วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สารวัดอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2012


สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
เมื่อพระเจ้าเรียก เราก็ตอบเสียงเรียกของพระองค์ ในพระคัมภีร์พระธรรมเดิม พระเจ้าทรงเรียกประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรร คนเหล่านี้มีทั้งที่เป็นกษัตริย์ ประกาศก พระเยซูเอง ก็ทรงเรียกบรรดาสาวกของพระองค์เพื่อมาเป็นคนงานในสวนองุ่นของพระเจ้า เพื่อจะมาช่วยกันเสริมสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก พระจิตเจ้าทรงเรียกเราทุกคนและประทานพลังให้กับเราโดยพระพรมากมายของพระองค์ เพื่อเสริมสร้างพระศาสนจักรที่เป็นพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า เราทุกคนจึงได้รับการเรียกให้ดำรงชีวิตเป็นพระวิหารของพระจิตเจ้าและเป็นผู้ช่วยพระองค์ในการดูแลเอาใจใส่เพื่อนพี่น้องของเรา ในฐานะที่เราเป็นฆราวาส เราก็มีพันธกิจที่พระเจ้าทรงเรียกให้เรามาร่วมมือกับพระองค์ บ้างก็สามารถมาทำงานได้อย่างเต็มเวลา บ้างก็มาช่วยงานแบบเฉพาะกิจหรือเป็นอาสาสมัครในเรื่องต่างๆ บางส่วนก็เป็นครู บ้างก็ทำงานในสำนักงานของสังฆมณฑล บ้างก็มาช่วยงานต่างๆในวัดเท่าที่สามารถ ดังนั้นแม้ว่าเราจะทำงานประกอบธุรกิจต่างๆ เราก็ได้รับการเรียกให้ก้าวไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยไปกว่าผู้ที่อุทิศตนเป็นพระสงฆ์นักบวชชายหญิง
เราทุกคนต่างได้รับการเรียกจากพระเจ้าให้มาร่วมงานในส่วนที่เราสามารถ เพื่อช่วยกันเปลี่ยนแปลงโลก ด้วยการเผยแสดงพระอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินนี้เหมือนอย่างในสวรรค์ พระจิตเจ้าทรงงานอยู่เสมอในหลายหนทางและหลายรูปแบบ บางครั้งก็ด้วยวิธีที่ล้ำลึก ด้วยเหตุนี้เราจึงควรแสวงหาโอกาสในการปฏิบัติพันธกิจของเรา และทำให้พันธกิจนี้เป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้การดูแลของพระศาสนจักร พระจิตกำลังเรียกท่านอยู่ใช่ไหม? พระองค์กำลังส่งเสียงกระซิบอยู่ในหูของท่านใช่ไหม? พระองค์กระตุ้นเรา ให้เราแบ่งปันเวลาความสามารถเพื่อทำงานของพระองค์ให้สำเร็จใช่ไหม? ในวัดของเรายังมีช่องว่างที่จะสามารถทำภารกิจของพระเจ้าที่เราสนใจที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ใช่ไหม? จงจำไว้ว่าพระเยซูตรัสกับศิษย์ของพระองค์ว่า อย่าปิดบังพระพรพิเศษความสามารถที่เรามี อย่าเอาตะเกียงไปวางไว้ใต้ถัง แต่จงวางตะเกียงไว้บนเชิงตะเกียงเพื่อให้ทุกคนมองเห็นความสว่าง ปีศาจมักจะใช้กลวิธีดึงเราไว้ไม่ให้ออกมามีบทบาทใดๆในพระศาสนจักร ด้วยการบอกกับเราว่าเราต้องสุภาพถ่อมตนไว้ ความสุภาพถ่อมตนเช่นนี้ไม่ใช่ความสุภาพถ่อมตนที่แท้จริง ท่านจงทำอย่างที่พระเยซูตรัสเอาไว้ว่า จงให้ความสว่างของท่านฉายแสงต่อหน้าทุกคนเพื่อทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า จงจำไว้ว่าถ้าท่านไม่รักพระเจ้าและรับใช้พระองค์ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านเอง พระองค์ก็จะไม่ได้รับความรักและรับใช้ในแบบที่เป็นเรา เพราะไม่มีใครมาทำแทนเราได้นั่นเอง ท่านจึงเป็นคนพิเศษในสายตาของพระเจ้าเสมอพระเจ้าทรงเรียกท่านอยู่ท่านจะตอบพระองค์อย่างไร?

