่เคยใช้เป็นที่สำหรับชุมนุมกัน รับประทานอาหารร่วมกัน ได้ฟังพระวาจาของพระเยซูเจ้าพระอาจารย์ ได้นอนหลับพักผ่อน ที่ห้องชั้นบนนี้เป็นสถานที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่น่าจดจำสำหรับบรรดาศิษย์ พวกเขาจึงมารวมตัวกันเพื่อชุมนุมกัน เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ของพระเยซูเจ้า และพวกเขาก็ได้พบกับพระองค์ และจำพระองค์ได้ที่ห้องชั้นบนนี้ หากจำได้ว่าห้องชั้นบนนี้เคยเป็นสถานที่ที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท “จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเรา” ซึ่งหมายถึง พวกสาวกได้พบกับพระเยซูเจ้าและจำพระองค์ได้ก็ที่ห้องชั้นบนนี้ ห้องนี้มีความสำคัญสำหรับพวกเขา เพราะทำให้พวกเขากลับมามีความเชื่อในพระเยซูเจ้าอีกครั้ง ทำให้พวกเขากลับมามีศรัทธาในพระองค์อีก
            ห้องชั้นบนสำหรับพวกเราก็คือ วัด ที่เป็นสถานที่ประกอบพิธีศีลมหาสนิท เป็นสถานที่สำหรับมาชุมนุมกันของบรรดาคริสตชน เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการมาวัด มาร่วมพิธีมิสซาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นแหล่งที่หล่อเลี้ยงความเชื่อของเรา เราจะได้พบกับพระองค์เมื่อเราสวดภาวนา รับศีลศักดิ์สิทธิ์ ร่วมพิธีกรรม ถ้าเราไม่ได้มาวัด หรือบางคนมาวัดแต่ไม่ได้รับศีลมหาสนิท แล้วเราจะพบกับพระองค์และจำพระองค์ได้อย่างไรกัน
                                                                                                                                                     คุณพ่อศวง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น