วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2014

พี่น้องที่รัก
            วันอาทิตย์นี้เป็นวันอาทิตย์ใบลาน ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันฉลองเทศกาลสงกรานต์พอดี การเฉลิมฉลองทางพิธีกรรมในวันนี้เป็นวันที่เราระลึกถึงการเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่าของพระเยซูเจ้า ก่อนที่พระองค์จะทรงรับทนทรมานแบกกางเขนและถูกตรึงตายบนไม้กางเขนถวายองค์เป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าเพื่อไถ่บาปของมวลมนุษย์ให้ได้รับความรอดพ้น นอกจากนี้วันนี้ยังเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะในช่วงสัปดาห์นี้เป็นช่วงสำคัญแห่งการระลึกถึงการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายของพระเยซูซึ่งเราจะกระทำพิธีฉลองนี้ในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ และ เราจะระลึกถึงการถูกพิพากษาประหารชีวิตด้วยการตรึงบนไม้กางเขนของพระเยซูในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ และที่สุดเราสมโภชการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้าในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ และวันอาทิตย์ถัดไปก็เป็นวันสมโภชปัสกา
            สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสว่า ถ้าปราศจากกางเขน ศาสนาคริสต์คงไม่ถือกำเนิดขึ้น ถ้าปราศจากกางเขน มลทินบาปในชีวิตของเราคงไม่ได้รับการชำระล้าง กางเขนนั้นไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องประดับบนพระแท่น แต่กางเขนคือธรรมล้ำลึกแห่งความรักของพระเจ้าที่ทรงแบกรับเอาบาปของเรามนุษย์ไว้  พระสันตะปาปาตรัสอีกว่า เรามนุษย์ไม่สามารถที่จะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากมลทินบาปได้ คริสตศาสนาไม่ใช่สารบบทางความคิดแบบปรัชญา ไม่ใช่ระบบทางการศึกษา เพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอด หรือ เป็นช่องทางในการสร้างสันติสุข เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นผลตามมาภายหลังเท่านั้น แต่ศาสนาคริสต์เป็นเรื่องราวของบุคคลที่ถูกยกขึ้นบนไม้กางเขน บุคคลที่ยอมสละละตนเองจนถึงที่สุดเพื่อช่วยเรามนุษย์ให้รอดพ้นจากมลทินของบาป เป็นเรื่องของพระเจ้าที่มารับสภาพมนุษย์ที่ต้องอยู่ในข้อจำกัดของธรรมชาติที่ต้องเสื่อมสลายไปที่ถูกยกขึ้น  เราจะไม่มีทางเข้าใจศาสนาคริสต์ได้อย่างลึกซึ้งถ้าไม่เข้าใจเรื่องของความนอบน้อมถ่อมตนอย่างถึงที่สุดขององค์พระบุตรของพระเจ้าผู้ยอมรับสภาพอันต่ำต้อยยอมรับความตาย โดยเฉพาะความตายบนไม้กางเขนเพื่อที่จะช่วยเราให้รอดพ้น และนี่แหละคือที่มาของคำสอนของนักบุญเปาโลที่ว่า แท้ที่จริงแล้ว เรามนุษย์ไม่มีอะไรจะโอ้อวดได้ นอกจากบาปทั้งมวลของเรา และนี่แหละสิ่งที่น่าสงสารของเรา แต่โดยอาศัยพระเมตตาของพระเจ้า เราคริสตชนจึงได้รับความชื่นชมยินดีผ่านทางองค์พระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน เพราะโดยผ่านทางบาดแผลของพระองค์ มลทินบาปของเราได้รับการชำระล้างจนหมดสิ้น
            พี่น้องที่รัก ให้เราเริ่มต้นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความตั้งใจที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางชีวิตของเรา โดยมีไม้กางเขนของพระเยซูเป็นแรงบันดาลใจ ความยากลำบากที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้น จะไม่ใช่อุปสรรคที่บั่นทอนกำลังใจของเราอีกต่อไป แต่จะเป็นพลังเสริมช่วยให้เราแน่วแน่ในการครองตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรอบข้างต่อไปโดยไม่ย่อท้อ
คุณพ่อสุพจน์
 ................................................................................................................................................
วันอาทิตย์ใบลาน
      ในวันนี้ คริสตชนฉลองพระมหาทรมาน (อาทิตย์ใบลาน) พระคริสตเจ้า ได้เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มนครศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรับทนทรมาน สิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ” (พิธีแห่) การเข้าอย่างผู้ชนะที่เราทำการฉลองในตอนต้นของอาทิตย์พระมหาทรมานเน้นว่า องค์ประกอบสามประการ คือพระมหาทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนม์ชีพรวมเป็นความจริงเดียว การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าไม่ใช่เป็นความพ่ายแพ้แต่เป็นชัยชนะ
นักบุญอันดรูว์ แห่งครีต ได้กล่าวถึงวันอาทิตย์ใบลานไว้อย่างน่าจับใจว่า: 

