วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2016

สวัสดีพี่น้องที่รัก
            ทุกวันอาทิตย์เรามาวัดกันพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นประจำ วัดเซนต์หลุยส์ของเราเป็นวัดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องคาทอลิกจำนวนมากที่เดินทางมาสวดภาวนาและร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณที่วัดแห่งนี้ พี่น้องสวดภาวนาขอพระหลายเรื่องหลายประการ ตามความประสงค์และความจำเป็นของพี่น้องแต่ละคน แน่ละพระเจ้าทรงสดับรับฟังคำภาวนาของพี่น้องเสมอ แต่หลายครั้งพี่น้องหลายคนก็รู้สึกว่าคำขอของพี่น้องดูเหมือนพระเจ้าไม่ประทานให้สักที ได้แต่เฝ้ารอคอยโดยหวังว่าสักวันหนึ่งพระเจ้าจะเป็นผู้ประทานตามคำทูลขอของเรา พ่อเชื่อว่าหลายคนคงขอให้มีเศรษฐกิจที่ดี มีฐานะร่ำรวย มีความมั่นคงในทรัพย์สิน พูดง่ายๆว่า"ขอให้รวย" นั่นแหละ เพราะตอนนี้รู้สึกว่ายัง"จน"อยู่ พ่อไปอ่านบทความในโซเชียลมีเดีย พูดถึงเรื่อง 6 ข้อที่จะทำให้คุณ "จน" ตลอดชีวิต เนื้อหาสาระให้ข้อคิดดีครับ เลยอยากจะนำมาให้พี่น้องเก็บไปคิดบ้าง เผื่อว่าเราไม่ต้องรอว่าเมื่อไหร่พระเจ้าจะประทานความร่ำรวยให้กับเรา แต่เราสามารถเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตที่จะนำพาการไปสู่ความมั่งคั่งได้ โดยไม่ต้องเดือดร้อนให้พระเจ้ามาจัดการให้กับเราทุกเรื่อง
            6 ข้อนี้ที่จะทำให้คุณยิ่งจนลง ถ้ายังคงทำอยู่ในทุก ๆ วันของชีวิต และควรรีบปรับปรุงโดยด่วน
            1. ใช้ชีวิตเกินค่าครองชีพ
            หลายคนใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งจับจ่ายตามใจชอบ ซื้อของที่อยากได้ หรือแม้แต่ยอมเป็นหนี้บัตรเครดิต เพียงเพื่อซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็นมาประดับชีวิตคุณให้ดูดี และ "ดูมี" เหมือนคนอื่น คนอื่นที่ว่าอาจทำได้ เพราะสถานะทางการเงินของเขาอาจมั่นคงหรือพร้อมกว่า แต่การใช้เงิน เกินค่าครองชีพที่จำเป็น เช่นกาแฟแก้วละ 35-40 บาท กับกาแฟแก้วละ 100-170 บาท ราคากาแฟแก้วละเท่าไหร่? ที่คุณรู้สึกว่าซื้อง่ายจ่ายสบายใจได้ทั้งเดือน นั่นคือราคากาแฟที่เหมาะกับค่าครองชีพที่คุณแบกรับไหว หากรู้สึกว่าหนักใจที่จะจ่ายแต่อยากซื้อ นั่นคือสัญญาณอันตรายทางการเงินที่กำลังใช้เกินตัวอยู่
            2. หนักไม่เอา เบาไม่สู้
            “ความจน" น่ากลัวกว่าที่คุณคิด ถ้าหากคุณลองถามหาเศรษฐีทุกคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ แต่ขยันทำมาหากิน พัฒนาตนเอง และกล้าก้าวข้ามความเหน็ดเหนื่อยจนกระทั่งสร้างตัวจนร่ำรวย พวกเขาเหล่านั้นจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่อยากกลับไปจนอีก" แต่สำหรับหลายคนที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ เพิ่งเริ่มธุรกิจส่วนตัว แต่ยังไม่สู้งานหนัก ไม่พร้อมกลับบ้านดึก หรือ เดินหนีปัญหาที่อยู่ตรงหน้าที่ควรรับผิดชอบ ก็คงยากที่จะพัฒนาไปสู่ความมั่งคั่งทางการเงิน เพราะโอกาสทองมาพร้อมหยาดเหงื่อเสมอ
            3. ผลัดวัน ไม่มีวินัย ชิลไปวันๆ
            สโลว์ไลฟ์ คือชีวิตชั้นสูง คนที่มีฐานะทางการเงินพร้อมพรั่งเท่านั้น จึงจะพร้อมสำหรับการนั่งจิบกาแฟเรื่อยๆ ท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ ใช้เงินซื้อความสะดวกสบายเท่าที่สบายใจ แต่กลับมาก่อน คุณยังเป็นหนี้ คุณยังไม่มีการเงินที่มั่นคง คุณยังไม่มีความสะดวกมือในการจับจ่าย เพราะคุณยังไม่มีวินัยทางการเงินที่ดีและรัดกุม ที่สำคัญ คุณยังทำงานและเก็บเงินแบบผลัดวันประกันพรุ่งอีกด้วย การเรียบเรียงชีวิตใหม่ จัดลำดับความสำคัญ 1 2 3 ว่าเป้าหมายที่คุณต้องการในชีวิตคืออะไร จะทำให้คุณวางแผนไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และสร้างวินัยให้กับชีวิตที่ต้องได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
