วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2012


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
            วันนี้ขอพูดกับพี่น้องในเชิงเจาะลึก เกี่ยวกับ "หนังสือบทภาวนา ในครอบครัวคริสตชน" ที่พ่อเคยกล่าวแนะนำกับพี่น้องมาแล้วเพิ่มเติมสักหน่อยนะครับ เพราะเห็นว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทุกๆครอบครัวคริสตชนควรมีติดบ้านเอาไว้ เพราะถือว่าเป็นคู่มือ ที่ขาดเสียไม่ได้ของทุกๆครอบครัวเลยทีเดียว เพราะหนังสือเล่มนี้ บรรจุบทภาวนาพื้นฐานที่ช่วยเราให้ดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับพระเจ้าได้ในชีวิตประจำวันของเรา
            ในหนังสือเล่มนี้ มีบทภาวนาเวลาเช้า และบทภาวนาเวลาค่ำก่อนเข้านอนถึง 4 แบบให้เลือกใช้ในการสวดภาวนา  นอกจากนี้ยังมีบททำวัตร ฉบับสะดวกใช้ หรือ ฉบับกระเป๋า ให้เลือกในการภาวนา สำหรับบุคคลที่อยากใช้เวลาที่สงบๆในการสวดภาวนาที่นานขึ้นกว่าปกติ โดยการสวดทำวัตร แบ่งออกเป็นทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น และทำวัตรค่ำ ตามปกติแล้วการสวดทำวัตร ถือเป็นวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ นักบวช ชาย หญิง ที่จะภาวนาร่วมกัน ในแต่ละโมงยามที่พระศาสนจักรกำหนดไว้ การสวดทำวัตร จึงเป็นการภาวนาที่ช่วยให้เราเข้าถึงความสงบสันติในจิตใจได้มากกว่าบทภาวนาสั้นๆ ถ้าวันไหนพี่น้องอยากเข้าสู่ความสงบสันติ ในคำภาวนาที่ลึกซึ้งอิ่มเอมใจ เพื่อรับการบรรเทาใจ และ เพิ่มพูนความเชื่อ ความวางใจ และ ความรักในพระเจ้า และ มีเวลาพอสมควรที่จะแยกตัวออกมาจากความกิจวัตรประจำวันที่ยุ่งเหยิง วุ่นวาย แล้วละก็ ให้ใช้บททำวัตรสวดในช่วงเวลานั้นๆ
            นอกจากนี้แล้วหนังสือเล่มนี้ยังบรรจุ ข้อพระคัมภีร์ ที่สำคัญๆ เพื่อนำมาอ่านในเรื่องที่เราอยากได้รับความดลใจพิเศษจากพระเจ้า และ บทรำพึงสำหรับการสวดลูกประคำ และบทภาวนาที่ได้รับการปรับปรุงถ้อยคำใหม่จาก คณะกรรมการเพื่อพิธีกรรม บทสำคัญๆที่ควรท่องขึ้นใจเอาไว้ด้วย
            บัดนี้วัดเซนต์หลุยส์ของเราจัดนำหนังสือเล่มนี้มาให้พี่น้องได้จัดซื้อหาไว้ประจำบ้าน ถ้าเป็นไปได้อยากให้พี่น้องจัดหาไว้ให้เพียงพอกับสมาชิกภายในบ้านที่จะใช้เวลาในการสวดภาวนาร่วมกันนะครับ
            พ่อหวังว่าในปีแห่งความเชื่อนี้ ครอบครัวคริสตชนทุกครอบครัว จะหันมาร่วมกันรณรงค์ ให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวมาสวดภาวนาพร้อมกันในบ้านของเรา และพ่อเชื่อมั่นว่า หนังสือเล่มนี้จะนำมาซึ่งพระพรของพระเจ้ามาสู่ครอบครัวของเราอย่างเต็มเปี่ยม อย่าลืมนะครับ "การสวดภาวนาร่วมกัน คือ ยาอายุวัฒนะของครอบครัวที่เปี่ยมด้วยความเชื่อในพระเจ้า"

