วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม 2016

พี่น้องที่รัก
            เราเข้ามาสู่เดือนตุลาคมแล้ว ตามธรรมประเพณีของพระศาสนจักรถือสืบเนื่องกันมาว่า เดือนตุลาคมคือเดือนของการสวดลูกประคำ ด้วยเหตุที่ว่า เราฉลองแม่พระแห่งลูกประคำในวันที่ 7 ตุลาคม ของทุกปี เพื่อถวายเกียรติแด่พระนางมารีย์ ด้วยความสำนึกรู้คุณในการที่พระนางปกปักพิทักษ์รักษาพระศาสนจักร ตามคำวอนขอโดยผ่านทางการสวดลูกประคำของหมู่มวลสัตบุรุษ ตามตำนานที่เล่าสืบขานต่อเนื่องกันมากล่าวว่า พระนางมารีย์ได้ประจักษ์มากับนักบุญดอมินิก ในปีค.. 1206 ภายหลังจากที่ท่านได้สวดภาวนาและทำการพลีกรรมอย่างหนัก เพราะท่านไม่ประสบผลสำเร็จในการต่อสู้กับพวกเฮเรติ๊ก อัลบีเจนเซียน พระนางมารีย์กล่าวชื่นชมท่านที่ได้ต่อสู้กับพวกเฮเรติ๊กอย่างกล้าหาญ พระนางยังมอบลูกประคำให้เป็นอาวุธทรงอานุภาพ และยังสอนให้รู้จักวิธีสวดสายประคำและกำชับกับท่านนักบุญให้เผยแผ่การสวดสายประคำนี้ให้แพร่หลาย

            ในเมื่อเนื้อหาในบทสวดลูกประคำมีกำเนิดมาจากทั้ง พระเจ้า จากพระคัมภีร์ และ จากพระศาสนจักรเองแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าการสวดลูกประคำจึงเป็นที่โปรดปรานของพระแม่มารีย์และมีพลังยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์ ถ้าเราหันไปพิจารณาดูว่ามีผู้คนมากมายที่ได้รับพระพรมากมายจากการสวดสายประคำ ในอดีตการสวดสายประคำทำให้คริสตชนได้รับชัยชนะ เช่นชัยชนะต่อพวกเฮเรติ๊ก อัลบีเจนเซียน ในการสงครามที่มูเรต์ ในปี ค.. 1213 และ ในสมัย พระสันตะปาปาปีโอที่ 5 การสวดสายประคำทำให้มีชัยนะต่อกองเรือพวกเตอร์กี ในวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม ค.. 1571 พระสันตะปาปาจึงสั่งให้มีพิธีรำลึกถึงเหตุการณ์วันนี้โดยจัดให้วันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคมเป็นวันฉลองแม่พระลูกประคำ ต่อมาภายหลังยังมีการศึกสงครามอีกหลายครั้งที่พระศาสนจักรยกถวายชัยชนะที่ได้มาว่าเป็นผลมาจากการสวดสายประคำ
            ในยุคปัจจุบัน เราไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับกองกำลังที่ยกพลเข้ามาบุกรุกเราคริสตชนด้วยกองทัพเหมือนกับในยุคกลางอีกแล้ว แต่เราต้องเผชิญกับอริศัตรูในรูปแบบใหม่ที่มาในรูปของความเจริญรุ่งเรือง นั่นคือ วัตถุนิยม บริโภคนิยม ฯลฯ ให้เราหันมาหาพระนางมารีย์ พระแม่ของชาวเรา และสวดลูกประคำวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระนาง นอกจากนี้ให้เราช่วยกันเผยแผ่การสวดสายประคำให้แพร่หลายไป เพราะนี่คืออาวุธแห่งคำภาวนาที่คอยช่วยปกปักพิทักษ์รักษาเราให้พ้นจากภัยอันตรายที่แฝงตัวมาในรูปแบบต่างๆนั่นเอง
            ตลอดเดือนตุลาคมนี้พ่อเชิญชวนพี่น้องได้ร่วมใจกันสวดสายประคำเป็นพิเศษตลอดเดือนนี้ ที่วัดของเราจัดให้มีพิธีตั้งศีลมหาสนิทและสวดสายประคำ รับพรศีลมหาสนิทตลอดเดือนนี้เวลา 1 ทุ่ม ระหว่างวันจันทร์ถึงวันศุกร์ นอกจากนี้ในวันที่ 31 ตุลาคมซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเดือน เราจัดให้มีพิธีแห่แม่พระรอบวัดพิธีจะเริ่มเวลา 1 ทุ่มเช่นกันครับ ดังนั้นพ่อจึงเชิญชวนพี่น้องได้สวดสายประคำและมาถวายเกียรติแด่แม่พระด้วยการมาร่วมแห่แม่พระในวันเวลาดังกล่าวครับ

พ่อสุพจน์
...............................................................................................................

