สารวัดวันอาทิตย์ที่
31 มีนาคม2019
สัปดาห์ที่สี่ในเทศกาลมหาพรต
พี่น้องที่รัก...
เราเข้าสู่มหาพรตอย่างเข้มข้น
สีสันของเสื้อพระสงฆ์เป็นสีชมพูกุหลาบ
สื่อถึงความหมายการเตรียมจิตใจผ่านคึ่งทางแล้ว
การรอคอยด้วยความชื่นชมยินดีเป็นการเดินทางมหาพรตที่เปี่ยมล้นด้วยความหวังถึงการมีชีวิตใหม่
เหมือนงานเลี้ยงที่พระเป็นเจ้าจัดเตรียมรอคอยพวกเราทุกคนในวันอาทิตย์ปัสกา
เหมือนเรื่องเล่าในพระวรสารวันนี้ ลูกที่ผ่านชีวิตเก่าคือบาป บัดนี้ได้มีชีวิตใหม่
นำความชื่นชมมาสู่ชาวเราอีกครั้งหนึ่ง
ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ที่
5 เมษายน เวลา 17.00 น.จนถึงเย็นวันเสาร์ที่ 6 เมษายน เวลา 17.00 น. เป็นเวลา
24 ชั่วโมงเพื่อพระคริสตเจ้า “อาศัยพระคริสตเจ้า พร้อมกับพระคริสตเจ้า
และในพระคริสตเจ้า”ตื่นเฝ้า ณ วัดพระจิตเจ้า รพ.เซนต์หลุยส์ ใช้เวลาเพื่อ
“อยู่ที่นี่กับพระอาจารย์” เพื่อเข้าเงียบสร้างพลับพลาใจให้กับพระเยซูเจ้า
แต่ละชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์มีเพื่อนพี่น้องสามารถเปลี่ยนเวรยามเฝ้าศีลแบบส่วนตัวและกลุ่มเพื่อนหมู่คณะ
แต่จะไม่มีพิธีกรหรือการส่งเสียงรบกวนใด เว้นแต่ตอนทำวัตรและสวดสายประคำเท่านั้น
นอกจากนี้มีโปรดศีลอภัยบาปโดยสงฆ์แห่งเมตตาธรรมในคืนวันศุกร์ต้นเดือนที่วัดเซนต์หลุยส์
ตั้งแต่เวลา 19.00 จนถึง 21.00 น. พี่น้องสามารถเชิญชวนเพื่อนพี่น้องที่ห่างเหินไป
นำพามาเพื่อการคืนดีกับพระเจ้าและพระศาสนจักรในมหาพรตและปัสกาปีนี้
จะทำให้เราปฏิบัติกิจเมตตาทั้งฝ่ายการและจิตใจอย่างดี
พ่อขอเชิญชวนทุกคนจัดเวลาพิเศษเพื่อเตรียมตัวเดินหน้าเข้าสู่ปัสกาอย่างดี
ศุกร์ที่ 5 เมษายน 2019
17.00 น.
ตั้งศีลมหาสนิทที่วัดพระจิตเจ้า(เริ่มการตื่นเฝ้า 24 ชั่วโมง)
17.30 น.
มิสซาศุกร์ต้นเดือน พระแท่นใหญ่วัดเซนต์หลุยส์
18.00 น.
เดินรูป 14 ภาค วัดเซนต์หลุยส์
19.00 น.
วจนพิธีกรรมศีลอภัยบาป พระสงฆ์เมตตาธรรมฟังแก้บาปที่วัดเซนต์หลุยส์ถึงสามทุ่ม
(มีกลุ่มคณะสลับเฝ้าศีลสลับเปลี่ยนครั้งละ
1 ชั่วโมงตลอดคืน รักษาความเงียบและสงบ)
เสาร์ 6 เมษายน 2019
05.00 น.
ทำวัตรเช้าต่อหน้าศีลมหาสนิทวัดพระจิตเจ้า
06.00 น.
มิสซาประจำวัน พระแท่นใหญ่วัดเซนต์หลุยส์
(วัดพระจิตเจ้า
ยังคงทำการตื่นเฝ้าต่อไปจนถึงเวลา 17.00 น.)
10.00 น.
ทำวัตรสายต่อหน้าศีลมหาสนิทวัดพระจิตเจ้า
15.00 น.
ทำวัตรเย็นต่อหน้าศีลมหาสนิทวัดพระจิตเจ้า
16.00 น.
สวดสายประคำต่อหน้าศีลมหาสนิทวัดพระจิตเจ้า
17.00 น.
อวยพรศีลมหาสนิทปิดพิธีตื่นเฝ้า 24 ชั่วโมงวัดพระจิตเจ้า
17.30 น.