     “เราจงออกไปต้อนรับพระคริสตเจ้าพร้อมกัน บนภูเขามะกอก วันนี้พระองค์เสด็จจากเบธานี ด้วยพระทัยอิสระของพระองค์ ดำเนินไปรับพระทรมานศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ธรรมล้ำลึกแห่งความรอดของเราสำเร็จบริบูรณ์ พระองค์ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์ เพื่อฉุดเราออกจากขุมบาป และยกขึ้นมากับพระองค์ ตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า เหนือความยิ่งใหญ่ อำนาจและฤทธิ์เดชทั้งหลาย และเหนือนามทั้งหลายที่อาจตั้งขึ้น พระองค์เสด็จมาด้วยพระทัยอิสระของพระองค์ สู่นครเยรูซาเล็ม พระองค์เสด็จมาโดยปราศจากความหรูหราและการแสดงตัวให้เด่น ผู้ประพันธ์เพลงสดุดีกล่าวว่า พระองค์จะไม่ทรงโต้เถียง ไม่ส่งเสียให้ได้ยินตามทาง พระองค์จะเป็นคนอื่นโยน และสุภาพและเสด็จเข้ามาอย่างเรียบๆ 

     พวกเราจงรีบไปต้อนรับพระองค์เหมือนพระองค์ทรงรีบมารับการทรมาน จงเอาอย่างประชาชนที่ได้มาต้อนรับพระองค์เมื่อครั้งกระโน้น แต่ไม่ใช่โดยการเอาเสื้อผ้ากิ่งมะกอกหรือใบลานปูตามทางที่พระองค์เสด็จ แต่โดยพยายามดำเนินชีวิตอย่างที่พระองค์ทรงปรารถนา โดยวิธีนี้แหละเราจะสามารถต้อนรับพระวจนาตถ์เมื่อพระองค์เสด็จมา พระเจ้าที่ไม่มีขอบเขตใดสามารถบรรจุพระองค์ พระองค์จะสถิตอยู่ในตัวเรา

     ด้วยความสุภาพถ่อมตัว พระคริสตเจ้าได้เสด็จมายังถิ่นที่มืดมนของโลกที่ตกต่ำ พระองค์ทรงมีความยินดีที่ได้กลับเป็นผู้สุภาพถ่อมตน เพราะเห็นแก่เรา ทรงมีความยินดีที่ได้เสด็จมาเจริญชีวิตอยู่ท่ามกลางเรา มีส่วนในธรรมชาติของเรา เพื่อจะยกเราขึ้นไปหาพระองค์ แม้ว่าพระองค์ได้เสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว แน่นอนที่เป็นข้อพิสูจน์ว่า พระองค์ทรงมีอำนาจและเป็นพระเจ้า แต่ความรักของพระองค์ต่อมนุษย์ไม่หยุดยั้งจนกว่าจะได้ยกธรรมชาติของเราที่ผูกพันอยู่กับโลกให้สูงเกียรติขึ้นเป็นลำดับ จนกว่าจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในสรวงสวรรค์

     เราจะปูแทบพระบาทของพระองค์ ไม่ใช่เสื้อผ้าหรือกิ่งมะกอกที่ไม่มีชีวิตที่น่าดูอยู่ไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็เหี่ยวแห้ง แต่เอาตัวของเราเองที่สวมใส่พระหรรษทาน หรือที่ถูกต้องคือ สวมใส่พระองค์ทั้งครบ เราที่ได้รับศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้าแล้ว ต้องใช้ตัวเองเป็นเสื้อผ้าปูแทบพระบาทของพระองค์ บัดนี้ความสกปรกของบาปได้รับการชำระล้างแล้ว ด้วยน้ำ นำความรอดของศีลล้างบาป และเราได้กลับขาวสะอาดเหมือนขนแกะ ฉะนั้น เราจะนำอะไรมาถวายแด่พระองค์ ผู้ทรงพิชิตความตาย ใบลานเท่านั้นหรือ? จงถวายสิ่งที่เหมาะสมอย่างแท้จริงกับชัยชนะของพระองค์เถิด คือนำวิญญาณของเราไปต้อนรับแทนกิ่งไม้ ให้เราร่วมร้องเพลงกับเด็กที่อกมาต้อนรับว่า สาธุการแด่ผู้มาในพระนามของพระเจ้า สาธุการแด่กษัตริย์ของอิสราเอล (บทเทศน์ของนักบุญอันดรูว์ แห่งครีต)


 จาก www.catholic.or.th โดย itbkk

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น