พี่น้องที่รัก
ครั้งหนึ่งมีนักแสดงจำอวดคนหนึ่งออกเดินทางไปแสดงตลกตามหัวเมืองต่างๆสร้างความบันเทิงให้กับผู้คนด้วยการเต้นเป็นจังหวะท่าทางต่างๆเขามีความสามารถในการแสดงท่าทางในรูปแบบต่างๆได้อย่างเก่งกาจน่าทึ่งนอกจากนี้เขายังสามารถแสดงกลได้อย่างคล่องแคล่วผู้ชมต่างชื่นชมในความสามารถของเขาเป็นอย่างมากแต่แล้ววันหนึ่งเขาเกิดเบื่อหน่ายกับงานของเขา
เขาจึงหันเหชีวิตมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกในอารามนักบวชแห่งหนึ่งเขาหวังว่าเขาจะใช้เวลาในชีวิตที่เหลือของเขาถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบกับการสวดภาวนาแต่เมื่อเวลาผ่านไปได้สักระยะหนึ่งวิธีการภาวนาแบบเงียบสงบเช่นนี้กลับทำให้จิตใจของเขาแห้งแล้งอย่างหนักเขาเกิดความเศร้าใจเป็นอย่างมาก
วันหนึ่งเมื่อเขาฝืนทนต่อสภาพเช่นนี้ไม่ไหวอีกต่อไปเขาจึงมุ่งเดินไปยังวัดหลังน้อยที่สร้างอยู่กลางป่าเขาเข้าไปในวัดและถอดเสื้อคลุมชุดนักบวชที่หนักอึ้งของเขาออกเหลือแต่เพียงชุดเสื้อชั้นในจากนั้นเขาเริ่มออกท่าทางต่างๆด้วยการเต้นหมุนตัวบิดตัวอย่างที่เขาเคยทำเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้คนเวลาที่เขาออกตระเวนแสดงไปตามหัวเมืองต่างๆแต่คราวนี้เขาถือว่านี่คือการถวายคำภาวนาของเขาแด่พระเจ้า
สิ่งที่เขาทำนี้ไม่เล็ดลอดสายตาของนักบวชอีกคนหนึ่งที่ติดตามเขาไปห่างๆ
เมื่อเห็นพฤติกรรมแปลกๆที่เขากระทำนักบวชคนนั้นนำเรื่องนี้กลับมารายงานต่ออธิการของอารามด้วยความอับอายระคนกับความกลัว
นักบวชผู้นี้ยืนต่อหน้าอธิการผู้เป็นผู้ใหญ่ของอารามกล่าวสารภาพว่า “ท่านอธิการครับผมคงไม่เหมาะสมที่จะเป็นนักบวชอีกต่อไปผมขาดคุณสมบัติที่เหมาะสมผมอยากจะลาออกจากสมาชิกของอารามแล้วกลับไปทำอาชีพเป็นนักแสดงจำอวดเหมือนเดิมผมคิดว่างานที่ผมควรทำคือการทำให้ผู้คนมีความสุข
อธิการได้ยินเช่นนั้นก็เอื้อมมือมาจับหัวไหล่ของเขาและจ้องมองตาของเขากล่าวว่า
“ลูกเอ๋ยลูกไม่ต้องไปไหนหรอกอยู่ที่นี่แหละและจงถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการสวดภาวนาผสมท่าทางของลูกต่อไปเพราะเวลาที่ลูกออกท่าออกทางก็เท่ากับว่าลูกมีสมาธิอยู่กับการภาวนาทั้งกายและใจซึ่งดีกว่าคำภาวนาที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากแต่ใจนั้นอยู่ห่างไกลลูกจงมุ่งมั่นภาวนาด้วยวิธีของลูกต่อไปเถิดคำภาวนาของลูกประเสริฐกว่าคำภาวนาของพวกเราเสียอีก”
พี่น้องครับคำภาวนาไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงแบบเดียวเราสามารถประยุกต์สิ่งต่างๆที่เรามีความถนัดหรือทักษะที่พระเจ้าประทานให้กับเราถวายเป็นคำภาวนาแด่พระเจ้าได้เช่นกันขอเพียงให้เราทำออกมาด้วยใจที่รู้ตัวเสมอ
คุณพ่อ สุพจน์
.................................................................................................................
เราเชื่ออะไร
ทำไมจึงมีนักบวชในศาสนาคริสต์
ความยากจน ความบริสุทธิ์ และความนบนอบเชื่อฟัง
เป็นคำแนะนำที่พระวรสารให้ไว้ เพื่อเลียนแบบอย่างพระเยซูเจ้า
พระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์ทรงปรารถนาความรักจากเราด้วย
รูปแบบหนึ่งของการยอมจำนนด้วยความรักต่อพระเจ้าคือ การดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซูเจ้า
ผู้ยากจน บริสุทธิ์ และนบนอบเชื่อฟัง ผู้ดำเนินชีวิตเช่นนี้ย่อมมีความคิด จิตใจ
และมือที่เป็นอิสระ เพื่อพระเจ้า และเพื่อเพื่อนมนุษย์
ในทุกยุคสมัย
มีคริสตชนที่พร้อมยอมมอบตนเองแด่พระเยซูเจ้าอย่างสิ้นเชิง เพราะเห็นแก่
“อาณาจักรสวรรค์” พวกเขายอมสละทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า รวมทั้งความสามารถพิเศษต่างๆ
การทำตามใจตนเอง และความรักในการแต่งงาน เพื่อการดำเนินชีวิตตามคำแนะนำของพระวรสาร
ถือความยากจน ความบริสุทธิ์ และการนบนอบเชื่อฟัง แสดงให้คริสตชนทุกคนเห็น
และเป็นประจักษ์พยานว่า โลกนี้มิใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง หากแต่ “การได้พบกับเจ้าบ่าวผู้ทรงเป็นพระเจ้า”
หรือการได้เปิดประตู คอยรับใช้นายที่กลับจากงานสมรส
การได้อยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์เท่านั้นที่ได้ทำให้บุคคลนั้นมีความสุขที่สุด
“คนส่วนใหญ่คิดไม่ออกว่าหากเขาเพียงมอบตนเองให้พระเจ้าแล้ว
พระองค์จะทรงกระทำสิ่งใดกับตัวเขา”
นักบุญอิกญาซีโอ แห่งโลโยลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น