วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 20142


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            วันคริสต์มาสใกล้เข้ามาอีกนิดหนึ่งแล้ว เหลือเวลาอีกเพียง 8 วัน ก็จะเป็นวันฉลองวันคริสต์มาสประจำปี ค.. 2012 นับเป็นวันฉลองครบรอบการบังเกิดมาครั้งที่ 2012 ขององค์พระเยซูเจ้า ในวันที่พ่อเขียนบทความนี้ ตรงกับวันที่ 12 ธันวาคม 2012 ถ้าจะดูให้เป็นเลขสวยๆหน่อยก็ต้องเขียนว่า 12 12 12 นั่นก็คือ วันที่ 12 เดือน 12 แล้วก็ปีที่ลงท้ายเป็นเลข 12 อีกด้วย ข่าวในหน้าจอโทรทัศน์วันนี้ก็พูดถึงเลขนี้กันยกใหญ่ ว่าจะมีความหมายในทำนองเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่ก็ออกแนวทำนองว่า เป็นกระแสของเรื่องวันสิ้นโลก เหมือนกับกระแสเรื่องปฏิทินของชาวมายา มาหยุดอยู่ที่วันที่ 21 ธันวาคม 2012 ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็วนเวียนอยู่กับเลข 12 นั่นเอง ซึ่งหลายคนก็ตีความว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์ หรือ ลางบอกเหตุ ถึงหายนะของโลกและจักรวาล แต่ก็นั่นแหละ คำทำนายทำนองนี้ก็ก่อให้เกิดประเด็นที่จะพูดกันไปหลากหลายทรรศนะ บ้างก็เชื่อบ้าง บ้างก็ไม่เชื่อบ้าง ก็ว่ากันไป แต่สิ่งหนึ่งที่พ่อเห็นว่ากระแสเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ช่างเหมาะเจาะกับช่วงเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเสียจริงๆ เพราะเป็นเรื่องที่ชวนให้เราคิดถึง วันเวลาสุดท้ายของโลก และ การเสด็จมาของพระเยซูเจ้า ทั้งในแง่ของการมาเพื่อพิพากษาประมวลพร้อม และ รำลึกถึงการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระกุมารเยซูที่เราเฉลิมฉลองและระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญนี้ในเทศกาลคริสต์มาสทุกๆปี
            เทศกาลคริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งความสุข ความยินดี การเฉลิมฉลอง บรรยากาศในเทศกาลนี้คือความงดงามของการประดับประดาตกแต่งด้วยสายรุ้ง ดวงไฟระยิบระยับ เพื่อสื่อถึงบ่อเกิดแห่งความยินดีของเรามนุษย์คือ องค์พระกุมารเยซู ผู้นำความหวัง ความยินดีมาสู่ชาวเรา เพราะพระองค์ทรงนำความรอดพ้นมาให้กับเรามนุษย์ ความรอดพ้นนี้คือ สันติสุข ซึ่งเป็นสุขที่ยืนยาว ไม่เสื่อมคลาย ไม่มีวันจืดจาง ซึ่งดวงวิญญาณของเราทุกคนใฝ่ฝันหา ขอให้เราเตรียมตัวฉลองเทศกาลคริสต์มาสด้วยการประดับประดาจิตวิญญาณของเราแต่ละคน ด้วยการเตรียมจิตใจให้บริสุทธิ์พร้อม เพื่อการมาบังเกิดของพระเยซูจะสร้างความหมายที่ยิ่งใหญ่ในใจของเราทุกคน

พ่อสุพจน์

......................................................................................................................................................... 

สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน
                 เวลานี้เรามาถึงหัวใจของบูชามิสซาแล้ว คือ “บทขอบพระคุณ” (Prex eucharistica) ซึ่งเริ่มด้วยการโต้-ตอบรับระหว่างพระสงฆ์กับสัตบุรุษ ตามมาด้วย “บทเริ่มขอบพระคุณ” (Praefatio) และจบด้วยบทยอพระเกียรติท้ายบท (doxology) ขณะที่พระสงฆ์สวดบทขอบพระคุณเราคริสตชนควรทำอะไร? ขอตอบว่าเราคริสตชนที่ร่วมในพิธีควรร่วมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าในการคิดถึงการกินเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวก พระองค์ทรงภาวนาเหนือขนมปังและเหล้าองุ่นซึ่งเป็นธรรมเนียมของชาวยิวเรียกว่า berakah ซึ่งเราแปลว่า “คำภาวนาขอบพระคุณ” เป็นคำภาวนาถวายพระพรและขอบพระคุณพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้กระทำทุกสิ่งเพื่อมนุษยชาติตลอดประวัติศาสตร์แห่งความรอด เมื่อครั้งรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายพระเยซูเจ้าทรงภาวนาเหนือขนมปังและเหล้าองุ่นและแจกจ่ายให้บรรดาศิษย์ได้รับประทาน ซึ่งต่อมาหมายถึงพระกายและพระโลหิตของพระองค์ที่สละเพื่อเป็นบูชา การรับพระกายและพระโลหิตนี้เป็นการแสดงถึงความสนิทสัมพันธ์ในบูชาแห่งการไถ่บาปซึ่งมีพระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่ท่ามกลางเรา นอกจากนี้บทขอบพระคุณยังเป็นการประกาศยืนยันความเชื่อความศรัทธาที่พระศาสนจักรมีต่อศีลมหาสนิท บทขอบพระคุณมาหลายบทด้วยกัน เพราะว่าไม่มีบทใดสามารถแสดงออกถึงความเข้าใจของพระศาสนจักรเกี่ยวกับศีลมหาสนิทได้อย่างเพียงพอในทุกๆ แง่มุมได้
            บทตอบโต้ระหว่างพระสงฆ์กับสัตบุรุษเป็นถ้อยคำอันประเสริฐที่ใช้กันมาอย่างน้อยปี ค.ศ. 200 เป็นต้นมาแล้ว คำว่า “พระเจ้าสถิตกับท่าน” เป็นคำทักทายของคริสตชนดั้งเดิมมาก จากพระคัมภีร์(วนฉ 6:12, ลก 1:28) เป็นการยืนยันว่าพระเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาชุมนุมกัน ส่วนคำว่า “จงสำรวมจิตใจคิดถึงพระเจ้า” เป็นคำเชื้อเชิญให้ยกจิตใจไปยังพระบัลลังก์แห่งพระหรรษทาน ซึ่งเป็นที่ที่พระเยซูเจ้ากำลังถวายพิธีกรรมแห่งสวรรค์ โดยถวายพระองค์เองแก่พระบิดาเจ้าเพื่อเรา และคำว่า “จงขอบพระคุณพระเจ้าพร้อมกันเถิด” เป็นการปฏิบัติตามสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงให้ปฏิบัติเพื่อขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้าสำหรับกิจการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์โดยเฉพาะการกอบกู้มนุษยชาติ บทตอบโต้ระหว่างพระสงฆ์กับสัตบุรุษนี้จึงเป็นการเตือนเราให้ละสิ่งที่เป็นความกังวลในใจของเราทั้งหมด และยกจิตใจขึ้นหาสิ่งที่ควรคารวะสูงสุดของเราเป็นการสรรเสริญ ขอบพระคุณและวอนขอต่อพระบิดาพร้อมกับพระเยซูเจ้า
            ช่วงเวลาที่เราคริสตชนกำลังรอคอยการเฉลิมฉลองการบังเกิดมาของพระเยซูคริสตเจ้าในเทศกาลเตรียมพระคริสตสมภพอยู่นี้ เป็นโอกาสดีที่เราจะคิดถึงความรักของพระเจ้าและขอบพระคุณพระองค์ ด้วยการปรับเปลี่ยนชีวิตของเราให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นเพื่อสรรเสริญพระเจ้าและมอบถวายตัวของเราแด่พระองค์ตลอดไป
                                                                                                            ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
                                                                                                                        คุณพ่อศวง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น