สวัสดีครับพี่น้อง
            มีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด คืออะไร เป็นความเชื่อของพระเยซูที่จะเข้ามาแทนความเชื่อของเรา ความเชื่อดังกล่าว แม้ว่าเราจะมีเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำการฝ่ายวิญญาณได้มากมาย เนื่องจากว่าความเชื่อของมนุษย์มีเนื้อหนังที่ทำให้เสื่อมตกต่ำไปพร้อมกับความบริสุทธิ์ชอบธรรมและชีวิตที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ในตัวของเขา ความดีความชอบธรรมความบริสุทธิ์และความเชื่อจึงใช้ไม่ได้ เพราะเรายังคงมัวสงสัยข้องใจและไม่อาจรับการทำงานของฝ่ายวิญญาณที่ทำได้เท่าที่ควรจะเป็น พระเยซูจึงต้องเป็นทุกสิ่งในเราและแม้แต่ความเชื่อของเราก็ต้องถูกแทนที่ด้วย ใน กท 2:20 ข้าพเจ้าดำเนินชีวิตอยู่โดยความเชื่อของพระบุตร ไม่ใช่ "โดยความเชื่อในพระบุตร" (ต้นฉบับภาษากรีก) ข้อสังเกตแรกเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ เมื่อชีวิตเราเกิดการเผชิญการท้าทายเรื่องความเชื่อศรัทธา เรามักประเมินกำลังของตนเองก่อนอื่นหมด แล้วจึงได้รับรู้ถึงข้อจำกัดของตน ว่ามีกำลังไม่เพียงพอ คำกล่าวแรกของเขายืนยันความจริงโดยปราศจากความลังเลว่า ข้าพเจ้าเชื่อ ในช่วงเวลาที่เขาหวาดกลัว หรือสงสัย หรือว้าวุ่นใจต้องประสบมรสุมในชีวิตกับความทุกข์ชนิดแบบสิ้นหวัง หาทางออกไม่ได้ “จงยึดมั่นในสิ่งที่ท่านรู้อยู่แล้ว และยืนหยัดจนกว่าความรู้เพิ่มเติมจะมาถึง” ในพระเยซูเจ้า ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง พวกท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า “จงเคลื่อนจากที่นี่ไปที่โน่น” มันก็จะเคลื่อนไป และสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกท่านจะไม่มีเลย ขนาดของศรัทธาหรือระดับความรู้ของท่านไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นความซื่อตรงที่ท่านแสดงออกถึงศรัทธาที่ท่านมีอยู่และความจริงที่ท่านรู้อยู่แล้ว
            ข้อสังเกตที่สองคือสิ่งที่แปรผันมาจากข้อแรก เมื่อปัญหาเกิดขึ้นและมีคำถาม อย่าเริ่มต้นด้วยการพูดเกี่ยวกับความศรัทธาว่าท่านมีหรือไม่ มีมากเพียงใด ราวกับให้ ความไม่เชื่อของท่านเป็นตัวนำ และก็ไม่ได้ขอให้ท่านแสร้งมีศรัทธา ความเชื่อความศรัทธาขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง เป็นการแน่วแน่ต่อความเชื่อความศรัทธา เป็นการปฏิบัติราวกับว่าการประกาศตรงๆต่อสิ่งที่เชื่อนั้น ไม่ลังเลสงสัย เป็นการแสดงถึงความกล้าหาญทางศีลธรรมที่สูงส่งยิ่งกว่าความจริงที่ปรากฏเห็น ชีวิตที่มีความเชื่อความศรัทธาจึงเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความไม่สงสัย แต่ชัดแจ้งและเข้าถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างชัดเจน ชีวิตจึงเป็นงานศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังดำเนินอยู่พร้อมด้วยพระพรของพระตลอดเวลา ดังนั้นจงมีน้ำใจกับความเปราะบางของมนุษย์ทั้งของตัวท่านเองและคนที่รับใช้กับท่านในพระศาสนจักรซึ่งนำโดยชายและหญิงอาสาสมัครซึ่งเป็นมนุษย์คนไม่ดีพร้อม คือคนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงต้องทำงานด้วย นั่นจะคงเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดพระทัยไม่น้อย แต่พระองค์ทรงรับมือกับสภาพนี้ เราเองก็ควรทำเช่นนั้น และเมื่อท่านเห็นความไม่ดีพร้อม พึงระลึกว่าข้อจำกัดเช่นนั้น ไม่ได้ อยู่ที่ความศักดิ์สิทธิ์ของงานนี้ แต่อยู่ที่ความเชื่อความศรัทธา เจตนาแท้จริง ความอ่อนน้อมจริงใจที่ต้องการพระในการช่วยเหลือ ด้วยความตั้งใจเด็ดเดี่ยวโดยไม่ทำการหน้าซื่อใจคดและการหลอกลวงต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า แล้วนั้นพระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่งความช่วยเหลือมาจากสวรรค์ ลงมาเพื่อเสริมสร้างความเชื่อเรา ความเชื่อจึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่า ที่เราคริสตชนควรต้องรักษาไว้ เพราะเราเป็นเพียงผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ และต้องทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น ที่เหลือพระจะทรงจัดการเอง

คพ.พงษ์เกษม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น