วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาิทตย์ที่ 9 ตุลาคม 2016

พี่น้องที่รัก
            วันนี้มีเรื่องดีๆ มาฝากกันอีกเช่นเคยครับ เรื่องนี้น่าอ่านมาก
            ครั้งหนึ่งในอเมริกากลาง ทุกๆปีจะมีการประกวดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด หลังจากการประกวด ชายผู้ที่ชนะเลิศที่หนึ่ง เขาทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง นั่นคือ... ทันทีที่เขาชนะ เขาได้นำเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งชนะการประกวด แจกให้กับผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันและกล่าวว่า เอาเมล็ดพันธุ์นี้ไปปลูกนะ แล้วปีหน้าเรามาแข่งกันใหม่
            ในปีต่อมา... เขาก็ชนะการประกวดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดอีก เขาเดินแจกเมล็ดพันธุ์ที่เขาเพิ่งชนะให้กับคนอื่นๆ แล้วบอกว่า... เอาไปปลูกนะ แล้วปีหน้าเรามาแข่งกันใหม่
            ชายผู้นี้ชนะการประกวดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดติดต่อกัน 6 ครั้ง และเขาก็แจกเมล็ดพันธุ์ที่ชนะให้แก่ผู้แข่งขันคนอื่นๆทุกปี
            มีนักข่าวถามเขาว่า ... ไม่ง่ายกว่าหรือ ถ้าเขาเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ดี โดยไม่แบ่งคนอื่น เขาก็จะได้ชนะง่ายๆ ทุกปี เขาตอบว่า ... แสดงว่าคุณไม่เข้าใจในการปลูกพืช คุณเคยได้ยินคำว่า ... การกลายพันธุ์ไหม ถ้าไร่ของผมมีเมล็ดพันธุ์ที่ดี บังเอิญไร่ของเพื่อนบ้านมีแต่เมล็ดพันธุ์ที่แย่ๆ วันหนึ่งลมก็จะพัดเอาเกสรของเมล็ดพันธุ์ที่แย่ๆ มาตกในไร่ของผม ทำให้เมล็ดพันธุ์ผมแย่ไปด้วย มันไม่เป็นการดีหรอกหรือ ... ที่ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์ที่ดีแล้ว ... ถึงตอนนั้นมาแข่งกันว่า ... ใครขยัน รดน้ำพรวนดินดีกว่ากัน!!!
            มีคำกล่าวว่า... ถ้าคุณมีเมล็ดพันธุ์ความคิดที่ดี คุณเก็บไว้กับตัว ไม่แบ่งปันใคร ถึงวันหนึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดนั้นก็จะตายไปพร้อมคุณ เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ที่ความคิดและความรู้ยิ่งให้ออกไป เรายิ่งได้รับกลับมา และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนๆนั้น ประสบความสำเร็จที่มากขึ้นไปพร้อมๆกับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าในสังคม

            เรื่องข้างต้นพ่ออ่านพบจากไลน์ที่ส่งต่อๆกันมา ไม่ได้มีการอ้างอิงว่าแหล่งที่มามาจากที่ไหน แต่ก็ขอแสดงความขอบคุณในเนื้อหาที่มีบทสอนใจที่ดีมากครับ เอามาแบ่งปันกันครับ อ่านแล้วเลยคิดถึงคำที่ว่า "ผู้ให้ย่อมมีความสุขกว่าผู้รับ" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำสอนของพระเยซูเกี่ยวกับเรื่องความรักและการแบ่งปันนั่นเอง ขอพระอำนวยพรพี่น้องครับ

