สวัสดีครับพี่น้องที่รัก
วันนี้พ่ออยากพูดคุยกับพี่น้องเรื่อง "วิธีการง่ายๆในการสวดภาวนา" ในชีวิตคริสตชนของเรา
ทุกคนต่างเข้าใจดีว่า การภาวนาเป็นสิ่งที่สำคัญ และ
พ่อก็เชื่อว่าทุกคนตระหนักดีในประเด็นดังกล่าว
หลายคนกล่าวว่า เขารู้ว่าการสวดภาวนาเป็นสิ่งสำคัญ แต่
เขาไม่รู้จะภาวนาอย่างไรดี เพราะเขารู้สึกว่าการภาวนาเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน และ
ต้องใช้เวลามาก
ดังนั้น วันนี้พ่อจึงอยากจะพูดคุยกับพี่น้องในประเด็นนี้แหละครับ นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู
เคยเขียนบันทึกเกี่ยวกับเรื่องการภาวนาอย่างง่ายๆเอาไว้ว่า "สำหรับฉัน การภาวนาคือการยกจิตใจขึ้น เพียงแค่ยกสายตามองไปยังสวรรค์
พร้อมกับถ้อยคำที่แสดงความตระหนักรู้ ในความรัก
ที่โอบอุ้มความยากลำบากในชีวิตและความชื่นชมยินดีเอาไว้ภายใน"
ให้สังเกตดูนะครับว่า สำหรับท่านนักบุญเทเรซา ผู้ได้รับการขนานนามว่า
ดอกไม้น้อย นั้น สำหรับท่านแล้ว การภาวนาไม่ใช่เรื่องของความคิดที่เกิดขึ้นในสมอง
แต่เป็นเรื่องของหัวใจ ความรู้สึกในจิตใจที่ดำเนินอยู่ ในขณะใดขณะหนึ่ง
ที่เรายกจิตใจขึ้นหาพระเจ้า ดังนั้น อาจใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจเดียวในการภาวนา
เช่นในขณะที่เรากำลังเดินอยู่ หรือ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน หรือ
ในยามที่รถติดอยู่ที่ไฟแดง หัวใจของเรายกขึ้นไปหาพระเจ้า ซึ่งไม่ต้องอาศัยกระบวนการใดๆที่ซับซ้อน
ไม่ต้องฝึกหัดแบบฝึกหัดอะไรที่ยุ่งยาก คำภาวนาของเราอาจเป็นคำสั้นๆที่เรียบง่าย
เช่น "ขอบคุณ" หรือ "ช่วยด้วย" หรือ "อาแมน"
หรือ อากัปกิริยาที่ไม่ต้องเปล่งคำพูดออกมา เช่น "ยินดี" “ประทับใจ" หรือ
"เศร้าหมอง"
การยกสายตาขึ้นสู่สวรรค์นั้นก็เป็นเพียงเรื่องธรรมดาๆที่ไม่ซับซ้อน
คำว่าสวรรค์เป็นคำที่แสดงถึงเป้าหมายปลายทางของชีวิตมนุษย์
และคำนี้เองเป็นคำแรกที่นักบุญเทเรซาในยามที่เป็นเด็ก ฝึกอ่านเป็นครั้งแรก
พ่อของนักบุญเทเรซาสอนเธอถึงเมืองสวรรค์ด้วยการชี้ไปยังดวงดาวในท้องฟ้า
ต่อมาภายหลังในยามที่นักบุญเทเรซามีประสบการณ์ดีๆในชีวิต เธอก็มักจะกล่าวว่า
ในสวรรค์ก็จะเป็นเช่นนี้แหละ แต่ จะเป็นเรื่องดีๆที่ไม่มีวันหมด หรือ จบสิ้น
คำว่าสวรรค์จึงเป็นสถานะที่เติมเต็มให้กับความปรารถนาของมนุษย์ทุกคนที่อยากจะบรรลุถึงให้ได้
คำภาวนาที่นักบุญเทเรซากล่าวถึง คือ
การเปล่งเสียงออกมาสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ด้วยความรัก
อย่างตรงไปตรงมา เป็นถ้อยคำที่ซื่อตรง เพราะเราเชื่อว่า
พระจิตเจ้าคือผู้ดลใจให้เรากล่าวถ้อยคำเหล่านั้นออกมาอย่างซื่อตรงสอดคล้องกับความรู้สึกในขณะนั้นของเรา
ซึ่งแน่ละ คำภาวนาของเราจะเจือแฝงไว้ทั้ง เรื่องความยากลำบากในชีวิต
รวมไปถึงความชื่นชมยินดีที่บังเกิดขึ้นในชีวิตของเราด้วย
คำภาวนาของเราจึงกลั่นออกมาจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราในชีวิตประจำวันของเรานั่นเอง
เช่น เมื่อทำอะไรสำเร็จก็ยินดี เมื่อต้องพบกับเรื่องอุปสรรค ความยากลำบาก
ก็แสดงความ อ่อนใจ หรือ เมื่อเผชิญกับปัญหาซับซ้อนที่เข้ามาครอบงำ ก็ หนักใจ
เป็นต้น แต่บางครั้งคำภาวนาของเราอาจเกิดจาก ความรู้สึกแรงกล้าที่มีต่อ
พระพรมากมายที่พระเจ้าประทานให้กับเราในชีวิตของเราโดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดๆมารองรับก็ได้
เห็นไหมครับว่า วิธีการภาวนาของนักบุญเทเรซา แห่งพระกุมารเยซู
นั้นเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ และเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนใดๆ
ใช้เวลาเพียงแค่อึดใจ ก็ภาวนาได้แล้ว
พ่อสุพจน์
...................................................................................................................................................................