            4.ไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น
            ไม่มีใครทำงานคนเดียวได้ แม้แต่อาชีพฟรีแลนซ์ก็ยังต้องมีคอนเน็คชั่นเพื่อสร้างงานคุณภาพให้ประสบความสำเร็จ เมื่อคุณต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นในทีม สิ่งสำคัญไม่ใช่ผลงานที่ประสบความสำเร็จตามเป้า แต่คือประสิทธิภาพในการประสานงาน ให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดตามที่ตั้งเป้าไว้ หลายคนพลาดโอกาสสำคัญในการก้าวหน้าหรือเลื่อนตำแหน่งงาน เพราะไม่สามารถปฏิสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานคนอื่นได้ จึงทำให้ผู้บริหารเห็นว่า คุณยังไม่เหมาะสมจะเลื่อนตำแหน่ง หรือ หากคุณทำธุรกิจอยู่ ก็คงจะติดขัดอย่างแน่นอน หากต้องร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์เพื่อขยายธุรกิจ แต่คุณกลับทำตัวเป็นพระเอกอยู่คนเดียว และเที่ยวบอกใคร ๆ ว่าคุณทำงานนี้สำเร็จทั้ง ๆ ที่เป็นผลจากการทำงานร่วมกันของทีมงาน
            5. กลัวการตั้งเป้าหมายในชีวิต
            การพุ่งชนเป้าหมาย อาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับบางคน เช่นคนที่ตั้งเป้าว่าจะ "ปลดหนี้" แต่กลัวการเห็นเงินในบัญชีพร่องลงจากการชำระหนี้ตรงตามเวลา หรือไม่มีวินัยในการปลดหนี้ จึงทำให้เลี่ยงการชำระหนี้ จนเป็นเหตุให้ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น หรือบางคนตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บเงิน10-20% จากเงินเดือนเป็นประจำ แต่กลับถอดใจเพราะเห็นสินค้าที่ชอบกำลังลดราคากระหน่ำ ทำให้ต้องควักเงินซื้อมาจนได้ และเป้าหมายที่อยากเก็บเงินจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า ความล้มเหลวที่คนเหล่านี้ประสบคือ "ความกลัวเป้าหมายที่ตนอยากจะทำ" หรือไม่กล้ามีเป้าหมายเพราะกลัวจะทำไม่ได้ จึงเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของคุณพังและไม่สามารถหลุดพ้นจากความจนได้เสียที
            6. คิดมากจนก้าวสู่ความขี้ขลาด
            คนคิดมากกับคนรอบคอบนั้นต่างกัน คนคิดมากจะไม่ลำดับข้อมูลที่ควรนำมาไตร่ตรอง แต่จะนำทุกปัญหามารวมกันจนทำให้ไม่เห็นทางออก แต่คนที่คิดรอบคอบจะคิดเป็นเรื่องๆ และลำดับความสำคัญว่าเรื่องใดควรมาก่อนมาหลัง ทำให้คิดเป็นกระบวนการและได้คำตอบในแต่ละปัญหาอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนประเภทที่คิดมากเมื่อทำธุรกิจ จะไม่กล้าวางแผนในการต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างกำไร เพราะกลัวความล้มเหลว ทำให้เสียโอกาสสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโต หรือคนที่คิดมากเมื่อทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน จะกลัวการแสดงความคิดเห็น หรือไม่กล้าที่จะทำงานยากๆ เพื่อพัฒนาตนเอง ซึ่งเป็นเพราะการไตร่ตรองโดยใช้ทุกความคิดมารวมกัน จนกลายเป็นความกังวล หรือ ขยายจนเป็นความขี้ขลาด ที่จะรับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้น ทั้ง ๆ ที่โอกาสมาอยู่ตรงหน้า
            ลองอ่านดูนะครับ มีข้อคิดที่ดีเยอะทีเดียว

คพ.สุพจน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น