พ่อสุพจน์
...................................................................................................................................................................
ฝึกสมาธิและเจริญสติ
ภาวะที่จิตใจล่องลอยคิดโน่นคิดนี่ ร่างกายสั่งให้เดินไปที่ตู้ศีลฯ (Tabernacle) เพื่อเชิญศีลมหาสนิท (Holy Communion) มายังรัศมี (Monstrance) และแล้วก็เชิญศีลฯ มาทั้งผอบ แต่ว่า... อ้าว! เอามาผิดอัน ต้องเป็นศีลฯ แผ่นใหญ่สิ... จึงต้องกลับไปยังตู้ศีลฯ เพื่อเปลี่ยนเป็นศีลแผ่นใหญ่อีกครั้ง
พี่น้องครับ พ่อยกเหตุการณ์ตอนสวดสายประคำวันหนึ่งที่เกิดกับพ่อเองมาเป็นตัวอย่าง เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้กับพี่น้องบ้างไหม? ในหัวสมองคิดเรื่องงาน เรื่องอื่นๆ อีกมากมาย แล้วสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขาดซึ่งสมาธิจะทำกิจการที่อยู่ตรงหน้า... ลองคิดดูสิว่า ถ้าต้องเข้ามาในวัดเพื่อร่วมมิสซา สวดภาวนาสายประคำ แต่จิตใจยังไม่สงบ สิ่งที่ประสบต่างประดังประเดเข้ามา ความคิดจิตใจเปี่ยมไปด้วยเรื่องมากมาย หากเป็นเช่นนั้นเราจะได้รับอะไรจากพิธีกรรม จากบทอ่านและบทเทศน์ของพระสงฆ์บ้าง แล้วเมื่อออกไปรับศีลมหาสนิทนั้น จะทันได้รู้หรือเปล่าว่ากำลังรับพระเยซูเจ้าเข้าไปในตัวเอง
พ่อจึงได้ศึกษาเรื่องการเจริญสติ และฝึกสมาธิ เพื่อให้ได้เตือนตัวเอง และนำมาแบ่งปันกับพี่น้องทุกคนด้วย สติ แปลว่า ความระลึกได้ ความไม่เผลอ การคุมจิตไว้ได้ เป็นอาการที่จิตไม่หลงลืม ระงับยับยั้งได้ ไม่ได้เลินเล่อพลั้งเผลอ สติทำให้ตื่นตัวอยู่เสมอ มีสมาธิในการทำกิจการงานใดๆ
หากถามพ่อว่าสมาธิหรือการเจริญสติเป็นของชาวพุทธเท่านั้นไหม? พ่อว่าไม่เป็นของใครทั้งนั้น แต่เป็นของทุกคน เนื่องจากมีผู้ที่ได้ปฏิบัติและถ่ายทอดต่อกันเรื่อยมา ศาสนาคริสต์เราเองก็มีเรื่องนี้ในประวัติศาสตร์เช่นกัน แล้วสิ่งที่อยากจะบอกก็คือ วิธีการเพื่อฝึกสมาธิและการเจริญสติที่เราชาวคริสต์สามารถมาปรับใช้ได้ ดังนี้
๑. เริ่มจากตื่นนอนในแต่ละวัน ให้ทำสมาธิจากไม่กี่นาทีแล้วค่อยเพิ่มให้นานขึ้นเรื่อยๆ ในอิริยาบถใดก็ได้ เพื่อเริ่มฝึกจิตให้มีคุณภาพ
๒. ต่อด้วยการเจริญสติ คือระลึกรู้ในการทำกิจส่วนต่างๆ เช่น อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน รับประทานอาหาร พบปะพูดจา ฯลฯ มีสติรู้และตื่นตัวเสมอในทุกอิริยาบถ หัดรู้สึกตัวบ่อยๆ
๓. ให้ฝึกทำสมาธิสลับกับการเจริญสติเช่นนี้ วันละหลายๆ ครั้ง
๔. หมั่นสำรวมกาย วาจา ใจ อยู่เป็นนิจ ให้มีสติรู้ทุกคำพูดและการกระทำ
๕. เมื่อใดเริ่มเผลอคิด ใจลอยฟุ้งซ่านไป ก็ให้กลับมามีสติรู้คิด อยู่กับปัจจุบัน
๖. ให้มองโลกในแง่ดีเสมอๆ ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสตลอดวัน ไม่คิด พูด หรือทำในสิ่งไม่เป็นกุศล ไม่กล่าวร้ายผู้อื่น
๗. ให้ประเมินผลทุกคืนก่อนนอน หรือหลังจากทุกครั้งที่ทำสมาธิ สังเกตดูว่าเบากายเบาใจกว่าแต่ก่อนหรือไม่ เพราะเหตุใด
๘. เวลานอนทุกคืนให้อยู่ในท่านอนตะแคงขวา หรือเจริญสติจนกว่าจะหลับทุกครั้งไป
๙. ให้พยายามฝึกทำ พยายามแล้วพยายามอีก จากยากให้เป็นง่าย และให้กลายเป็นนิสัยประจำตัว
๑๐. จงอย่าพยายามสงสัย ให้พยายามอยู่กับปัจจุบันเป็นพอ
ลองเอาไปหัดใช้ หัดทำดูนะครับ จะได้ไม่เบลอแบบพ่อบ่อยๆ พ่อเองก็จะหัดทำด้วย เด็กที่ฝึกก็จะมีการเล่าเรียนดีขึ้น เด็กสมาธิสั้นเพราะการดูทีวี เล่นเกม ก็จะช่วยให้จดจ่อกับบางสิ่งบางอย่างได้นานมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพี่น้องมาเข้าวัดแล้วรู้ว่ากำลังอยู่ต่อหน้าพระเจ้า การร่วมมิสซาของพี่น้องจะบังเกิดผลดีมากขึ้นเช่นกัน ขอพระอวยพร.

                                                                                    คุณพ่อปลัดองค์เล็ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น