วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สารวัดวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2013


พี่น้องที่รัก
ครั้งหนึ่งมีนักแสดงจำอวดคนหนึ่งออกเดินทางไปแสดงตลกตามหัวเมืองต่างๆสร้างความบันเทิงให้กับผู้คนด้วยการเต้นเป็นจังหวะท่าทางต่างๆเขามีความสามารถในการแสดงท่าทางในรูปแบบต่างๆได้อย่างเก่งกาจน่าทึ่งนอกจากนี้เขายังสามารถแสดงกลได้อย่างคล่องแคล่วผู้ชมต่างชื่นชมในความสามารถของเขาเป็นอย่างมากแต่แล้ววันหนึ่งเขาเกิดเบื่อหน่ายกับงานของเขา เขาจึงหันเหชีวิตมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกในอารามนักบวชแห่งหนึ่งเขาหวังว่าเขาจะใช้เวลาในชีวิตที่เหลือของเขาถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบกับการสวดภาวนาแต่เมื่อเวลาผ่านไปได้สักระยะหนึ่งวิธีการภาวนาแบบเงียบสงบเช่นนี้กลับทำให้จิตใจของเขาแห้งแล้งอย่างหนักเขาเกิดความเศร้าใจเป็นอย่างมาก
วันหนึ่งเมื่อเขาฝืนทนต่อสภาพเช่นนี้ไม่ไหวอีกต่อไปเขาจึงมุ่งเดินไปยังวัดหลังน้อยที่สร้างอยู่กลางป่าเขาเข้าไปในวัดและถอดเสื้อคลุมชุดนักบวชที่หนักอึ้งของเขาออกเหลือแต่เพียงชุดเสื้อชั้นในจากนั้นเขาเริ่มออกท่าทางต่างๆด้วยการเต้นหมุนตัวบิดตัวอย่างที่เขาเคยทำเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้คนเวลาที่เขาออกตระเวนแสดงไปตามหัวเมืองต่างๆแต่คราวนี้เขาถือว่านี่คือการถวายคำภาวนาของเขาแด่พระเจ้า
สิ่งที่เขาทำนี้ไม่เล็ดลอดสายตาของนักบวชอีกคนหนึ่งที่ติดตามเขาไปห่างๆ เมื่อเห็นพฤติกรรมแปลกๆที่เขากระทำนักบวชคนนั้นนำเรื่องนี้กลับมารายงานต่ออธิการของอารามด้วยความอับอายระคนกับความกลัว นักบวชผู้นี้ยืนต่อหน้าอธิการผู้เป็นผู้ใหญ่ของอารามกล่าวสารภาพว่า ท่านอธิการครับผมคงไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักบวชอีกต่อไปผมขาดคุณสมบัติที่เหมาะสมผมอยากจะลาออกจากสมาชิกของอารามแล้วกลับไปทำอาชีพเป็นนักแสดงจำอวดเหมือนเดิมผมคิดว่างานที่ผมควรทำคือการทำให้ผู้คนมีความสุข
อธิการได้ยินเช่นนั้นก็เอื้อมมือมาจับหัวไหล่ของเขาและจ้องมองตาของเขากล่าวว่า ลูกเอ๋ยลูกไม่ต้องไปไหนหรอกอยู่ที่นี่แหละและจงถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการสวดภาวนาผสมท่าทางของลูกต่อไปเพราะเวลาที่ลูกออกท่าออกทางก็เท่ากับว่าลูกมีสมาธิอยู่กับการภาวนาทั้งกายและใจซึ่งดีกว่าคำภาวนาที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากแต่ใจนั้นอยู่ห่างไกลลูกจงมุ่งมั่นภาวนาด้วยวิธีของลูกต่อไปเถิดคำภาวนาของลูกประเสริฐกว่าคำภาวนาของพวกเราเสียอีก
พี่น้องครับคำภาวนาไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงแบบเดียวเราสามารถประยุกต์สิ่งต่างๆที่เรามีความถนัดหรือทักษะที่พระเจ้าประทานให้กับเราถวายเป็นคำภาวนาแด่พระเจ้าได้เช่นกันขอเพียงให้เราทำออกมาด้วยใจที่รู้ตัวเสมอ
คุณพ่อ สุพจน์
.................................................................................................................
เราเชื่ออะไร
ทำไมจึงมีนักบวชในศาสนาคริสต์

ความยากจน ความบริสุทธิ์ และความนบนอบเชื่อฟัง เป็นคำแนะนำที่พระวรสารให้ไว้ เพื่อเลียนแบบอย่างพระเยซูเจ้า

พระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์ทรงปรารถนาความรักจากเราด้วย รูปแบบหนึ่งของการยอมจำนนด้วยความรักต่อพระเจ้าคือ การดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซูเจ้า ผู้ยากจน บริสุทธิ์ และนบนอบเชื่อฟัง ผู้ดำเนินชีวิตเช่นนี้ย่อมมีความคิด จิตใจ และมือที่เป็นอิสระ เพื่อพระเจ้า และเพื่อเพื่อนมนุษย์

ในทุกยุคสมัย มีคริสตชนที่พร้อมยอมมอบตนเองแด่พระเยซูเจ้าอย่างสิ้นเชิง เพราะเห็นแก่ “อาณาจักรสวรรค์” พวกเขายอมสละทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า รวมทั้งความสามารถพิเศษต่างๆ การทำตามใจตนเอง และความรักในการแต่งงาน เพื่อการดำเนินชีวิตตามคำแนะนำของพระวรสาร ถือความยากจน ความบริสุทธิ์ และการนบนอบเชื่อฟัง แสดงให้คริสตชนทุกคนเห็น และเป็นประจักษ์พยานว่า โลกนี้มิใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง หากแต่ “การได้พบกับเจ้าบ่าวผู้ทรงเป็นพระเจ้า” หรือการได้เปิดประตู คอยรับใช้นายที่กลับจากงานสมรส การได้อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์เท่านั้นที่ได้ทำให้บุคคลนั้นมีความสุขที่สุด 
“คนส่วนใหญ่คิดไม่ออกว่าหากเขาเพียงมอบตนเองให้พระเจ้าแล้ว พระองค์จะทรงกระทำสิ่งใดกับตัวเขา”
นักบุญอิกญาซีโอ แห่งโลโยลา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น