สิ่งเล็กน้อยของหญิงหม้ายยากจน
ครั้งหนึ่งมีขอทานคนหนึ่งมาพบคุณแม่เทเรซา กล่าวว่า
“ทุกคนได้ให้บางสิ่งกับซิสเตอร์ ผมเองก็ต้องการให้บางสิ่งด้วยเช่นกัน”
พร้อมกันได้มอบเหรียญสิบเปซาให้ คุณแม่เทเรซาจึงคิดว่า “ถ้าฉันรับเงินนี้
เขาอาจต้องหิวกลับไป แต่ถ้าฉันไม่รับ เขาคงไม่มีความสุขเป็นแน่” เธอจึงได้รับไว้
และกล่าวว่า “ฉันรู้แน่แก่ใจว่า ของขวัญนี้ยิ่งใหญ่กว่ารางวัลโนเบลอีก เพราะเขาได้ให้ทุกสิ่งที่มี
ฉันจึงได้เห็นประกายแห่งความสุขบนใบหน้าของขอทานนั้น”
พระวรสารวันนี้
พระเยซูเจ้าทรงนั่งอยู่ใกล้ตู้ถวายเงินสำหรับพระวิหาร
สังเกตเห็นคนรวยได้ถวายเงินจำนวนมาก
และได้เห็นหญิงหม้ายยากจนใส่เงินสองเหรียญลงไปด้วย พระองค์จึงทรงชี้สอนบรรดาศิษย์ทันทีว่า
“แม้ของถวายที่เธอให้จะเป็นเพียงเงินเหรียญเล็กๆ
แต่ก็สมควรได้รับคำสรรเสริญอย่างสูงสุดจากริมปากขององค์พระผู้ไถ่
1) พระเยซูเจ้าทรงแลเห็นถึงจิตสำนึกและในเวลาส่วนตัว
หญิงหม้ายยากจนคงจินตนาการได้ว่า
พระผู้ไถ่ทรงสังเกตเห็นเธอ ไม่เพียงเป็นคนยากจน แต่เป็นยาจกที่แร้นแค้นขัดสน
เครื่องแต่งกายและการแสดงตัวของเธอแสนธรรมดา
เงินเหรียญที่ถวายก็เทียบไม่ได้กับเงินถวายจำนวนมาก
ดวงตาทุกคู่ในพระวิหารคงจ้องไปที่คนร่ำรวยและเงินที่ถวาย แต่สำหรับเธอแล้ว
ไม่มีใครสนใจเลย
เมื่อคุณแม่เทเรซาอยู่ที่เมืองเบรุธ
คุณแม่ได้ไปยังโรงพยาบาลที่ถูกทิ้งระเบิด และได้พบกับเด็ก 55 คนซึ่งพิการไป
เธอได้นำเด็กๆ เหล่านั้นเข้าไปในคอนแวนต์ ที่นั่นขาดแคลนสิ่งจำเป็นเพื่อดูแลพวกเขา
เด็กๆ และเยาวชนบางคนได้เข้ามาช่วยเหลือ
ได้กลับไปบ้านเพื่อนำเสื้อผ้าของตนเองมาให้กับเด็กๆ ที่พิการ บางคนที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่
ด้วยความรักเผาผลาญก็จึงได้นำหมากฝรั่งที่เคี้ยวอยู่นั้นให้กับเด็กๆ พิการด้วย
สิ่งนี้เป็นความเมตตากรุณาอย่างแท้จริง
พระเจ้าทรงบันทึกทุกกิจการของเราทั้งที่เป็นความลับซ่อนเร้น
เราสังเกตและตัดสินด้วยจิตสำนึกอันน้อยนิดและด้วยเวลาส่วนตัวของเรา กษัตริย์ซาโลมอนกล่าวว่า
“พระเนตรของพระเจ้าเห็นทุกสิ่ง ทรงมองเห็นทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี” (สภษ 15:3)
2) พระเยซูเจ้าทรงชื่นชมในของขวัญที่เรามอบให้
พระเยซูเจ้าชมเชยในของถวายของหญิงหม้าย
ด้วยเงินเหรียญเล็กๆ แต่ให้ความสำคัญกว่าเงินมากมายจากกระเป๋าคนร่ำรวย สิ่งที่พระเยซูเจ้าเห็นไม่ใช่สิ่งที่ถวาย
แต่เห็นสิ่งที่เธอเก็บไว้เพื่อตนเอง หญิงหม้ายไม่เหลือสิ่งใดสำหรับตนเองเลย
ขณะที่คนร่ำรวยซึ่งให้มากกว่า แต่พวกเขาก็เหลือสำหรับตัวเองมากกว่าด้วย
พวกเขาให้จากสิ่งที่เขามีอยู่มากมาย ขณะที่หญิงหม้ายให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี
เธอรู้ตัวว่าเงินเหรียญเล็กๆ
ของเธอนั้นต้องเป็นที่รับรู้และชื่นชมจากพระผู้เป็นเจ้าของเธอว่าเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดของวันนั้น