                                                                                                                                 พ่อสุพจน์
...........................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน
            อาทิตย์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา หลังจากที่เราได้ทำการเฉลิมฉลองนักบุญเปโตรและเปาโลมาแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พ่อเองในฐานะที่มีศาสนนามนักบุญเปาโลขอขอบคุณพี่น้องทุกท่านที่ได้ร่วมแสดงความยินดีกับพ่อในโอกาสอันสำคัญนี้ เพราะถือได้ว่าเป็นกำลังใจที่มอบให้ ทำให้มีกำลังใจสำหรับการทำหน้าที่สงฆ์ที่จะรับใช้พี่น้องต่อไป จึงขอกล่าวคำขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ
            อาทิตย์นี้อาจจะไม่ได้กล่าวถึงอะไรที่เกี่ยวข้องกับพระวาจาของพระเจ้าประจำสัปดาห์นี้ เพราะว่ามีบทความที่น่าสนใจที่จะนำมาแบ่งปันสำหรับพี่น้อง เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการมาวัดที่ให้ข้อคิดที่ดีมากๆ เพราะที่ผ่านมามีคำถามที่เกิดขึ้นมากมายว่า ทำไมเราต้องมาวัดวันอาทิตย์ด้วย มาวัดวันอื่นๆ ไม่ได้เหรอ และถ้าไม่มาวัดเราจะคิดถึงพระเจ้า สวดภาวนาจากที่อื่นไม่ได้เหรอ ในเมื่อพระเจ้าทรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่เฉพาะในวัดอย่างเดียวไม่ใช่หรือ? พอดีได้มีโอกาสอ่านหนังสือแม่พระยุคใหม่ฉบับเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้พอดี มีบทความที่ตอบคำถามเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี จึงขอนำมาแบ่งปันสำหรับพี่น้องครับ
            เรื่องเล่าว่ามีมาเซอร์ท่านหนึ่งได้เปรียบเทียบการเข้าวัดวันอาทิตย์กับชีวิตของผึ้งๆ ไว้ดังนี้ “ธรรมชาติของผึ้ง จะอาศัยรวมกันเป็นฝูง โดยส่วนใหญ่จะออกหาอาหารเป็นน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ ผึ้งทำงานกันเป็นระบบ มีผึ้งนางพญาเป็นหัวหน้าใหญ่ มีผึ้งหลวงเป็นผู้ผสมพันธุ์ และมีผึ้งงานไว้ทำงานต่างๆ อย่างหาอาหารเลี้ยงตัวอ่อน ทำความสะอาดรัง ปกป้องรังและอาหารจากศัตรู ในรังผึ้งแต่ละรังประกอบด้วยหลอดรวง ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องหกเหลี่ยมเล็กๆ หลายหมื่นช่อง ตามแต่ขนาดของรัง ผึ้งแต่ละตัวเมื่อเป็นตัวอ่อนจะมีหลอดรวงเป็นของตัวเอง ถ้าผึ้งตัวหนึ่งหายหรือตายไป หลอดรวงหรือช่องนี้ก็จะกลายเป็นช่องว่าง เพราะผึ้งตัวอื่นจะไม่เข้ามาอยู่ในหลอดรวงที่ไม่ใช่ของตัวเอง ผึ้งแบ่งหน้าที่กันทำ ผึ้งงานที่มีหน้าที่หากินจะบินออกไปข้างนอก เพื่อทำภารกิจของตัวเอง และกลับมาที่รังเมื่อถึงเวลา
            การเข้าวัดวันอาทิตย์ก็เหมือนผึ้งที่กลับเข้ารังในแต่ละวัน เราต่างก็ออกไปทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนผึ้งงานที่ออกไปหากิน พอถึงวันอาทิตย์เราก็กลับมาที่รัง ซึ่งเป็นที่ที่พระเจ้าประทับอยู่ พระองค์ทรงรอคอยการกลับมาของลูกๆ ทุกคน วัดจึงเป็นที่พักพิงของเราอย่างแท้จริง ถ้าเราคนใดคนหนึ่งไม่เข้าวัด พื้นที่ของเราก็จะว่างๆ  เพราะไม่มีใครมาแทนที่เราได้ และหากเราหลายๆ คนไม่เข้าวัดในวันอาทิตย์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม รังของเราก็จะกลายเป็นรังที่ว่างเปล่า ไร้ความหมายใดๆ การไม่เข้าวัดวันอาทิตย์อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การเข้าวัดวันอาทิตย์เป็นการบ่งบอกว่าเราให้ความสำคัญกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามากน้อยเพียงใด
            ดังนั้นแล้ว เรามาช่วยกันทำให้พื้นที่ว่างของเราแต่ละคนในวัดถูกเติมเต็มด้วยการให้ความสำคัญกับพระเจ้าผู้ทรงรักเรา และถ้าหากเราบอกว่าเรารักพระเจ้าของเรา ก็จงให้ความสำคัญกับวันอาทิตย์ที่เป็นวันของพระเจ้าด้วย
                                                                                                                                    คุณพ่อศวง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น