วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สารวัด 13 พฤษภาคม 2012


สวัสดีครับพี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน
            วัดเซนต์หลุยส์ คือวัดคาทอลิกวัดหนึ่งที่สวยงาม มีเอกลักษณ์ในด้านสถาปัตยกรรมการก่อสร้างที่โดดเด่นไม่เหมือนกับวัดใดๆเลยในประเทศไทย  มองจากภายนอกก็ดูเด่นเป็นสง่า ด้วยหอระฆัง และรูปทรงหน้าต่างทรงโค้ง กับกระจกที่ไม่มีสีสันใดๆแต่งเติม ตัดกับกำแพงผนังที่เป็นอิฐเปลือยเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ สร้างความรู้สึกเคร่งขรึม สงบ และเสริมสร้างบรรยากาศแห่งการสวดภาวนาให้กับทุกคนที่ก้าวเข้ามาในวัด เพราะสามารถสัมผัสได้ว่า สถานที่แห่งนี้คือที่ประทับขององค์พระเจ้า พระองค์ประทับอยู่กับเราที่นี่ และ พร้อมเสมอที่จะฟังคำภาวนาจากใจของเราแต่ละคน
            พ่อเคยได้ยินคำกล่าวประโยคหนึ่งว่า “วัดคือที่พึ่งทางใจ” ฟังดูแล้วน่าจะมีความหมายในทำนองที่ว่า ถ้าขาดสันติสุขในใจ ก็ต้องมาวัด เพื่อจะพบกับความสงบ และ สันติสุข ซึ่งเป็นความคิดของผู้คนทั่วๆไป แต่สำหรับเราคาทอลิก วัดไม่ได้เป็นเพียงแต่ที่พึ่งทางใจเท่านั้น แต่วัดคือที่มาแห่งพระพรของพระเจ้า สำหรับผู้มีความเชื่อในพระองค์ เขาจะได้รับความหวัง แสงสว่างและพลังใจแห่งการดำเนินชีวิต
            เพราะเป้าหมายสำคัญที่สุดแห่งการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในโลกนี้ คือ การเรียนรู้จักพระเจ้า รักพระองค์สุดจิตสุดใจของเรา และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ ด้วยการรักเพื่อนมนุษย์ เหมือนเรารักตัวเอง เพื่อเราจะสามารถบรรลุถึงเป้าหมายปลายทางของเราในสวรรค์นิรันดรได้ เมื่อเราผ่านชีวิตในโลกนี้ไปแล้ว
            ชีวิตประจำวันของเราต้องเผชิญกับอุปสรรคและปัญหามากมาย ทั้งเรื่องของการงาน เศรษฐกิจ ครอบครัว เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หลายครั้งเรามีความรู้สึกมืดมนกับปัญหาต่างๆที่รุมเร้าเรา จนสับสน ไม่รู้จะแก้ปัญหาอะไรก่อนอะไรหลัง จนกระทั่งหลายคนท้อแท้ สิ้นหวังไปเลย
            อย่าลืมว่า ชีวิตในโลกของเรามันสั้นนัก เมื่อเทียบกับชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าจะประทานให้ ดังนั้นให้เราเรียงลำดับความสำคัญของเป้าหมายในชีวิตของเราให้ถูกต้องเสียก่อน แล้วเราจะไม่พลาดกับเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของชีวิตของเรา
            พี่น้องที่รัก พ่อเชื่อมั่นว่า พี่น้องทุกท่านต่างก็มีความปรารถนาเดียวกันคือในที่สุดแล้วเราจะได้รับเลือกสรรให้เป็นส่วนหนึ่ง เป็นสมาชิกในบ้านแท้นิรันดรของพระบิดาเจ้าในสวรรค์
            ความสุขใจที่เราได้รับจากการมาวัด จึงเป็นเสมือนมัดจำล่วงหน้าถึง ความสุขในสวรรค์ที่เราจะได้รับซึ่งยิ่งใหญ่กว่าความคาดหมายตามประสามนุษย์ของเรามากมายนัก
            พ่อจึงอยากให้พี่น้องทุกท่านช่วยกันเสริมสร้างบรรยากาศสงบแห่งการภาวนาในวัดของเรา เพื่อทุกคนที่มาวัดจะได้พบกับความสุขใจที่พึงได้รับ จากพระเจ้า เพื่อเราจะได้รับพระพรที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันอย่างเพียงพอ เพื่อเราจะได้รับแสงสว่างและการดลใจจากพระเจ้า และเพื่อเราจะผ่านชีวิตในโลกนี้ไปอย่างราบรื่นจนบรรลุถึง สถานแห่งความบรมสุขในสวรรค์นิรันดร