พ่อสุพจน์
................................................................................................................
สวัสดีครับพี่น้อง
            ขวบปีที่ผ่านมา สมาชิกในวัดเซนต์หลุยส์คงจะได้เรียนรู้เรื่องการขอบคุณพระเจ้าได้ในทุกกรณี โดยไม่จำเป็นต้องรอการตอบจากพระในแบบทันตาเห็น  เพราะเรารู้ดีว่าพระองค์ทรงฟัง และทรงรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะตอบเรา ไม่ในทางใดก็ทางหนึ่ง เราจึงต้องหมั่นเข้ามาสรรเสริญพระเจ้าด้วยความสำนึกรู้คุณในทุกสถานการณ์ แม้ในยามทุกข์หรือยามสุข เพราะพระเจ้าอยู่ด้วยกับเราในทุกเหตุการณ์ของชีวิต พระวาจาวันนี้จึงเตือนสติเรา จากคำของพระเยซูเจ้าว่าฝ่ายพระเยซูตรัสว่า มีสิบคนหายสะอาดมิใช่หรือ แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน ไม่เห็นผู้ใดกลับมาสรรเสริญพระเจ้า เว้นไว้แต่คนต่างชาติคนนี้” (ลูกา 17:17-18)ในลูกาบทที่ 17 เป็นเรื่องเกี่ยวกับบางคนที่มีเรื่องขอบพระคุณมากมาย ก่อนที่เขาจะได้รับการสัมผัสอย่างอัศจรรย์จากพระเยซู พวกเขาถูกสังคมรังเกียจ เป็นภัยและหายนะแก่สังคม ทั้งสิบคนมีเชื้อโรคที่รุนแรงที่สุดในสมัยนั้น โรคเรื้อน เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ ไม่มีใครตกต่ำไปกว่านี้แล้ว ในประวัติศาสตร์ของยุคนั้น เป็นโรคร้ายที่ไม่มีทางหาย
            คนที่พบว่าตัวเองเป็นโรคเรื้อนจะไม่สามารถติดต่อกับคนอื่นๆได้ ต้องออกจากบ้าน ทิ้งครอบครัวและญาติมิตรไป แยกตัวไปอยู่ตามลำพัง มีชีวิตที่น่าสงสาร เสื้อผ้าของพวกเขาคงฉีกขาดจากการคร่ำครวญ ศีรษะเกลี้ยงเหมือนกะโหลกที่ไม่มีสิ่งใดปกคลุม และไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องคอยร้องตะโกนว่า ไม่สะอาดๆ เป็นมลทินๆเพื่อให้เป็นไปตามธรรมบัญญัติโมเสส แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องพระเยซู และมองเห็นพระองค์แต่ไกล จึงร้องตะโกนว่า เยซูนายเจ้าข้า โปรดได้เมตตาข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด” (ลูกา  17:12-13)
             ที่ว่าน่าสนใจเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบสนองต่อเสียงร้องนั้น ไม่มีแสงสีเสียงกระหึ่มใดๆประกอบ ไม่มีแม้การแตะต้องตัว มีแต่คำสั่ง พระเยซูเพียงตรัสว่า จงไปสำแดงตัวแก่พวกปุโรหิตเถิด” (ข้อ 14) ตามบทบัญญัติในเลวีนิติ ปุโรหิตต้องนำพวกเขาเข้าสู่การเฉลิมฉลองเป็นเวลาแปดวัน ตรวจสอบพวกเขา เพื่อให้แน่ใจว่าหายขาดจากโรคเรื้อนจริงๆ ตอนนั้นพวกเขายังไม่หาย แต่ก็ไปตามที่พระเยซูสั่งและพระเจ้าทรงรักษาพวกเขาจนหายขาด แต่มีเพียงหนึ่งในสิบคนเท่านั้นที่ตัดสินใจกลับมาขอบพระคุณและก็เป็นคนสะมาเรียเสียด้วย พวกยิวดูถูกคนสะมาเรีย แต่ก็มีคนสะมาเรียเท่านั้นที่กลับมาขอบพระคุณ แลดูจะเหมือนพวกเรา ที่มักลืมขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ เวลาเร่งด่วนเราไปเที่ยวต่างประเทศหาวัดไม่เจอ ไปทำงานต่างจังหวัดไม่รู้ว่าวัดอยู่ไหน บางคนอ้างว่าต้องทำงานหนัก ต้องไปเรียนหนังสือ ต้องทำกิจกรรม สารพัดจะอ้างไป แต่พระเจ้าไม่เคยอ้างอะไรกับมนุษย์เลย เวลาที่จะช่วยเหลือมนุษย์ว่ามีอะไรดีหรือที่พระจะต้องช่วย เวลาต้องถูกทรมานและถูกเฆี่ยนและถูกตรึงการเขนเจ็บปวดแสนทรมาน ทำไมต้องไถ่บาปมนุษย์เล่า มนุษย์มีความดีอะไรมากมายหรือ ก็เปล่าเลยทั้งๆที่มนุษย์เต็มไปด้วยบาป เห็นแก่ตัว เอาเปรียบ ขี้เกียจ ชั่วช้าลามก ไม่ซื่อสัตย์ หยาบคาย ทรยศ พระองค์ก็ยังคงรักมนุษย์ แล้วเรามนุษย์ยังคงมัวหลงอะไรอยู่อื่น อย่ากลายเป็นอกตัญญูโดยไม่รู้คุณพระ แต่จงหันหน้าเข้าทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วยความรัก แต่จงอย่าลืมที่จะสรรเสริญขอบพระคุณพระองค์ด้วยการอธิษฐานภาวนา และร่วมถวายตัวพร้อมกับพระในบูชามิสซาขอบพระคุณอย่างสม่ำเสมอ

คพ.พงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น