โลกนี้มักมองเพียงแค่จำนวน แต่พระเจ้ามองลึกถึงแรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำ
จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพระเยซูเจ้าทรงเตือนไม่ให้เราตัดสินผู้อื่น คนแรกจะกลับเป็นคนสุดท้าย
ส่วนคนสุดท้ายจะเป็นคนแรกในพระอาณาจักรพระเจ้า
บางคนมายังเมืองกัลกัตตาเพื่อพบพบคุณแม่เทเรซา
และก่อนจากกันก็มักถามเธอว่า
“โปรดบอกสิ่งที่จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตให้ดีขึ้นด้วยเถิด”
คุณแม่ก็จะตอบว่า
“จงยิ้มให้กับทุกคน ยิ้มให้ภรรยา สามี ยิ้มให้ลูกๆ
ไม่สำคัญหรอกว่าเขาคนนั้นเป็นใคร
ขอเพียงยิ้มให้เขาก็จะช่วยให้คุณเติบโตขึ้นในความรักต่อเพื่อนพี่น้องแล้ว”
และได้มีผู้หนึ่งถามคุณแม่ว่า “ท่านเคยแต่งงานหรือเปล่า?” เธอตอบไปว่า “เคยสิ! และบางครั้งฉันก็พบว่ายากที่จะยิ้มให้กับพระเยซูเจ้าคู่ของฉัน
เพราะเขาเรียกร้องมากมายจริงๆ”
พระเยซูเจ้าผู้เอาใจใส่ที่จะชื่นชมเหรียญเล็กๆ
ของหญิงหม้ายยากจน
พระองค์ชื่นชมในความเจ็บปวดและการเสียสละที่พวกเราได้ให้กับครอบครัว
กับพระศาสนจักร กับวัด และกับสังคมเสมอ
3) พระเยซูเจ้าทรงให้รางวัลความวางใจของเรา
หญิงหม้ายยากจนได้มอบถวายทุกสิ่งที่มีให้กับพระวิหาร
เธอเองต้องการอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่พักพิง เมื่อเป็นเช่นนี้
เราคงคิดต่อไปว่าเธอจะเอาอะไรกินในมื้อต่อไป สถานการณ์เช่นนี้ เธอต้องการเงิน
แต่กลับให้ทั้งหมดกับพระเจ้า เธอรู้ว่าคนอื่นคงไม่สนใจเธอหรอกว่าจะเป็นอย่างไร
แต่พระเจ้าทรงสนใจเธอ เธอจึงได้นำสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตนี้มามอบให้กับพระเจ้า
นั่นคือ เรื่องการเงิน เธอกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า
ลูกได้มอบถวายทั้งหมดที่มีให้พระองค์แล้ว บัดนี้โปรดดูแลลูกด้วย
ลูกไม่เหลืออะไรแล้ว” เธอได้มอบความวางใจทั้งหมดให้พระเจ้า
เธอได้ออกไปจากพระวิหารนั้นแบบหมดตัว
แต่พระพรมากมายของพระเจ้าได้ติดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง เหรียญเงินเล็กๆ
สองเหรียญของเธอนั้น เธออาจลืมได้ แต่พระเจ้าทรงจดจำไว้แม้กระทั่งทุกวันนี้
และทำให้ความวางใจและสิ่งที่เธอทำนี้ได้กลายเป็นรูปแบบให้กับเราทุกคน
พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งใครเลยที่วางใจในพระองค์
ทรงตอบแทนทุกคนที่ให้ด้วยใจยินดี พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงให้แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่านท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น5 เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา
พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย” (ลก 6:38) จงภาวนาต่อพระเยซูเจ้าให้เราสามารถให้มากกว่าที่เราจะได้รับในชีวิตนี้
คุณพ่อปลัดองค์เล็ก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น