                                                                                    พ่อสุพจน์



ความรักและความตาย
            พี่น้องที่รัก ลองถามตัวเราเองดูสิว่า เรามีชีวิตเพื่ออะไร? เรามีชีวิตเพื่อคนอื่น เพื่อคุณพ่อคุณแม่ เพื่อคุณปู่คุณย่า หรือคนที่เรารัก เรามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เก่งขึ้น เพื่อทำความเข้าใจโลกรอบตัวและคนรอบข้างให้มากขึ้น ใช่ไหม?
            เรามีชีวิตอยู่เพื่อเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เรื่องร้ายหรือดีล้วนเป็นครูที่สอนเราทั้งนั้น ในเมื่อแต่ละคนแตกต่างกันออกไป คำตอบก็ต้องแตกต่างกันออกไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามเราทุกคนควรตอบให้ได้ว่า “อยู่ไปทำไม”
“เด็กสาวชื่อริต้า กำลังจะตายด้วยโรคที่เคยเป็นกับน้องชาย แต่หายดีแล้ว แพทย์ผ่าตัดจึงบอกกับน้องชายว่า “มีทางเดียวที่จะช่วยชีวิตพี่สาวเขาไว้ได้คือ หมอต้องถ่ายเลือดของเธอให้พี่สาว เธอพร้อมที่จะให้เลือดของเธอกับพี่สาวมั้ย?” น้องชายแม้จะตกใจกลัวแต่ก็ตอบไปว่า “ได้ครับ หมอ” หลังจากถ่ายเลือดเสร็จ เขาจึงถามกับหมอว่า “หมอครับ แล้วผมจะตายเมื่อไรครับ?” ดังนั้นเองหมอจึงเข้าใจได้ในความกลัวของน้อง ที่คิดว่าต้องให้เลือดเขากับพี่สาวแล้วตายไป” นี่เป็นชีวิตเพื่อคนอื่นจริงๆ ความรักของเราคริสตชนเป็นความรักที่พร้อมจะตายได้แบบนี้มั้ย?”
ความรักแบบคริสตชนคือคำเดียวกับ “ความตาย” นี่แหละ ตายเพื่อผู้อื่นได้เหมือนที่พระคริสตเจ้าทรงกระทำเพื่อเรา
แต่เมื่อพูดถึงความตาย ทุกคนก็กลัว ไม่อยากพูดถึง และดูไกลตัวเกินไป เอาอย่างนี้แล้วกัน คำที่บอกความรักแบบคริสตชนและเป็นความตายด้วยเหมือนกันคือ“ให้อภัย”
ทุกคนมีเพื่อนทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ที่วัด หรือแม้แต่ในโลกออนไลน์ การกระทบกระทั่ง การไม่เข้าใจกันก็ย่อมเกิดขึ้นบ้าง แต่อย่าลืมคำจำกัดความสั้นๆ ของเพื่อนคือ “เพื่อนต้องเข้าใจเพื่อน” ถ้าไม่เข้าใจ อย่างน้อยก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ เราไม่ได้มีเพื่อนไว้สำหรับทะเลาะกันนะครับ เรามีไว้เพื่ออยู่ข้างๆ กันตอนที่ไม่มีคนเข้าใจเรามากกว่า
การให้อภัยจึงสำคัญมากในความสัมพันธ์ทุกประเภท มีคำเปรียบเทียบการให้อภัยที่น่าฟังไว้ว่า “การให้อภัยไม่ต่างอะไรกับกาววิเศษที่สามารถซ่อมแซมทุกชิ้นส่วนที่แตกจากกัน ผสานทุกรอยร้าวได้” แต่อย่าลืมนะ “รอยร้าวยิ่งทิ้งไว้นานยิ่งซ่อมให้เหมือนเดิมได้ยาก”
ดังนั้นหากในระหว่างเรา มีเพื่อนหรือคนที่เคยเป็นเพื่อน แล้วยังไม่เข้าใจ ยังไม่ให้อภัยกัน กลับไปพิจารณาดูนะครับว่า ความรักที่พระเยซูเจ้าสอนบทบัญญัติแก่เราวันนี้คือ “ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน” (ยน5:12) พระองค์อยากให้เรารักเหมือนพระองค์ อยากให้เราให้อภัย ไม่ต้องจดจำความผิด แต่จดจำในสิ่งดี รู้จักชื่นชมกัน พยายามทำความเข้าใจกัน เมื่อมีอะไรขัดเคืองกันบ้าง โกรธกันได้แต่อย่าให้นาน “อย่าให้ตะวันตกก่อนที่ท่านจะหายโกรธ” “เมื่อจะเข้ามาถวายเครื่องบูชานั้น หากยังนึกได้ว่ายังโกรธเคืองใครอยู่ ให้วางเครื่องบูชานั้น ไปขอโทษคืนดีกับเขา แล้วจึงกลับมาถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า”
ความรักแบบน้องชายของริต้า ที่ยอมตายเพื่อพี่สาวได้ การให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น และที่สุด การยอมสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้าเพื่อมนุษย์ น่าจะทำให้เราพบคำตอบได้ว่า “เรามีชีวิตอยู่ไปทำไม?”
                                                                        คุณพ่อปลัดองค์เล็ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น