มิสซาประจำวันอาทิตย์ที่ 5 มหาพรตวัดเวนต์หลุยส์
พระเยซูเจ้าเชื้อเชิญ...อยู่กับพระองค์
“ที่นี่น่าอยู่จริงๆ....”
คุณพ่อชาญชัย ทิวไผ่งาม
ความรัก คือ
การให้ชีวิต และความยินดีที่ได้ให้ชีวิต (การให้อภัย)
ลูกชายคนเล็ก รู้สำนึกและคิดว่า
‘คนรับใช้ของพ่อฉันมีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ส่วนฉันอยู่ที่นี่หิวจะตายอยู่แล้วฉันจะกลับไปหาพ่อพูดกับพ่อว่า
‘พ่อครับลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกโปรดนับว่าลูกเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพ่อเถิด”
เขาก็กลับไปหาพ่อขณะที่เขายังอยู่ไกลพ่อมองเห็นเขารู้สึกสงสารจึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา.....พ่อพูดกับลูกชายคนพี่ว่า
“ลูกเอ๋ยลูกอยู่กับพ่อเสมอมาทุกสิ่งที่พ่อมีก็เป็นของลูกแต่จำเป็นต้องเลี้ยงฉลองและชื่นชมยินดีเพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีกหายไปแล้วได้พบกันอีก”'
(ลก 15:17-20,31-32)
มองดูผู้เป็นพ่อ
เราเห็นภาพความรักของพระบิดา
พ่อมองอยู่ตลอดเวลา พ่อตั้งใจเสมอไม่เคยลืมลูก
พ่อทุ่มเทและไม่ได้เพียงแค่ทำพอผ่านผ่าน
พ่อมองไปไกลไกลด้วยรู้ว่าจะต้องทุ่มเทเพื่อจะได้ลูกกลับมา เวลาพบแล้วพบลูกที่ผิดพลาดหนักมาก
ความรักมองข้ามความอ่อนแอ ความรักมีแต่มองดูลูกเห็นลูกกำลังเผชิญหน้ากับความเลวร้ายสิ้นหวังและเจ็บปวด
ความรักจึงผลักดันความเมตตาสงสารออกมา
ภาพของความรักเมตตาจึงแสดงอาการเข้าสวมกอดทำทุกอย่างเท่าที่สามารถเพื่อปลอบโยนดวงใจที่กำลังเจ็บปวดเจ็บช้ำ
ความรักของพ่อ
ยังส่งต่อให้กับลูกชายคนโต ส่งต่อชีวิตที่มีความสุขมีความหมายแท้จริง ให้กับลูกชายที่ตนรักไม่แพ้กัน
เพราะบางทีด้วยความไม่เข้า มองมุมอื่นๆที่ไม่เข้าใจมุมของพ่อ อาจเกิดอาการน้อยใจ
อาจคิดนึกว่าพ่อไม่รักตน รักตนน้อยกว่า รักอีกคนหนึ่งมากกว่า
“เพราะเห็นแก่เรา
พระเจ้าทรงทำให้พระองค์ผู้ไม่รู้จักบาปเป็นผู้รับบาป เพื่อว่าในพระองค์เราจะได้กลายเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า.....ทรงทำให้โลกคืนดีกับพระองค์ในองค์พระคริสตเจ้า
พระองค์มิได้ทรงเอาผิดกับมนุษย์
แต่ทรงมอบให้เราประกาศสารแห่งการคืนดีนี้”(เทียบ 2คร 5:19,20)
พ่อหวังให้ลูกชายทั้งสองมีความสุขแท้ที่แท้จริง สำหรับลูกชายคนเล็ก พ่อหวังให้ปล่อยวางความผิดพลาด
นำความพลาดและผิดที่มีนำมาใช้เป็นบทเรียนสำหรับชีวิตของตน
นำมาใช้เป็นบรรทัดฐานเพื่อจะได้เข้าใจเพื่อนพี่น้องคนอื่นที่ก็มีความบกพร่องพลาดผิดเช่นกัน
จะได้สามารถมอบความรักให้กัน อภัยกันได้
พ่อหวังให้ความรักของพ่อเป็นแบบชีวิตสำหรับลูกน้อย
สำหรับลูกชายคนโต
สุขแท้มิใช่อยู่แค่มีมากน้อยมีเท่าไหร่
แต่สุขแท้อยู่ที่ “ได้ให้ชีวิต...มีความชื่นชมยินดีที่ตนได้มีส่วนให้ชีวิตแก่คนอื่น”
เช่นกันพ่อหวังให้พี่ชายจะได้เดินตามแบบอย่างความรักเมตตา เมตตาด้วยใจกว้าง พ่อหวังให้ลูกชายจะได้มีความสุขที่แท้จริง
เป็นความสุขที่ได้จากการให้ ให้ชีวิตกับผู้คนรอบข้าง เป็นต้นคนในครอบครัวนั่นเอง.
นกขุนทอง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น